แม้จะมีอุทาหรณ์เรื่องหน้าพัง นมเน่า และเสียชีวิตจากการฉีดสารฟิลเลอร์ต้องห้ามปรากฏให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสะพรึงกลัวของผู้หญิงอยากสวยลดน้อยลงเลย ล่าสุด เหยื่อฟิลเลอร์ปลอมได้ออกมาขอความช่วยเหลืออีกราย
เป็นกรณีของพริตตี้สาวร้องขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณา หลังฉีดฟิลเลอร์ เสริมหน้าอก และฉีดหน้ากับคลินิกเถื่อน บนคอนโดฯ ย่านลาดพร้าว เสียค่าความสวยไป 1 แสนบาทเพื่อหวังให้บุคลิกดีขึ้นต่อยอดการทำงาน แต่ฉีดได้ 3 เดือน ปรากฏว่านมเน่าทั้ง 2 ข้าง มีแผลเหวอะที่หน้าอก น้ำหนองไหลตลอด ส่วนหน้าตาก็บูดเบี้ยว เจ็บปวดตลอดเวลา สุดท้ายต้องผ่าตัดขูดเนื้อที่เน่าออกถึง 4 ครั้ง หมดค่ารักษาไป 2 แสนกว่าบาท แพทย์ชี้เป็นสารปลอม ไม่สามารถเอาออกได้หมด ต้องผ่าตัดรักษาตามอาการ
"ทุกวันนี้ชีวิตเหมือนตกนรกทั้ง เป็น ผิดที่ตัดสินใจไปทำหน้าอกกับหมอเถื่อน จึงขอฝากเป็นอุทาหรณ์ถึงผู้หญิงทุกคน ก่อนทำศัลยกรรมอะไรต้องศึกษาให้ดี จะได้ไม่เป็นอย่างตนเอง" น.ส.แป้ง นามสมมุติ กล่าว
ของถูกและดี ไม่มีอยู่จริง!
จากการสอบถามแหล่งข่าวซึ่งเป็นคุณหมอผู้มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์มาอย่างยาวนาน ให้ข้อมูลด้วยว่า สารต้องห้ามเหล่านี้เป็นฟิลเลอร์ห่วย เกรดต่ำจากยุโรปตะวันออก ซึ่งมีสารที่เป็นอันตราย ซึ่งไม่ใช่สารที่ได้การรับรองจากองค์การอาหารและยา เป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่ใช่สารตัวเดียวกับที่ร่างกายเรามี จึงเกิดพังพืดได้มาก และเพิ่มอัตราการเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง และภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อตัวเองได้ด้วย
ปัจจุบันในเมืองไทยนำฟิลเลอร์ตัวนี้มาฉีดนม ฉีดสะโพกกันเยอะมาก ทั้งที่เป็นหมอ และไม่ใช่หมอ เนื่องจากราคาถูก ลักษณะจะเป็นถุงใหญ่ๆ เลยนะ ปริมาณ 50 ซีซี ก็ดูดจากถุงมาฉีด ราคาถูกมากจึงนิยมนำมาฉีดในบริเวณที่ต้องใช้ปริมาณเยอะ เช่น หน้าอก สะโพก ต้นทุนตกซีซีละแค่ 100 บาทเอง ดูดมา 1 ซีซี ก็นำมาฉีดหน้า จมูกได้ สามารถชาร์ทเงินคนไข้ได้ แต่ในขณะที่ฟิลเลอร์จากไฮยาลูรอนิค แอซิด ที่เป็นสารปลอดภัย ราคาซีซีละหมื่น หากฉีดในบริเวณที่ต้องใช้ปริมาณเยอะเช่นหน้าอก สะโพก ก็สูญเงินหลายแสน คนส่วนใหญ่จึงหันไปพึ่งฟิลเลอร์ปลอมราคาถูกกัน
“ยาพวกนี้จะมาจากยุโรปตะวันออก ยูเครน ทางยุโรปตะวันตก อเมริกา อเมริกา บราซิล ก็เจอปัญหานี้เยอะ ฉีดแล้วเดี้ยง ฉีดแล้วตาย
แหล่งข่าวหมอ บอก ผู้จัดการ Live อีกว่า ฟิลเลอร์พวกนี้ หรือที่เรียกว่าเป็น ซิลิโคนเหลว มันไม่ต่างอะไรจากกาวกระจกบ้านเรา
“หากฟิลเลอร์เกรดต่ำพวกนี้อุดตรงอวัยวะ ซวยหนักเข้ากระแสเลือด คิดดูซิว่า ปกติฉีดฟิลเลอร์ตรงจมูก ใช้นิดเดียว แต่ถ้ามาฉีดหน้าอก 250 ซีซี เท่ากับน้ำครึ่งขวดนะครับ บาง case ฟิลเลอร์อุดเส้นเลือดสมอง กลายเป็นเจ้าหญิงนินทา บาง case ไหลเข้ากระแสเลือด 4 นาทีตายเลย เห็นในข่าวบ่อยๆ”
หมอเถื่อน หมอกระเป๋า หมอมโนเกลื่อนเมือง
ส่วนฟิลเลอร์เถื่อนก็จะมาในรูปแบบของเซลล์ขายยาตามคลินิกอ้างสารพัดว่าของจริง แต่พอขอใบ อย.กลับไม่มีให้ แหล่งข่าวหมอ บอกต่อว่า
“ผมก็เจอ มีพวกขายยามาขายกับผม บอกคลินิคแถวรังสิต รัชดา ซื้อไปฉีดให้คนไข้ทั้งนั้น ผมบอกขอใบ อย. เค้าก็อ้างโน่นนี่ คือ ไม่ยอมให้ ผมเคลือบแคลงใจแน่นอน แกล้งถามบอกจะทำข่าวโปรโมท เค้าบอกทำในคลินิคเงียบๆ ดีกว่า ซึ่งผมไม่เอาด้วยหรอก ยาอะไรไม่ขอ อย. ไม่ถูกกฎหมาย”
และเมื่อขายหมอจริงมีจรรยาบรรณไม่ได้ เซลล์ก็ไปขายคนที่กล้า
“เป็นหมอจริงๆ ไม่กล้าหรอกครับ มีจรรยาบรรณ ในเมื่อพวกนี้ขายหมอไม่ได้ ก็ไปขายคนที่กล้า”
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า คนที่กล้า ก็คือพวกหมอเถื่อน หมอนโน หรือที่เรียกว่าหมอกระเป๋า แม้แต่พยาบาล ผู้ช่วยเพียงเห็นคุณหมอฉีดฟิลเลอร์ให้คนไข้บ่อยๆก็จำมาฉีดบ้าง หรือแม้แต่สัตวแพทย์ก็ยังผันตัวมาฉีดเช่นกัน บ้างก็เป็นเซลล์ขายยามาฉีดซะเอง นัดกันไปฉีดตามรถตู้ คอนโด นัดแนะในที่ลับตา
แน่นอนคนที่ยอมฉีด ก็อยากสวย แต่ไม่อยากเสียเงินเยอะ เลยยอมทำแบบราคาถูก ซึ่งผลที่ตามมาคือฝันร้ายไปทั้งชีวิต
นอกจากนี้ การฉีดสารเข้าร่างกายไม่ใช่คิดจะซี้ซั๊วฉีด เข็มจิ้มบริเวณใดก็จิ้มฉีดได้ ต้องเป็นแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
“ขนาดคุณแม่คัดนมหน่อยก็ติดเชื้อแล้ว นี่มาฉีดนม คนฉีดไม่เป็น ไม่รู้กล้ามเนื้อ ไม่รู้เส้นเลือดจริง ฉีดไม่ถูกต้องก็ติดเชื้อได้ อักเสบปั๊บ แบคทีเรียก็วิ่งเข้าไป ติดเชื้อซ้ำ คือ ถึงแก้นะครับ มาขูดออก ขูดเท่าไรก็ไม่หมดหรอกครับ เพราะมันแทรกซึมไปแล้ว เสีย 2,000 ต้องมาแก้ 200,000 แถมออกมาไม่เหมือนเดิมอีก” คุณหมอแหล่งข่าว กล่าว
แม้หมอจริงฉีดก็ยังเสี่ยง ถ้าไม่ใช่หมอผิวหนังเชี่ยวชาญจริง
“จริงๆแล้วแพทย์ที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ควรจะเป็นแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง แต่ปัจจุบันที่ฉีดกันอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้จบเฉพาะทางผิวหนัง” น.พ.รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ให้ข้อมูล
“หรือหากแพทย์ผู้นั้นไม่ได้จบทางผิวหนัง แต่ก็จำเป็นต้องผ่านการอบรม มีประสบการณ์การฉีดมายาวนาน แต่ค่อนข้างดูได้ยาก เพราะจะพิสูจน์อย่างไร ผ่านการอบรมและฝึกฝนมาอย่างดีหรือไม่
ปัจจุบันนี้มีการจัดอบรมสอนฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์กันเยอะ ปัญหาคือเรียนแค่ระยะสั้นเพียง 1 - 2 วันเท่านั้น จึงค่อนข้างเสี่ยง ในขณะที่หมอเฉพาะทางผิวหนังนั้นหลังจากเรียนหมอ 6 ปีแล้ว ต้องเรียนต่อเฉพาะทางผิวหนังอีก 5 ปี รวมแล้ว 11 ปี
และทุกครั้งที่มีการอบรมสอน ปรากฏว่าหลังอบรมไปแล้วจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น หมอที่อบรมไปฉีดแล้วมีเจอปัญหาสูงมากเพราะว่า เพราะหลังจากเรียนไปก็ไปลองวิชา จึงเกิดปัญหา
อยากฝากคนที่คิดจะไปฉีดฟิลเลอร์ให้คำนึง 2 ปัจจัยหลัก 1.สารที่ใช้ฉีดต้องปลอดภัย ผ่าน อย. 2.แพทย์ ผู้ที่ทำการฉีดเรา ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ด้านนี้จริงไหม เราสืบข้อมูลก่อนได้ มีผลงาน ประสบการณ์อย่างไรบ้าง เพื่อความมั่นใจ
นอกจากนี้ ต้องดูสถานประกอบการ จดทะเบียนอย่างถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่ยกกระเป๋ามาฉีดตามบ้านตามคอนโด หรือไปฉีดในรถตู้ ที่เป็นข่าวให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
และแม้จะเป็นคลินิค ก็ต้องระวังคลินิคเถื่อนเช่นกัน ต้องดูป้ายชื่อติดข้างหน้าอันดับแรกเลย ว่าเป็นคลินิคเวชกรรม พร้อมเลขที่ใบอนุญาต มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ข้างในคลินิคต้องมีแพทย์จริง แขวนป้าย มีใบ วอ.ของหมอ หรือยังไม่แน่ใจก็สามารถที่จะเอาชื่อคลินิค หรือชื่อหมอ รวมทั้งใบที่ขออนุญาตไปตรวจสอบที่กระทรวงสาธารณสุขได้ว่า เป็นใบอนุญาตปลอมหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ เป็นตัวรีเช็กอันหนึ่ง ส่วนชื่อหมอก็สามารถค้นหาทางเว็บไซต์ของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยได้”
ทว่า หากมีข้อสงสัย หรือพบสถานพยาบาลและหมอเถื่อน สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่เว็บไซต์ สารวัตรสถานพยาบาลออนไลน์ (http://www.mrd.go.th/mrdonline2014) หรือแจ้งกับทางสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
มาสร้างแรงบันดาลใจไปด้วยกัน!!ตัวอย่างงานในเซ็กชั่นทั้งหมด>>>...
Posted by ASTV ผู้จัดการ Live on Friday, August 21, 2015
รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ผู้จัดการ Live"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754
