สถานทูตไทยในญี่ปุ่นเตือนนักท่องเที่ยวห้ามรับฝากหิ้วของเข้าประเทศ ไม่เช่นนั้นอาจติดคุกโดยไม่รู้ตัว! ล่าสุด เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับชาวไทยที่รับฝากหิ้วกระเป๋าจากคนรู้จักเข้าประเทศญี่ปุ่น ทว่า เรื่องราวไม่ได้จบแค่นั้นเมื่อตำรวจตรวจพบมียาเสพติดซ่อนอยู่ ทำให้เขาต้องติดคุกในต่างแดน!
ใจดีเกินไป = ติดคุกไม่รู้ตัว!
จากกรณี แฟนเพจเฟซบุ๊ก “在東京タイ王国大使館 สถานเอกอัครราชทูตไทย 〆 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น” ได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวให้มีความระมัดระวังในเรื่องของการฝากหิ้วของเข้าประเทศ
หลังจากเกิดเหตุการณ์กับหนุ่มชาวไทยรายหนึ่ง ถูกเพื่อนชาวต่างชาติหลอกให้ถือกระเป๋าเข้าประเทศญี่ปุ่น และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อถึงสนามบินถูกตรวจพบว่าในกระเป๋าที่เพื่อนฝากมานั้นมียาเสพติด จึงถูกจับกุมข้อหาลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ และต้องถูกจำคุกอยู่ในต่างประเทศ โดยข้อความดังกล่าวมีใจความว่า
“ประสบการณ์ที่สถานทูตฯ อยากให้เป็นอุทาหรณ์ของคนไทย คงเป็นเรื่องของ “บี” (นามสมมติ) ซึ่งสถานทูตฯ มีโอกาสได้ไปเยี่ยมที่เรือนจำ บีเป็นชายหนุ่มทำงานมั่นคงอยู่ที่กรุงเทพฯ เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อยครั้ง และยังชอบเที่ยว ผับ บาร์ ทำให้ได้เจอและรู้จักเพื่อนชาวต่างชาติมากมาย
บีเล่าว่า เขามีแพลนเดินทางมาท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น ในตอนนั้นมีเพื่อนคนต่างชาติแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฝากกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์ไปให้คนชาติเดียวกันที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น โดยบอกเพียงแต่ว่าเมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่นแล้วจะมีคนมารับกระเป๋าเอง ด้วยความไว้ใจ และไม่ได้เอะใจ บีจึงยอมเอากระเป๋าใบนั้นเดินทางมาที่ญี่ปุ่นด้วย แต่เมื่อถึงสนามบินที่ญี่ปุ่นตำรวจขอตรวจค้นกระเป๋า พบว่าเป็นยาเสพติดที่ถูกซ่อนเย็บไว้ภายใน
บีเล่าทั้งน้ำตาอีกว่า ไม่คิดว่าจะเป็นยาเสพติด และทั้งที่ก็ยืนยันกับตำรวจเท่าไหร่ว่าไม่ใช่ของตัวเอง แต่หลักฐานก็ทำให้บี ไม่สามารถปฏิเสธได้อีก บีจึงฝากสถานทูตฯ มาบอกคนไทยว่า ถ้าจะเดินทางไปต่างประเทศทางที่ดีอย่ารับฝากของจากคนอื่น ถ้าจะรับก็ควรจะเช็กให้แน่ใจก่อน มิเช่นนั้น ก็อาจจะเจอแบบตนเองก็เป็นได้ กฎหมายก็คือกฎหมาย ทำผิดก็ต้องถูกตัดสิน แม้จะถูกหลอกลวงหรืออ้างว่าถูกหลอกลวง แต่หากถูกจับแล้วล่ะก็ ผลลัพธ์นั้น เท่ากัน”
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวนี้ถือเป็นบทเรียนเตือนใจให้กับนักท่องเที่ยวได้อย่างดีทีเดียว เพราะคงไม่มีใครรู้ว่าคนเหล่านั้นจะใช้ความมีน้ำใจของเราเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดและเมื่อถึงครานั้นแล้วแม้เราจะผิดหรือถูกเหตุผลก็คงฟังไม่ขึ้นเพราะหลักฐานอยู่ในมือเรา และเจ้าหน้าที่ก็คงตามปฏิบัติตามกฎเช่นกัน
ไม่อยากซวย ห้ามรับฝากของเด็ดขาด!
เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น “ไชยงศ์ เจริญเมือง” ที่ปรึกษากรรมาธิการท่องเที่ยวในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ความเห็นกับทีมข่าวASTV ผู้จัดการLive ว่าเรื่องแบบนี้มันมีมานานแล้ว ด้วยความที่เป็นคนไทยเลยมีนิสัยขี้เกรงใจ คิดว่าคงไม่มีอะไร แต่รู้หรือไม่ เรื่องที่ไม่คาดคิดอาจจะนำภัยร้ายมาสู่ตนก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น จึงอยากให้ยึดหลักว่าห้ามรับฝากของจากผู้อื่นโดยเด็ดขาด
“ผมก็ยึดถือเรื่องนี้มานานแล้วครับว่า ใครมาฝากของให้เราแล้วบอกจะมีคนมารับปลายทาง เราไม่รับอยู่แล้ว บางทีรับเพราะเกรงใจเลี่ยงไม่ได้ก็ยังต้องให้เขาเปิดเลย คือบางทีเขาซ่อนไว้ข้างใน เพราะฉะนั้น ก็จะตัดปัญหาก็จะไม่รับเลย
เรื่องแบบนี้มีมานานแล้วครับ แต่คนไทยเรามักจะเลินเล่อ มักจะเห็นแก่เพื่อนเรา แล้วบางทีอาจจะได้ค่าถือ แล้วเขาก็จะบอกว่าไม่มีอะไรเป็นของธรรมดา ซึ่งตรงข้ามกันนะครับ”
ดังนั้น บางสายการบินจะเข้มงวดมาก ถึงขนาดเช็กว่าเราแพกกระเป๋าด้วยตัวเองหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งผิดพลาดตามมาในภายหลัง
“การที่เราไปเที่ยว เวลานักท่องเที่ยวไทยทุกคน เวลาไปเที่ยวไม่ว่าที่ไหน ห้ามรับฝากของจากคนคนอื่นที่จะให้เราถือของไปแล้วบอกว่าปลายทางจะมีคนมารับ เพราะว่าเคสแบบนี้นะครับมันเคยมีเรื่องมาแล้วบ่อย ก็คือฝากเป็นสินค้าต้องห้าม สิ่งเสพติดมึนเมาที่เป็นของต้องห้าม
ฉะนั้น สายการบินเขาจะบอกทุกครั้งว่าเวลาจะขึ้นเครื่อง โดยเฉพาะสายการบินอเมริกันเขาจะมาเช็กตัวเจ้าของกระเป๋าว่า เราได้แพกกระเป๋านี้โดยตัวเราเองไหม บางทีถ้าเราทิ้งกระเป๋าไปนานกว่าครึ่งชม. ก็ยังไม่ได้เลยครับ นี่คือหลักปฏิบัติ”
ต่อข้อซักถามที่ว่า มีมาตรการการช่วยเหลือคนไทยที่ติดคุกในต่างแดนหรือไม่? เขาตอบกลับเพียงว่า ช่วยอะไรไม่ได้เลยเพราะถือเป็นความผิดพลาดของตนเอง เรื่องนี้จึงถือเป็นอุทาหรณ์ได้อย่างดีเลยทีเดียว
“เรื่องแบบนี้มันต้องออกสื่อนะครับ ว่ากรณีแบบนี้เป็นบทเรียนว่าเราจะไม่รับฝาก ใครที่เดินทางไปต่างประเทศห้ามรับฝากของจากใครทั้งสิ้นนะครับ ช่วยอะไรไม่ได้ จะอ้างอะไรไม่ได้เลย ทางที่ดีอย่าเลินเล่อ และใจดีเกินไปครับ
ช่วงมีนาคม-เมษายน ก็จะมีคนไทยออกไปเที่ยวเยอะ ทางที่ดีที่สุดนะครับไม่รับฝากของใครเลย ห้ามรับเป็นอันขาด บางทีส่วนใหญ่เขาต้องการให้เราเป็นทางผ่านเท่านั้นแล้วเราก็ได้แค่คำขอบใจเท่านั้นเอง แล้วบางทีเขาส่งสินค้า เขาได้เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน เราก็ไม่ได้อะไร ฉะนั้น อย่ารับฝากใครเป็นอันขาด” ที่ปรึกษากรรมธิการท่องเที่ยวในสภานิติบัญญัติแห่งชาติกล่าวทิ้งท้าย
ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive
ขอบคุณภาพประกอบ: www.phuketairportthai.com, แฟนเพจเฟซบุ๊ก在東京タイ王国大使館 สถานเอกอัครราชทูตไทย 〆 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754