กลายเป็นดราม่าซับซ้อนซ่อนปมที่หลายคนรอความจริงให้ปรากฏ จากกรณีดราม่า “น้องหมาเจคอป” ซึ่งเป็นที่สนอกสนใจจากโลกออนไลน์เมื่อสุนัขตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม ทั้งถูกกรีดทำร้ายที่ขาทั้งสี่ข้าง ถูกจับกรอกน้ำยาทำความสะอาด อีกทั้งยังถูกกรีดอวัยวะเพศ
ร้อนถึงดารานักแสดงหลายคนที่รักสุนัขต่างเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือ ทั้งเยี่ยวยารักษาและหาตัวคนร้ายมาลงโทษ ทว่าคดีกับพลิกผันเมื่อเกิดความชอบมาพากลขึ้น จนท้ายที่สุดกลายเป็นดราม่าซับซ้อนที่ชาวเน็ตต่างติดตามว่า ใครคือคนร้ายตัวจริงกันแน่?
มหากาพย์ดราม่า “น้องหมาเจคอป”
ระหว่างรอความจริงปรากฏ ความคลางแคลงสงสัยดูจะเป็นเชื้อฟืนปะทุออกมาเป็นระยะ ประเด็นของ 'คุณรัน เจ้าของเจคอป สุนัขพันธุ์ปอม ผู้โชคร้ายที่ถูกคนใจเหี้ยมทารุณกรรม' ถูกหยิบยกมาเป็นดราม่าที่ชาวโซเชียลลากไส้ออกมาเละเทะแบบไม่เกรงว่าจะออกอาการ 'เงิบ'
หลังเรื่องเศร้าเรียกน้ำตากรณีเจ้าเจคอปถูกแชร์ออกไป คนรักสัตว์จำนวนมากหยิบยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยหวีนึ่งในนั้นคือ ชัญญ่า ทามาดะ ไฮโซสาวชื่อดังผู้เคลื่อนไหวด้านการช่วยเหลือสัตว์อย่างต่อเนื่อง จากเฟซบุ๊กส่วนตัว “Chanya Tamada” ได้มีความเคลื่อนในการอาสาให้ความช่วยเหลือเจ้าเจคอป และ คุณรัน เจ้าของสุนัข ในทุกๆ ด้าน
ตั้งแต่เรื่องการดำเนินการทางกฎหมาย ตามหาตัวคนร้ายเพื่อมาลงโทษ การรักษาพยาบาล และการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือด้านค่าใช่จ่าย เธอออกตัวแรงด้วยความปราถนาดีเพื่อช่วยเหลือเจคอปอย่างเต็มที่ตามประสาคนรักสัตว์
แน่นอนว่า การที่เธอเป็นบุคคลสาธาณะยิ่งทำให้เรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจ ทั้งคอนเนกชั่นของไฮโซสาวก็น่าจะช่วยเร่งในการดำเนินการเรื่องคดีให้คลี่คลาย แต่แล้วความหวังดีก็ดูจะเสียเปล่า เมื่อความช่วยเหลือที่เธอหยิบยื่นให้ที่ในทีแรกดูจะเป็นไปด้วยดี แต่พอไฮโซสาวลงแรงเต็มที่กลับไร้การตอบรับจากเจ้าของสุนัขผู้เคราะห์ร้าย
จนเป็นเหตุให้ ชัญญ่า เกิดความสงสัยและโพสต์คลิปวิดีโอถามผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะเธอตามเรื่องในเฟซบุ๊กของคุณรันแล้วพบพิรุธหลายอย่าง ซึ่งตรงกับกองทัพชาวโซเชียลฯ เห็นพ้องว่าเรื่องของเจ้าเจคอปที่ถูกคนใจร้ายทารุณกรรม นั้นไม่ชอบมาพากล
“1. คนอยู่ในโรงพักทั้งวัน มีคนโทร.มาบอกว่าฝากเรื่องให้ ผกก.สน เเล้ว เป็นคุณไม่รีบโทรกลับเหรอคะ? 2. ตำรวจยังไม่ได้ตรวจลายนิ้วมือตรงกรงกลับให้นักข่าวเข้ามายำเต็มพื้นที่เเล้ว ตร. จะตรวจยังไง? 3. สุดท้ายชัญญ่าจะบอกว่า ในคลิปชัญญ่าไม่ได้พูดว่าคุณรันเป็นคนทำ ไม่ได้บอกว่าเขาโกหก เเค่คิดว่าเขาอาจจะเล่าเรื่องราวที่เกินจริง ข้อมูลที่ชัญญ่าได้มากับสิ่งที่เขาพูดมันเป็นคนละเรื่องกัน อยากให้ออกมาชี้เเจงซึ่งตอนนี้ได้ชี้เเจงเเล้ว ถามใจชัญญ่าจริงๆ ชัญญ่าคิดว่าเขาทำไหม? ชัญญ่าคิดว่าเขาไม่ได้ทำค่ะ เเต่เรื่องการพูดหรือเล่าเรื่องงงๆ อันนี้ชัญญ่าของส่งต่อให้กับนักสืบพันทิป” ชัญญ่า โพสต์ตั้งข้อสงสัยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอเอง
และยังโพสต์ต่ออีก “สุดท้ายขอย้ำเเละยืนยันว่าหากคดีนี้มีคนร้าย ชัญญ่าจะช่วยทุกวิธีเพื่อที่จะจับมันให้ได้ จนคดีสิ้นสุด จะช่วยระดมทุนให้น้อง จะทำทุกอย่างที่อยู่ตัวเองทำได้เเละใช้ทุก connection ที่มี หาความเป็นธรรมให้น้องจนได้ค่ะ ขอย้ำอีกครั้งทุกอย่างทำไปเพราะรักหมาค่ะ สุดท้ายการรักษาน้องให้หายคือเรื่องที่สำคัญที่สุด เคลียร์ไหมคะ?”
ล่าสุด คุณรัน ทราบเรื่องดังกล่าว จึงแจ้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอย่างชัดเจนว่าไม่ขอรับความช่วยเหลือจากทาง ชัญญ่า เพราะมีผู้เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเจ้าเจคอปผู้โชคร้ายโดยไม่มีข้อสงสัยเป็นที่เรียบร้อย ด้านชาวโซเชียลก็ตั้งข้อจับพิรุธเจ้าของสุนัขไปต่างๆ นานา
ประเด็นหนึ่งที่ดูจะทำให้ผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องนี้งุนงงสงสัย ก็คือเรื่องที่ คุณรัน เจ้าของเจคอป สุนัขพันธุ์ปอมปล่อยให้สุนัขทั้ง 2 ตัว ของเธอนอนอยู่นอกตัวบ้าน โดยกั้นคอกให้พวกมันนอนบริเวณหน้าบ้าน โดยที่มีรั้วเตี้ยๆ กันไม่ให้พวกมันออกไปซนนอกบ้านได้ ซึ่งผิดนิสัยของคนรักสุนัขโดยเฉพาะหมาพันธุ์เล็กปอมเมอเรเนียน ที่ราคาค่าตัวค่อนข้างสูง ทั้งยังมีการลักขโมยไปขายกันบ่อยๆ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป
ความจริงยังไม่กระจ่าง!
หลังจากประเด็นนี้เป็นที่สนใจในวงกว้างและเต็มไปด้วยข้อสงสัยที่หลายฝ่ายยังคงไม่แน่ใจถึงความจริงที่เกิดขึ้น ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ LIVE ได้ติดต่อสัมภาษณ์ทาง ชัญญ่า ทามาดะ ดาราสาวที่เคลื่อนไหวประเด็นดังกล่าว มีการตั้งกลุ่มรวมเพื่อนๆ ดาราในวงการเพื่อแพร่กระจายข้อมูลของปัญหาที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นเธอเผยว่า หลังจากทราบข้อมูลจากเจ้าของสุนัขที่ประสบเหตุดังกล่าวก็ได้ดำเนินการทุกอย่าง อย่างสุดความสามารถเพื่อให้ความช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลให้กับเพื่อนๆ ดารา รุ่นพี่ในวงการหลายๆ คน เพื่อให้เผยแพร่ส่งต่อความช่วยเหลือดังกล่าวไปยังวงกว้าง เพื่อช่วยเหลือตัวสุนัขและนำผู้ร้ายมาลงโทษ
“ดาราทุกคนเลยค่ะ ให้ความช่วยเหลือกับเรื่องนี้มาก เพราะคนรักหมาได้ยินเรื่องนี้ก็สะเทือนใจกันหมด แต่หลังจากที่เราประสานงานไปทางรองผู้กำกับที่รู้จักกัน จนไปถึงผู้กำกับเพื่อให้ดำเนินการหาคนร้าย ปรากฎว่าอยู่ๆ เจ้าของสุนัขก็เงียบหายไป เราก็แปลกใจแล้วเริ่มไปสำรวจดูเฟซบุ๊กของเขาก็เจออะไรที่แปลกๆ ไม่ชอบมาพากล”
จากนั้นเธอก็ได้โทรศัพท์ไปตรวจสอบกับทางแพทย์ผู้รับผิดชอบดูแลสุนัขตัวดังกล่าวเพื่อถามอาการ ก็ได้รับคำตอบที่แตกต่างไปทางสิ่งที่เจ้าของสุนัขพูด จนนำมาซึ่งความสับสนที่ท้ายที่สุด ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่แน่ใจว่า ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไรกันแน่?
“หลังจากโทร.คุยกับหมอก็ได้ความว่าตอนแรกน้องหมายังไม่ต้องตัดขาออก และที่ขาน้องเป็นแบบนั้นก็ไม่ได้เกิดจากการถูกของมีคม แต่เกิดจากการถูกน้ำยาวิกซอล ส่วนที่ไข่ของน้องถูกตัดก็เป็นการตัดสินใจของหมอเอง ไม่ได้ถูกคนร้ายทำ ก็เลยงงว่า ความจริงมันเป็นยังไงกันแน่”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ข้อสงสัยดังกล่าวของเธอถูกพูดถึงในวงกว้าง กระแสสังคมหันไปตั้งข้อสงสัยว่า หรือคนร้ายจะเป็นตัวเจ้าของเอง จากพิรุธในหลายประเด็นที่สืบจากเฟซบุ๊กของผู้เป็นเจ้าของเอง ทั้งนี้เจ้าตัวก็ออกมาแก้ข่าวว่า เหตุที่เกิดนั้นมาจากการใช้ภาษาของตนเองที่อาจทำให้ทุกคนเข้าใจผิด! ระหว่างนั้นตัวชัญญ่าก็ได้พยายามติดต่อไปจากเจ้าของสุนัขเพื่อให้ความช่วยเหลือ ท้ายที่สุดก็ได้คำตอบมาว่า
“ท้ายที่สุดเขาก็ส่งข้อความมาว่า ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากเราอีกต่อไปแล้ว ซึ่งเราก็รู้สึกว่า เออ เราก็ทำเต็มที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว จะเข้าไปยุ่งเรื่องของเขามันก็ไม่ได้ คนรู้จักก็ไม่ใช่ด้วย แค่เขามาขอความช่วยเหลือเราก่อนเท่านั้น”
จนถึงตอนนี้ หลายฝ่ายก็กำลังค้นหาความจริง อาการล่าสุดของน้องหมาเจคอปนั่น เธอเผยว่า เท่าที่ทราบมาคือ สุนัขจำเป็นต้องตัดขาออกไปข้างเดียว
ต่อกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นนี้ เธอทิ้งท้ายไว้ว่า ถึงตอนนี้ยังไม่ทราบความจริงแน่ชัดที่เกิดขึ้น แต่ก็ขอให้สังคมอย่าเพิ่งตัดสินราวกับว่า เจ้าของสุนัขเป็นคนร้าย!
“คือจิตใจคนรักสุนัข เราไม่ทำร้ายน้องหมาอยู่แล้ว ดังนั้นยังไงตอนนี้ความจริงมันยังไม่ปรากฏชัดเจน ก็ไม่อยากให้สังคมไปตราหน้าว่าคุณเจ้าของสุนัขเป็นคนร้าย เพราะถ้าเขาไม่ใช่คนร้ายจริงๆ แล้วถูกกล่าวหาเยอะขนาด มันก็น่าสงสาร ยังไงก็ไม่อยากให้เจ้าของเงียบหาย อยากให้ส่งข่าวอาการน้องบ้างเพราะทุกคนก็เป็นห่วง”
ทั้งนี้ เธอเผยเพิ่มเติมจากประสบการณ์ที่เคลื่อนไหวด้านนี้ พบกรณีการทำร้ายสุนัขอยู่บ่อยครั้ง ตามปกติคนร้ายจะถูกจับได้โดยง่าย และมักยอมรับผิดโดยไม่มีการปกปิดเหมือนกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้น
“ตามปกติกรณีแบบนี้เราจะพบตัวคนร้ายเลย คนร้ายก็จะมีประวัติทำร้ายสุนัขมาก่อน เลยวางยา เคยทำร้ายสัตว์ซึ่งก็เท่าที่เจอคนทำร้ายหมาคือรู้ตัวเลย คนนี้ทำร้ายหมามีประวัติทำร้ายหมา วางยาหมา ก็คือมีอยู่ในนั้น ทุกคนก็ยอมรับ คนที่วางยาก็ยอมรับนะ แต่กฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ มีร้านอาหารจีนแปลกๆเลี้ยงหมาไว้ทำกิน ตำรวจบางพื้นที่ที่เราไม่รู้จักเราแจ้งเขาก็ไม่ทำอะไร เพราะเขาไม่รู้จะทำอะไรกฎหมายมันไม่มี”
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นำไปสู่อีกประเด็นน่าเศร้าที่เธออยากจะฝากไว้คือ ไม่ว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ ใครจะเป็นคนร้ายท้ายที่สุดบทลงโทษอย่างมากก็เป็นเพียงค่าปรับไม่กี่บาทเท่านั้น เพราะประเทศไทยยังไม่มี “พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์”
“ถ้าเจ้าของเป็นคนร้ายเขาก็จะไม่ถูกลงโทษอะไรเลย เพราะกฎหมายถือว่าสุนัขเป็นทรัพย์สินของเขา หรือแม้ว่าคนร้ายจะเป็นคนอื่นก็จะถูกลงโทษเพียงค่าปรับไม่กี่บาท ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดาราหลายๆ ท่านก็ออกมาเคลื่อนไหว พี่เก๋(ชลลดา) ก็เคลื่อนไหวเรื่องนี้อยู่ ก็ได้แต่หวังว่ากรณีน้องเจคอปนี้จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้บ้าง
“มันแย่มากค่ะ ประเทศที่กำลังพัฒนามันควรจะมีกฎหมายด้านการทำร้ายสัตว์ ตอนนี้จับคนร้ายได้ก็ปรับไม่เท่าไหร่เลย ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น จากที่เจคอปโดนทำร้ายก็อาจจะเป็นกระแสให้เกิด พ.ร.บ. ขึ้นมาก็ได้”
…............................
จนถึงตอนนี้แม้เจ้าของสุนัขจะออกมาแก้ต่างในหลายๆ ประเด็น ทว่าสิ่งเหล่านั้นก็ยังคงมีพิรุธที่ชาวเน็ตต่างจับจ้อง และตั้งข้อสงสัยกันต่อ ความจริงยังคงรอการพิสูจน์ อย่างไรก็ตาม การสืบค้นอย่างเข้มข้นของผู้คนที่ร่วมจับผิดอาจเป็นเพียงกระแสชั่วข้ามคืนเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว กรณีสัตว์เลี้ยงถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก หากแต่มีขึ้นอย่างบ่อยครั้ง ซึ่งแทบทุกกรณีท้ายที่สุดด้วยกฎหมายที่เป็นอยู่ สังคมไทยก็ยังคงเอาผิดใดๆ กับคนร้ายไม่ได้อยู่ดี...หรือท้ายที่สุดแล้วคนร้ายตัวจริงจะเป็นสังคมไทยที่ยังคงไม่ใยดีกับการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสัตว์เลี้ยงอย่างจริงจัง
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754