xs
xsm
sm
md
lg

“น้องฟิวส์” ขนมใส่ไส้ยอดกตัญญู 600 ห่อ 20 นาที เกลี้ยง! [ชมคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ขนมใส่ไส้ 600 ห่อ ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที "น้องฟิวส์" เด็กยอดกตัญญูขายขนมช่วยเหลือครอบครัว เผยเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยถ้าไม่ช่วยครอบครัวก็อยู่ไม่ได้ อีกทั้ง รู้สึกตกใจที่ถูกแชร์รูปในโลกออนไลน์ พร้อมกับกล่าวขอบคุณพลังโซเชียลฯ ที่ทำให้ขายขนมหมดได้อย่างรวดเร็ว!
 
 
20 นาที 600 ห่อ!

จากที่เป็นเด็กติดเกม เล่นสนุกไปวันๆ แต่เมื่อครอบครัวลำบากก็ถึงคราวที่ต้องช่วยเหลือ “น้องฟิวส์” หรือ ด.ช.ชาคร เติมบริรักษ์ นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนเทพศิรินทร์ เด็กยอดกตัญญูยืนขายขนมใส่ไส้หลังเลิกเรียนเป็นประจำทุกเย็น บริเวณฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ ท่าพระ เพื่อหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว เรื่องดังกล่าวของเด็กยอดกตัญญูผู้นี้ ถูกนำเสนอและส่งต่อไปอย่างรวดเร็วผ่านเฟซบุ๊ก “นักเกรียน เทพศิรินทร์” เมื่อผู้คนได้รับรู้เรื่องราวต่างชื่นชมในความเป็นเด็กดีและความกตัญญูของน้องฟิวส์ จนกลายเป็นพ่อค้าขนมใส่ไส้ที่โด่งดังที่สุดในขณะนี้

ด้วยเหตุนี้เองทางทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live จึงได้ลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์ที่บริเวณดังกล่าว ช่วงเวลา 17.00- 18.00 น. พบน้องฟิวส์กับพี่สาวเดินถือถุงขนมใส่ไส้มาเต็ม 2 มือ อย่างพะรุงพะรัง และตลอดเวลาที่ยืนขายขนมอยู่นั้น มีผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ความสนใจแวะอุดหนุนและขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง ยังมีลูกค้ามารุมล้อมเข้ามาซื้อขนมกันเป็นจำนวนมาก บ้างก็ไม่ได้ซื้อขนมแต่ให้เป็นทุนการศึกษาแทน บ้างก็ซื้อขนมเป็นเงิน 20 บาท แต่ให้ทุนการศึกษาถึง 3,000 บาทด้วยกัน บางรายเมื่อซื้อขนมเสร็จแล้วก็ขอถ่ายรูปคู่กับน้องฟิวส์




จากการพูดคุยน้องฟิวส์เล่าว่าขายขนมมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว เนื่องจากฐานะทางครอบครัวอยู่ในขั้นที่ลำบาก น้องฟิวส์กล่าวว่า ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยกันภายในครอบครัว เพราะถ้าไม่ช่วยแบ่งเบาก็ไม่สามารถอยู่ได้

“ขายมา 4 ปี แล้วครับ ขายตั้งแต่อยู่ ป. 5 ครับ เป็นขนมของเพื่อนแม่รู้จักกันนานแล้วแล้วก็เลยขอรับไปขายเคยได้ยินนานแล้วว่าขนมเขาอร่อย ก็เห็นแม่เขาลำบาก ก็เลยอยากจะช่วยด้วย แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของผมด้วย ตอนแรกแม่บังคับแล้วก็ชินแล้วครับเลยต้องมาเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วย ถ้าไม่ช่วยก็อยู่ไม่ได้ครับ เพราะครอบครัวลำบาก แต่ตอนนี้ก็สบายดีขึ้น ฐานะทางบ้านก็ดีขึ้นเพราะขายของดีขึ้น ก็จะขายต่อไปเรื่อยๆ ต้องหาเงินเรื่อยๆ เพราะว่ายังไงถ้าได้เงินมาเดี๋ยวก็ต้องใช้หมด”
 
ภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที น้องฟิวส์และพี่สาวสามารถขายขนมใส่ไส้จำนวน 600 ห่อ ได้หมดอย่างรวดเร็ว น้องฟิวส์เล่าต่ออีกว่าตั้งแต่เป็นข่าวชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมาก คนรู้จักเยอะขึ้น และรู้สึกดีใจมากที่ขายขนมหมดเร็วขึ้น

“เพื่อนก็ทักเยอะขึ้น แล้วก็ทำให้ขายดีขึ้นด้วย นักข่าวแห่กันมาเยอะมาก ช่วงนี้ก็อยู่ไม่สุขเลยครับ ต้องไปนู่นไปนี่ตลอดเวลา ก็รู้สึกดีครับ แล้วก็ต้องขอบคุณด้วยที่ช่วยอุดหนุนที่เป็นสื่อให้ด้วยทำให้ผมขายดีมากขึ้น ยังได้รับการช่วยเหลือจากหลายๆ ฝ่าย ทั้งทางเครือข่ายผู้ปกครอง แล้วก็ทางผู้อำนวยการ แล้วก็คนที่โรงเรียนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง”




ด้วยความที่เป็นเด็กขยัน และมีความกตัญญูสูง ไม่แปลกที่ผู้คนเห็นความเป็นเด็กดีของน้องฟิวส์ จึงถ่ายภาพและแชร์รูปของน้องเต็มทั่วโลกโซเชียลฯ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ให้สังคมได้รับรู้

“ตกใจครับ ก็รู้สึกดีใจแต่ก็โมโหอยู่นิดหนึ่งว่าเอารูปเราไปลงแล้วไม่บอกก่อนทำให้ที่โรงเรียนปั่นป่วนไปหมดเลย เพื่อนก็ล้อกันใหญ่เลยเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วตอนนี้ ก่อนที่เป็นข่าวก็ขายนานพอสมควรครับกว่าจะหมด แต่ก่อน 300 ห่อประมาณเป็นชั่วโมงครึ่งกว่าจะหมด ตอนนี้ 600 ห่อไม่ถึง 20 นาทีก็หมดแล้ว ส่วนเงินที่ได้ก็ให้แม่ แล้วก็แบ่งเป็นค่าไปโรงเรียนด้วย แล้วก็อาจจะเป็นค่าพิเศษเอาไว้กินขนม”



ทางด้าน “น้องเฟิร์น” หรือ นางสาว ชาลิสา ปรีดา พี่สาวของน้องฟิวส์ที่มาช่วยขายขนม เล่าเพิ่มเติมว่า ฐานะทางครอบครัวไม่ถึงขั้นลำบากมาก แต่ด้วยความที่ค่าใช้จ่ายเยอะ เลยทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกันขายของ เพราะถ้าขายอยู่ที่เดียวได้เงินมาก็ไม่พอใช้
“ที่บ้านค่าใช้จ่ายเยอะและแม่เป็นเสาหลักของครอบครัวค่ะ หาเงินคนเดียว เมื่อก่อนลูกสามคนยังทำงานไม่ได้ เลยต้องมาขายของทุกคน พี่สาวคนโตตอนนี้จบ ม.6 แล้วไปทำงานพาร์ตไทม์ถึงสิ้นเดือนแบ่งเงินมาช่วยแม่ ถามว่าที่บ้านลำบากไหมก็ไม่ถึงกับมาก แค่ค่าใช้จ่ายมากเฉยๆ และมีหนี้สินด้วย ค่าไปโรงเรียนได้คนละ 100 บาท วันหนึ่งแม่ต้องเตรียมไว้ให้ 300 บาท พอเป็นแบบนี้เลยต้องช่วยกันขายของ แบ่งกันขายของแต่ละพื้นที่ ถ้าขายอยู่ที่เดียวมันก็ได้กำไรนิดเดียวไม่พอ”

ส่วนคุณแม่ของน้องฟิวส์ หรือ นางสาว ทัศนีย์ เติมบริรักษ์ เล่ารายละเอียดจากจุดเริ่มต้นในการขายขนมของน้องฟิวส์ให้ฟังว่า เป็นเพราะน้องฟิวส์เป็นเด็กติดเกมอย่างมากเลยหาทางให้ช่วยเหลืองานทางบ้าน เพื่อเป็นการดึงตัวให้ออกมาจากร้านเกม

“น้องเขาขายตั้งแต่ ป.5 ตั้งแต่เด็กๆ เลย แต่ก่อนเขาเล่นเกมเขาอยู่กับเกมเยอะ แล้วแต่ก่อนเราจะไม่ใช้งานเขาเลย เราก็ขายขนมแล้วลูกสาวก็จะเป็นคนช่วย พอช่วงหลังน้องฟิวส์ติดเกมมากเลยก็เลยคิดว่าจะทำยังไงดีว่าจะถึงเขาออกมาจากร้านเกม ก็เลยหาวิธีว่าเหมือนแรกๆ ก็บังคับเขาค่ะให้มาขายของ พอเขาขายไปขายไปเขาก็งี่เง่าตามประสาเด็ก พอขายไปขายมาตอนนี้เลยกลายเป็นหน้าที่ของเขาไปแล้วเป็นความรับผิดชอบของเขา”






ขณะนี้ฐานะของครอบครัวถือว่าค่อนข้างดีขึ้น จากปกติขายขนมใส่ไส้อยู่ที่ 300 ห่อต่อวัน ทว่า ตอนนี้เพิ่มขึ้นถึง 700 ห่อ และยังได้รับการช่วยเหลือจากหลายๆ ฝ่าย อย่างสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ที่ช่วยเหลือทางด้านทุนการศึกษาและทุนอาหารกลางวันให้น้องฟิวส์จนจบชั้น ม. 6

ภูมิใจกับน้อง ที่ทำให้ทุกคนเอ็นดูเมตตา แล้วก็ฐานะทางการเงินก็เริ่มดีขึ้น ณ ตอนนี้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าถ้าข่าวมันเงียบไปจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมหรือเปล่า แต่ก่อนมันก็ไม่ถึงกับลำบากค่ะ แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี รายรับเราน้อยกว่ารายจ่าย มันก็เลยจะเป็นอะไรที่ว่ามันไม่บาลานซ์กัน ตอนนี้ดีขึ้นค่ะ ยอดขายจากปกติวันละเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ก็ขายได้ดีขึ้นมาก ปกติที่น้องฟิวส์จะเอาไปขายวันละ 300 ห่อ แต่ตอนนี้วันหนึ่งก็ 700 ห่อ

ส่วนทางสมาคมศิษย์เก่าเขาก็จะมาช่วยทุนการศึกษาส่งให้เรียนถึง ม.6 แล้วก็จะมีทุนอาหารกลางวัน แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้รับอะไร เพราะตอนนี้เขากำลังดำเนินการอยู่ และก็มีคนบริจาคที่โรงเรียนเป็นจำนวนเงิน 23,000 บาท อันนี้ทางโรงเรียนจะเป็นคนจัดการเอง เปิดบัญชีให้น้อง น้องจะใช้เกี่ยวกับการศึกษา ก็ให้น้องมาเป็นคนดำเนินเรื่องเบิกเอา คือทางโรงเรียนจะเป็นคนเก็บเงินตัวนี้ที่คนบริจาคเข้าบัญชีของน้อง แล้วก็จะดูแลให้ค่ะ”
 
เสียงสะท้อนจากความกตัญญู!

เสียงสะท้อนความกตัญญูของน้องฟิวส์จากปากคนรอบข้าง อย่างร้านค้าที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง พ่อค้า แม่ค้าต่างตอบกลับมาเป็นเสียงเดียวกันว่า น้องฟิวส์เป็นเด็กดี และนับถือความกตัญญู ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนของทุกวันจะเห็นน้องฟิวส์หอบถุงขนมใส่ไส้ซ้อนท้ายวินมอเตอร์ไซค์มาขายที่นี่เป็นประจำ
“เป็นที่ของเทศกิจ แต่พี่เป็นคนดูแล ในกรณีพิเศษของน้องพี่ให้เขาขายไปเลย ขายฟรีไม่เคยเก็บเงินเลย น้องเขาจะมากี่โมงก็ได้ แต่น้องจะมา 5 โมงกว่าๆ หลังเลิกเรียนแล้วน้องจะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาทุกวัน ก่อนจะมีข่าวก็ขายปกตินะ คนก็ซื้อไม่เยอะแบบนี้ แต่น้องเขาก็ขายได้เรื่อยๆ แต่ถ้าน้องขายไม่หมดก็จะข้ามไปขายฝั่งนู้น บางทีน้องเขาถือขนมพี่เห็นก็สงสารเขาไง เราก็ไม่เคยไล่หรืออะไรเขานะ ก็สงสารเด็ก เราก็เอาโต๊ะไปให้บอกให้เอาของมาวางที่โต๊ะป้าได้ น้องก็ไม่เอาไม่ตอบรับ



พี่ก็ตกใจเห็นมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ก็เพิ่งรู้ว่ามีคนถ่ายรูปน้องเขาไปลงในเฟซบุ๊ก น้องเป็นคนไม่ค่อยพูดไม่คุยกับใครเลย ก็มายืนขายของของเขาอย่างเดียว แต่พอมีนักข่าวมาก็ค่อยเห็นรอยยิ้มเขาหน่อยเหมือนมีกำลังใจค่ะ เคยอุดหนุนขนมน้องเขาอร่อยมาก ถือว่าใช้ได้ระดับหนึ่งเพราะว่าเด็กรุ่นนี้ต้องไปเล่นเกม แต่เขาไม่เล่นเกม มองว่าเป็นเด็กกตัญญู ขยัน ช่วยแม่ทำงาน” คำบอกเล่าจากร้านขายของข้างๆ ที่ไม่ประสงค์ออกนาม
ทางด้านพ่อค้าขายของกิ๊ฟต์ช็อป ก็บอกเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า เห็นน้องฟิวส์มาขายของที่นี่เป็นประจำทุกเย็น เขามองน้องฟิวส์เป็นเด็กขยัน เพราะถ้ามองเด็กที่รุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว ส่วนมากก็ใช้เวลาว่างที่เหลือหมดไปกับการเล่นเกม
“น้องมาประมาณ 5 โมง ครับ จะนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาแบกขนมมาคนเดียว น้องก็ไม่นั่ง ไม่วางของ ของก็จะเต็มไม้เต็มมือ ประมาณ 6 โมงก็ไม่ค่อยเห็นแล้ว เพราะเขาจะเดินไปฝั่งนู้น เพราะตรงนี้จะมีคนมาขายของ จะมายืนสักพัก ประมาณชั่วโมงกว่าแล้วเขาก็ไป



ส่วนมากจะมีพี่เขาให้เก้าอี้นั่งก็ไม่ค่อยนั่ง จะยืนแบบนี้ตลอดเลย บางทีเห็นนิ้วเป็นรอยแดงๆ หมดเลย เพราะเขาถือไม่วาง ถือพะรุงพะรัง ผมมองก็ว่าขยันนะ ขยันมาก ส่วนมากถ้าวัยนี้เลิกเรียนก็จะไปเล่นเกมเมื่อก่อนยังไม่เป็นข่าวนานๆ ก็จะขายได้ที พอเป็นข่าวคนมุงทุกวัน ของก็จะหมดเร็วขึ้น ก็ดีครับเด็ก ส่งเสริมเด็ก”

พลังโซเชียลฯ แห่ช่วยเหลือ

ต้องขอขอบคุณพลังโซเชียลมีเดีย ที่แชร์เรื่องราวดีๆ ของเด็กชายยอดกตัญญู เพราะหากไม่มีสื่อโซเชียลมีเดียน้องฟิวส์ที่ทำความดีช่วยแม่ขายขนมอยู่ทุกวัน ก็คงไม่ได้ถูกเผยแพร่ และน้องฟิวส์เด็กยอดกตัญญูก็คงไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างล้นหลาม เฉกเช่นทุกวันนี้

เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่และส่งถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตและผู้คนที่ผ่านไปมาในละแวกนั้น กล่าวชื่นชมถึงความกตัญญูและรู้จักแบ่งเบาภาระของครอบครัว ไม่เว้นแม้แต่นักร้องหนุ่ม “บอย พีชเมกเกอร์” อดีตรุ่นพี่จากโรงเรียนเดียวกัน ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาเเกรมส่วนตัว ชื่นชมน้องฟิวส์บอกอยากขอกราบหัวใจน้องด้วยเช่นกัน




“ตอนผมเรียนอยู่ ร ร.เทพศิรินทร์ ผมยอมรับว่าชีวิตความเป็นอยู่เข้าขั้นลำบาก แต่แม่ผมก็พยายามทำให้ผมมีเหมือนคนอื่นจะได้ไม่อายเพื่อน กว่าจะได้ตอบแทนบุญคุณแม่ก็อายุ 22 ปี แต่รุ่นน้องผมคนนี้ไม่อายที่จะยืนขายของช่วยแม่ น้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ตั้งแต่อายุเท่านี้ ม.2เอง บอกตามตรงพี่กราบหัวใจน้อง น้องขายอยู่ตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระแบบนี้ ถือแบบพะรุงพะรังแบบนี้ เพราะวางขายไม่ได้

รุ่นพี่นักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ครับ ใครพอจะลืมตาอ้าปากได้แล้ว ไปอุดหนุนน้องเขากันครับ อาจารย์ครับ และผู้ปกครองครับนักเรียนแบบนี้ควรเชิดชูกว่านักเรียนที่เป็นดารานักร้องครับ ควรให้เด็กนักเรียนและลูกๆของท่านเอาเป็นเยี่ยงอย่างครับ #เขียวเหลืองของเราไม่มาเราจะดูหน้ากันได้อย่างไร”




เรื่องราวของน้องฟิวส์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ในสังคม ที่ทำให้เห็นความมีน้ำใจ ความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ที่ไม่มีวันทิ้งกัน ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ทั้งรุ่นพี่ ศิษย์เก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ ที่ดำเนินการขอทุนอาหารกลางวัน และให้ทุนการศึกษาทุกเทอม เทอมละ 10,000 บาท จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หรือแม้แต่ผู้คนที่ผ่านไปมาในละแวกนั้น ต่างก็อุดหนุนซื้อขนมใส่ไส้กันเป็นจำนวนมาก บ้างก็ให้เงินเกินราคา หรือเหมาขนมหลายร้อยห่อเพื่อให้น้องฟิวส์ได้มีทุนการศึกษา และต่างก็ชื่นชม เอ็นดู และทึ่งในความเป็นเด็กดีของน้องฟิวส์ที่ยอมเสียสละความสนุกในแต่ละวัน เพื่อมาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของครอบครัว



ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive




รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น