“ประภัสร์ จงสงวน” ผู้ว่าการการรถไฟฯ เปิดใจว่าเรื่องน้องแก้มทำให้น้ำตาตก บอกคนร้ายไม่ใช่มนุษย์ เผยหัวอกในฐานะคนเป็นพ่อยังไม่กล้าให้ลูกสาวขึ้นรถไฟ ชี้ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ให้แก่ผู้โดยสารและเยียวยาผู้เสียหาย ระบุสั่งให้ถอนฎีกาคดีสาวปริญญาโทที่ถูกพนักงานรถไฟข่มขืนเมื่อ 13 ปีก่อนแล้ว พร้อมจ่ายเงินชดเชยเป็นเงินห้าล้านแปดแสนกว่าบาท
คุณรู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องแก้ม
ในฐานะคนที่มีครอบครัวคนหนึ่ง และมีลูกสาว ถือเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจมากๆ ในฐานะผู้ว่าการ ก็เสียใจว่าในระบบของมัน มันไม่ควรจะมีช่องว่างที่ปล่อยให้คนที่มีประวัติหลุดเข้าในระบบการรถไฟ จะเป็นลูกจ้างหรืออะไรก็ตาม ไม่ควรจะเข้ามาได้
คุณยอมรับว่าเป็นความผิดของการรถไฟฯใช่ไหม
คือผมยอมรับครับว่าระบบมีช่องว่าง มันเป็นระบบที่อยู่มานาน มีการกระจายอำนาจไปค่อนข้างเยอะ คนที่รับก็เป็นผู้บังคับบัญชาระดับต้นๆ ที่สามารถรับลูกจ้างได้ โดยที่ผู้บริหารจะไม่รู้ อันนี้ผมเรียนว่าการรับพนักงานนี้ ผมไม่ทราบเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมันต้องมีการดำเนินการ มีการตั้งคณะกรรมการ มีการรับเรื่อง ซึ่งเป็นอำนาจเขา และมีการกระจายอำนาจตั้งแต่สมัยไหน ผมก็ไม่ทราบ ต้องไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผมมีการเรียกประชุมกับฝ่ายงานบริหารบุคคล คิดว่าเราต้องมารื้อฟื้นเรื่องการรับบุคคลเข้ามาใหม่ เรื่องที่เรามีการมอบอำนาจลงไปเยอะๆ ผมต้องมาดูว่ามันเหมาะสมไหม ในขั้นต่ำต้องมีการตรวจสอบประวัติคนเข้าทำงานให้ชัดเจน จะอ้างว่าผลตรวจสอบยังไม่กลับมา มาได้ มันต้องรอ พวกคนที่มีประวัติ ไม่ควรรับเข้ามาทำงานโดยเด็ดขาด
มีกระแสเรียกร้องให้คุณลาออก คิดอย่างไรกับเรื่องนี้
เรียนว่าผมทำงานกับรัฐวิสาหกิจอีก 8 เดือน ก็จะเกษียณแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับวันนี้คือทำยังไงให้พี่น้องประชาชนกลับมาเชื่อมั่นว่าการรถไฟปลอดภัย ถามว่าวันนี้จะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันเกิดจากช่องว่าง แล้วถามว่าจะมีคนเข้ามาดูแลเรื่องนี้จริงจังหรือเปล่า จะมีคนเข้าใจเรื่องนี้หรือเปล่า นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครตอบได้ เพราะคนที่รักษาการ เขาจะคิดอย่างที่ผมคิดหรือเปล่าเ ขาจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่า ผมก็ตอบไม่ได้ แต่สำหรับผมมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ และเรื่องนี้จะเกิดขึ้นแบบนี้อีกไม่ได้โดยเด็ดขาด
การรถไฟฯ จะมีมาตรการเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร
การรถไฟจะช่วยรับผิดชอบเรื่องงานศพ ซึ่งการรถไฟจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อวานก็มีการให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวนหนึ่งแสนบาทให้กับทางคุณแม่น้องแก้ม
ส่วนเรื่องการเยียวยา ผมบอกกับทางญาติเขาไปว่า ให้เสร็จสิ้นเรื่องงานศพก่อนค่อยจัดการ ผมคิดว่ามันไม่แฟร์กับครอบครัวเขาที่จะมานั่งพูดเรื่องนี้ในเวลานี้ พวกเขามีความเศร้าโศกอยู่ ถ้าคิดอะไรไม่รอบคอบก็อาจเป็นการไปเอาเปรียบเขา บังคับเขา เห็นว่าควรจะงานศพน้องเขาให้เสร็จสิ้นก่อน ให้เขาพักสักเวลาหนึ่งแล้วค่อยมานั่งเจรจากัน แต่เรื่องนี้ยืนยันว่าจะไม่ต้องไปเป็นคดีอะไรโดยเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่การรถไฟต้องผิดชอบ จะไม่เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อปี 44 ที่เป็นข่าวว่าพนักงานรถไฟข่มขืนนักศึกษาปริญญาโท ผมเพิ่งได้รับข้อมูลมา พออ่านข้อมูลแล้ว ผมก็รู้สึกเศร้าใจว่าผู้บริหารสมัยนั้นคิดอะไรก็อยู่ เพราะโจทก์เรียกค่าเสียหาย แล้วสองศาลให้ทางโจทก์ชนะคดีทั้งสองครั้ง แต่ทางการรถไฟยังไปยื่นขอฎีกาอีก แต่ว่าก็เป็นเรื่องการตัดสินใจในของผู้บริหารในเวลานั้น
การยื่นขอฎีกาเป็นดุลพินิจ ผมยังถามคนที่เกี่ยวข้องที่ดูคดีนี้ว่าโอกาสชนะมีไหม เขาบอกว่ายาก ผมเลยถามว่าถ้ายากแล้วคุณจะไปฎีกาทำไม เขาก็บอกว่าเป็นนโยบายให้ฎีกา ผมบอกว่าแล้วคุณไม่แย้งเขาเหรอ ในเมื่อคุณรู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ผมพูดถึงขนาดว่า คุณคิดดูว่าถ้าเป็นญาติคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร เรียนตรงๆ ผมเห็นแล้วใม่เข้าใจวิธีคิดของที่นี่ มันแปลก
ดังนั้น การดำเนินการหลังจากนี้ คือ เราจะให้มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้เสียหายตามคำพิพากษา ถ้ารวมดอกเบี้ยแล้วจะเป็นเงิน 5 ล้าน 8 แสนกว่าบาท ซึ่งเรื่องนี้ผมจะนัดประชุมบอร์ดให้เร็วที่สุด อยากฝากบอกไปทางผู้เสียหายว่าผมเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตัดสินใจยื่นฎีกาของการรถไฟในวันนั้น ผมเรียนว่าจะทำให้เร็วที่สุด เพื่อให้ท่านได้รับการเยียวยาตามที่ได้สั่งการมา
แล้วต่อไปคุณจะมีมาตรการอะไรในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร
ตอนนี้ผมออกกฎระเบียบห้ามจำหน่ายแอลกอฮอลล์อย่างเด็ดขาดในสถานี แล้วบนขบวนรถก็ห้ามทานเด็ดขาด ถ้าใครทาน เราจะเชิญลงจากรถ นอกจากนั้นเราจะมีการเดินตรวจ อย่าลืมว่าคนทานเหล้าจะมีกลิ่น แล้วถ้าพนักงานไม่ได้ทานเหล้า เขาก็จะได้กลิ่น หรือพี่น้องประชาชนได้กลิ่นว่าใครทานเหล้า ก็ให้ช่วยสะกิดบอกเจ้าหน้าที่ละกัน
ส่วนมาตรการด้านอื่นๆ คือ ผมเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่คน เรื่องมาตรการต่างๆ ทั้งปวงนั้น ผมมองว่าถ้าคนไม่ดี มันก็ไม่ดี ถูกไหมครับ ต่อให้มีวงจรปิดก็ตาม แค่เอาอะไรมาปิดก็ถ่ายไม่เห็นแล้ว ดังนั้นอยู่ที่คน ดังนั้นเป็นเรื่องต้องกลับไปสู่พื้นฐานเบื้องต้นว่าการคัดกรองคนเข้ามาทำงานกับการรถไฟจะต้องทำอย่างจริงจัง ต้องตรวจอย่างจริงจัง ขอให้มั่นใจว่าคนที่มาทำงานกับเรา จะต้องไม่มีประวัติในเรื่องของคดีอาญาทั้งหลาย อีกสเต็ปคือ ต้องไปตรวจสอบเรื่องของจิตด้วย เพราะคุณทำงานกับคน คุณอยู่ใกล้ชิดกับประชาชน ถ้าเกิดคุณมีอะไรที่ไม่ปกติ ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร
ส่วนมาตรการอื่นๆ ก็มีเช่น พอพนักงานปฎิบัติหน้าที่แล้ว เช่น พนักงานจัดที่นอนปฎิบัติหน้าที่เสร็จแล้ว ก็จะมีเป็นตู้ต่างหากอยู่รวมที่นั่น นอกนั้นผมจะให้สั่งติดออดที่ตู้นอน ถ้าผู้โดยสารต้องการอะไรให้กดออดถึงจะมา ไม่ให้ยืนนั่งเฝ้าหรือคอยดูอยู่ตรงนั้น ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ เลยจะเอาไปรวมไว้ที่เดียวกัน มีใครกดออด ค่อยส่งพนักงานไปดู
นอกจากนั้นเ ราจะมีเรื่องรถตู้เฉพาะเด็กและสตรี เท่าที่ทราบเมื่อก่อนก็เคยจัดแบบนี้ แล้วไม่ได้รับความนิยม เพราะในการเดินทางจริง คนที่เดินทางจะมีเพื่อนไปด้วย ไม่มีใครอยากนั่งแยกกับเพื่อน ในที่สุดเลยเลิกโครงการไป เพราะไม่มีใครใช้ แต่ช่วงนี้ที่ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ เราก็จะจัดให้มีตู้ขบวนนี้ เพื่อให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ ดังนั้นมาตรการห้ามจำหน่ายและดื่มสุราบนรถไฟนี้ จะได้เห็นก่อนเข้าพรรษาแน่นอน ส่วนเรื่องติดตั้งออดคงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะต้องติดตั้งใหม่ ส่วนของการรวมคนให้ไปประจำรวมกันอยู่ที่ตู้ของพนักงานหรือการ์ดนั้น เราสามารถทำได้ทันที
มีบางกระแสบอกว่าอยากให้พนักงานเป็นผู้หญิงบ้าง เลยอยากรู้ว่าตู้ขบวนที่เป็นเด็กและสตรีนั้น จะมีพนักงานเป็นผู้หญิงด้วยไหม
เรื่องนี้คงจะหาอยู่ เพราะเราขาดแคลนพนักงานผู้หญิงเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ผมมองได้สองอย่าง คือ ถ้าพนักงานหญิงไปเจอคนไม่ดี ก็อาจถูกลวนลามได้ใช่ไหมครับ หรือเขาก็ต้องเดินผ่านตู้อื่น ก็ต้องคิดถึงความปลอดภัยของเขาเหมือนกัน ทุกอย่างมีสองด้านหมด คือ ต้องยอมรับว่าคนที่มาขึ้นรถไฟก็อีกแบบหนึ่ง แต่คิดว่าถ้าสั่งไม่ให้มีการเสพสุราได้ เรื่องตรงนี้อาจจะลดน้อยลง เพราะเมื่อก่อนถ้ามีเหล้าเข้าปาก และเห็นผู้หญิงเข้า คนก็อาจจะลืมตัวได้ ถ้าเราจะใช้พนักงานผู้หญิง ก็เป็นสองมุมที่ต้องคิดเหมือนกัน
เรื่องทั้งหมดคือผมพยายามสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้เข้าใจคือ คนที่ถูกกล่าวหานั้นเขาเข้ามาอยู่ในการรถไฟได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ผมเองอยากรู้เหมือนกัน ดังนั้นผมจะตั้งกรรมการสอบขึ้นมา เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่ทำและมีความชัดเจนกับพี่น้องประชาชนว่าเกิดขึ้นมาได้ยังไงว่า คนๆ นี้ซึ่งมีประวัติ และไม่ใช่ประวัติสั้นๆ แต่ประวัติยาวพอสมควร เขาเข้ามาในรถไฟได้ยังไง
ปกติการเลือกพนักงานเข้ามาทำงานกับการรถไฟนี้ การสอบขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่จะกำหนดวิธีการสอบ ชุดนี้มีเข้า 90 คน เท่าที่ทราบเป็นการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งผมก็มองว่ามันแปลกๆ แล้วนะ แล้วการตรวจสอบประวัติพนักงานที่ผ่านคัดเลือก เขาบอกส่งเรื่องไปแล้วแต่ข้อมูลยังไม่กลับมา ผมเลยถามว่าเขายังไม่ตอบกลับมา แล้วคุณส่งให้เขาเข้าไปทำงานได้อย่างไร นี่ก็ยังตอบไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ผมจะต้องไปเช็กดูเรื่องนี้ต่อไป
แล้วจะมีการลงโทษคนที่เกี่ยวข้องหรือคนที่รับพนักงานเข้ามาทำงานโดยที่เรื่องยังไม่เรียบร้อยอย่างไร
คือ ผมต้องดูว่าพฤติกรรมเป็นขนาดไหน เพราะว่ามีสิ่งเล่าเสียงลือมาว่า การเลือกครั้งนี้มีแต่เด็กเส้นเข้ามา
ตอนนี้มีกระแสกดดันให้คสช. ปลดคุณออกจากตำแหน่ง หากคุณต้องถูกปลดจริงๆ คุณจะทำอย่างไรต่อไป
เรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของผู้บังคับบัญชา ผมเองก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผมคิดว่าตอนนี้คือสิ่งที่ต้องทำมากที่สุด คือ ต้องแก้ปัญหาก่อน ผมเป็นคนคิดไม่เหมือนคนอื่น อยากจะให้รถไฟดีขึ้น ที่มีคนบอกว่ารถไฟไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ผมถามจริงๆ ว่าในช่วงปีกว่านี้ รถไฟดีขึ้นไหม ประชาชนรู้สึกดีขึ้นไหมกับรถไฟ ถ้าไม่นับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องแก้ม ภาพรวมดีขึ้นหรือเปล่า คือ คุณอย่าไปเล่นกับตามกระแส ซึ่งผมเรียนตามตรงว่ามีหลายฝ่าย และมีเรื่องโยงไปโยงมาอยู่
อย่างเรื่องที่กล่าวหาว่าผมโกหกว่าคนร้ายไม่ใช่พนักงานของรถไฟ พูดจริงๆ ว่าเรื่องนี้ไม่แฟร์เลย เพราะวันนั้นที่เกิดเหตุ ทางพี่สาวน้องแก้มบอกว่าเห็นน้องแก้มครั้งสุดท้ายที่เพชรบุรี เขารู้สึกตื่นขึ้นมาแถวบ้านโป่ง ราชบุรี เลยคิดว่าราชบุรี- เพชรบุรี น่าจะเป็นพื้นที่ที่ต้องเข้าไปตรวจสอบ เราก็ส่งรถเข้าไปดูตั้งแต่เช้าที่มีข่าวเลย แต่ไม่เจอ วันจันทร์ก็ไปดูอีก เพื่อความชัวร์
พี่สาวน้องแก้มบอกว่าสงสัยพนักงานคนหนึ่งว่ามีรอยขีดข่วน ตำรวจก็สอบสวนไป พอมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ผมเลยบอกว่าขอทราบชื่อ เพราะคนที่ถูกสงสัยนั้นเป็นลูกจ้างของบริษัท แต่อย่าไปพูดชื่อของเขาหรือชื่อของบริษัท เพราะวันนี้เรายังไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าคุณไปออกข่าวนี้ ถามว่าเขามีญาติใช่ไหม มีครอบครัวใช่ไหม ถ้าเกิดเขาไม่ใช่ ครอบครัวเขาเสียหาย บริษัทเขาก็เสียหายไปแล้วนะ ผมว่าค่อยรอให้ทางตำรวจแจ้งผลทางวิทยาศาสตร์มาก่อน ถ้าเขาแจ้งแล้วค่อยว่ากัน พูดไปอย่างนั้น ผมไม่ได้ไปเบี่ยงเบนหรือปกปิด เพียงแต่ว่าคนที่พี่สาวน้องแก้มชี้ตัวสงสัยนั้น เขาอยู่กับบริษัทอื่น ไม่ได้อยู่กับทางรถไฟ แต่พอวันจันทร์มีอีกหน่วยเข้ามาคือ หน่วยสตรีและเด็ก เขาไปได้ข้อมูลและหลักฐานวัตถุอื่นจากที่อื่นแล้วมาโยงถึงลูกจ้างอีกคนหนึ่ง เลยเรียกเขาสอบ จนกระทั่งเขายอมรับสารภาพ ฉะนั้นเรียนตรงๆ ว่าผมไม่ปกป้องคนผิดอยู่แล้ว
แล้วในฐานะพ่อคนหนึ่งทีมีลูกสาว ตอนที่ผมได้ยินคำให้การหรือคำสารภาพของเขา พูดจริงๆ เป็นอะไรที่รับไมได้ ผมได้ยินแล้วน้ำตาตก จริงๆ ครับ มันไม่มีความเป็นมนุษย์ ผมยังพูดว่าถ้าผมเป็นพ่อของเด็ก ผมมีปืน ผมจะยิงจริงๆ มันสุดๆจริงๆ ดังนั้น ผมรับรองว่าไม่มีทางที่ผมจะปกป้องคนประเภทแบบนี้
อยากรู้ว่าตอนนี้คุณกล้าให้ลูกสาวขึ้นรถไฟตู้นอนไหม
ผมเชื่อว่ารถไฟต้องมีมาตรการให้คนเกิดความประทับใจ แต่ถ้าถามว่าผมให้ลูกสาวขึ้นรถไฟไหม ผมคงไม่กล้าเหมือนกัน เพราะมันต้องมีอะไรที่ชัดเจน ผมถึงได้บอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าให้ผู้ว่าการฯ ลาออก ไม่ใช่ว่าน้องแก้มเสียชีวิตแล้ว เรื่องจะจบหรือทุกๆ คนก็ลืมกันไป มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นผมถึงเรียนว่าเรื่องสำคัญที่สุดคือ ต้องมีมาตรการที่ทำทุกคนเกิดความมั่นใจว่าขึ้นรถไฟแล้วจะมีความปลอดภัย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
อย่างเรื่องรถไฟเกิดเหตุการณ์ผู้โดยสารถูกข่มขืนตอนปี 44 นั้น ผมก็เพิ่งทราบข่าว ผมถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นปี 44 ผ่านมา 10 กว่าปี ผมเป็นผู้ว่าการฯ มาปีกว่าๆ ผมต้องรู้ขนาดปี 44 เลยเหรอ ตอนที่มีคดี เขาไม่ได้รายงานผมว่าคดีอยู่ตรงไหน ตอนที่ยื่นฎีกาคือ 6 สิงหาคม ผมยังไม่ได้มาทำงานเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค้างมาตั้งแต่สมัยผู้ว่าการฯ และรักษาการหลายคน ซึ่งผมเรียนจริงๆ ว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้รายงาน ผมต้องอาศัยถามเขา ถ้าไม่ถาม เขาก็ไม่ได้บอก หรือบางทีถามแล้วเขาก็บอก แต่บอกอย่างที่ผมเรียนไป ซึ่งผมก็เสียใจ ฝากบอกผู้เสียหายด้วยนะครับว่าเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง รับรองว่าจบแน่นอน สิ่งที่เธอควรจะได้คือการเยียวยา และควรจะได้รับนานแล้วด้วย
แล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับน้องแก้ม มันทำให้คุณน้ำตาตกหรือเปล่า
เรื่องน้องแก้ม ใช่ครับ ผมว่าถ้าคนเรารู้ข้อมูลอย่างที่ผมรู้หรือ ไปนั่งฟังเขาแล้วเฉยๆ จิตใจเขาคงไม่ใช่มนุษย์แล้ว
อยากทราบความคิดเห็นของคุณในฐานะที่เรียนกฎหมายและอาชญาวิทยามาว่า สังคมไทยควรจะมีกฎหมายสำหรับนักโทษข่มขืนอย่างไร
ในความคิดเห็นของผม โทษข่มขืนควรจะประหารอย่างเดียว เพราะจากสถิติคนพวกนี้เมื่อเข้าคุกไปแล้ว ออกจากคุกก็ทำแบบเดิมอีก ไม่เคยเห็นในประวัติว่าคนที่ถูกจับคดีประเภทนี้แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ฆ่าข่มขืน ผมว่าพวกนี้ควรประหารอย่างเดียว คือพวกที่ข่มขืนอย่างเดียว ต้องไปดูพฤติกรรมและข้อเท็จจริงก่อน แต่ถ้าฆ่าและข่มขืนเนี่ย ควรจะประหารอย่างเดียว ไม่ควรลดหย่อนผ่อนโทษ
เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754