ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งประกอบพิธีกรรมประหลาด นั่งในกระทะบรรจุน้ำเดือดขนาดใหญ่ โดยด้านล่างมีกองไฟสุมลุกโซน แสดงอิทธิปาฏิหารย์สร้างความงมงายแก่สาธุชนผู้ขลาดเขลา ยิ่งผู้พบเห็นไม่มีความรู้คงย่อมหลงเชื่อง่ายๆ ว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ เป็นเรื่องของบุญบารมีของสงฆ์ผู้เจริญ ทว่า ปูมปริศนาพระสงฆ์นั่งกรรมฐานในกระทะน้ำร้อน วิทยศาสตร์อธิบายกลโกงไว้อย่างหมดเปลือก!
เหล่านี้เข้าข่าย อวดอุตริ? อาบัติปาราชิก? ซึ่งยังมีอีกหลายกรณีที่กลุ่มพระสงฆ์และกลุ่มแม่ชีจำนวนหนึ่ง แสดงพฤติกรรมอวดอ้างเข้าข่ายหลอกลวง อาทิ การสักยันต์เชื่อว่าฟันแทงไม่เข้า, การนำคุณไสยออกจากตัว, พิธีกรรมเรียกเหล็กไหล, แม่ชีลอยน้ำ ฯลฯ
โดยแชร์ผ่าน เฟซบุ๊กเพจ Thailand Online โดยระบุว่า เป็นการทำพิธี ณ บ้านแมด ต.โคกม่วง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ด้านภิกษุผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียง อย่าง พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ วัดสร้อยทอง โพสต์ภาพดังกล่าวพร้อมข้อความ "อากาศมันหนาวจนถึงขั้นต้องต้มน้ำอาบเชียวหรือหลวงพ่อ"
อย่างไรก็ตาม นักวิทย์ชื่อดังผู้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ลบล้างความงมงายทางไสยศาสตร์ที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ผศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยทำคลิปวิดีโออธิบายพิธีกรรมอภินิหารจุ่มร่างกายในน้ำเดือด กลายๆ ว่าเป็นเพียงมายากลลวงโลก พิธีกรรมเทือกนี้มีหลักการง่ายๆ ใช้น้ำผสมน้ำมันโดยน้ำและน้ำมันจะแยกตัวออกจากกัน น้ำจะอยู่ด้านล่างส่วนน้ำมันจะลอยอยู่ข้างบนเพราะเบากว่าน้ำ คุณสมบัติของน้ำจะจุความร้อนสูง นั่นเท่ากับว่าน้ำจะรับความร้อนแทนส่วนน้ำมันไม่ร้อนถึงจุดเดือดกล่าวคือเป็นกลลวงตา
ผศ.ดร. เจษฎา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ Jessada Denduangboripant เกี่ยวกับพฤติกรรมของสงฆ์รูปดังกล่าว ความว่า
"ภิกษุแสดงอิทธิปาฏิหาริย์แก่ชาวบ้าน ภิกษุนั้นมีความผิด ต้องอาบัติทุกกฎ
บางทีก็รู้สึกว่าชาวพุทธในบ้านเรา ไม่ค่อยได้ทราบ หรือใส่ใจในสิกขาบทข้อนี้นะ ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ใดๆ โดยตำหนิว่าไม่สมควร ทรงเปรียบการทำเช่นนั้นว่า เป็นเหมือนสตรีที่เผยอวัยวะพึงสงวนให้เขาดูเพราะเห็นแก่เงินทองของต่ำทราม!!
ขณะเดียวกันก็ทรงบัญญัติไม่ให้ภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรม คือคุณวิเศษหรือการบรรลุธรรมอย่างสูงที่เกินปกติของมนุษย์สามัญ เช่น สมาธิ ฌาน สมาบัติ มรรคผล ถ้าอวดโดยที่ตนไม่มีคุณวิเศษนั้นจริง คือ หลอกเค้า ย่อมต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ
ในกรณีของการนั่งกระทะตั้งไฟดังภาพ เราก็คงไม่อาจจะไปปรักปรำฟันธงได้ทันที ว่าท่านนั้นเล่นกลหลอกลวง (อาบัติปาราชิก ถึงขั้นสึก) หรือท่านมีคุณวิเศษในตนจริง (ซึ่งก็อาบัติปาจิตตีย์อยู่ดี)
แต่วิธีพิสูจน์ที่ท่านทำได้ คือ การใช้เทอร์โมมิเตอร์ วัดอุณหภูมิให้ดูกันจะๆ ว่าน้ำมันที่นั่งนั้นร้อนขนาดไหนกันแน่ ... เพราะน่าแปลกที่ถึงท่านจะนั่งจมในน้ำมัน (ไม่คล้ายกับฤาษีบางตนที่นั่งบนแท่น) แต่น้ำมันนั้นกลับดูไม่เดือด ไม่มีไอขึ้น ทั้งที่ไฟก็จุดแรง กระทะก็ดูหน้าตาแปลกๆ หรือจะทำไว้เป็นสองชั้นกันความร้อนได้
แต่เน้นอีกครั้ง ภิกษุแสดงอิทธิปาฏิหาริย์แก่ชาวบ้าน ภิกษุนั้นมีความผิด ต้องอาบัติทุกกฎครับ”
ผศ.ดร. เจษฎา เคยให้สัมภาษณ์กับทาง Astv ผู้จัดการ Live ความว่า "ไสยศาสตร์ที่เป็นความเชื่อเฉยๆ ก็เป็นความสุขของเขา เราไม่จำเป็นต้องไปยุ่ง แต่ถ้าเป็นการเชื่อแล้วส่งผลเสีย เป็นความเชื่อถูกทำตรงนั้น หลอกล่อทำเสน่ห์ยาแฝด แล้วเราอธิบายอะไรได้เราต้องช่วยอธิบายให้เขา"
อย่างไรก็ตาม เขาได้เผยแพร่คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เฉลยกลลวงเกี่ยวกับไสยศาสตร์งมงายต่างๆ อีกมากมาย เพื่อกระตุ้นเตือนคนไทยให้ 'ตาสว่าง' ไม่หลับหูหลับตาเชื่อเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะการอวดอุตริของกลุ่มสงฆ์เป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการของพุทธศาสนาอย่างยิ่ง
"สังคมไทยบอกว่านับถือพุทธ แต่ไม่ใช่ครับ! นี่เรานับถือผีชัดๆ คนไทยภาพรวม เราเลือกพุทธธรรมเนียม เราเก็บปฏิบัติมาแต่ประเพณีทั้งนั้นเลย แต่ตรงแก่นเราไม่ได้พูดถึง หลักการที่สำคัญมากพุทธศาสนาที่พวกผมที่วิทยาศาสตร์เลือกใช้ คือ กาลามสูตร 10 อย่าเพิ่งเชื่อแม้ว่าตรรกะดีก็อย่าเพิ่งเชื่อ"
อีกหนึ่งตัวอย่าง กรณีแม่ชีลอยน้ำ ก็มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลไม่เกี่ยงข้องกับอิทธิปาฏิหาริย์แต่อย่างใด ก็มีผู้เชี่ยวชาญให้ความกระจ่างเช่นกัน วิฑูรย์ มากมี ผู้ฝึกสอนว่ายน้ำของสมาคมผู้ฝึกสอนว่ายน้ำแห่งประเทศไทย กล่าวผ่านสื่อมวลชน ความว่า
การลอยตัวในน้ำใครก็สามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไร เพียงแต่ต้องได้รับการฝึกฝนซึ่งต้องใช้เวลานาน โดยหลักทั่วไปที่ทำให้ลอยน้ำโดยไม่ใช้มือหรือเท้าพยุงช่วย คือต้องตั้งสมาธิ กำหนดจิต กำหนดลมหายใจ ร่างต้องขนานไปกับสายน้ำ ไม่อยู่ในแนวดิ่ง ยิ่งคนอ้วนซึ่งมีไขมันมาก จะยิ่งลอยอยู่ในน้ำได้นานและดีกว่าคนทั่วไป
การที่ข่าวแง่ลบของวงการสงฆ์ถูกตีแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนพาลเสื่อมศรัทธาเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นหน้าของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือระดมสมองหาแนวทางจัดการความเสื่อมที่บ่อนทำลายพุทธศาสนาอยู่ ณ วันนี้
คลิปพิสูจน์ไสยศาสตร์งมงายด้วยตรรกะวิทยาศาสตร์
…..........................
ข่าวโดย Astv ผู้จัดการ Live
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754
