xs
xsm
sm
md
lg

สำลักความสุข! “สติกเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการ” แจกเพื่อ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงเมื่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ออกโรงเข็นสติกเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการด้วยงบกว่า 7 ล้านบาท! มีส่วนคอร์รัปชันหรือเปล่า? หรือจะเรียกค่าส่วนต่าง? กับเงินภาษีประชาชนที่หมดไปสิ่งนี้คุ้มค้าหรือเปล่า? หลายคนสงสัยไปถึงขั้นว่า แจกสติกเกอร์เหล่านี้ไปเพื่ออะไร?

สติกเกอร์ไลน์ฟรีจากภาษีประชาชน!

หลังกระแสข่าวการจัดทำสติกเกอร์ไลน์ของกระทรวงไอซีที หลายคนหวาดหวั่นว่าจะเป็นอีกโครงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำของหน่วยงานที่ได้ชื่อว่า เหลวไหลเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ มาถึงตอนนี้เว็บไซต์ของกระทรวงไอซีทีก็ได้มีการเผยแพร่เอกสารจัดซื้อจัดจ้างซึ่งแสดงวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรและราคากลาง (ราคาอ้างอิง) ในการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ใช่งานก่อสร้างของโครงการจ้างเหมาจัดทำ Line sticker เพื่อเผยแพร่ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ประกาศเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2557 โดยมีวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรทั้งหมด 7,117,400 บาท ลงวันที่กำหนดราคากลาง 9 ธ.ค.2557 เป็นเงิน 7,117,353.24 บาท ระบุแหล่งที่มาของราคากลาง (ราคาอ้างอิง) ว่ามาจากใบเสนอราคาของ Line Company (Thailand) Limited


งบประมาณที่สูงถึง 7 ล้านกว่าบาทกลายเป็นประเด็นที่สังคมถกเถียงและมองไปในทางเดียวกันว่า เป็นค่าใช้จ่ายที่แพงเกินจำเป็น กระทั่งครหาถึงขั้นว่าอาจมีการคอร์รัปชันเกิดขึ้นในโครงการนี้

“การใช้งบประมาณ มีไม่กี่ครั้งหรอกครับที่ ไม่เหมาะสมและไม่คุ้มค่า แพงเกินไปกับประโยชน์ที่ได้รับ จะมีแค่2ครั้งเอง คือ ครั้งแล้ว กับครั้งเล่า...”
 
“ถามหน่อยมั้ยว่าอยากโหลดป่าว#ตอบสิตอบ”

“สติกเกอร์ไลน์ทองคำ (ตรวจสอบแล้วไม่พบว่าทุจริตแค่ส่วนต่างเยอะ...555)

“ก็คงต้องโหลดกันแหละครับ เพราะภาษีเราทั้งนั้น”

“สติกเกอร์ 7 ล้าน....บางคนเขาทำหมดไม่ถึงแสนนะ / มั้ง”

“ทำเพลง ทำหนัง ทำสติกเกอร์ เหลืออะไรอีก อ๋อ เกมส์ เกมส์ออนไลน์เลยไหมครับ”

“พวกอวยรัฐบาลทหารก็อวยอยู่นั่น เรื่องที่ควรทำไม่ทำ หุ้นร่วง ท่องเที่ยวพัง ค้าขายแย่สุดๆ ยังจะเอาเงินภาษีไปละลายน้ำ ตั้งแต่ไร่ละ 1 พัน ตอนนี้ยังจ่ายไม่ครบเลย ประชาชนจะอดตายกันหมดแล้ว ปีหน้าขึ้นภาษีอีก”

สติกเกอร์ไลน์ราคา 7 ล้าน!

ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามกันมากที่สุด คงหนีไม่พ้นงบประมาณการจัดทำสติกเกอร์ไลน์ที่สูงถึง 7 ล้านบาท หลายคนมองว่าเป็นมูลค่าที่สูงเกินไป อีกทั้งยังอาจจะไม่ก่อประโยชน์มากนักจากการใช้เงินภาษีของประชาชน
ทว่าในการทำการตลาดผ่านไลน์หากมองในมุมการตลาดแล้วราคาการเปิดตัว Official Account และ Sponsored Sticker Shop จะอยู่ที่ประมาณ 4 ถึง 5 ล้านบาท สำหรับสำหรับ Sponsored Sticker 1 ครั้ง และ Offical Account 12 เดือน (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) ซึ่งหากเทียบกับการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียอื่นๆ ไลน์ถือว่ามีราคาที่ถูกและคุ้มค่ากว่า

พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ หรือหนุ่ย IT กูรูด้านเทคโนโลยี เผยว่า จากงานสัมมนาใช้ไอทีทำเงินซึ่งมีการเชิญตัวแทนจากไลน์ประเทศไทยมาพูด โดยมีการระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการทำสติกเกอร์ไลน์แจกฟรีนั้นอยู่ที่ 7 ล้านบาทจริง

“เราเคยตกใจกับราคาที่สูงถึง 7 ล้านบาทมาแล้ว คือทางไลน์คิดจากฐานคนใช้ซึ่งปัจจุบันมันมีคนใช้ 35 ล้านราย พอคนใช้มันพุ่ง สติกเกอร์มันก็แพงขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกทำสติกเกอร์ใช้เงิน 2 ล้านบาท ตอนนี้ราคามันก็เขยิบขึ้นมา”

โดยราคาที่เปิดเผยจากหนังสือราชการนั้นก็ไม่ได้ต่างจากที่รับรู้กันในแวดวงไอทีหรือคนที่ทำการตลาดผ่านสติกเกอร์ไลน์ กูรูไอทีเผยถึงสาเหตุของราคาที่แพงจนหลายคนต้องตกใจว่า เพราะทางไลน์มีการคำนวณว่า การทำการตลาดดังกล่าวได้ผลในเชิงของสมาชิกอย่างชัดเจนและรวดเร็ว

“ยอดคนติดตามมันเพิ่มขึ้นทันที 7 - 8 ล้านคนต่อการออกสติกเกอร์ครั้งหนึ่ง ซึ่งในเชิงของการสื่อสารการตลาดต้องถือว่าคุ้มนะ เพราะมันคือคนละบาท คือจ่ายค่าสมาชิกคนละบาทถือว่าจิ๊บจ้อยมาก”

ประเด็นเรื่องราคาการทำสติกเกอร์ไลน์จึงถือว่ามีความสมเหตุสมผลอยู่ แต่ทว่าสิ่งสำคัญคือความคุ้มค่าที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนครั้ง 7 ล้านบาทที่จะปลูกฝังค่านิยม 12 ประการได้จริงหรือไม่?

พงศ์สุข มองว่า การจัดสติกเกอร์ไลน์นั้นมีต้นทุนที่สูงเพราะเป็นเครื่องมือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงคนหมู่มากได้อย่างรวดเร็ว โดยทุกวันนี้แม้การจ่ายเงินซื้อสติกเกอร์ไลน์อาจจะลดกระแสลงแล้ว แต่หากมีลายที่สวยและโดน ก็ยังมีผู้ซื้อโหลดใช้งานอยู่ และกลายเป็นกระแสนิยมได้เช่นกัน

“ส่วนที่บอกว่า ไลน์สติกเกอร์มีความนิยมที่ลดลงไปแล้ว ผมคิดว่า ยังไงคนก็ยังแชตไลน์อยู่ โอเค คนอาจจะไม่ได้โหลดสติกเกอร์กันอย่างบ้าคลั่งเหมือนสมัยก่อน แต่ถ้ามีสติกเกอร์สวยๆ โดนๆ มันก็เป็นกระแสได้ อย่างไม่นานมานี้ก็มีสติกเกอร์ไลน์มานะ มานีออกมาคนก็โหลดก็ซื้อกันเพราะว่ามันสวย หรือเร็วๆนี้มีสติกเกอร์ไลน์พระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพฯ คนก็ซื้อเพราะมันอาร์ต เพราะพระเทพฯท่านมีลายเส้นชัดเจนเป็นสไตล์ของท่าน คือผมว่า อย่าทำให้มันติงต๊องมาก เพราะถ้าทำออกมาแล้วมันไม่สวยมันจบไง”

ทั้งนี้ โจทย์ในเรื่องของค่านิยม 12 ประการนั้นถือเป็นโจทย์ที่แปลก เขามองว่า รายละเอียดในการดีไซน์สติกเกอร์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหากไม่สวย ไม่เหมาะกับการใช้งาน ไม่สามารถแสดงอารมณ์ได้มันก็เปล่าประโยชน์

“มันต้องดูอีกทีว่า สติกเกอร์ที่กระทรวงไอซีทีจะทำออกมามันจะสวยจนน่าใช้ขนาดไหน เพราะถ้ามันไม่น่าใช้อันเนื่องมาจากมันไม่ตอบโจทย์ให้คนไปกดแสดงอารมณ์ได้ก็เปล่าประโยชน์ มันอยู่ที่ดีไซน์ ผมไม่ติเรื่องราคาเพราะผมทราบว่ามันแพงแบบนี้ แต่ผมให้ข้อควรระวังเรื่องดีไซน์ที่จะออกมา

“เพราะขึ้นชื่อว่าค่านิยม 12 ประการ คืออะไรก็ตามที่มันสอนใจคน มันต้องไม่สอนตรงๆ ถ้าสอนตรงๆ คนไม่เอา มันต้องมาพร้อมความสนุก ฉะนั้นถ้าดีไซเนอร์สามารถประยุกต์ได้คือเอาค่านิยม 12 ประการให้สื่ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมันอาจจะดีได้”

ท้ายที่สุดกูรูด้านไอทียังคงแสดงความเห็นในประเด็นการออกแบบลายสติกเกอร์ที่ออกมา เพราะด้วยความเป็นราชการนั้นบางครั้งอาจมีการออกแบบที่อาจมีความเป็นราชการซี่งไม่มีชั้นเชิงในความสวยงาม

“ผมกังวลที่ว่าลายมันจะสวยพอให้คนใช้หรือเปล่า กลัวว่ามันจะกลายเป็นงานราชการง่อยๆ ออกมา ซึ่งอันนี้ต้องไหว้วานเลย คือผมก็พูดดักไว้ถ้าทางผู้จัดทำมาเห็นก่อนเขาก็ต้องพัฒนาให้ลายมันสวยมากๆ”

แจกเพื่อ?

อีกประเด็นที่หลายคนวิจารณ์คือความคุ้นค่าหรือประสิทธิภาพของสติกเกอร์ไลน์ที่หวังจะให้มีการปลูกฝันค่านิยมทั้ง 12 ประการนั้นเป็นการสูญเงินเปล่าหรือไม่ ดร.นักรบ ดำเอี่ยม คณะรัฐประศาสนศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ให้ความเห็นว่า การสื่อสารผ่านช่องทางของสติกเกอร์ไลน์นั้นถือเป็นช่องทางการสื่อสารที่คนนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน จึงถือเป็นช่องทางหนึ่งที่รัฐจะเข้าถึงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เบื้องต้นคือไลน์ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเยอะ พอผู้ใช้เยอะ ผู้มีอำนาจหรือผู้นำก็พยายามที่จะรณรงค์สร้างความนิยมของตัวเองในทุกช่องทางเท่าที่จะทำได้ ซึ่งช่องทางหนึ่งที่เขาใช้กันก็คือการใช้โซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กหรือไลน์”

ปัจจุบันการใช้ไลน์ในการทำการตลาดนั้นมีบริษัทมากมายหันมาใช้ช่องทางนี้ในการทำการตลาด จึงไม่แปลกหากว่ารัฐบาลจะหันมาใช้ช่องทางดังกล่าว แต่กับข้อจำกัดที่สติกเกอร์ไลน์สามารถส่งได้เพียงข้อความสั้นๆ กับภาพนั้น การจะหวังผลในเชิงรัฐศาสตร์ให้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาชนนั้นอาจไม่ประสบผล

“ผมเชื่อว่าคนต้องโหลดมาใช้แน่นอน แต่ในแง่ของผลกระทบ ผมยังไม่มีความมั่นใจว่าคนในสังคมจะคล้อยตาม เพราะในการส่งสติกเกอร์เหล่านี้มันเป็นในลักษณะของความบันเทิงเสียมากกว่าคำที่ใช้ก็มักจะเป็นศัพท์วัยรุ่น การสื่อสารก็มีข้อจำกัดในทางเทคนิคที่เป็นข้อความที่สั้นๆ

“ดังนั้นในการที่จะส่งหรือมีผลกระทบในแง่ของจิตสำนึกในการที่ปฏิบัติหรือคล้อยตาม ผมว่ายังเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปได้น้อยมาก ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมา ในส่วนของผมคิดว่า อาจจะมีส่วนบ้าง แต่คงไม่เยอะ”

และด้วยธรรมชาติของการใช้สติกเกอร์ไลน์ที่มีลายใหม่ก็โหลดมาใช้ใหม่ การใช้สื่อของสติกเกอร์ที่ทางรัฐจัดทำจึงมีความเป็นกระแสนิยมมากกว่าการทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างคงทนถาวรที่จะหวังผลได้ในระยะยาว เขามองว่า สิ่งที่เกิดจึงไม่คุ้มค่ากับตัวเงินที่เสียไปเท่าใดนัก

“ในส่วนมูลค่าที่ว่าสิ้นเปลืองมันเป็นมุมมองของแต่ละคน แต่ผมประเมินในแง่ของผลกระทบต่อสังคมที่สติกเกอร์มันจะปลูกฝังจิตสำนึกให้คนรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำตามค่านิยม 12 ประการ ผมว่า มันยังไม่ผ่าน มันยังไม่คุ้มค่า ผมมองว่ารัฐบาลควรรุกในทางปฏิบัติมากกว่า ไม่ควรจะไปลงที่สติกเกอร์ไลน์”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!

และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754





กำลังโหลดความคิดเห็น