xs
xsm
sm
md
lg

มุกซ้ำๆ ของร้านอาหารไทย โกยกำไรมื้อเดียวเฉียดหมื่น!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แพงหูฉี่ ร้านอาหารไทยย่านใจกลางเมืองเอาเปรียบชาวต่างชาติ คิดราคาอาหารมื้อเดียวแพงเฉียดหมื่น!! ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมถึงเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเช่นนี้ พร้อมทั้งวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการ เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก

ความอับอายของเมืองไทย!

เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ขึ้นอีกครั้ง หลังมีการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิป “น่าอับอายในการขายอาหารเกินจริงกับชาวต่างชาติจนเค้าต้องเอามาประจานทางเฟซบุ๊ก” โดยเป็นเรื่องราวของนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกแนะนำจากโชเฟอร์แท็กซี่ให้ไปทานอาหารร้านแห่งหนึ่งบนถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เขาจึงตัดสินใจลองไปทานดูซึ่งไปทั้งหมด 4 คน แต่ผลปรากฏว่าร้านอาหารไทยนี้คิดค่าอาหารแพงถึง 8,039 บาท หนำซ้ำยังไม่รวมทิปอีก 800 บาท

ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเกิดความไม่พอใจ ได้โพสต์แฉร้านอาหารดังกล่าวว่า ถ้าใครไปกรุงเทพฯ อย่าไปกินอาหารร้านนี้เด็ดขาด พร้อมภาพบิลเงินสดเผยให้เห็นรายการอาหาร อาทิ ปลากะพงจานละ 1,800 บาท ปูจานละ 1,600 บาท หมึกไข่เค็มจานละ 960 บาท กุ้งลายเสือจานละ 1,750 บาท ข้าวโถละ 150 บาท ภาษี 17% รวมค่าอาหารเป็นเงิน 8,039 บาท และค่าทิปอีก 800 บาท

หลังจากที่ภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ ทำให้ชาวโซเชียลมีเดียต่างวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างหนาหู และเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยบอกว่าค่าอาหารแพงเกินไป มีทั้งค่าบริการภาษี 17 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังมีทิปที่ราคาสูงถึง 800 บาท ถือเป็นการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการ เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก

จากกรณีดังกล่าวข้างต้น ผศ. เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารแบรนด์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เขาให้ความเห็นกับทางทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live ว่า กรณีนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก

“ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว กลุ่มคนชาวจีนเขามาในฐานะนักท่องเที่ยวนะครับ มองในเชิงว่าเขาเป็นลูกค้าของประเทศไทย เพราะฉะนั้น ถ้าสืบสวนแล้วมันเป็นเรื่องจริง แน่นอนมันเสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นความประทับใจในแง่ลบ คือเป็นความไม่พอใจที่อาจจะส่งผลต่อชาวจีนคนอื่นๆ หรือนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ

เมื่อมันมีประเด็นที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้มองว่าเป็นร้านอาหารย่านราชเทวีแต่เขาจะมองว่านี่คือประเทศไทย เพราะฉะนั้น เคสนี้ถือว่าเป็นเรื่องของระดับประเทศด้วยซ้ำ เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายที่คุณไปทำกับเขาคือนักท่องเที่ยว”

ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างแน่นอน เพราะถ้าเทียบกับร้านอาหารอื่นๆ แล้ว ถือว่าเป็นราคาที่แพงเกินกว่าเหตุและไม่สมเหตุสมผล

“เอาเปรียบแน่นอนครับ เพราะว่าที่เราเห็นอยู่เขาอาจจะมีการบวกเพิ่มอะไรจนแพงเกินกว่าเหตุ ซึ่งราคามันต้องสมเหตุสมผล ผมเชื่อว่าถ้านักท่องเที่ยวมาเที่ยว บางทีเขายอมจ่ายนะครับ แต่ในการยอมจ่ายของเขามันก็ต้องสมเหตุสมผลไม่ใช่โอเวอร์จนเกินไป นั่นคือสิ่งที่บางทีต้องดูด้วย”



กอบโกยซ้ำแล้วซ้ำอีก!

ทว่า กรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่ร้านค้าเอาเปรียบผู้บริโภคโดยการคิดค่าราคาอาหารเกินจริง ยังมีอีกหลายกรณี โดยเมื่อช่วงต้นปีผ่านมา ร้านอาหารชื่อดังเมืองกระบี่เอาเปรียบลูกค้าอย่างหนัก ขายอาหารแพงเกินกว่าราคาที่แจ้งในเมนูทุกรายการ โดยเจ้าของร้านอ้างว่าเป็นราคาเก่ามีการปรับแก้ใหม่แล้วแต่มีคนมาดึงออก อาทิ ในเมนู ปู ราคา 690 บาท บิลมา 960 บาท หอยแครง 90 บาท บิลมา 200 บาท

หรือจะเป็นกรณี นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียพาเพื่อนเที่ยวคาราโอเกะในเมืองเชียงใหม่เพียงแค่ 4 ชั่วโมง แต่กลับเจอบิลเก็บเงิน 1 แสนกว่าบาท โดยด้านเจ้าของร้านคาราโอเกะอ้างต้องหักจ่ายให้ไกด์ที่พามาถึง 30 เปอร์เซ็น จึงต้องคิดราคาเกินจริง

แม้ว่าผู้ประกอบการเหล่านี้อาจจะมองว่ามันเป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่จะสามารถกอบโกยเงินเข้ากระเป๋าเท่านั้น แต่จุดเล็กๆ นี้มันคือความเห็นแก่ตัวที่บ่อนทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้อย่างมหาศาล เพราะฉะนั้น ร้านค้าเหล่านี้ควรมีจรรยาบรรณและความโปร่งใส่ในการทำธุรกิจ เช่น ในเมนูอาหารควรมีภาษาอังกฤษ และระบุราคาอาหารอย่างชัดเจน เพื่อเป็นการสร้างความจริงใจให้แก่ผู้บริโภค ดังนั้น หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นซ้ำอีก

ทางด้านการคิดค่าบริการของร้านอาหารที่กล่าวในข้างต้น ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคแบบซ้ำซ้อน เนื่องจากมีการคิดค่าเซอร์วิสชาร์จรวมกับค่าอาหารไปแล้ว แต่ยังมีการคิดแยกออกมาจากค่าอาหารอีกเหมือนเป็นการกอบโกยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“กรณีนี้คิดซ้ำซ้อน เคสนี้ค่อนข้างจะเอาเปรียบจริงๆ ถ้าคุณคิดเซอร์วิสชาร์จด้วย เคสนี้คิด17 เปอร์เซ็นต์แล้ว เขามีทิปซ้ำ คือเป็นเซอร์วิสชาร์จซ้ำอีก คือมันไม่ใช่ในสิ่งที่จะต้องเรียกร้อง คือเจ้าของร้านอาหารไม่ควรจะมีกรณี 800 บาทเพิ่มเข้ามา เพราะว่ารวมอยู่ใน 17 เปอร์เซ็นต์นั้นแล้ว

แล้วคุณมาคิดซ้ำอีก 800 บาท เพราะปกติแล้วเซอร์วิสชาร์จมันจะมีร้านบางร้าน ร้านอาหารบางร้านจะไม่คิดทิปไม่มีทิป ร้านบางร้านจะมีคิดแทคแล้วก็คิดเซอร์วิสชาร์จด้วย อันนั้นมันก็จะแยกรายการให้เห็นว่าราคาอาหารเท่าไหร่ แท็กเท่าไหร่ และเซอร์วิสชาร์จเท่าไหร่ มันไม่สมเหตุสมผลเหมือนกอบโกยซ้ำแล้วซ้ำอีก

แต่ถ้าลูกค้าเขาอยากจะทิปมือ เขาอยากจะคิดเพิ่มเองนอกเหนือจากตรงนี้ นั่นคือสิ่งที่เขาสามารถทำได้ เช่นคุณพึงพอใจร้านไหนมากๆ เช่นร้านนี้บริการดีมาก เราก็ใช้ระบบทิปมือ มีเงินทอนมาปั๊บก็ให้ไป ทั้งๆ ที่ใบเสร็จโชว์อยู่แล้วว่าคิดเซอร์วิสชาร์จแล้ว อันนั้นขึ้นกับผู้บริโภค”

หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารแบรนด์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การทำธุรกิจต้องทำด้วยความจริงใจและต้องมีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก เพราะในยุคสมัยนี้การใช้โซเชียลมีเดียสามารถจะแพร่สะพัดเรื่องราวต่างๆ ออกไปได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรระวัง

“สิ่งที่ต้องระวังอีกอันหนึ่งก็คือ วันนี้คุณทำอะไรมันไม่ได้รู้แค่คนที่เป็นลูกค้ากับตัวคุณ ลูกค้าพร้อมที่จะใช้โซเชียลมีเดีย และพร้อมที่จะแพร่สะพัดข่าวสารต่างๆ ไปได้เสมอ เพราะฉะนั้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวัง อย่าคิดว่าคนรู้กันแค่ 2 คน มันอาจจะเกิดอะไรมากกว่าการกระพือข่าวให้คุณอีก แล้ววันนั้นมันไม่คุ้มค่ากันหรอกครับกับเงินที่คุณได้ไปจากลูกค้า เพราะฉะนั้น การทำธุรกิจทำด้วยความจริงใจ ทำด้วยความรับผิดชอบดีกว่าครับ”

ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!

และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น