xs
xsm
sm
md
lg

โรฮีนจาแผลงฤทธิ์ ภาระที่ไทยควรแบกรับ!!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ชาวโรฮีนจาทุบที่พักทำลายข้าวของประท้วง หลังถูกห้ามเอาของกินมาเข้าเรือนนอน สะท้อนให้เห็นว่านี่อาจเป็นปัญหาที่คนโลกสวยอยากให้ช่วย แต่กลับเป็นภาระของประเทศชาติ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้วคงต้องมามองกันเสียใหม่ ว่าประเทศไทยควรจะก้าวเท้าแก้ไขปัญหานี้ หรือควรตัดใจจากการช่วยเหลือชาวโรฮีนจาจะได้ไม่เป็นภาระ?

 
 
วิจารณ์เดือด ได้คืบจะเอาศอก!

จากกรณีชาวโรฮีนจาที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี เกือบ 100 คน ได้ก่อเหตุรวมตัวประท้วงปิดไฟ พร้อมทั้งทุบทำลายประตูหน้าต่างของเรือนนอน เหตุไม่พอใจเอาอาหารเข้าไปกินในเรือนนอนไม่ได้ พร้อมยังเรียกร้องขอเดินทางไปยังประเทศที่ 3 โดยระบุว่า จะไปประเทศมาเลเซีย ไม่ขอไปสหรัฐอเมริกา




เมื่อเหตุการณ์ชุลมุนดังกล่าวขึ้น พล.ต.ต.อภิชาต บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้นำชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน เข้าตรวจค้นเรือนนอนเพื่อหาอาวุธ หรือสิ่งของที่จะสามารถใช้ก่อเหตุได้ และจากการตรวจค้นพบก้อนหินขนาดเล็กถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกจำนวนมาก คาดว่าชาวโรฮีนจาเตรียมการไว้ทุบทำลายกระจกและปาใส่เจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ยังพบอาหารแห้งจำพวกบะหมี่และอื่นๆ จำนวนมากที่ถูกนำไปซุกซ่อนไว้ในเรือนนอนซึ่งผิดกฎข้อห้ามนำอาหารเข้าไป ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำลวดหนามมาปิดล้อมตัวอาคาร และเพิ่มแสงไฟส่องสว่างรอบตัวอาคาร รวมถึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่จำนวน 30 นาย ดูแลป้องกันเหตุกลุ่มโรฮีนจาหลบหนีออกจากเรือนนอน






เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ตามมามากมาย ระบุว่าเป็นปัญหา และเป็นภาระของประเทศ ที่ให้ความช่วยเหลือแต่กลับถูกเนรคุณเสียเอง โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่เป็นไปในทางเดียวกันคือไม่ควรที่จะให้ความช่วยเหลือเพราะกำลังจะทำประเทศชาติลำบาก

“โรฮีนจายาพิษในขวดคุณธรรม รับเลี้ยงไว้ทำให้ไทยลำบากมากกว่าที่จะให้คำว่า สิทธิมนุษยชนเมื่อช่วยเขาแต่เราลำบากแล้วอยากจะช่วยทำไม แค่กลุ่มน้อยแค่นี้ยังมีปัญหาถ้าเข้าตั้งค่ายแล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น โรฮีนจาเหมือนยาพิษในขวดคุณธรรม เมื่อออกฤทธิ์พิษมันร้ายแรง ทางที่ดีถ้าเอาหนีได้นำออกไปเถอะ มันอยู่ที่ไหนก็ให้ไปประเทศไทยจะไม่ต้องนั่งระวังหยิบขวดยาพิษมากินครับ”

“เป็นไง แค่นี้แค่เริ่มต้น เดียวก็รู้กัน จัดหามาสำรองเยอะๆ เลยที่พักพิง คงวุ่นวายกันใหญ่ พวกชาวบ้านที่อาศัยใกล้ที่พักพิงเคยถามไหม ว่าเขาต้องการอะไร”

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีความเห็นบางส่วน กล่าวว่าอยากให้กลุ่มชาวโรฮีนจาพวกนี้ออกไปจากประเทศไทยโดยเร็ว “แล้วจะเก็บมันไว้ทำขยะทำไม พวกนี้ทำอะไรไม่เป็นนอกจากอ้าปากรอกิน”

“ส่งไปประเทศที่ 3 ตามคำขอเถอะพวกนี้เอะอะก็ประท้วงทำลายข้าวของ ไม่แปลกหรอกที่พม่าไม่อยากให้มันอยู่ในประเทศเพราะชอบประท้วงเผาบ้านจนเดือดร้อนกันเอง”

“ได้คืบจะเอาศอก ขี้เกียจแต่อยากสบาย แถมเนรคุณอีก เข้าใจแล้วว่าทำไมพม่าไม่อยากเก็บไว้”

หรือบางรายถึงกับให้ความคิดเห็นในเชิงที่ว่าการที่ช่วยเหลือชาวโรฮีนจาถือเป็นการเอาเงินภาษีของพวกเขาไปช่วยเหลือเป็นการสิ้นเปลือง และหากใครกล่าวว่าต้องคำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษย์ก็ให้นำไปไว้ประเทศของตนแทน

“ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลถึงเอาพวกมันมาเลี้ยงให้เปลืองข้าวนํ้าและเงินภาษีของพวกเรา ไม่ต้องไปสนใจพวกต่างชาติที่มาตำหนิ พวกที่เรียกร้องความเป็นสิทธิมนุษย์บอกให้เอาไปไว้ประเทศของพวกมันเลย เห็นไหมคนอังกฤษมันเป็นคนขนคนพวกนี้เข้าไปพม่าพอมีปัญหาไม่เห็นมันเสนอหน้ารับไปอยู่ประเทศพวกมันเลย”

 
 
พฤติกรรมนี้เกิดจากความเครียด!

จากประเด็นข้างต้นนี้ “ดร.จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร” อาจารย์ประจำภาควิชาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ได้วิเคราะห์พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของชาวโรฮีนจา ผ่านทางทีมข่าวASTV ผู้จัดการLive ว่ากรณีนี้ถือเป็นปัญหาที่ปลายเหตุ และการที่พวกเขาแสดงปฏิกิริยาแบบนี้ออกมา เป็นเพราะพวกเขาเกิดความเครียด

“เราต้องดูว่าสิ่งที่ออกมาเช่นนี้มันเกิดจากสาเหตุอะไร คือตรงนี้มันเป็นเรื่องของสิ่งที่เป็นคิดว่าเป็นปลายทาง การที่เขาทำลายข้าวของ เราต้องตรวจสอบข่าวด้วยว่าข่าวที่ออกมามันจริงเท็จแค่ไหน แล้วก็มีเบื้องหลังยังไง ถ้าเราดูเฉพาะปรากฏการณ์ที่ออกมาเราก็จะเห็นว่าอย่างที่ว่าเนี้ยแหละ ว่าช่วยแล้วยังมาทำลายข้าวของอีก”




ชาวโรฮีนจาอพยพเข้ามาในประเทศไทยราวๆ 6 ปีที่แล้ว จนปัจจุบันนี้ถูกเปิดเผยว่ามีกระบวนการค้ามนุษย์เข้ามา ทำให้ถูกจับเขาไว้ในห้องกักที่ ตม. (ด่านตรวจคนเข้าเมือง) ซึ่งมันก็มีปริมาณที่เยอะขึ้นทำให้รับไม่ไหว

“โรฮีนจาเขาอพยพเข้ามาในประเทศไทยละลอกใหญ่มาตั้งแต่ปี 2552 แล้วนะครับ มาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปี 2557-2558 ข้อมูลมันก็ถูกเปิดเผยว่ามีกระบวนการค้ามนุษย์เข้ามา เอาเขาไปกักส่งต่อเรียกค่าไถ่อะไรทำนองนี้นะครับ คนที่เขามาก่อนหน้านี้ เขาถูกข้อหาเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ซึ่งมันทำให้ทางตรวจคนเข้าเมืองใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองปี 2522 ไปจับเขา

แต่เมื่อถูกจับแล้วเขาไม่มีเอกสารอะไรเลย ก็เลยไปใช้กฎหมายกล่าวหาว่า เข้าเมืองผิดกฎหมายแล้วก็จับเขาไว้ในห้องกักที่ ตม. ซึ่งมันก็มีปริมาณที่เยอะขึ้นๆ ทำให้ทาง ตม. รับไม่ไหว ก็ไปขอความร่วมมือการทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์นะครับ

ให้เอาแม่และเด็กไปอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวของกระทรวงการพัฒนาสังคมกระจายออกไป จริงๆ แล้วตามหลักในการเอาคนไปกักไว้ควรใช้ พ.ร.บ. ของตรวจคนเข้าเมืองเขาจะต้องมีการสอบสวน ส่งฟ้อง และถ้าหากเขายอมรับว่าเขาเข้ามาแบบผิดกฎหมายจริง ก็ต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง”




ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทาง ตม. ต้องแบกรับชาวโรฮีนจามาเป็นเวลานาน เพราะพม่าเองก็ไม่ยอมรับผู้คนเหล่านี้เลยส่งกลับไปไม่ได้ ทำให้พวกเขาเกิดความเครียดเลยแสดงปฏิกิริยาแบบนี้ออกมา

“กรณีของโรฮีนจามันส่งกลับไม่ได้ เพราะว่าประเทศต้นทางเขาอยู่พม่าทางตอนทางติดกับบังกลาเทศ เขาก็ไม่ยอมรับคนกลุ่มนี้ว่าเป็นคนพม่า มันส่งกลับไม่ได้มันก็เลยกลายเป็นปัญหา ตม. ก็ต้องแบกรับคนเหล่านี้ไว้เป็นเวลานานมาก มันก็เลยทำให้เกิดความเครียด เพราะชาวโรฮีนจาเขาก็เหมือนคนไม่มีอนาคต ว่าเขาจะได้ออกจากห้องกักไปเมื่อไหร่ เพราะว่าปัญหาอยู่ที่พม่าด้วยที่ไม่ยอมรับ

เขาเองก็ไม่ได้อยากกลับพม่าหรอก เขาอยากจะไปมาเลเซีย แต่มาเลเซียเขาก็ไม่อยากรับเหมือนกัน ไม่นโยบายที่จะรับคนอพยพที่เข้ามาแบบนี้ มันกลายเป็นว่าประเทศไทยเลยต้องมาแบกรับคนกลุ่มนี้ไว้ แล้วก็ยังไม่มีทางออกนะครับว่าจะทำยังไง มันทำให้คนที่อยู่ในห้องกักเกิดความเครียด พอเครียดก็ไม่รู้จะทำยังไงก็แสดงออกโดยการระบายแบบนี้ครับ”

เพราะฉะนั้น อาจจะเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ที่เห็นอาจจะไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของพวกเขาก็เป็นได้ แต่เพราะเกิดจากความเครียดที่ไม่รู้ว่าอนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้

“ปรากฏการณ์ที่เราเห็นมันมีที่มาที่ไปครับ มันไม่ใช่เกิดจากลักษณะนิสัยประจำชาติ เราลองนึกถึงว่าถ้าคนไทยเราไปถูกกักขังในที่ใดที่หนึ่งซึ่งไม่ใช่ประเทศไทยเรา แล้วไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง เราก็อาจจะมีพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกัน ไม่อยากจะให้ไปมองลึกว่าคนโรฮีนจานิสัยแย่มาก ทั้งๆ ที่ดูแลแล้วยังไม่พอใจมาทำลายข้าวของ คิดว่ามันเป็นการมองปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า”




ปัญของชาวโรฮีนจามีความซับซ้อนอยู่มาก อาจจะมีการแทรกตัวของกลุ่มนายหน้าหรือล่าม ที่อาจจะเกิดการยุยงให้พวกเขาก่อเหตุชุลมุนในครั้งนี้ก็เป็นได้

“ปัญหาโรฮีนจามีความซับซ้อน อันนี้ต้องดูให้ดีการที่พวกเขาทลายห้องกักออกมา มันเป็นเพราะการยุยงจากคนนอกซึ่งอยู่ในกระบวนการค้ามนุษย์ที่แฝงตัวอยู่มาในรูปแบบของล่ามด้วยหรือเปล่า เพราะว่าจริงๆ เขาอยู่ตรงนั้นเขาไม่รู้จักประเทศไทยนะเขาไม่ต้องการเข้ามาประเทศไทย เพียงแต่ว่ามีกระบวนการนำพาผ่านช่องทางของประเทศไทย

การที่เขาจะหนีออกไป หนีมันไม่รู้จะไปไหนเพราะไม่รู้จัก ผมมีความเชื่อว่าการที่เขาหนีหรือการที่เขาทลายออกมา มันมีกระบวนการค้ามนุษย์เข้าไปยุยงหรือว่าไปให้ข้อมูลว่าออกมาสิเดี๋ยวจะไปช่วยให้ไปมาเลเซียอะไรแบบนี้ การที่เขาอยู่นานๆ แล้วมีคนมาให้ความหวังเขาเขาก็จะหลงเชื่อได้ง่ายๆ ซึ่งกระบวนการแบบนี้เริ่มมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว”

เหตุที่อาจารย์ประจำภาควิชาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม มองภาพรวมออกมาในลักษณะเช่นนี้นั้น เป็นเพราะเขาเคยสัมภาษณ์ทั้งเหยื่อและคนที่ถูกจำแนกตัวในสถานคุ้มครอง ดังนั้น จึงอยากให้ตรวจสอบดูว่าแบบเป็นแบบนี้จริงหรือไม่

“ผมทำวิจัยอยู่เรื่องการค้ามนุษย์ของประเทศไทยกับความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้าน โรฮีนจาก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ผมไปสัมภาษณ์ทั้งเหยื่อ และคนที่ถูกจำแนกตัวในสถานคุ้มครองของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มันมีกลุ่มที่แฝงตัวอยู่และกลุ่มที่เชื่อมโยงกับภายนอกและยุยงคนที่อยู่ข้างในให้หนีออกมาเพื่อที่จะเอาคนกลุ่มนี้ไปขายต่อหรือไปส่งต่อ

ผมคิดว่าเป็นสมมุติฐานที่น่าจะลองตรวจสอบดูว่ามันเป็นแบบนี้หรือเปล่า เพราะการที่เขาทลายออกมา เขาก็ไม่รู้จะไปไหนไม่รู้จักเส้นทาง มันต้องมีคนอยู่เบื้องหลังคอยชักจูงพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ประเด็นของผมอย่าไปกล่าวหาคนโรฮีนจาว่าเป็นคนที่กบฏ สิ่งที่เราเห็นมันเป็นเรื่องปลายเหตุ”

ภาระของประเทศไทย!?

จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนจำนวนมากต่อว่าการช่วยเหลือและให้ที่พักพิงกับชาวโรฮีนจานั้นถือว่าเป็นภาระของประเทศ ไหนจะค่าจัดสรรงบประมาณค่าอาหารในแต่ละวัน ดังนั้น จึงควรรีบหาทางออกให้ได้เร็วที่สุด เพราะนี่มันไม่ใช่ปัญหาของคนกลุ่มหนึ่งแต่มันเป็นปัญหาระดับโลกไปเสียแล้ว

“มันเป็นอยู่แล้ว เพราะการที่ไปจับเขามาโดยมีข้อกล่าวหาว่าเข้าเมืองผิดกฎหมายแล้วประเทศต้นทางก็ไม่รับกลับ จะส่งต่อไปปลายทางก็ไม่รับเหมือนกัน มันกลายเป็นว่าเราก็ต้องแบกคนกลุ่มนี้ไว้ อันนี้มันก็เป็นภาระแน่ๆ เท่าที่ทราบข้อมูลกระทรวง พม. ต้องจัดสรรงบประมาณเป็นค่าอาหารต่อหัว 57 บาท ต้อวัน อาหาร 3 มื้อ มันไม่เยอะหรอก แต่ลองคูณไปด้วยจำนวนคนและจำนวนปีที่เขาต้องอยู่มันก็เป็นงบประมาณมหาศาลอันนี้เป็นภาระแน่ๆ

ดังนั้น คือต้องรีบหาทางออก ตอนนี้ก็มีการประชุมที่มาเลเซียอีกประมาณสัปดาห์หนึ่ง อันนั้นก็เป็นมาตรการอันหนึ่งที่เป็นความร่วมมือระดับอาเซียน ต้องรีบคุยเลย ประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีอย่างเช่น อาเมริกา หรือทางยุโรปก็ต้องเข้ามาช่วยครับ เพราะปัญหาโรฮีนจามันเป็นปัญหาระดับโลก ไม่ใช่แค่ปัญหาของคนกลุ่มหนึ่ง”




ด้วยการที่มาตรการตรงนี้ค่อนข้างที่จะอ่อน ดังนั้น การป้องกันคือต้องเข้มงวดในการตรวจสอบคัดแยกบุคคลให้ดี ว่ามีการแทรกตัวของกระบวนการค้ามนุษย์หรือไม่

“สมมุติฐานคิดว่ามันเกิดกระบวนการที่ยุยงหรือมีการแทรกเข้าไปแน่นอน เพราะฉะนั้น ต้องมีการตรวจคัดแยกให้ดี คนที่กระทรวง พม. กักไว้ ว่ามันมีการแทรกเข้ามาของกระบวนการค้ามนุษย์หรือเปล่า หรือว่ามีคนที่ไปเยี่ยมที่เป็นชาวโรฮีนจาด้วยกันเองที่เข้าไปแล้วไปชักชวน อันนี้ต้องเข้มงวดมากขึ้นนะ ผมคิดว่ามันหละหลวมมาก เนื่องจากว่ากระทรวง พม. เขาไม่ต้องการให้สถานคุ้มครองมีห้องกัก มีรั้วกั้น แต่อีกด้านหนึ่งมันทำให้มาตรการในการดูแลมันหละหลวมก็อาจจะเกิดการแทรกตัวเข้ามา ป้องกันตรงนี้ไว้ก่อนในเบื้องต้น”




ทางด้านรัฐบาลเอง ก็ต้องหาทางช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ให้ได้โดยเร็ว เพราะหากมองในระยะยาวเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับอาเซียนด้วยเช่นกัน

“ต่อไปก็เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาลแล้ว ว่าจะทำยังไงให้ในการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ให้ได้ไปในประเทศที่เขาอยากจะไปจริงๆ เพราะฉะนั้น ก็ต้องมีการประสานงาน การประชุม ประสานความร่วมมือเพราะเป็นอาเซียนมันมีอะไรที่เราต้องทำร่วมกันอยู่เยอะแยะเลย อันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง”

อาจารย์ประจำภาควิชาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม กล่าวทิ้งท้ายว่า เราแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองไม่ได้ต้องประสานงานกับประเทศมหาอำนาจที่มีอิทธิพลต้นประเทศและประเทศปลายทาง อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องของมนุษยธรรม

“อีกทางหนึ่งก็คือกระบวนการค้ามนุษย์ที่ไปหลอกมา อันนี้ก็ต้องจัดการ ประเทศต้นทางก็ต้องจัดการให้เด็ดขาด เราคือทางผ่านพอผ่านมาตรงนี้แล้วเราก็เป็นภาระอย่างที่ว่ามา เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะแก้ปัญหาตรงนี้ เราต้องแก้ด้วยตัวเองไม่ได้หรอก เราต้องประสานกับประเทศต้นทาง ประสานกับปลายทางที่เขาอยากจะไป รวมทั้งประสานกับประเทศมหาอำนาจที่มีอิทธิพลต้นประเทศและประเทศปลายทาง ว่าให้ผ่อนคลายและรับคนกลุ่มนี้ไป มันเป็นเรื่องของมนุษยธรรมนะครับ ที่เขาก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่จะต้องดูแลกัน”

ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น