จนท.ตรวจเข้มก่อน “ประยุทธ์” ขึ้นปาฐกถาอาชีวะ กันซ้ำรอย 3 นิ้วป่วน นายกฯ เผยมีความสุขมองเห็นอนาคตชาติ รับงานหนักแต่ทำด้วยใจ ยอมเจ็บให้คนมองมา ย้ำต้องขจัดขัดแย้ง ฝากค่านิยม 12 ประการ ขออาชีวะเลิกตีกันมาพัฒนาชาติ สร้างทัศนคติ ปชช.ในการทำงานใหม่ ยกอาชีวะมีผล ศก. แต่ขาดแคลนแรงงาน แจง ศก.พิเศษทั้ง 5 เขต มีทุกอย่างครบวงจร ภาษาที่ 3 จำเป็น สื่อต้องไร้ผลประโยชน์
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ผู้เรียนอาชีวศึกษา คือผู้ทรงคุณค่าของสังคม” ในงานอาชีวศึกษาทวิภาคีไทย ความร่วมมือของภาคอุตสาหกรรม ร่วมกับสำนักงานอาชีวศึกษาจัดขึ้น และมีนักศึกษาอาชีวะจากทั่วประเทศร่วมงาน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้มีความสุขเพราะมองเห็นอนาคตประเทศไทย และการเดินทางไปต่างประเทศก็ได้ไปแสดงให้เห็นว่าเรามีอะไร การเปิดอาเซียนไทยค่อนข้างจะมีความได้เปรียบ และเราต้องใชัโอกาสให้เต็มที่ด้วยการพัฒนา โลยวันนี้ต้องมีความเชื่อมโยง ขณะเดียวกัน ไทยถือว่าโชคดีที่ความขัดแย้งยังไม่มากนัก ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคมถือเป็นวิกฤต แต่ก็ต้องเดินหน้าประเทศ โดยทุกคนต้องรู้ปัญหา เพราะไทยหยุดประเทศมานานแล้ว จึงจำเป็นต้องยุติความขัดแย้ง การจะยุติได้ไม่ใช่ด้วยความรุนแรง แต่ต้องด้วยการสร้างความเข้าใจและลดความเหลื่อมล้ำ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ประเทศ ถือเป็นงานที่หนักแต่ก็ทำด้วยหัวใจ อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากเรื่องของค่านิยม 12 ประการให้แก่เยาวชนด้วย โดยการเริ่มจากตัวเองเป็นหลัก จากนั้นจึงทำเพื่อเป็นการถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อทำได้ครอบครัวจะมีความสุขและส่งผลให้ประเทศมีความสุขด้วย การเรียนอาชีวศึกษามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานน่าภูมิใจ จึงไม่ควรที่จะมาทะเลาะเบาะแว้งกัน ต่อไปนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันพัฒนาประเทศแล้วเลิกทะเลาะกันเสียที เพราะรัฐบาลไม่อยากใช้กฎหมายมาควบคุมในการยุติความขัดแย้ง จะเห็นว่าเราสามารถนำทหารไปต่างประเทศเพื่อยุติความขัดแย้งได้ แต่ความขัดแย้งในประเทศยุติไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องการความร่วมมือของทุกคนในการแก้ไขปัญหา
“หลายประเทศถามเราว่าวันนี้ประเทศไทยสงบหรือยัง สันติหรือยัง เลิกทะเลาะกันหรือยัง ผมก็บอกว่าขอเวลาอีกหน่อย เรื่องดังกล่าวผมยังคิดอยู่ว่าออกมาช้าไปหรือเปล่า และยังรู้สึกเสียดายอยู่เลย ขณะเดียวกัน หลายคนก็ถามหาม้าขาวไปไหน ทำไมไม่ออกมา ผมจึงต้องมาแก้ไขปัญหา วันนี้ผมยอมเจ็บปวดให้เขามองที่มาของผู้นำและผมก็อดทนเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาประเทศ” นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่าหากเรามีความเสถียรภาพ ต่างชาติพร้อมเข้ามาลงทุน วันนี้จึงต้องขจัดความขัดแย้งทั้งหมด ต้องเดินไปข้างหน้า ความขัดแย้งต้องไม่มี เชื่อว่าวันนี้คนไทยไม่มีใครโกรธเกลียดกันแน่นอน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในขณะเดียวกันรัฐบาลต้องสร้างทัศนคติในการทำงานของคนไทยใหม่ โดยต้องอาศัยกระทรวงศึกษาฯ เป็นหลัก เพื่อเราจะได้รู้ทันโลก สามารถคิดวิเคราะห์เป็น ทำให้คนสามารถคิดได้เร็วขึ้น เพราะตอนนี้ประเทศไทยเสียความเชื่อมั่นมากแล้ว เวลามีจำกัด แต่หากสังคมต้องการอย่างเก่าตนก็พร้อมและจะไม่ทำอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายการค้าการลงทุนและอื่นๆ สำหรับการขายข้าวไทยนั้นจำเป็นต้องมี การเพิ่มมูลค่า ชี้ให้เห็นเช่นจะทำอย่างไรให้ข้าวหุงอร่อยขึ้น เพราะต่างชาติไม่รู้วิธี นอกจากนี้เรื่องการศึกษาอาชีวะยังขาดแคลนแรงงานหลายหมื่นคน และปีหน้าจะขาดเป็นแสนคน วันนี้เราต้องพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะสามารถดูแลครอบครัวและประเทศได้ อาชีวะมีผลต่อเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันต้องเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นยางพารา และข้าวไทย
“สำหรับเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 5 เขตนั้นจะมีทุกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการค้า โรงแรม การบริการ แต่สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ หากผู้ประกอบการต้องการไปค้าขายรัฐบาลก็จะในพื้นที่ให้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องผลิตแรงงานเพื่อพัฒนาประเทศและส่งไปต่างประเทศ นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 มีความจำเป็นเพราะจะได้สื่อสารกับต่างชาติได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับสื่อมวลชนนั้นต้องมีความรับผิดชอบในการทำงาน วันนี้ทุกคนต้องไม่คิดถึงตัวเอง ต้องไม่มีผลประโยชน์ สำหรับการปฏิรูปประเทศนั้นต้องเดินหน้า โดยแม่น้ำทั้ง 5 สายต้องไปด้วยกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นที่ 2 ของโรดแมป สำหรับการค้าการลงทุนก็จำเป็นต้องแก้ไขกฏหมายเพื่อให้มีความสอดคล้อง เป็นการปูทางไปสู่การเลือกตั้ง แต่ถึงอย่างไรวันนี้ต้องลดความขัดแย้งให้ได้เสียก่อน ในขณะที่ผมเป็นผู้จัดการอำนวยการ มีคนบอกว่าไม่ชอบการรัฐประหาร แต่ต้องอย่าลืมว่าวันนี้ไม่เหมือนปี 49 เพราะทุกอย่างก่อนหน้านี้ไม่สามารถเดินหน้าได้ จึงขอให้อย่าเกลียดใครหรือโมโหใครจนไม่สบาย ขอให้เชื่อใจกัน รัฐบาลเข้ามาทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางมาที่อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อปาฐกถาพิเศษในงานอาชีวศึกษาทวิภาคีไทย ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบคอยเฝ้าระวังตามจุดต่างๆ อย่างรัดกุม นอกจากนี้ยังมีทหารในชุดพรางเข้ามาตรวจกระเป๋าบุคคลเข้าออก และบรรดาสื่อมวลชนอย่างละเอียด ขณะเดียวกัน ในพื้นที่บริเวณงานมีเจ้าหน้าที่จากสำนักนายกรัฐมนตรีคอยเฝ้าสังเกตการณ์และห้ามสื่อมวลชนออกมายืนนอกบริเวณที่จัดเตรียมไว้ โดยเจ้าหน้าที่สำนักนายกฯ ระบุว่า ขอความร่วมมือเพราะเกรงว่าจะเกิดกรณีอย่างเช่นนักศึกษามาชู 3 นิ้วขึ้นเหมือนที่ จ.ขอนแก่น
