xs
xsm
sm
md
lg

"ซิโก้-เกียรติศักดิ์" ฮีโร่บอลไทย พระเอกในหัวใจเธอ (ลูก-ภรรยา)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นาทีนี้ต้องยกให้ ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผู้ปลุกปั้น และฟอร์มทีมพลังหนุ่มให้กลายเป็นทีมช้างศึกที่แข็งแกร่งจนคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี สมกับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ที่วางหมาก คุมเกมอยู่เบื้องหลัง แม้บางช่วง บางเกมจะถูกโจมตีจนเสียวสันหลังวาบ แต่มันคือความท้าทาย เป็นการขับเคลื่อนที่เขาพูดว่า ต้องไม่กลัว และไม่กดดันตัวเอง เช่นเดียวกับบทบาทผู้นำในครอบครัว เขาคือพระเอกของลูกๆ และภรรยา

'ซิโก้' ฮีโร่บอลไทย

ก่อนจะมาเป็นแม่ทัพช้างศึก ชื่อของ 'ซิโก้' ถือว่าเป็นที่รู้จัก และได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นชื่อของดาวยิงฮีโร่ระดับตำนานของทีมชาติไทย ด้วยผลงานมากกว่า 65 ประตู จากการลงสนามรับใช้ชาติกว่า 100 นัด แถมยังเคยคว้าแชมป์อาเซียน ฟุตบอล แชมเปียนชิป ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 3 สมัยในฐานะนักเตะ (ในปี 1996 ทำประตูชัยให้ทีมชนะมาเลเซีย ตามด้วยปี 2000 และ 2002)

กระทั่งได้รับความไว้วางใจให้ก้าวขึ้นมากุมบังเหียนทีมชาติชุดใหญ่ในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ หลังเคยมีผลงานปลุกกระแสแฟนบอลให้ดังกระหึ่มจากการนำทีมชุดยู-23 คว้าเหรียญทองซีเกมส์ และอันดับ 4 ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ที่เกาหลีใต้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา



ก่อนปิดฉากการรอคอยที่ยาวนาน 12 ปี ด้วยการถล่มคู่ปรับอย่างเสือเหลืองมาเลเซีย (แชมป์ปี 2010) พลิกเกมคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพแบบสะใจแฟนบอลคนไทย โดยเฉพาะวินาทีที่ 'ชัปปุยส์' ยิงตีไข่แตก เป็นช่วงที่แฟนบอลไทยทั้งในและนอกสนามต่างเฮละโลกันยกใหญ่


ฮีโร่ของศรีภรรยา


ด้วยความที่เป็นกุนซือใหญ่ของทีมชาติไทย ทำให้เวลาต้องถูกแบ่งออกไปให้การคุมทีม ทางศรีภรรยาอย่าง 'เปิ้ล-อัสราภา เสนาเมือง' ก็ออกมาเปิดใจผ่านสื่อฉบับหนึ่งว่า แม้จะไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน แต่สามีก็มีการต่อสายถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอยู่บ่อยๆ เพราะกลัวภรรยา และลูกสาวทั้งสามจะน้อยใจ ทว่าส่วนตัวไม่เคยคิดแบบนั้นเลย เพราะเข้าใจว่าสามีทำเพื่อชาติ ทำเพื่อประเทศ ซึ่งนอกจากคนในครอบครัวแล้ว ยังทำให้แฟนบอลไทยมีความสุขด้วย


พูดถึงความน่ารักในบทบาทสามี ก็ชวนให้นึกถึงเมื่อครั้งไปสัมภาษณ์ 'ซิโก้' ที่บ้านเมื่อหลายปีก่อน การพูดคุยในวันนั้น ต้องบอกว่ายิ่งคุยยิ่งชื่นชมในความเป็นหัวหน้าครอบครัวของเขาอย่างมาก นี่คือบทสัมภาษณ์บางส่วนที่ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอให้อ่านกันอีกครั้ง


"ตอนเล่นฟุตบอลอยู่ที่เวียดนาม ผมไม่ได้ดูแลลูกๆ อย่างเต็มที่เลย ตลอด 5 ปีเต็ม ภรรยาของผม (คุณเปิ้ล) วันๆ แทบไม่ได้นอน ต้องตื่นมาดูลูกตลอด ซึ่งผมก็โทร.คุยกับเธอและลูกตลอดนะ กระทั่งวันหนึ่งผมตัดสินใจอำลาวงการด้วยอายุ 34 ปี เพราะอยากพัก และกลับมาทำหน้าที่พ่อ และช่วยภรรยาดูแลลูก โดยขอเลือกที่จะทำงานเบื้องหลังเป็นกำลังสำคัญให้กับวงการฟุตบอลไทยต่อไป ถามว่า เสียดายไหม ก็เสียดายนะ แต่เงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับครอบครัวที่รอเราอยู่ที่บ้าน" ซิโก้เผยถึงการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่

หลังจากกลับมาทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มตัว เขาบอกว่า ถึงเหนื่อยแต่ก็สนุก อีกทั้งยังภูมิใจที่ได้กลับมาดูแลลูกและภรรยา โดยเฉพาะภรรยาที่เหนื่อยแทนเขามาหลายปี

"แม้จะไม่หวานแต่เข้าใจกันและกัน" นี่คือสิ่งที่ ภรรยาของแม่ทัพช้างศึกเคยบอกเอาไว้ พร้อมกับพูดชื่นชมถึงความดีงามของสามี ไม่ว่าจะเรื่องความขยัน ความมีระเบียบ การตรงต่อเวลา การเก็บหอมรอมริบ รวมไปถึงความเข้มแข็งในทุกๆ เรื่อง และที่สำคัญ คือ ความรักความห่วงใยในความรู้สึกของภรรยา และลูกสาวทั้ง 3 คน

เช่นเดียวกับคำสารภาพของ 'ซิโก้' ที่เผยให้เห็นความหล่อจากความคิดของตัวผู้ชายคนนี้ "เมื่อก่อนเราอาจจะมีแค่เงิน ชื่อเสียง แต่วันนี้ การมีลูก และภรรยาที่ดี คือ ส่วนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตให้อบอุ่น และมีความสุุขขึ้น ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีผมในวันนี้ ผมโชคดีที่มีลูกๆ และภรรยาที่น่ารักครับ"

ฮีโร่ของลูกสาวสามใบเถา

ทุกครั้งที่คุณพ่อคนเก่งนำทัพแข้งไทยลงสนาม แน่นอนว่า จะต้องมีลูกสาวสามใบเถา (เพิร์ธ ป.6 พราวด์ ป.5 และ เพิร์ล ป.4) รวมตัวกันนั่งประชิดติดขอบทีวีตามลุ้น ตามเชียร์บอลไทย และให้กำลังใจคุณพ่อกันสนั่นบ้าน แม้จะต้องเสียสละเวลาของครอบครัวเพื่อคุมทีมชาติ แต่ลูกๆ ทั้งสามคนต่างเข้าใจดี

"ถ้าเจอหน้าพ่อก็อยากจะกอดพ่อ หอมแก้ม และก็บอกว่า หนูรักพ่อค่ะ" 
เป็นคำเปิดใจผ่านสื่อของลูกสาวในวันมารอรับคุณพ่อที่สนามบิน แม้จะเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรัก ความเข้าใจในตัวคุณพ่อของพวกเธอได้เป็นอย่างดี โดยก่อนหน้านี้ก็ออกมาขอโทษลูกสาวคนกลาง (น้องพราวด์) ผ่านโซเชียลฯ เพราะไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานรับรางวัลของลูกจากสถาบันบางกอกแดนซ์ เนื่องจากติดภารกิจคุมทัพช้างศึก โดยโพสต์ผ่านโซเชียลฯ ดังข้อความต่อไปนี้ 

"พ่อขอแสดงความยินดีกับน้องพราวด์ด้วยนะลูก ที่ได้รับรางวัลของสถาบันบางกอกแดนซ์ พ่อขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปร่วมในงาน แต่พ่อก็ชื่นใจ ที่หนูมีความมุ่งมั่นตั้งใจและเก่งที่สุด รักลูกนะ พ่อคุมทีมซ้อมตอนเย็น เพื่อความสุขของคนไทย เข้าใจพ่อนะลูก จุ๊บบบบบบ"

ในวันเดียวกัน 'ซิโก้' ก็ได้โพสต์ภาพลูกสาวที่เดินทางมาถึงแคมป์เพื่อเอารางวัลมาให้เชยชม โดยเขียนข้อความสั้นๆ ว่า "เอารางวัลมาให้พ่อดูถึงแคมป์ ชื่นใจจริงๆ ลูก" กลายเป็นภาพพ่อลูกที่น่ารัก แสดงให้เห็นความรักความเข้าใจโดยเฉพาะความห่วงใยในความรู้สึกของพ่อลูกคู่นี้

เมื่อล้วงลึกไปดูวิธีการเลี้ยงลูก ต้องบอกว่า บ้านนี้เคร่งครัดเรื่องระเบียบวินัยมากๆ ฟังได้จากคำให้สัมภาษณ์ของคุณพ่อท่านนี้

"ผมเป็นคุณพ่อที่ภรรยาจะบอกว่า ทำไมดุจัง ทำไมระเบียบจัง จริงๆ แล้ว ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ครอบครัวผม พ่อแม่ผมเป็นครู เรื่องระเบียบวินัยเป็นเรื่องที่ลูก ๆ ทุกคนต้องมี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง เป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของผมด้วย พอมีลูกผมก็อยากให้เขามีระเบียบวินัย เช่น เวลาอยู่บ้าน ทุกอย่างจะต้องเป็นเวลา

เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนตี 5 อาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหารเช้า และเตรียมตัวไปโรงเรียน กลับมาจากโรงเรียน ผมจะให้เขาทำการบ้าน และอ่านหนังสือก่อนครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยออกไปเล่นกีฬา ส่วนเรื่องเรียนพิเศษ ลูกทั้งสามคนไม่เคยเรียนเลย แต่จะมีคุณแม่คอยสอน เพราะผมไม่อยากให้ลูกเครียดเกินจำเป็น"


นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังมุ่งเน้นในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม เพื่อเลี้ยงลูกให้เติบโตโดยไม่หลุดกรอบของความดีงาม

"ครอบครัวเป็นต้นแบบและต้นทางของสังคม ถ้าครอบครัวอบอุ่น สังคมก็จะไม่มีปัญหา แต่สังคมเราทุกวันนี้ค่อนข้างเปราะบาง และมุ่งเน้นไปที่วัตถุนิยมมากกว่าคุณธรรมจริยธรรม ทำให้หลายๆ คนมีความอยาก มีความโลภเกินจำเป็น ซึ่งผมกับภรรยา เราไม่อยากให้ลูกเติบโตเป็นแบบนั้น

เราจึงเน้นในเรื่องของคุณธรรมความดี และสอนให้ลูกรู้ว่า เรื่องไหนดีหรือไม่ดี เริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน หากพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นคนดี พ่อแม่ต้องช่วยให้ลูกเป็นคนดีด้วยการทำตัวให้ดีด้วย ดังนั้น ผมกับภรรยาไม่ได้อยากให้ลูกเรียนเก่งอย่างเดียว แต่ต้องเป็นคนดี และพร้อมที่จะช่วยเหลือสังคม และประเทศชาติด้วย"

อ่านถึงบรรทัดนี้ คงไม่เกินไปนักถ้าจะบอกว่า ซิโก้ คุณคือฮีโร่ตัวจริงของคนไทย และครอบครัว

ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live





มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!

และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น