ASTV ผู้จัดการรายวัน – กระแสแรงสุดชั่วโมงนี้หนีไม่พ้นฟอร์มการเล่นของทัพนักเตะทีมชาติไทย ที่เพิ่งเปิดบ้านอัด มาเลเซีย 2-0 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 กุมความได้เปรียบสู่ความเป็นเจ้าอาเซียน ก่อนจะชี้ชะตานัดสองที่แดนเสือเหลืองวันที่ 20 ธันวาคมนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน ไล่ตั้งแต่ ซีเกมส์ ที่ พม่า ต่อด้วย เอเชียน เกมส์ ที่ เกาหลีใต้ จนกลายเป็น “บอลไทย ฟีเวอร์” ที่ห่างหายนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนดูล้นสนาม ตั๋วถูกขายหมดในเวลารวดเร็ว รวมถึงเสื้อแข่งขาดตลาดจนต้องเร่งกระบวนการผลิต
นับตั้งแต่ที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตดาวยิงขวัญใจชาวไทย เข้ามารับงานคุมทัพช้างศึก พร้อมเลือกใช้บริการแข้งเลือดใหม่เกือบยกแผง ฟูมฟักเก็บตัวฝึกซ้อมจนเข้าขารู้ใจและประสบความสำเร็จกับการคว้าแชมป์ ซีเกมส์ ที่พม่า ต่อด้วยอันดับ 4 เอเชียน เกมส์ ที่เกาหลีใต้ กระแสตอบรับจากแฟนลูกหนังไทยก็ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะถึงขั้นปรอทแตกในปัจจุบันกับทัวร์นาเมนต์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014
โดยความนิยมนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยตั้งแต่ผลงานในสนามตลอดจนความชื่นชอบในตัว “ซิโก้” ที่เป็นต้นแบบของความเป็นมืออาชีพ ไม่มีเรื่องด่างพร้อยตั้งแต่สมัยค้าแข้งจนถึงผันตัวมาเป็นโค้ชในปัจจุบัน รวมถึงตัวนักเตะเองที่เป็นคลื่นลูกใหม่อายุเฉลี่ยเพียง 22 - 24 ปี แต่ฝีเท้าเกินวัย ที่สำคัญหลายรายยังมีรูปร่างหน้าตาเป็นตัวดึงดูดแม่ยก ไม่ว่าจะเป็น ชาริล ชัปปุยส์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม หรือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
ซึ่งที่วัดได้ชัดเจนที่สุดก็คือ จำนวนแฟนบอลในสนามทั้ง ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก และผู้สูงอายุ ที่แห่เข้าชมเต็มความจุ 49,000 คน ของราชมังคลากีฬาสถาน ใน 2 เกมเหย้ากับ ฟิลิปปินส์ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง และ มาเลเซีย รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก โดยสาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าอัดอั้นมานาน เนื่องจากทีมชุดนี้เพิ่งจะมีโอกาสได้ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองอย่างเป็นทางการครั้งแรก และลูกทีมของ “ซิโก้” ก็ไม่ทำให้แฟนคลับผิดหวังตอบแทนด้วยสกอร์และรูปแบบการเล่นที่เร้าใจจนแฟนบอลได้ความสุขกลับบ้านเต็มกระเป๋า
ยิ่งหากย้อนกลับไปกระแสนี้ถูกโหมมาตั้งแต่การหาซื้อบัตรเข้าชม โดยมีแฟนบอลจำนวนมากพร้อมใจจองบัตรผ่านช่องทางออนไลน์จนเต็มภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และแม้ก่อนแข่งจะมีบัตรหลุดจองมาเปิดขายหน้าสนามในนัดแรกจำนวน 1,500 ใบ แต่ก็ไม่พอเพียงตอบสนองศรัทธาของกองเชียร์ที่ไปเข้าคิวต่อแถวรอซื้อตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า หนำซ้ำบางรายถึงขนาดจับรถจากต่างจังหวัดมาดักรอตั้งแต่คืนก่อนหน้าแต่สุดท้ายหลายรายต้องมือเปล่า เพราะตั๋วถูกขายหมดตั้งแต่ 20 นาทีแรก จนนำมาซึ่งการฉวยโอกาสจากการขายตั๋วเกินราคาหรือที่เรียกกันว่า “ตั๋วผี” ทั้งหน้าสังเวียนและโลกโซเชียล โดยราคาบัตรได้ถูกอัปขึ้น 3 - 4 เท่าตัว จากราคาหน้าบัตร 300 บาท ถูกขายในราคา 1,500 บาท หรือ บัตรราคา 250 บาท ที่ประกาศขายในราคา 1,200 บาท
อีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนถึงความคลั่งครั้งนี้ก็คือ การขาดตลาดของเสื้อแข่งขันยี่ห้อ “แกรนด์ สปอร์ต” โดยเฉพาะยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน สนนราคา 990 บาท ตามแบบที่ทัพ “ช้างศึก” เลือกใส่ลงสนามทุกนัด ที่ถูกจับจองจนเกลี้ยง ทำให้แฟนบอลต้องหันไปซื้อเสื้อสีแดงซึ่งเป็นชุดรองแทน และมีทีท่าว่าจะขาดตลาดไปตามๆ กัน นอกจากนี้ ยังพบว่า เบอร์สกรีนเสื้อ หมายเลข 7 และ 18 ซึ่งเป็นของ ชัปปุยส์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ สองแข้งขวัญใจยังถูกแย่งกันจนผลิตไม่ทันอีกด้วย
โดย นายธารา พฤกษ์ชะอุ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้ผลิตเสื้อแข่งให้กับทัพช้างศึก กล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์เลยทีเดียว “ต้องบอกว่าตั้งตัวกันไม่ทันเลย เนื่องจากเราไม่ได้เตรียมอัตราการผลิตไว้มากนัก เพราะไม่มีโปรแกรมเป็นเจ้าภาพจัดทัวร์นาเมนต์รายการใดเลย บวกกับเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีวัดจากยอดขายเสื้อของสโมสร โดยเราผลิตเสื้อครั้งแรกตอนเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมทุกแบบทุกสีทั้งหมดจำนวน 2 หมื่นตัวเท่านั้น ซึ่งช่วงแรกก็ขายได้ปกติจากแฟนบอลพันธุ์แท้ขาประจำ แต่หลังจากที่ทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รอบรองฯด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมทำให้มีกองเชียร์เข้ามาจับจองจำนวนมาก และได้หมดลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเสื้อสีน้ำเงิน ทำให้ก่อนเกมเจอมาเลเซียเราต้องเร่งผลิตสีดังกล่าวเพิ่มเท่าที่ทำได้อีก 8 พันตัวและก็ขายหมดในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง”
พร้อมกันนี้ “เสี่ยง้วน” ยังเผยต่อว่ากระแสฟีเวอร์ครั้งนี้เหนือกว่าเมื่อครั้งอดีตมาก “แม้ในอดีตเราจะเคยทำยอดขายเสื้อทีมชาติได้ถึง 5 - 6 หมื่นตัว แต่นั่นเป็นการขายตลอดทั้งปี แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มียอดขายร่วม 3 หมื่นตัวในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์เหมือนครั้งนี้ และผมมองว่าในปีหน้าที่จะมีทั้ง คิงส์ คัพ และ คัดเลือกฟุตบอลโลก น่าจะขายได้ 6 - 7 หมื่นตัวภายใน 1 ปีแน่นอน โดยเราจะเร่งผลิตเพื่อให้แฟนบอลได้สนับสนุนอย่างทั่วถึง”
อย่างไรก็ตาม แม้กระแส บอลไทย ฟีเวอร์ นี้จะเป็นผลดีและเป็นกำลังใจสำคัญให้กับทัพไทยในการทวงเจ้าอาเซียนกลับคืนอ้อมอกในรอบ 12 ปี แต่ขณะเดียวกัน ฝ่ายจัดการแข่งขันจะต้องนำไปเป็นการบ้าน เพื่อรับมือและแก้ปัญหาช่องโหว่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตั๋วผีที่ระบาดหนัก เพราะบทลงโทษที่ไม่สามารถเอาผิดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงกองเชียร์บางกลุ่มที่ละเมิดกฎจนนำมาซึ่งความเสียหายให้กับประเทศด้วยเช่นกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *