xs
xsm
sm
md
lg

แว้นเหิมหนัก! ไลน์ขอเลน...ปิดถนนป่วนเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เด็กแว้นกลายเป็นปัญหามาหลายปี สถิติการปิดถนนแข่งรถกับจำนวนวัยรุ่นที่ออกเริงร่าท้าทายกฎหมายในยามราตรีนับวันจะยิ่งมากขึ้น กลายเป็นวัฒนธรรมของวัยรุ่นไทยที่สร้างตัวตนและคุณค่าในแบบของตนเองขึ้น

จากวัฒนธรรมการซิ่งรถมอเตอร์ไซค์นำพาความคึกคะนองสู่อันตรายที่ตามมา รวมกลุ่มกวนเมืองปิดถนนกระทั่งนำไปสู่เหตุอาชญากรรม ล่าสุดหลังเหตุจับกุมเด็กแว้นครั้งใหญ่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาปรากฏข้อความในโปรแกรมแชตชื่อดังในกลุ่ม “ศูนย์แก้ไขปัญหาอยุธยา” ที่มีใจความประกาศว่า เด็กแว้นได้รวมตัวกันขอปิดถนนเพื่อทำการแข่งขันโดยจะดูแลกันเองหากใครฝ่าฝืนจะลงโทษกันเอง

ความบ้าบนถนน...ความท้าทายในสนามแข่ง

“ท่านครับ ผู้นำกลุ่มเด็กแว้นติดต่อผมมาหลายกลุ่มเลยครับ ผมขอแก้กลุ่มในเมืองก่อนครับ เขาขอเส้นทางแข่งระยะ 300 เมตร ให้ห่างจากบ้านประชาชน สรุปได้คือเส้น 347 ตัด 356 ครับ เขาจะใช้อาทิตย์ละครั้ง ช่วงเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ ถ้าเกินเวลาแล้ว ยังมีเด็กมาแว้นในเมือง พวกเขาจะร่วมกับตำรวจจับเด็กพวกนั้นเอง เพราะเขารู้ว่าอยู่แถวไหนครับ นี่คือรายงานเบื้องต้นครับ ที่เด็กแว้นต้องการครับ ขอความคิดเห็นท่านด้วยครับ และแนวทางที่เป็นไปได้ครับ จะได้เรียกมาประชุมกันครับ ขอบพระคุณครับ"

นี่คือข้อความที่ปรากฏเป็นข่าวสะท้อนให้เห็นถึงความหนักหนาของปัญหาเด็กแว้นที่นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นขนาดตั้งกลุ่มแก๊งมากพอจะต่อรองกับเจ้าหน้าที่ จากสถิติการจับกุมตลอดปี 2555 พบว่า มีการจับกุมแข่งรถได้ทั้งสิ้น 64,416 คดี ดำเนินคดีผู้ขับขี่ และผู้สนับสนุน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก จำนวน 41,920 คดี ดำเนินการกับร้านแก้ไขดัดแปลงตกแต่ง 387 คดี และความผิดอื่นตาม พ.ร.บ.รถยนต์ อีก 12,107 คดี

จากข้อความดังกล่าวที่เป็นข่าวทำให้เกิดคำถามว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องจัดการกับปัญหาเด็กแว้นโดยการจัดให้มีพื้นที่แข่งรถโดยเฉพาะสำหรับพวกเขาแล้วหรือยัง?

อย่างไรก็ตาม ไอเดียการดึงเด็กแว้นที่แข่งมอเตอร์ไซค์กันอย่างผิดกฎหมายบนท้องถนนสู่สนามแข่งก็มีการดำเนินการมาแล้วในชื่อของ “โครงการจากถนนหลวงสู่สนามแข่ง” ซึ่งก็ถือเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจมาก จากปีแรกมีผู้เข้าร่วมเพียงหลัก 100 ถึงปีที่ 10 ก็มีเด็กแว้นเข้าร่วมมากถึง 17,000 คน จนถึงตอนนี้รายการแข่งดังกล่าวใช้ชื่อว่า “IRC D.I.D RIDE for LIFE” ซึ่งได้รับการรับรองจาก สมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย โดยมีการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 แล้ว

“เขาเหล่านี้คือคนที่ต้องการโอกาส พอเขารู้ว่ามีรายการอย่างเราเกิดขึ้น เขาก็รู้สึกขอบคุณรายการนี้ด้วยซ้ำที่เปิดโอกาสและเปิดพื้นที่ให้กับเยาวชนคนเหล่านั้นได้มาอยู่ในพื้นที่เรา พ่อแม่ก็สนับสนุนเด็ก แต่ก่อนลูกๆต้องหนีพ่อแม่มาแข่งรถ เดี๋ยวนี้พ่อแม่พาลูกมาแข่งรถ อยู่บนท้องถนนไม่มีคนควบคุม ไม่มีกรรมการไม่มีกติกาอยู่ที่อารมณ์ความรู้สึก ฉะนั้น มันต่างกัน มีปัญหาในสนามเรามีคนช่วย มีปัญหาในถนนมีแต่คนประณามประทีป ปริสุทธิ์สุนทร กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการโครงการ บริษัท สมาร์ท สปอร์ต โปรโมชั่น จำกัด ผู้ริเริ่มโครงการดังกล่าวเอ่ย

แต่หลังจากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น เด็กแว้นก็ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย ทั้งยังมีจะแนวโน้มที่มากขึ้น นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต อธิบายสาเหตุของการเป็นเด็กแว้นในมุมมองของจิตแพทย์ว่า “ ปกติสมองส่วนที่ใช้คิดของคนเรา มีหน้าที่สำหรับเอาไว้คิดและควบคุมความอยาก พฤติกรรมชอบเสี่ยง ขี่รถซิ่งก็เหมือนกับพฤติกรรมติดเกมออนไลน์ และการติดบุหรี่ล้วนเป็นพฤติกรรมที่มีแนวโน้มนำไปสู่การเสพติด ได้ทั้งสิ้น เพราะเมื่อเกิดความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจจากการกระทำดังกล่าว จะทำให้อยากไปทำแบบนั้นซ้ำ ซึ่งจิตแพทย์ เรียกว่า “การเสพติดพฤติกรรม”

จนถึงตอนนี้แม้จะมีสนามแข่งอย่างเป็นทางการแล้วแต่ก็ยังมีเด็กแว้นที่ต้องการความท้าทายของการแหกคอกแหกกฎ รวมตัวยามค่ำคืน ท้ายที่สุดแล้วปัญหานี้จะมีหนทางออกเพื่อไปถึงวันที่เด็กแว้นหมดไปจากท้องถนนหรือไม่?

เด็กแว้น...ปัญหาที่หยั่งรากลึก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่า เด็กแว้นกลายเป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งยังเชื่อมโยง จากการท้าประลองแข่งจักรยานยนต์บนทางสาธารณะสู่เหตุอาชญากรรมอื่นๆ มากมาย เด็กแว้นผลัดเวียนเปลี่ยนจากแว้นหน้าใหม่สู่รุ่นเก๋าทั้งยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร ประธานคณะกรรมการบริหารงานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญปัญหาเด็กและเยาวชน มองปัญหาเด็กแว้นที่อยู่กับสังคมไทยมาช้านานว่าเกิดจากหลายองค์ประกอบด้วยกัน เมื่อรวมถึงโซเชียลมีเดียที่ทำให้การติดต่อสื่อสารไปไวขึ้น กลุ่มแก็งเด็กแว้นจึงมีการรวมกลุ่มรวมตัวกันได้ง่ายขึ้น และดูมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“หากเราเสิร์ชไปในกูเกิลว่าเด็กแว้น เราจะพบกลุ่มของพวกเขามากมาย มันทำให้เห็นว่าจนถึงตอนนี้กลุ่มเด็กแว้นมีมากขึ้นกว่าเดิม และเป็นปัญหาในแง่ของการจับกุมมากขึ้น ทั้งยังมีแนวโน่นที่ความถี่และความรุนแรงของการก่อเหตุจะมีมากขึ้นตามไปด้วย”

โดยองค์ประกอบที่ทำให้เกิดเด็กแว้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากช่วงวัยของเด็กแว้นที่มักจะอยู่ในช่วงอายุ 13 - 18 ปี เป็นวัยที่ต้องการความท้าทาย การรวมกลุ่มเป็นเด็กแว้นยามวิกาลจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ตอบสนองความต้องการตรงนี้ ประกอบกับช่วงเวลาว่างที่มีมากขึ้นในช่วงปิดเทอม หรือวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์มักจะมีเหตุเด็กแว้นป่วนเมืองมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเลี้ยงดูของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่สามารถป้องกันพฤติกรรมเหล่านี้ของวัยรุ่นได้ และธุรกิจมอเตอร์ไซค์ทั้งร้านค้า ร้านแต่งรถที่เอื้อให้เกิดเด็กแว้นมากขึ้น

“พ่อแม่ทุกคนก็อยากเลี้ยงลูกให้ดี แต่สิ่งที่เกิดคือเด็กวัยรุ่นออกจากบ้านในยามวิกาลได้ ธุรกิจเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ก็มีเทคนิคการขายอย่างดาวน์มอเตอร์ไซค์แค่ 1 บาท ยังมีร้านแต่งรถต่างๆที่กระตุ้นให้เด็กออกไปแข่งอีกด้วย พอเป็นแบบนี้เด็กแว้นก็มีจำนวนมากขึ้นจนเจ้าหน้าที่รัฐจับกุมไม่ไหวเช่นกัน

“ดังนั้น ปัญหาเด็กแว้นจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เพราะเกิดจากหลายองค์ประกอบด้วยกัน และเอาเข้าจริงๆ เราก็อาจจะไม่สามารถทำให้เด็กแว้นหมดไปได้ แต่เราต้องควบคุมไม่ให้มากเกินไป”

ทั้งนี้ ปัญหาเด็กแว้นยังมีความเชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรมอย่างอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด การทะเลาะวิวาท การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรจากการมั่วสุมกัน จนถึงอุบัติเหตุบนท้องถนน เธอมองว่า เด็กแว้นมีส่วนที่อาจก่ออาชญากรรมอื่นๆ ได้

ในส่วนของการลงโทษนั้นธรรมชาติของเด็กแว้นมักจะอายุไม่เกิน 18 ปีทำให้กฎหมายไทยลงโทษให้ฐานะที่เด็กแว้นเป็นเยาวชนเท่านั้น หากยังไม่มีการก่ออาชญากรรมก็มักจะมีการปล่อยตัว ยังคงมีการยึดรถไว้เป็นของกลาง แต่เธอมองว่าไม่ใช่การลงโทษที่แก้ไขปัญหาได้เพราะท้ายที่สุดเด็กแว้นหลายคนก็กลับสู่ท้องถนนพร้อมจักรยานยนต์คันใหม่

“การแก้ไขปัญหาเรามองว่าต้องมีการสร้างความเข้าใจให้กับตัวเด็กเอง พ่อแม่ต้องทำส่วนนี้ให้ได้เพื่อไม่ให้เขาออกไปแว้น ต้องมีการให้บทเรียนอธิบายให้เข้าใจถึงสิ่งที่จะตามมา วัยรุ่นต้องการสร้างความภาคภูมิใจ ต้องการมีพื้นที่ พวกเขาออกไปแข่งขัน มันเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ชื่อเสียง - ความภูมิใจอาจต้องแลกกับการสูญเสียอวัยวะ มีเด็กแว้นบางคนรถล้มหัวกระแทกพื้นยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้ นี่คือบทเรียนที่ต้องทำให้ตัววัยรุ่นเองเกิดความเข้าใจ”

อีกสิ่งที่มีส่วนช่วยลดปัญหาคือการหากิจกรรมให้วัยรุ่นทำให้วันว่าง เธอมองว่า จากเวลาว่างที่มีมากขึ้นส่งผลให้เกิดกรณีเด็กแว้นมากขึ้นตาม การมีกิจกรรมให้ทำประโยชน์ในช่วงเวลาเหล่านั้นอาจส่งผลให้เด็กแว้นลดจำนวนลง ไม่ว่าจะเป็นการบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะหรือการเข้าค่ายช่วงปิดเทอม จนถึงการทำกิจกรรมเกี่ยวกับจักรยานยนต์ที่เด็กแว้นมีความสนใจอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไอเดียที่เด็กแว้นเสนอขอปิดถนนเพื่อแข่งขัน เธอมองว่า พวกเขามีสิทธิ์แสดงความเห็นในแบบของพวกเขา แต่ก็เป็นวิธีที่ผิด

“หากเขาขอแล้วได้ มันเป็นวิธีที่ผิดในทางอาชญาวิทยามันส่งเสริมให้เขาทำซ้ำ ในเมื่อขอปิดถนนได้ เขาก็จะขออีก”

นอกจากนี้ เธอยังมองว่า การมีสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการก็อาจไม่ได้ลดจำนวนเด็กแว้นให้หมดไป เพราะทุกวันนี้ก็ยังคงมีการจัดแข่งขันให้เด็กแว้นมาแข่งในสนามอย่างถูกต้องอยู่

“ท้ายที่สุดมันเป็นเรื่องของความท้าทายที่วัยรุ่นต้องการจากการได้แหกกฎ การซิ่งรถบนถนนมันท้าทายกว่าในสนามแข่ง มันให้ความรู้สึกที่แตกต่าง ฉะนั้น บางคนก็จะเลือกซิ่งอยู่บนถนนแม้จะมีตัวเลือกให้ไปวิ่งในสนามแข่งก็ตาม”

...

ปัญหาที่สั่งสมมานานจนแทบจะกลายเป็นวัฒนธรรมที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ท้ายที่สุดการป้องปรามแต่เพียงภาครัฐก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของมันบานปลายออกมาเป็นจำนวนเด็กแว้นที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน จากพ่อแม่ผู้ปกครองจนถึงสังคมภาคธุรกิจจักรยานยนต์ หลายส่วนของสังคมอาจต้องหันมามองตัวเองว่าได้มีส่วนในการผลิตเด็กแว้นเหล่านี้ออกมาหรือไม่?

เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE



ข้อความที่เป็นข่าว

โครงการจากถนนหลวงสู่สนามแข่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น