xs
xsm
sm
md
lg

เธอคือ ไม้แขวนเสื้อที่เด็กที่สุดแห่งเวที “ไทยซูเปอร์โมเดล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่ามกลางหญิงสาวมากมายในการประกวดค้นหานางแบบ “ไทยซูเปอร์โมเดลคอนเทสต์ 2014” สาวน้อยวัย15 รายนี้สามารถเอาชนะใจกรรมการ และคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาครองได้สำเร็จ อะไรคือเสน่ห์ของเธอ วันนี้เราจะมาค้นหาคำตอบจากบทสนทนาที่จะทำให้รู้จักตัวตนของ “เบนซ์-วิลาสินี สาระวัน”

 
จากนางแบบตัวน้อย สู่ซูเปอร์โมเดลมืออาชีพ
 
แทบจะไม่อยากเชื่อว่าเธอคนนี้จะมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น เพราะจากลักษณะภายนอกที่เป็นผู้หญิงใบหน้าสวยคม สูง สง่า และยังพกความมั่นใจมาเกินร้อยบวกกับความคิดความอ่านที่น่าสนใจ ทำให้ผู้สัมภาษณ์คิดว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าช่างโตเกินกว่าอายุเสียเหลือเกิน



 
ย้อนกลับไปในตอนที่ประกวดเวทีไทยซูเปอร์โมเดล2014 เด็กสาวผู้นี้พกความมั่นใจมาเกินร้อย ท่ามกลางความมาดมั่นและเสียงเชียร์ ไม่แปลกที่เธอจะคว้ารางวัลมาครองได้อย่างไม่มีข้อกังขา สาวน้อยเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น บวกกับแววตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกว่าดีใจ ว่าตอนที่พิธีกรประกาศรางวัลเธอยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองได้รางวัลชนะเลิศและไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้
 
“ตอนที่ประกาศรางวัลชนะเลิศ ตอนนั้นเบนซ์ยังไม่รู้สึกตัว มารู้ตอนที่เดินปิดแพตเทิร์น ตอนนั้นรู้เบนซ์ก็ตกใจ อึ้งมากไม่คิดถึงว่าจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้เพราะไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องได้ที่1 เบนซ์คาดหวังแค่ขอติด10สุดท้ายก็พอ จะโชคดีตรงที่ลุคนางแบบเวลาเดินก็จะไม่ค่อยยิ้มเพราะเบนซ์เป็นคนยิ้มไม่สวย ส่วนสิ่งที่คิดว่าชนะใจกรรมการคงเป็นเพราะสีผิวที่โดดเด่น เพราะเบนซ์เป็นคนผิวแทน”
 
สาวน้อยเล่าต่อด้วยสีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ถึงการมาประกวดไทยซูเปอร์โมเดลในครั้งนี้ว่า มันคือความฝันครั้งยังเด็ก ที่อยากเจริญรอยตามรุ่นพี่ และอยากทำความฝันให้เป็นจริง เมื่อการประกวดเริ่มขึ้นจึงไม่รีรอที่จะคว้ามัน
 
“ตอนเด็กๆ เบนซ์ยังไม่มีแววทางด้านนี้ เพิ่งมามีตอนโตเพราะเห็นรุ่นพี่มาประกวดกันเยอะ หลายๆ คนเป็นนางแบบ ก็เลยมีความคิดอยากเข้าประกวดบ้าง เบนซ์มีความฝันว่าจะต้องมาประกวดเวทีนี้ตั้งแต่ ป.6 แต่ตอนนั้นอายุแค่ 11-12 ปี ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่สมัคร เวทีนี้คือต้องอายุ 15-24 ปี พอเบนซ์อายุ 15 ปุ๊บเลยมาประกวด
 
การมาประกวดไทยซูเปอร์โมเดลครั้งนี้เบนซ์เป็นคนอยากไปสมัครเอง เพราะมันคือความฝันตอนเด็กๆ คุณพ่อจะเป็นคนคอยสนับสนุนเลยพาไปสมัคร บรรยากาศตอนไปยื่นใบสมัครคนเยอะมากเลยค่ะ ประมาณ 700 กว่าคน เค้าก็จะคัดเรื่อยๆ ตอนนั้นเบนซ์ก็กลัวนะเพราะจากที่เห็นมีแต่ละคนสวยๆ สูงๆ หุ่นดีๆ กันทั้งนั้นเลย”



 
จะว่าไปแล้วในบรรดาเด็กสาวผู้มีความสามารถ เธอคือคนที่มีอายุน้อยที่สุดในการประกวด เพราะเธอมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ไม่ง่ายนักที่จะสามารถชนะใจกรรมการได้ แต่เพียงเธอคิดอยู่เสมอว่า เธอต้องทำได้และตั้งใจทำให้ดีที่สุด
 
“เบนซ์จะเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในกองประกวด ส่วนมากก็จะเป็นรุ่นพี่อายุ 17 ปี ขึ้น ตอนแรกๆ เบนซ์ก็กดดันค่ะ เพราะเราอายุน้อยที่สุด เราก็คิดว่าเราจะทำได้มั้ยนะ มีแต่รุ่นพี่ที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อน แต่อีกใจนึงเบนซ์ก็คิดว่าอายุมันเป็นเพียงตัวเลขแล้วก็ไม่สำคัญ มันอยู่ที่ว่าเราตั้งใจกับการประกวดครั้งนี้มากขนาดไหน เราก็ทำมันให้เต็มที่ดีกว่า พกความมั่นใจมาเต็มร้อย ท่องไว้เสมอว่าเราทำได้ แล้วต้องมีความมั่นใจในตัวเองด้วยค่ะ
 
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มาดมั่น และยังบอกเล่าถึงบรรยากาศในกองประกวด ด้วยสีหน้าตื่นเต้นให้ฟังอีกว่ารู้สึกชอบที่ได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมหลายๆ อย่างเพราะเธอถือว่านั่นคือการท้าทายความสามารถอีกอย่างหนึ่ง
 
“บรรยากาศในการประกวดจะเป็นคอร์สเรียนค่ะ มีอาจารย์มาสอนเรียนเดินแบบ เรียนการแสดง เรียนแต่งหน้า เรียนต่อยมวย ออกกำลังกายค่ะ แต่ที่ชอบที่สุดคือเรียนต่อยมวย ที่จริงเบนซ์เป็นคนต่อยมวยไม่เป็นแต่พอเรียนแล้วมันสนุกมาก มีเจ็บตัวกลับมาบ้านบ้าง แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายดีค่ะ
 
เรียนการแสดงเบนซ์ก็ชอบค่ะ เค้าก็จะให้บทมาอ่าน ให้เราอ่านทำความเข้าใจแล้วก็มาแสดงให้ดู เบนซ์ได้บทในละครเรื่องสุสานคนเป็น รับบทเป็นป้าที่ต้องช่วยหลาน ที่กำลังจะคิดสั้นแล้วโกรธเอาปากกาแทงหมอน เบนซ์ต้องเป็นคนเข้าไปห้าม ตอนนั้นเบนซ์เล่นได้นะคะ ชอบมากสนุกมากค่ะ”







 
เธอมองว่าการประกวดในครั้งนี้ เธอได้อะไรจากเวทีนี้กลับไปมากมาย ทั้งประสบการณ์ การเรียนรู้ การเดินแบบ และมิตรภาพดีๆ ที่หาไม่ได้จากที่ไหน เธอไม่เคยคิดว่าเพื่อนๆ ที่เข้ามาประกวดด้วยกันนั้นจะเป็นคู่แข่ง เพราะทุกคนมีความฝันเหมือนกัน
 
เบนซ์ไม่เคยคิดว่าเพื่อนๆ กับเราเป็นคู่แข่งกัน เพราะทุกคนก็มาตามหาความฝันเหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วเบนซ์เป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ไม่ค่อยพูด พี่ๆ จะชอบแซว แซวว่าเบนซ์นิ่งไม่ค่อยคุยกับใคร ประมาณ1เดือน เบนซ์ถึงจะเริ่มพูด พี่ๆ เลยจะบอกว่า เดี๋ยวนี้พูดมากนะ (หัวเราะ)”




ลุยๆ แมนๆ นี่แหละตัวฉัน!
 
จากภายตัวตนภายนอกของเธอ ถึงแม้จะดูเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ไม่ค่อยคุย แต่ภายใต้ความเงียบขรึมนั้นจริงๆ แล้ว ถ้าเธอสนิทกับใครมากๆ แล้ว เธอจะเป็นคน พูดเก่ง เฮฮา ถึงขึ้นเป็นตัวแสบของห้องเรียนเลยทีเดียว
 
“ความจริงแล้วถ้าเบนซ์สนิทกับใครแล้วจะเฮฮามาก จะชอบแกล้งเพื่อน ตอนนั้นเล่นกันในห้องน้ำก็จะเอาสายยางมาฉีด เปียกกันหมดเลย พออาจารย์จับได้ก็โดนว่าโดนทำโทษ วิ่งรอบสนาม 5 รอบ แต่เบนซ์ก็ไม่ได้คิดมากนะคะ เพราะเบนซ์คิดว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว แล้วก็ต้องรอลุ้นวันประชุมผู้ปกครอง ว่าอาจารย์จะบอกคุณพ่อรึเปล่า (หัวเราะ)”



 
เห็นเจ้าตัวหุ่นดีและผอมขนาดนี้ จนเพื่อนๆ ตั้งฉายาให้ว่า “แห้ง” แต่ใครเล่าจะรู้ว่าความจริงแล้วเธอนั้นเป็นนักกินตัวยงเลยก็ว่าได้ เพราะเธอนั้นชอบกินขนมหวานเป็นอย่างมาก และกินข้าวมื้อละ 2 จาน เลยทีเดียว
 
ทว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เพราะเมื่อถึงวันหยุดทีไร เธอกลับใช้เวลาว่างทั้งหมดไปกับการเล่นกีฬาและออกกำลังกาย ผู้สัมภาษณ์เลยไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดเธอจึงมีหุ่นดีเช่นนี้
 
“เบนซ์ไม่ค่อยชอบไปเที่ยวดูหนังค่ะ เวลาส่วนมากจะหมดเวลาไปกับการเล่นกีฬากับเพื่อน ถ้ามีเวลาว่างกับครอบครัว ก็จะไปทานข้าว ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแถวบ้าน เพราะช่วงเย็นๆ เค้าจะเปิดเพลงเต้นแอโรบิกเบนซ์ก็จะไปเต้นด้วยบ้าง
 
เบนซ์ชอบเล่นวอลเลย์บอลมาก เวลาเลิกเรียนจะใช้เวลาหมดไปกับการเล่นวอลเลย์บอลเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้เบนซ์กำลังฝึกซ้อมอยู่ด้วย เพราะกำลังจะไปแข่งกีฬาสีและแข่งของห้องค่ะ”



 
นอกจากการเล่นกีฬาแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความชอบไม่แพ้กัน นั่นคือการเรียนถ่ายรูปนั่นเอง เริ่มจากที่เจ้าตัวเป็นแบบให้กับรุ่นพี่ เลยอยากจะลองถ่ายคนอื่นดูบ้าง
 
“มีรุ่นพี่ที่โรงเรียนเค้าชวนให้ไปเป็นแบบค่ะ พอเห็นเค้าถ่ายเลยอยากลองบ้างค่ะเพราะเบนซ์ให้คนอื่นถ่ายมาเยอะแล้วอยากลองถ่ายคนอื่นดูบ้าง(ยิ้ม) กล้องที่ใช้ถ่ายจะเป็นDSLR แบบที่ช่างภาพถ่ายเลย แต่แนวภาพที่เบนซ์ถ่ายส่วนใหญ่ก็จะเป็นวิว เป็นธรรมชาติมากกว่า
 
เบนซ์ก็คิดว่าถ่ายออกมาสวยพอประมาณนะคะ เพราะเรียนมา พี่เค้าก็สอน อนาคตก็อยากลองซื้อกล้องมาถ่ายเองบ้าง อยากได้เป็นกล้องตัวใหญ่ เพราะตอนนี้ยังไม่มีกล้องเป็นของตัวเองเลย ที่ใช้อยู่ก็จะเป็นกล้องของชมรมถ่ายภาพที่โรงเรียนค่ะ”
 
แลกกับความมีชื่อเสียงความโด่งดัง แน่นอนว่าเวลาส่วนตัวและการเรียนของเธอต้องน้อยลงตามมาแน่นอน แต่เธอกลับไม่เป็นกังวล เพราะเธอคิดว่าเธอสามารถแบ่งเวลาเรียนได้ และสามารถทำทุกอย่างไปพร้อมๆ กันได้
 
“เรามาอยู่จุดนี้ ก็ต้องเรียนหนักกว่าเพื่อน วันไหนเราไม่มีงานเราก็จะไปเรียนตามปกติ อาจารย์สอนก็ต้องตั้งใจฟัง มีการบ้านก็ต้องรีบกลับมาทำ แต่ถ้าเบนซ์เรียนไม่ทันเพื่อนจริงๆ ก็จะหาที่เรียนพิเศษค่ะ แต่เบนซ์โชคดีที่มีเพื่อนคอยช่วย เพื่อนก็จะเก็บชีทไว้ให้ ถ้าอาจารย์ช่วยได้ก็จะช่วยค่ะ”



 
ครอบครัวไม่สมบูรณ์ ใครว่าไม่อบอุ่น?
 
ด้วยความที่เธอเกิดมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบพ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่เธอกลับไม่รู้สึกขาดตรงจุดๆ นั้น พ่อของเธอทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ทำให้เธอรู้สึกว่าครอบครัวเล็กๆ ของเธอถึงแม้ไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็อบอุ่นได้เช่นกัน
 
“คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เบนซ์อยู่อนุบาล เบนซ์จะอยู่กับคุณพ่อ คุณย่า แล้วก็น้องสาวค่ะ ถ้าว่างก็ไปหาคุณแม่ หรือบางทีคุณแม่ก็มาหา เบนซ์มีพี่น้อง3คน พี่ชายจะอยู่กับคุณแม่ ส่วนน้องกับเบนซ์จะอยู่กับคุณพ่อ เบนซ์เลยจะสนิทกับคุณพ่อมากว่าค่ะ
 
เบนซ์ไม่เคยคิดว่าถ้าเบนซ์โตมาแล้วจะเป็นเด็กมีปัญหา เพราะคุณพ่อทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เบนซ์ไม่เคยรู้สึกขาด แต่ถ้ามีคนมาพูดว่าเราเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เราก็ห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้อยู่แล้วค่ะ เราแค่ทำตัวของเราให้ดีที่สุดพอ”
 
เมื่อถามถึงครั้งที่ประกวด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสำเร็จในครั้งนี้มาจากครอบครัว ที่มีส่วนช่วยให้เธอนั้นมาถึงจุดๆ นี้เธอกล่าวต่อว่าครอบครัวจะให้กำลังใจเสมอ คอยบอกตลอดว่าถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พ่อและแม่ของเธอไม่เคยคาดหวังว่าเธอจะต้องชนะการประกวดมีแต่จะบอกว่าให้เธอทำให้เต็มที่
 
แน่นอนว่าเมื่อเธอได้ตำแหน่ง ความฝันของเด็กสาวเป็นจริง ตัวเธอและครอบครัวของเธอคงภูมิใจมิใช่น้อย และคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเธอคือพ่อ เธอภูมิใจมากเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า



 
“หลังจากได้ตำแหน่ง คุณพ่อดีใจมากค่ะเพราะตามไปเชียร์ทุกรอบ คุณพ่อชอบไปพูดอวดเบนซ์กับเพื่อนเค้า ตั้งแต่ตอนเข้าไปสมัคร และเริ่มประกวด คุณพ่อก็จะตามถ่ายรูปเบนซ์ตลอด และอัปรูปเบนซ์ในเฟซบุ๊กบ่อยมาก เรียกได้ว่าอัปทุกวันเลยค่ะ การชนะการประกวดไทยซูเปอร์โมเดล เป็นเรื่องที่เบนซ์ประทับใจที่สุดในชีวิต เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อภูมิใจในตัวเรา (อมยิ้ม)
 
เธอถูกเลี้ยงมาแบบไม่เคยโดนบังคับ ไม่ว่าเธออยากเรียนด้านไหน หรืออยากเป็นอะไร ด้วยความที่เป็นทั้งลูกสาวที่สวยเก่งและมากความสามารถขนาดนี้ ไม่แปลกที่พ่อของเธอจะหวง ถึงขั้นแอบตามเธอขณะที่เธอไปเที่ยวกับเพื่อน
 
“วิธีการสอน ท่านก็ไม่ได้สอนแบบตามใจเรา แต่จะเป็นห่วงเราตลอด คุณพ่อไม่เคยห้ามหรือสั่งให้เบนซ์เรียนในสิ่งที่เบนซ์ไม่ชอบ แต่จะให้เบนซ์เรียนแบบที่อยากเรียนและคิดว่าเรียนได้ เค้าจะตามใจในเรื่องเรียนมากกว่า แต่เรื่องอื่นจะหวงมาก
 
คุณพ่อไม่ชอบให้ไปเที่ยว เค้าจะเป็นห่วง มีครั้งหนึ่งเบนซ์ไปดูหนังกับเพื่อน พ่อก็จะถามว่าดูที่ไหน พอสักพักเค้าโทร.มาบอกว่าอยู่ที่เดียวกันนะ เลยรู้ว่าคุณพ่อแอบตามมาทีหลัง พอรู้เบนซ์ก็ตกใจมากค่ะ (หัวเราะ) เมื่อก่อนตอนเด็กก็คิดค่ะ ว่าทำไมพ่อถึงห้ามไม่เห็นเหมือนเพื่อนคนอื่นๆเลย พอโตขึ้นก็รู้ค่ะว่าพ่อเป็นห่วงเรา”



 
พื้นที่ส่วนตัวของลูกก็คือของพ่อด้วย
 
เห็นคุณพ่อกับคุณลูกมีมุมน่ารักๆ แบบนี้แล้ว แต่ใครเล่าจะรู้ว่า 2 พ่อลูกจะมีเรื่องราวที่แอบดรามาอยู่เหมือนกัน เมื่อครั้งหนึ่งเธอติดเพื่อนมาก จนกลายเป็นเด็กดื้อที่ไม่ฟังคำสั่งสอนของพ่อ และทำให้การเรียนตก
 
“ตอน ม.1 ก็จะติดเพื่อนกลับบ้านไม่ค่อยตรงเวลา เพราะเพิ่งรู้จักเพื่อนใหม่ กำลังเห่อเพื่อนใหม่เลยค่ะ ก็จะไปเดินห้างหลังเลิกเรียน หรือไม่ก็อยู่ที่โรงเรียนเล่นกีฬากับเพื่อนเลยกลับบ้านไม่ตรงเวลา พอกลับบ้านมาชอบแชตดึกๆ กับเพื่อน ทำให้เรียนเกรดตก
 
โดนคุณพ่อดุบ่อยมากค่ะ ส่วนมากที่ดุจะเป็นเพราะเบนซ์ไม่ค่อยฟัง พูดอะไรมาก็เถียง บางทีเราก็ชอบคิดว่าทำไมผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเรา พอเบนซ์เถียงไปคุณพ่อก็จะเงียบ เบนซ์เลยรู้สึกผิดและก็คิดได้ว่าเป็นเพราะเค้าห่วงเรามากกว่า สุดท้ายเบนซ์ก็จะเป็นคนเข้าไปขอโทษคุณพ่อ
 
โซเชียลเน็ตเวิร์กกับวัยรุ่นเป็นของคู่กัน พ่อที่เป็นห่วงและหวงลูกสาวขนาดนี้จึงตามดูความเคลื่อนไหวของเธอชนิดไม่ให้คลาดสายตาแม้ในเฟซบุ๊ก แต่เธอกลับไม่ได้มองว่าพ่อจะก้าวก่ายชีวิตของเธอมากเกินไป
 
“คุณพ่อจะมีรหัสเฟซบุ๊กของเบนซ์อยู่แล้วค่ะ พ่อจะชอบเข้าไปดู แต่เบนซ์เป็นคนไม่มีความลับอะไรกับคุณพ่ออยู่แล้ว มีอะไรจะบอกทุกอย่าง จะปรึกษาทุกเรื่อง เบนซ์ไม่เคยรู้สึกอึดอัดที่มีพ่อคอยมาตามดูความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ก
 
คุณพ่อไม่ได้มาตอบแชตแทนเรา เค้าก็แค่เข้ามาดูว่าวันนึงเราทำอะไรบ้างของน้องก็ดูค่ะ ดูทั้งคู่เลย แต่ก็จะมีเรื่องที่คุณพ่อไม่ชอบบ้าง เช่น เวลาลงรูปไม่สวยเค้าก็จะตามลบให้ ตอนนั้นเบนซ์ลงรูปที่เน้นวิวซึ่งจะติดเบนซ์มาแค่หน่อยนึง แต่คุณพ่อไม่เข้าใจก็ให้ลงรูปใหม่”
 
ส่วนการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น ตัวเธอยากให้ทุกคนเล่นอย่างระมัดระวัง เพราะเธอเคยถูกหลอกมาแล้วในเรื่องของการสั่งซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ต
 
“เรื่องเล่นโซเชียลฯ เบนซ์ก็ติดนะคะ มันก็มีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดีคือสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว ผลเสียก็คือถ้าเราเล่นนานๆ สายตาเราก็จะเสีย การเรียนก็จะเสียด้วย อีกอย่างต้องระวังในเรื่องของการสั่งซื้อของในอินเทอร์เน็ต แนะนำว่าถ้าบ้านอยู่ใกล้กันให้นัดดูของดีกว่าค่ะ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกหลอกได้
 
เบนซ์เคยเจอมากับตัวสั่งซื้อกางเกงในอินสตาแกรม ดูในรูปมันเป็นไซส์ใหญ่พอดีกับเรา แต่พอได้ของมามันเป็นไซส์แบบเด็กประถมใส่ ยัดไม่เข้าเลยค่ะ ทำอะไรไม่ได้ เพราะติดต่อแม่ค้าไม่ได้แล้ว คือบางทีที่เราซื้อของเราก็จะไว้ใจ ไม่ได้คิดว่าแม่ค้าจะหลอกเรา เบนซ์เข็ดเลยค่ะ ส่วนมากก็จะไปเดินซื้อเองมากกว่า”




ความฝัน ที่ไม่ไกลเกินฝัน
 
มุมมองนางแบบของเด็กสาวผู้นี้คือ การเป็นไม้แขวนเสื้อพรีเซ็นต์เสื้อผ้าให้ออกมาดูดีที่สุด สวมใส่อย่างไรแล้วให้คนสนใจมากที่สุด และเมื่อถามถึงความฝันอยากเป็นนางแบบระดับโลกหรือไม่? เธอกล่าวว่าด้วยความที่อายุยังน้อย จึงอยากลองหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ
 
การที่จะไปอยู่จุดนั้นได้ ต้องอาศัยประสบการณ์ แล้วก็ฝึกฝนพัฒนาการไปเรื่อยๆ ถามว่าถ้ามันยากมั้ยก็ยากค่ะ แต่ถ้าเราตั้งใจที่จะทำมันก็ทำได้ ส่วนในเรื่องของโอกาสการที่จะไปถึงจุดๆ นั้น เบนซ์ก็คิดว่ามีค่ะแต่มันก็ต้องอยู่ที่ตัวเราด้วย
 
เบนซ์มองว่าเสน่ห์ของการเป็นนางแบบคือ สูง ลุคคมๆ เพราะนางแบบไม่ต้องยิ้มก็ได้ ส่วนเสน่ห์ของตัวเอง เบนซ์ชอบที่สุดก็คือสีผิวค่ะเบนซ์มีผิวสีแทน แล้วลุคเบนซ์จะต้องนิ่งๆ นิ่งแล้วดูดี เพราะเบนซ์เป็นคนยิ้มไม่สวย”
 
หลังจากได้ตำแหน่งชีวิตเธอก็เปลี่ยนไปมาก มีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น แต่เธอกลับไม่มองว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตส่วนตัวเธอลดลงหรือหายไป แต่เธอกลับรู้สึกมีความสุขมากขึ้นด้วยซ้ำที่หลายคนยังจำเธอได้
 
“รู้สึกดีค่ะ ชอบนะที่มีคนรู้จักเราเยอะขึ้น มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป เวลาไปโรงเรียนก็จะมีเพื่อนๆ อาจารย์ก็มาขอถ่ายรูป อะไรที่ยังชินก็คงจะเป็นเรื่องยิ้มค่ะ เพราะเบนซ์เป็นคนไม่ค่อยยิ้มก็ต้องเปลี่ยนบุคลิกใหม่ ก็จะมีแค่เรื่องนี้ที่ติดอยู่เรื่องเดียว ต้องเฮฮาให้มากกว่านี้ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะเบนซ์ไม่หยิ่งถ้าสนิทแล้วเบนซ์ก็จะเฮฮามาก จะพูดมากเลยค่ะ (อมยิ้ม)”



 
ทว่าความฝันของสาวน้อยคนนี้ไม่ได้มีเป้าหมายสูงสุดเป็นแค่นางแบบเท่านั้น เธอยังมีความฝันที่อยากเป็นสัตวแพทย์อีกด้วยเพราะที่บ้านเธอเลี้ยงสัตว์ เธอจึงคลุกคลีกับมันและเป็นคนรักสัตว์มาตั้งแต่เด็ก
 
“ที่บ้านเลี้ยงแมวอยู่ 3 ตัว ค่ะ เลี้ยงตั้งแต่มันเล็กๆ ตั้งแต่เบนซ์อยู่ประถมเลย แมวที่บ้านเคยโดนรถชน แล้วก็ตกตึก ตอนนั้นรู้สึกสงสารมาก เบนซ์ตั้งใจไว้ว่าขึ้นม. 4 เบนซ์จะเรียนสายวิทย์คณิตเพราะว่าอยากเป็นสัตวแพทย์จะได้ช่วยเหลือสัตว์ค่ะ เบนซ์จะตั้งใจเรียน เพราะเบนซ์อยากเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ถ้าเอนทรานซ์ไม่ติดตามที่ฝันไว้ ก็จะเรียนนิเทศศาสตร์ค่ะ เพราะเบนซ์ก็รักการถ่ายภาพอีกอย่างหนึ่ง”
 
ส่วนงานในวงการบันเทิงนั้น เธออยากลองหาประสบการณ์ในหลายๆ ด้าน อย่างการประกวดนางงาม หรือการเป็นนักแสดง เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพให้กับตนเอง
 
“งานตอนนี้ที่มีติดต่อก็จะมีสัมภาษณ์อย่างเดียว งานในวงการบันเทิงที่อยากทำนอกจากการเป็นนางแบบ เบนซ์อยากลองหลายๆ ด้านเพราะจะได้หาประสบการณ์ ทั้งพิธีกร ดีเจ แต่ที่อยากลองที่สุดเบนซ์อยากแสดงละครค่ะ เบนซ์อยากเล่นบทนางร้ายเพราะมันดูท้าทายดีค่ะ แต่เรื่องการเรียนก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต จะไม่ทิ้งการเรียนแน่นอนค่ะ
 
สำหรับคนขี้อายหรือไม่กล้าที่จะตามหาความฝัน หากรู้ตัวว่าชอบอะไรก็ควรที่จะฝึกฝน และมีความมั่นใจในตัวเอง ที่สำคัญที่สุดต้องมั่นใจว่าเราทำได้ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองมาประกวด และถ้าเกิดไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจนะคะ เพราะโอกาสยังมีอีกเยอะลองมาใหม่ครั้งหน้า เพราะอายุน้อยมาได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว สาวน้อยกล่าวทิ้งท้าย

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : เบนซ์-วิลาสินี สาระวัน
อายุ : 15 ปี
ส่วนสูง : 173 ซม.
น้ำหนัก : 46 กก.
การศึกษา : ม.3 โรงเรียนศรีอยุธยา

สัมภาษณ์โดย ASTV ผู้จัดการ Lite
เรื่อง: กรกนก วงษ์สุวรรณ
ภาพ: ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพบางส่วน: www.tsm.ch7.com, www.facebook.com/sanya.salawan




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!

และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น