“รมช.คลัง” เตรียมเสนอร่างประมวลสรรพสามิต ที่ปรับปรุงให้ทันสมัย และโปร่งใสมากขึ้น เสนอที่ประชุม ครม. เพื่อขยายฐานภาษี ยอมรับพอใจจัดเก็บรายได้ภาษี ณ สิ้นเดือน ม.ค. โดยเฉพาะแวตที่มีมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้าน ด้านสรรพสามิตฟุ้ง 4 เดือนแรก เก็บภาษีเกินเป้า 1.2 พันล้าน คาดช่วงเทศกาลตรุษจีน-สงกรานต์ การบริโภคพุ่ง โดยเฉพาะเครื่องดื่ม และแอลกอฮอล์ จับตาการเปลี่ยนแนวทางการจัดเก็บใหม่ จากราคาหน้าโรงงานเปลี่ยนมาเป็นราคาขายปลีก อาจส่งผลให้ราคาประเมินภาษีเพิ่มขึ้น
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาร่างประมวลกฎหมายกรมสรรพสามิตในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นจะเสนอ สนช.พิจารณาเพื่อออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ในงบประมาณปี 59 เพื่อขยายฐานการจัดเก็บภาษีให้มากขึ้น ด้วยการกำหนดการประเมินภาษี ณ ราคาขายปลีก โดยรัฐบาลจะดูแลให้สมดุลทั้งรายได้รัฐบาล ภาคเอกชน และผู้บริโภค โดยจะกำหนดเพดานราคาในแต่ละช่วงเวลา
โดยร่างประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิตจะเป็นการนำกฎหมายสรรพสามิต 7 ฉบับ และประกาศกฎกระทรวง รวมถึงข้อบังคับที่เกี่ยวข้องประมาณ 100 ฉบับ ที่ได้ประกาศใช้มานานมาปรับปรุงรวมเป็นฉบับเดียว เพื่อให้กฎหมายทันสมัยตามหลักสากล สร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่สรรพสามิตในการจัดเก็บภาษี และแก้ไขปัญหากรณีผู้ประกอบการนำเข้าสำแดงราคาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้เกิดปัญหาการตีความในหลายกรณีหวังใช้ฐานภาษีเดียวกัน
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ภาษีใน ณ สิ้นเดือนมกราคม 2558 ยอมรับว่าพอใจผลการจัดเก็บรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มมีมูลค่าสูงถึง 40,000 ล้านบาท จากเม็ดเงินออกไปจับจ่ายใช้สอยในระบบกว่า 6 แสนล้านบาท และที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประจำ งบลงทุน และเงินลงทุนรัฐวิสาหกิจทำให้มีเงินออกสู่ระบบกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ประกอบกับการเมืองเริ่มสงบ นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น จึงทำให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้นต่อเนื่อง
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เมื่อกรมสรรพสามิตได้เปลี่ยนแนวทางการจัดเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงานเปลี่ยนมาเป็นราคาขายปลีก จะทำให้มีต้นทุนการขนส่ง บรรจุภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงทำให้ราคาประเมินภาษีเพิ่มขึ้น แม้รัฐบาลจะคงอัตราภาษีเดิมแต่จะทำให้ราคาสินค้าหลายประเภทขยับขึ้นร้อยละ 15-20 โดยเฉพาะราคารถยนต์ อาจต้องปรับเพิ่มขึ้น โดยสินค้าสรรพสามิตหลายประเภทเป็นสินค้าเกินความจำเป็น จึงต้องรอรัฐบาลจะพิจารณาปรับลดอัตรา หรือว่าคงอัตราเดิมเพื่อดูแลผู้บริโภค
ด้าน นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ระหว่างการจัดงานครบรอบ 83 ปี กรมสรรพสามิต โดยระบุว่า ขณะนี้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังจากปรับเพิ่มภาษีน้ำมัน ส่งผลให้มียอดจัดเก็บเกินเป้าหมายเดือนละ 5,000 ล้านบาท ทดแทนภาษีสุรายาสูบที่จัดเก็บต่ำกกว่าเป้าหมายในช่วงไตรมาสแรก ส่งผลให้ยอดจัดเก็บภาษี 4 เดือนแรก (ต.ค.57-ม.ค.58) อยู่ที่ 142,181 ล้านบาท เกินเป้าหมาย 1,200 ล้านบาท
สำหรับในช่วงเทศกาลตรุษจีน สงกรานต์ ที่มีวันหยุดยาว และมีการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงท่องเที่ยวในประเทศจะทำให้กระตุ้นการบริโภคสินค้าประเภทเครื่องดื่มขยายตัวสูงขึ้น ทั้งแบบมีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ มีเพียงภาษีสรรพสามิตรถยนต์เท่านั้นที่ยังมีความน่าเป็นห่วง เพราะยอดจำหน่ายรถยนต์ยังไม่สูง ทำให้ภาพรวมปีนี้การจัดเก็บน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 420,000 ล้านบาท
นายไพศาล ชื่นจิตร รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยววันหยุดยาวตรุษจีนจนถึงปิดเทอมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเมษายน และพฤษภาคม จะมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ทำให้นักท่องเที่ยวไทยนิยมพาบุตรหลานหลังปิดเทอมเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมาก กรมศุลกากร จึงย้ำเตือนให้นักท่องเที่ยวซื้อของฝาก หรือสินค้าที่มีมูลค่าเกิน 10,000 บาท ต้องสำแดงรายการสินค้าต่อเจ้าหน้าที่ โดยเดินเข้าช่องสำแดง เพื่อประเมินการเสียภาษีให้ถูกต้อง หากไม่แน่ใจให้เดินเข้าช่องสำแดง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ แต่หากสินค้าไม่เกิน 10,000 บาทไม่ต้องสำแดง สำหรับสินค้าทั่วไปประเมินการเสียภาษีประมาณร้อยละ 30 ของมูลค่าสินค้า
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถิติการนำเข้าสินค้าเกินกว่าสิทธิที่ได้รับการยกเว้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลักลอบนำสินค้ามาขายผ่านออนไลน์ เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้มงวดต่อผู้เดินทางจากกลุ่มประเทศเสี่ยงมีการลักลอบนำสินค้าจากยุโรป ฮ่องกง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพราะที่ผ่านมา การออกไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมมีจำนวนมากขึ้น และอาจใช้ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกประเทศจำนวนมากปะปนนำสินค้าเข้ามา