สุราษฎร์ธานี - ผู้การตำรวจสุราษฎร์ฯ สั่งตั้งชุดขยายผลเบอร์โทรศัพท์กว่า 100 เบอร์ที่ค้นพบจากโรฮีนจาในบ้านศรีสุราษฎร์ เพื่อดำเนินการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ ด้าน ผอ.บ้านศรีสุราษฎร์ เผยมีขบวนการค้ามนุษย์อยู่เบื้องหลังการหลบหนีของโรฮีนจาญา ล่าสุด รมว.การพัฒนาสังคมฯ สั่งล้อมคอกความปลอดภัยบ้านศรีสุราษฎร์ พร้อมให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ความคืบหน้ากรณีกลุ่มโรฮีนจา ผู้หญิง และเด็ก 94 คน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) ม.1 ตำบลขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รวมตัวประท้วงโดยใช้ก้อนหินทุบทำลายกระจกหน้าต่างเรือนนอน เหตุไม่พอใจขอเอาอาหารไปรับประทานในเรือนนอนไม่ได้ พร้อมเรียกร้องขอไปประเทศที่ 3 โดยระบุขอไปประเทศมาเลเซีย ไม่ไปประเทศสหรัฐอเมริกา เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่ได้นำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องไปแล้วนั้น
วันนี้ (3 มิ.ย.) พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผลจากการตรวจค้นเรือนนอนโรฮีนจาในบ้านศรีสุราษฎร์ พบโทรศัพท์ และซิมโทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง เสบียงอาหาร ใบเลื่อยตัดเหล็ก จำนวน 2 ใบ และก้อนหินขนาดต่างๆ จำนวนมาก พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นเบอร์ไทย และต่างชาติกว่า 100 เบอร์ ล่าสุ ตนได้สั่งแต่งตั้ง พ.ต.อ.ภรศักดิ์ นวลหนู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนรับผิดชอบดำเนินการขยายผลเบอร์โทรศัพท์ทั้งหมดว่ามีการเชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ หากพบพร้อมดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ถึงแม้ว่า พ.ต.อ.เชาวลิตร เลี้ยงสุพงศ์ ผกก.สภ.ขุนทะเล เจ้าของพื้นที่จะรายงานมาว่าในเบื้องต้นยังไม่พบการค้ามนุษย์ก็ตาม
ด้าน นางสุดารัตน์ บ้านสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) กล่าวว่า มีผู้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ เป็นเด็กผู้ชาย 6 เป็นหญิง 35 รวมเป็น 41 คน นอกนั้นเป็นผู้ที่หลบหนีเข้าเมือง จำนวน 53 คน ล่าสุด สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้โทรศัพท์สายตรงสั่งให้ทำทะเบียนประวัติให้ชัดเจน โดยเฉพาะ 5 แกนนำ จากปี 2556 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้หลบหนีออกจากบ้านศรีสุราษฎร์ไปแล้วกว่า 100 คน ล่าสุด เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่าน มีการหลบหนีออกไป จำนวน 30 คน ติดตามจับกุมมาได้ 28 คน ซึ่งการหลบหนีแต่ละครั้งน่าเชื่อว่ามีขบวนการค้ามนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องเนื่องจากมีการส่งเสบียงเข้าในรูปการบริจาค มีการซุกซ่อนโทรศัพท์ หรือการขว้างปาโทรศัพท์ข้ามกำแพง และใบเลื่อยตัดเหล็ก เพื่อตัดเหล็กดัดหน้าต่างแล้วมีการอำพรางสายตาของผู้ดูแลเป็นต้น
ประกอบกับชาวโรฮีนจามีความประพฤติในการเตรียมตัวหลบหนีอยู่ตลอด โดยมีการสะสมกักตุนเสบียงอาหารไปเก็บไว้ในเรือนนอน เช่น ข้าวที่กินเหลือไว้ และนำไปจัดทำเป็นข้าวแห้ง ข้าวตาก นำมาปั้นเอาไว้ มีผู้บริจาคก็นำไปกักตุน แม้กระทั่งยาที่ใช้รักษายามเจ็บป่วยที่ขอเบิกทั้งที่ไม่ได้ป่วย แต่อ้างว่าเจ็บป่วย แล้วนำมากักตุนไว้ใช้ยามหลบหนี หลังที่มีการหลบหนีออกไปและติดตามจับกุมมาได้พบสิ่งของเหล่านี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกกฎห้ามนำผ้ามาตากปิดไว้ที่หน้าต่าง จัดทำโรงครัว โรงอาหาร เป็นสัดส่วนให้เป็นของชาวโรฮีนจาอย่างชัดเจน ห้ามนำอาหารมาไว้ในเรือนนอน เพื่อเป็นการป้องกันการสะสมเสบียง
สำหรับบ้านศรีสุราษฎร์ มีกฎระเบียบการปฏิบัติอย่างชัดเจน ผู้รับบริการอยู่ที่นี่ต้องถือกฎระเบียบ เรือนนอนก็คือเรือนนอน โรงอาหารก็คือโรงอาหาร ทุกอย่างต้องมีระเบียบวินัย ดังนั้นคุณจะเป็นชาติ ภาษาใดก็ตามจะต้องยึดมั่นปฏิบัติตามกฎข้อบังคับระเบียบวินัย แต่บังเอิญว่าในช่วงนี้การส่งต่อผู้รับบริการที่เข้ามาในช่วงนี้มาทุกระยะ เช่น มาจากจังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา ยังไม่ได้รับการละลายพฤติกรรมให้รู้จักกฎระเบียบปฏิบัติ ประกอบกับการสื่อสารไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างต้องใช้ล่าม จึงคิดว่าจะสามารถนำอาหารเข้ามาได้ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ห้ามปราม ประกอบมีความเครียดที่ถูกควบคุมจึงได้ก่อเหตุขึ้นมา และมีขบวนการค้ามนุษย์เข้ามาพัวพัน แต่ในสถานที่นี้ไม่ได้เป็นคุก แต่เป็นสถานคุ้มครองที่ช่วยเหลือเด็ก และผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ หรืออยู่ในระหว่างการดำเนินคดีของคนไทย แต่โรฮีนจาเป็นกลุ่มพิเศษที่เราได้รับนโยบายและได้รับมอบหมาย ประกอบกับพื้นที่บ้านศรีสุราษฎร์มีสถานที่กว้างขวางพอที่จะดูแล ประกอบกับผู้ที่เข้ามาเป็นเด็ก และผู้หญิง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 เด็กไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม ไม่ใช่ที่กักกันของ ตม. แต่เด็กก็มีแม่ ดังนั้น กฎหมายจึงอนุโลมให้แม่ต้องมาช่วยดูแลลูก ทั้งที่บางกลุ่มเป็นผู้ลักลอบเข้าเมือง นางสุดารัตน์ กล่าว
