เทรนด์ของหนุ่มๆ สาวๆ ในยุคนี้ที่ฮอตฮิตสุดๆ คงต้องยกให้กับ “การออกกำลังกาย” ขยับเคลื่อนไหวร่างกายหัวใจ เฟิร์มหุ่นให้เป๊ะจนใครๆ ก็ต้องเหลียวหลัง สังเกตได้จากบรรดาฟิตเนสทั้งหลายที่ผุดกันขึ้นมามากมายหลายสาขา ซึ่งนอกไปจากการดูแลตัวเองแล้ว ฟิตเนสยังถูกจัดเป็นหนึ่งในกีฬาอีกด้วย อย่างสาวน้อยหน้าคมลูกครึ่งไทย-อเมริกัน “เก-เกวลิน แกรนท์” ที่หันมาเอาดีด้านเพาะกาย สวยแบบซ่อนรูปขนาดที่หลายคนต้องตะลึง!!
สาวน้อยกล้ามบึกบึน
สาวน้อยนักกีฬาวันนี้ เปิดพื้นที่ให้สัมภาษณ์ถึงฟิตเนสส่วนตัวในบ้านพักย่านรังสิตที่เธอใช้เวลาราวสองชั่วโมงต่อวันในการฟิตหุ่นให้เป๊ะ แต่ ณ ที่นี้ หุ่นสวยของเธอคือการมีกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนสวยงาม หาใช่สวยผอมแห้งแบบติดกระดูก เกเล่าว่า ความจริง เธอก็ไม่ต่างจากเด็กรุ่นสาวทั่วๆ ไปที่อยากมีหุ่นดี แต่หลังจากได้ดูการแข่งขันเพาะกาย ความคิดของเธอก็เปลี่ยนแปลงไป
“จริงๆ การมาเป็นนักกีฬาเพาะกายเนี่ย เกก็เพิ่งมาเข้ายิมได้ไม่นาน เริ่มจากตอนเกเข้าไปฟิตเนส เมื่อประมาณเดือนตุลาคมเมื่อสองปีที่แล้ว จากนั้นพวกพี่ๆ ที่ฟิตเนส ก็ชวนกันไปดูการแข่งขันเพาะกายประจำปี พอได้เห็นก็เริ่มรู้สึกชอบเลยตัดสินใจมาเทรนเป็นนักกีฬาจริงๆ จังๆ ค่ะ ซึ่งตอนแรกที่เกมาเข้าฟิตเนสเนี่ย เพราะตั้งใจจะมาลดน้ำหนักค่ะ เราคิดว่า ตอนนั้นเราอ้วนแบบไม่ไหวแล้ว ก็เลยอยากลดน้ำหนัก แล้วพอไปเห็นการแข่งขันเพาะกายเนี่ยก็เลยเปลี่ยนวัตถุประสงค์”
เพ่งพิจารณามองสาวเจ้ามาสักครู่ ก็ยังไม่เห็นแววกล้ามเนื้อปูดโปนออกมาล้นเสื้อเสื้อแขนยาวสีดำ กับกระโปรงยีนส์สีซีดที่เธอเลือกใส่ในวันนี้ หากเดินอยู่ข้างนอกทั่วไป ยากที่จะรู้ว่าเธอเป็นนักกีฬาเพาะกาย แล้วอย่างนี้ กล้ามเธอหายไปไหนเสียล่ะ
“เพาะกายมันมีหลายประเภทนะคะ ไล่มาจากรุ่นที่ใหญ่ที่สุด การเพาะกล้ามแบบที่เราเห็นของผู้ชายเลย อันนี้ก็จะมีผู้หญิงแข่งขันด้วย แล้วก็จะมีโมเดล ฟิสิกส์ ซึ่งอันนี้เป็นรุ่นที่เกลงแข่งขันเอง อารมณ์การแข่งขันประเภทนี้ก็จะเหมือนนางแบบ คือพอมีกล้ามนิดหน่อย เป็นสปอร์ต วูแมน แล้วก็จะมีรุ่น แอธเลติก ฟิสิกส์ อันนี้จะอยู่ระหว่างเพาะกาย กับโมเดลฟิสิกส์ ก็คือจะมีกล้าม แต่ไม่ได้ใหญ่เท่าเพาะกาย แต่ว่าก็จะไม่ได้ผอม หุ่นเพรียวบางเท่ากับโมเดล สุดท้ายคือฟิตเนส อันนี้จะผสมผสานทางด้านของยิมนาสติกเอาเข้ามาเกี่ยวด้วย ก็จะโชว์ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อค่ะ”
นึกทึกทักเอาเองว่า เพาะกาย คือคนกล้ามโต กล้ามใหญ่ แต่เอาจริงๆ สาวน้อยเฉลยให้ฟังว่าสามารถแยกยิบย่อยออกมาได้อีกเป็น 4 ประเภท ทั้งนี้ การเพาะกายคือกีฬาที่เราเน้นมองรูปร่างสัดส่วนเป็นหลัก ด้วยความที่เกเป็นลูกครึ่ง หลายคนจึงเข้าใจผิดว่า พวกฝรั่งนั้นมีหุ่นที่ได้เปรียบกว่าสาวไทยร่างเล็ก แต่นั่นไม่ใช่ความจริง
“ไม่เกี่ยวเลยค่ะ ใครๆ ก็สามารถทำได้ จริงๆ เกมองตัวเองว่ากายภาพเกด้อยกว่าคนอื่นเสียด้วยซ้ำ คนอื่นๆ ยังได้เปรียบมากกว่าอีก ในเรื่องของกล้ามเนื้อ อย่างการแข่งขันในประเภทของเก (โมเดล ฟิสิกส์) มันควรจะหุ่นเพรียวๆ บางๆ เหมือนนาฬิกาทรายประมาณนั้น แต่ว่าหุ่นเกนี่จะช่วงบนแคบ แต่ช่วงล่างจะกว้าง คล้ายๆ กับลูกแพร์ เราก็ต้องมาปรับตัวเองค่อนข้างเยอะเหมือนกันค่ะ”
ลดความอ้วน คือจุดเริ่ม
สำหรับจุดเริ่มต้นของเส้นทางนักกีฬาเพาะกายของเก เริ่มจากการอยากลดความอ้วน หลังประสบปัญหาน้ำหนักตัวที่เธอเริ่มรู้สึกเครียด จึงต้องขวนขวายหาวิธีลดน้ำหนัก ซึ่งถือได้ว่าเธอมาถูกทางที่เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส หาเทรนเนอร์ดีๆ สักคน แทนวิธีทางลัดอย่างการใช้ยาลดความอ้วน ที่สาวๆ สมัยนี้นิยมใช้กัน ซึ่งนอกไปจากเป้าหมายในการลดน้ำหนักแล้ว เกยังมองว่านี่คือการได้ดูแลสุขภาพของตัวเองด้วย
“ตอนเริ่มเข้าไปฟิตเนส ก็มีเทรนเนอร์คอยดูแล คอยแนะนำค่ะ เพราะว่าตอนนั้นเกไม่รู้อะไรเลย ตอนแรกเนี่ยมีเพื่อนผู้ชาย 2 คน เรียนห้องเดียวกัน ชวนเราไปสมัคร ก็เข้ามาถามว่า เออ ลองไปดูมั้ย ก็เลยสนใจ จากนั้นก็เลยไปถามคุณแม่ พาคุณแม่ไปดูที่ฟิตเนส เพราะตอนนั้นที่ฟิตเนสมันต้องใช้ผู้ปกครองรับรองให้ไงคะ ตอนนั้นเกอายุประมาณ 15 คุณแม่เค้าก็โอเค ให้เราลองเล่นดู
แรกๆ เกจะยังไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็ไปเข้าฟิตเนสทุกวันนะคะ เพราะเราได้ไปเจอเพื่อนๆ ไปเจอรุ่นพี่ที่ฟิตเนส เราก็ไปสนุกๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร อยากจะแค่ลดน้ำหนัก แต่พอมาตอนหลังที่เกมาเริ่มจริงจังกับการแข่งกีฬาเพาะกาย ก็ต้องจริงจังมากขึ้น ต้องเปลี่ยน ต้องขยัน ต้องจัดตารางชีวิตใหม่ เพราะช่วงนั้นที่เกเริ่มแข่งขันแรกๆ เนี่ย เกก็ยังเรียนอยู่ด้วย”
เรื่องการออกกำลังกายสำหรับเกเป็นเรื่องง่าย สนุก แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการลดน้ำหนักของเกและอีกหลายๆ คนคือการควบคุมอาหาร เธอยอมรับว่าสิ่งนี้เป็นอุปสรรคสำหรับเธออย่างมาก
“พอเราเริ่มลดน้ำหนักก็ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่หมดเลยค่ะ ถามว่ายากมั้ย ยากมากค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าเกป็นคนกินเก่ง เรื่องปรับการกินเลยเป็นอะไรที่ยากที่สุด อย่างถ้าการออกกำลังกายอันนี้ไม่ค่อยยาก เพราะเราก็ชอบเล่นกีฬา อยากเล่นกีฬาอยู่แล้ว ก็ไปยกเวต ขึ้นลู่วิ่ง เดิน อันนี้ก็พอทำได้ แต่การควบคุมอาหารเนี่ย ยากที่สุดแล้วจริงๆ
การต้องมาลดอาหาร ต้องออกกำลังกาย มันก็มีเหนื่อย มีท้ออยู่แล้วล่ะค่ะ (หัวเราะ) เกเชื่อว่าทุกคนก็มีความรู้สึกแบบนี้ เป็นเรื่องที่ปกติมาก เพียงแต่ว่ามันอยู่ที่เป้าหมายของแต่ละคน เราออกกำลังกายไปเพื่ออะไร เราต้องทำไปเพื่ออะไร อีกอย่าง เกว่าเกติดการออกกำลังกาย คือมันเป็นความรู้สึกที่ว่า วันไหนที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็จะรู้สึกผิดกับตัวเอง มันก็ต้องออกกำลังกายบ้างนะ ต้องใช้พลังงานบ้าง”
เกแอบกระซิบเบาๆ ว่า หลังได้เข้ามาสู่วงการนี้แล้ว เธอเคยมีน้ำหนักตัวน้อยสุดคือ 49 กิโลกรัม ถึงแม้ตอนนี้จะเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อยแล้วก็ตาม ซึ่งเกก็บอกว่า เธอก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ทั่วไป ที่เวลาน้ำหนักขึ้นก็จะนอยเป็นเรื่องปกติ แล้วยังสารภาพอีกด้วยว่า ตอนนี้เธอก็ยังไม่ชอบตาชั่งเหมือนเดิม เพราะรู้สึกกลัวจนไม่อยากชั่ง
อยากเฟิร์ม ต้องมีวินัย
กิจวัตรในหนึ่งวันของคนที่เป็นนักกีฬาเพาะกายอย่างสาวเก จะถูกจองเอาไว้ให้เป็นช่วงเวลาออกกำลังกายถึงสามชั่วโมงด้วยกัน แล้วยิ่งในช่วงนี้ที่กำลังเตรียมตัวเข้าแข่ง ฟิตเนสจึงเปรียบเสมือนบ้านหลังเล็กของเธอ นอกจากนั้น การเลือกรับประทานอาหารของเธอก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน
“แต่ละวัน เกก็ใช้เวลาอยู่กับฟิตเนสเยอะเหมือนกันนะคะ เพราะว่าที่บ้านก็เป็นฟิตเนสเองด้วย แต่ว่าถ้าเวลาซ้อมส่วนใหญ่จริงๆ ก็ไม่เกินสองชั่วโมงค่ะ ถ้าออกกำลังกายในฟิตเนสนะคะ แต่ถ้าคาร์ดิโอ เดินออกไปข้างนอกก็จะใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงค่ะ เพราะฉะนั้น เวลาที่เกให้กับการออกกำลังกายก็เฉลี่ยประมาณสามชั่วโมงต่อวัน
แล้วตอนนี้เกกำลังจะมีแข่ง ก็ต้องมีเก็บตัวเหมือนกีฬาทั่วไปนั่นแหละค่ะ ซึ่งสิ่งที่ยากที่สุดก็ยังเป็นเรื่องการควบคุมอาหารเหมือนเดิม (หัวเราะ) ก็ต้องคุมอาหารแบบเคร่งมาก ยิ่งใกล้ๆ การแข่งขันก็ต้องมี การตัดคาร์โบไฮเดรตออกไป ไม่กินข้าว กินแต่โปรตีน เน้นทานผัก แล้วก็ทานไขมันดีเยอะๆ เพื่อเอามาทดแทนพลังงานที่เราขาดไปจากคาร์โบไฮเดรต”
อย่างที่กล่าวไปว่า อาหารเป็นเรื่องสำคัญของนักกีฬาเพาะกาย นอกไปจากการเลือกกินให้ตรงตามสัดส่วนของหมู่อาหารแล้ว เกยังต้องกินคลีน นั่นคือการเลือกรับประทานอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ผ่านกรรมวิธีการผลิตน้อยที่สุด และปรุงแต่งรสเพียงแต่น้อยเท่านั้น
“ถ้าเป็นคนอื่น เค้าก็จะไปกินข้าวตามร้านอาหาร สมมติสั่งข้าวผัดกระเพราไข่ดาว แต่หารู้ไม่ว่า แม่ครัวเค้าใส่น้ำมันให้เราเยอะแค่ไหน น้ำมันเก่ามั้ย หมูหรือไก่ที่เค้าใช้ผัดให้เราเป็นเนื้อติดหนังมั้ย ถ้าเราอยากได้แต่เนื้อเพียวๆ ล่ะ อันนี้ก็ไปบังคับเค้าไม่ได้ ซึ่งหลายๆ อย่าง มันอาจไม่ดีต่อสุขภาพเราสักเท่าไหร่
พูดง่ายๆ ก็คือหนึ่งมันอาจจะไม่สะอาด สองคือวัตถุดิบอาจไม่ได้เลือกใช้ของดีๆ อย่างแม่ค้าหรือคนทั่วไปก็มักจะใช้น้ำมันพืชทำอาหาร แต่เกจะเลือกใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันคาโนล่าแทน ตรงนี้มันก็จะดีกว่า แล้วก็ส่วนตัวเกจะไม่ชอบรับประทานหมู ไก่ก็จะเลือกกินเฉพาะส่วนอก สันใน จะไม่กินส่วนที่ติดหนังค่ะ กินเนื้อก็ได้ ไข่ก็ได้ ปลาก็ได้ แต่จะไม่กินหมู
ก็จะทำกินเองทุกมื้อค่ะ เลือกวัตถุดิบเอง ปรุงเอง แต่ถ้าวันไหนที่ต้องออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ต้องไปเจอญาติผู้ใหญ่ ต้องไปพบลูกค้าอย่างนี้ เกก็จะต้องเลือกเมนูอาหารที่ดีๆ เลือกร้านดีๆ แล้วก็เลือกเมนูที่ดี ที่โอเคกับร่างกายเราด้วย”
ส่วนในเรื่องของอาหารเสริม สาวเกไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไหร่นัก หากจะมีเสริมบ้างก็จะเน้นเป็นโปรตีนเสริม เนื่องจากต้องใช้โปรตีนสำหรับการดูแลกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อด้วย แต่การกินอาหารแบบเดิมๆ การถูกจำกัดอาหาร คงมีบ้างที่รู้สึกอึดอัดจนตบะแตก ต้องออกไปกินอาหาร ของหวานแบบตามใจปาก ซึ่งเธอก็ไม่ปฏิเสธว่า เคยมีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกัน
“มีค่ะ แน่นอนอยู่แล้ว (ยิ้ม) แต่ก็ยอมรับว่าการทำแบบนี้มันไม่ดีต่อร่างกายตัวเองสักเท่าไหร่ เราก็ต้องพยายามควบคุม ต้องคงน้ำหนักตัวเองไว้ จากประสบการณ์ที่เราเคยมีมาแล้ว ตอนนั้น เกไปแข่งที่ภูเก็ต พอจบการแข่งเสร็จปั๊บ เกก็กินๆๆ จนน้ำหนักขึ้นมาสิบกิโลฯ ตอนนั้นกินตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย ไม่อะไรทั้งสิ้น ใช้เวลากับการกินอย่างเดียว จากนั้นเกก็เลยรู้ว่า เรากลับไปทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้วนะ เราต้องมีวินัยกับตัวเองแล้วนะ”
ไม่สนค่านิยมคลั่งผอม
นับถือในความอดทนและพยายาม จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่อยากจะลดน้ำหนัก มาวันนี้เกได้กลายเป็นนักกีฬาเพาะกายที่หน้าตาสวยคมเข้มคนหนึ่งในวงการเพาะกายเลยก็ว่าได้ และที่น่าปรบมือให้คือเรื่องที่เธอเลือกใช้วิธีลดน้ำหนักโดยไม่ทำร้ายตัวเองทางอ้อม อย่างเช่นการใช้ยาลดความอ้วน เหมือนที่สาวๆ หลายคนในยุคนี้เลือกใช้ เพื่อหวังจะผอมแบบไม่ต้องทำอะไร แต่หารู้ไม่ว่าอันตรายมหันต์
“เกไม่เคยคิดจะใช้ยาลดความอ้วนเลยค่ะ ตั้งแต่เด็กๆ มาก็ออกกำลังกายมาตลอด คือก็พอมีกิจกรรมบ้างอย่าง ออกไปเล่นนอกบ้าน ไปขี่จักรยาน ไปว่ายน้ำ แต่ว่าตอนที่ตัวเองอยู่ในช่วงอ้วน อวบมากๆ ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะใช้ยาลดความอ้วนเลย เพราะว่าด้วยความที่เราก็เห็นข่าวบ่อยๆ มีคนเสียชีวิต มีการรณรงค์ต่างๆ เกก็เลยไม่คิดจะใช้ ไม่เคยคิดจะเอามาเป็นทางลัดในการลดน้ำหนัก”
หลายๆ คนอาจจะกลัวทั้งผู้ชาย ผู้หญิงที่กล้ามโต เกเองก็เคยถูกวิจารณ์หลายครั้ง แต่เธอไม่เคยเก็บมาใส่ใจ เพราะคิดว่า ในทุกวันนี้ เธอมีทั้งสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีกล้ามเนื้อสวยงาม จึงมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องผอมซีดเซียว และเธอก็ไม่เชื่อตามที่หลายคนบอกว่าผอมแล้วสวยอีกด้วย
“ก็มีคนพูดให้ได้ยินอยู่ตลอดแหละค่ะ ว่าพวกเพาะกาย เพาะกล้ามมันดูน่ากลัวมากกว่าสวยงาม แต่เกก็ไม่ค่อยสนใจคำพูดพวกนี้เท่าไหร่ (หัวเราะ) เพราะอย่างที่บอกแหละค่ะ เรามีเป้าหมายของเรา เราก็อธิบายให้เค้าฟังบ้างว่า ในส่วนที่เกเล่นมันก็ไม่ได้มีกล้ามใหญ่เท่ากับพี่ๆ ที่เค้าเพาะกาย ไม่ได้น่าเกลียด หรือถึงจริงๆ คนที่เล่นเพาะกายก็ไม่ได้น่าเกลียด เค้าดูดี คุณทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า มันดูดีนะคะ”
ค่านิยมคลั่งผอมทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือการเห็นเหล่าดารา ศิลปิน ที่ผอมแทบไม่มีเนื้อหนัง จนทำให้หลายๆ คน อยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง เกฟังอย่างเข้าใจ พร้อมกับบอกว่า ความผอมของพวกเขาคือส่วนหนึ่งในการทำงาน
“อย่างดาราที่เค้าผอมๆ เกมองว่ามันเป็นหุ่นที่เหมาะกับอาชีพการงานของเค้า เค้ามีเป้าหมายไม่เหมือนเรา เค้าอาจจะต้องมีหุ่มผอมๆ แบบนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการถ่ายละคร ถ่ายภาพยนตร์ เกเองก็เข้าใจว่า เวลาคนเราเข้ากล้องเนี่ย มันจะบวมขึ้นอีก 30% อันนั้นเกพอเข้าใจ เพราะเกก็เคยผ่านงานพวกนี้มา เคยโดนสั่งให้ไปลดน้ำหนักเพื่อที่เข้ากล้องเราจะได้ดูสวย ดูดี
ส่วนดาราที่สุขภาพดี หุ่นดี อันนี้ความคิดของเกนะ ก็น่าจะประมาณ ชมพู่-อารยา, ปู-ไปรยา ประมาณนี้นะคะ เพราะว่าเค้าก็ออกกำลังกาย แต่ไม่ใช่แนวเดียวกับเรา อาจจะออกกำลังกายแบบโยคะ แบบพีลาทิส แล้วก็เจนี่ อันนี้เกก็ชอบมาก เป็นดาราที่หุ่นดี แล้วก็เฮลธ์ตี้มากๆ แต่พวกเค้าคงไม่ต้องมาบึกบึนอะไร ไม่ต้องมามีกล้าม แต่คือเค้าดูแลรักษาสุขภาพก็พอ อย่างพี่นุ๊ก-สุทธิดา ก็ด้วย เกก็ชอบนะคะ มันแสดงให้เห็นว่า พี่เค้าก็มีความตั้งใจในระดับนึง ที่จะทำได้ถึงขนาดนั้น ถึงเป็นกล้ามแบบนั้น ต้องยกความดีความชอบให้พี่เค้าด้วย” (ยิ้ม)
อย่างไรก็ตาม เทรนด์ในตอนนี้ที่เป็นกระแสสวนทางกับการใช้ยาลดความอ้วน อย่างการหันมาออกกำลังกายมากขึ้นของคนแทบทุกวัย เกก็เสริมว่า การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่แล้ว
“รู้สึกดีใจค่ะ ที่เห็นคนหันมารักษาสุขภาพ ดูแลตัวเองมากขึ้น ก็เป็นผลดีต่อเค้าเอง ร่างกายแข็งแรงขึ้น อายุยืนขึ้น มีความสุขมากขึ้น เพราะว่าการออกกำลังกายมันก็มีการหลั่งของอะดรีนาลีน ก็ช่วยให้ชีวิตเรามันดีมากขึ้น อย่างผู้หญิงสมัยนี้ก็หันมาดูแลรักษาสุขภาพตัวเองมากขึ้น มาออกกำลังกายมากขึ้น คือผู้หญิงสมัยนี้หลายคนมีซิกซ์แพกนะคะ ผู้หญิงไทยก็ด้วยค่ะ เริ่มพัฒนาตัวเอง เพราะเค้าเห็นว่าการมีซิกซ์แพก มันให้ความรู้สึกเซกซี่นะ สำหรับหลายคนๆ (ยิ้ม) คือทั้งผู้ชายผู้หญิงเดี๋ยวนี้หันมาดูแลตัวเองให้ดูดี เป็นลุคสปอร์ตแมน สปอร์ตวูแมน เน้นมีกล้ามมากขึ้นเ ป็นเทรนด์ดูแลสุขภาพ”
ชิมลาง ขึ้นเวทีแข่งขัน
หลังจากต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเข้าฟิตเนสออกกำลังกายและควบคุมอาหารให้หุ่นสวยเช้งสมใจ จากนั้นเกจึงได้ก้าวเข้าสู่วงการแข่งขันเพาะกายอย่างจริงจัง แต่เกบอกว่า ตรงนี้ เธอไม่ได้กดดันตัวเองแต่อย่างใด และมองว่านี่เป็นเพียงผลพลอยได้จากการดูแลสุขภาพตัวเองก็เท่านั้น
“สำหรับเกจริงๆ เรื่องรางวัลในการแข่งขัน เกมองว่ามันเป็นของแถมอ่ะค่ะ คือหลักๆ เกอยากเห็นตัวเองหุ่นดี ด้วยความที่อวบมาตลอด อย่างครั้งแรกที่เราได้แข่ง เรามองดูในกระจกว่าเราผอมลงแล้วนะ มันรู้สึกภูมิใจว่าโห นี่เราอดทนจนดูดีขนาดนี้เลยนะ ส่วนรางวัลมันคือสิ่งที่ตามมามากกว่าค่ะ” (ยิ้ม)
ส่วนการแข่งขันครั้งแรก เกเล่าให้ฟังอย่างภูมิใจว่า ถึงแม้จะเป็นการแข่งขันเวทีเล็กๆ แต่ก็ได้รางวัลชนะเลิศมานอนกอดคุ้มค่าเหนื่อย ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่ผลักดันให้เธอมาจนถึงทุกวันนี้
“การแข่งขันครั้งแรกของเกเป็นเวทีเล็กๆ ที่พัทยา ชื่อว่า หนุ่มกายงาม สาวกล้ามสวย ตอนนั้นยอมรับเลยว่าตื่นเต้นมาก (ยิ้ม) เพราะตอนนั้น ยังคิดว่าตัวเองไม่พร้อม อีกอย่างคือเรื่องของเวลา เกมีเวลาน้อยมากในการเทรน แต่ก็ภูมิใจนะคะ ครั้งนั้นก็ได้รางวัลชนะเลิศมาด้วย เพราะเป็นเวทีเล็กๆ ด้วย แต่เกก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ
แล้วเกก็เคยได้มีโอกาสไปแข่งขันเวทีนานาชาติครั้งนึงค่ะ เวทีนั้นเป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่มาก สุดๆ ในชีวิตเกเลย ได้เห็นของจริงว่ามันเป็นยังไง คนที่ได้ที่หนึ่ง หุ่นเค้าเพอร์เฟคต์มากๆ”
ในเรื่องของการแข่งขัน สาวเกอธิบายคร่าวๆ ให้เราฟังถึงหลักเกณฑ์ต่างๆ อย่างประเภทโมเดล ฟิสิกส์ที่เธอลงแข่งก็จะไม่เน้นเรื่องของน้ำหนัก แต่จะเน้นเรื่องของลายกล้ามเนื้อที่ต้องชัด ส่วนหน้าที่บนเวทีการแข่งขันคือการโพสตามท่าบังคับ และโพสในท่าที่คิดขึ้นมาเองเพื่อโชว์ในส่วนที่แต่ละคนคิดว่าสวยที่สุด
“การแข่งขันของผู้หญิงจะไม่บังคับเรื่องน้ำหนักค่ะ จะดูจากกระจกเอาว่า โอเคหรือยัง หุ่นดีหรือยัง กล้ามเนื้อมันชัดแล้วหรือยัง คือเน้นที่ส่วนกล้ามเนื้อมากกว่าน้ำหนัก แต่ถ้าเป็นผู้ชาย อันนี้ต้องดูที่น้ำหนัก อย่างรุ่นน้ำหนัก 50 กิโลกรัม 55 กิโลกรัม 60 กิโลกรัม ก็ว่ากันไป ซึ่งก็ต้องลงแข่งขันให้ตรงกับรุ่นของเค้า เกิน-ขาดได้นิดหน่อย
แล้วก็สีผิวที่เป็นสีน้ำตาลเนี่ย ผู้หญิงก็ต้องทาเหมือนกันค่ะ อันนี้เค้าจะเรียกว่า แทน การทาแทนเนี่ยมีวัตถุประสงค์คือให้ทุกคนบนเวทีมีสีผิวเท่ากัน ไม่มีการได้เปรียบ-เสียเปรียบ เพราะว่าบางคนที่ขาวอย่างเกเนี่ยจะเสียเปรียบ คนที่ผิวคล้ำจะได้เปรียบ เพราะว่าจะเห็นลายกล้ามเนื้อชัดมากกว่า คนที่ขาวก็ขาวโพลนเลยมองไม่เห็น พอโดนแสงลายก็หาย
ส่วนการแข่งขันบนเวที เราก็ต้องขึ้นไปโพสค่ะ เหมือนขึ้นไปเดินแล้วก็โพสให้กรรมการดู เค้าก็จะมีท่าบังคับของเค้า ก็จะมีหมุน 4 ทิศ เพื่อที่จะดูกล้ามเนื้อด้านหน้า ด้านข้าง รอบๆ ตัว แล้วก็มีท่าโพสที่เราต้องคิดขึ้นมาเองด้วย ก็คือเราสามารครีเอทโชว์คณะกรรมการเพื่อให้เค้าเห็นจุดเด่นของเราได้ประมาณนี้”
นอกเหนือไปจากรางวัลมากมายที่เธอได้รับมาเสริมพลังในการฝึกฝนตัวเองให้เป็นนักกีฬาเพาะกายที่สมบูรณ์แบบ สิ่งดีๆ ที่เกยังได้รับจากการแข่งขันคือการได้ปรับเปลี่ยนนิสัยให้มีระเบียบวินัยมากขึ้น และยังได้รู้จักครอบครัวนักเพาะกายที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตเธอด้วย
“เปลี่ยนนะคะ คือเกก็ต้องปรับตัวให้มีระเบียบวินัยมากขึ้น ถ้าขี้เกียจก็คือจบ ยิ่งในกีฬาที่เกเล่นอยู่ด้วย ก็ต้องยิ่งขยัน เพราะว่าอย่างกีฬาอื่นๆ เค้าแทบไม่ต้องทำอะไรเลยไงคะ Performance ก็คือฝึกฝนอย่างเดียว แต่ของเก บทสรุปสุดท้ายมันอยู่ที่เวทีว่าคณะกรรมการมองเห็นคุณเป็นอย่างไร
แล้วก็ทุกการแข่งขันช่วยให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ บางทีที่เกรู้สึกว่า โอ้ย เราไม่อยากทำแล้ว มันรู้สึกเหนื่อย มันรู้สึกท้อ แต่พอได้เข้าไปในเวทีการแข่งขัน เกมองทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัวเกเนี่ย ซึ่งตรงนี้เราจะรู้จักกันหมด พี่ๆ ที่เป็นคู่แข่งเราเนี่ย แต่เรามองว่า ทุกคนเป็นพี่-น้อง เป็นครอบครัวที่อยู่ในวงการเพาะกายด้วยกัน ซึ่งเมื่อไปเจอทุกครั้ง พี่ๆ ทุกคนก็น่ารักมาก ทุกคนเป็นกันเอง มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน มีอะไรขาดตกบกพร่องก็มาคุยกัน ถือได้ว่ากีฬานี้มันเป็นกีฬาครอบครัวอ่ะค่ะ”
หวังให้ไกล ไปให้ถึง
กวาดรางวัลมาพอสมควรสำหรับเส้นทางนักกีฬาเพาะกายระยะเวลากว่าสองปี แต่เป้าหมายของเธอยังไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน ซึ่งสาวเกส่งยิ้มหวานก่อนจะพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ถ้าจะแข่ง ก็ต้องแข่งให้สูงที่สุดคือระดับโลกค่ะ” และในเดือนเมษายนนี้ เกก็จะลงแข่งขันในรายการ Mr.Thailand ครั้งที่ 34 (Ms.Thailand Bodybuilding ครั้งที่ 10 Ms.Fitness Thailand ครั้งที่ 11 และ Mr.Fitness Thailand ครั้งที่ 10) ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งถือเป็นรายการแข่งเพาะกายที่ใหญ่ที่สุดประจำปีของประเทศไทยเลยก็ว่าได้
นอกจากนั้น เกยังได้เปิดเผยความลับในวัยเด็กของตัวเองให้ฟังว่า ความสวยสะดุดตาของเธอเคยทำให้ได้มีผลงานโฆษณามาตั้งแต่เด็ก จากนั้นอาชีพดารา-นักแสดงจึงกลายเป็นความฝันของเธอมาโดยตลอด แต่พอเริ่มอ้วน ความฝันนั้นก็จบลงไปอย่างน่าเสียดาย และถึงแม้ตอนนี้จะกลับมาหุ่นดีแบบนักกีฬา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเมื่อต้องผอมลงกว่านี้ เกจึงตัดสินใจเลือกบนทางเดินนักกีฬามากกว่าการออกหน้ากล้องแทน
“จริงๆ แล้ว ความใฝ่ฝันตอนเด็กของเกก็อยากเป็นดารา นักแสดงค่ะ เพราะว่าตั้งแต่จำความได้ เกก็ได้ถ่ายงานโฆษณาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อย่างตอนเรียนอยู่อนุบาล 2 ก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปเก็บโปรไฟล์ไว้ มาขอเบอร์โทร.คุณแม่ไว้ก็เป็นพวกโมเดลลิ่งต่างๆ พวกพี่ๆ แมวมองเค้าก็สนใจเราตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ (ยิ้ม) บางทีก็มีพวกโมเดลลิ่งมาหานางแบบรุ่นเล็กตามโรงเรียนอนุบาล ช่วงนั้นตอนเด็กๆ เกก็เลยอยากเป็นดารา พอมาอายุ 7-8 ขวบ ตอนนั้นก็เริ่มอ้วนละ อ้วนขึ้น ความฝันตอนนั้นก็เลยต้องตัดทิ้งไป
แล้วตอนนี้ก็เริ่มมีพี่ๆ โมเดลลิ่งกลับมาคุยนะคะ แต่ว่า เกก็ยังไม่ได้ตอบตกลงที่จะกลับไป เพราะว่าตอนนี้เกเปลี่ยนจากการลดน้ำหนักเฉยๆ อย่างที่เคยทำ มาเป็นการเล่นกล้าม เค้าก็จะไม่ค่อยเข้าใจว่า เราทำไปเพื่ออะไร อย่างเมื่อปลายปีที่แล้ว เกก็ได้ไปคุยงานมา แล้วเค้าก็บอกว่าอยากได้แบบผอมๆ ซึ่งมันไม่ใช่เก มันไม่ใช่แนวเกแล้วล่ะ
ถ้าจะให้ไปทำแบบนั้น กีฬาเกก็จะทำไม่ได้ มันต้องทิ้งไปเลย เพราะฉะนั้น เกก็เลยตัดสินใจว่าอยากเอาดีทางด้านนี้มากกว่าค่ะ (ยิ้ม) แล้วก็จริงๆ เกก็คิดว่า ถ้าเลือกเอาดีทางด้านนี้ไปเลย ก็อาจจะมีงานอีกประเภทหนึ่งเข้ามาก็ได้ แค่ให้เป็นงานที่มันเหมาะสมกับตัวเราก็พอค่ะ”
เมื่อถามเล่นๆ ว่า หากวันนี้ไม่ได้เป็นนักกีฬาเพาะกายแล้วล่ะ สาวเกอยากเป็นอะไร มีอะไรที่ใฝ่ฝันไว้อีกหรือไม่ เธอครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า ความฝันที่ดูน่าจะเป็นความจริงได้ง่ายที่สุดคือการมีร้านเบเกอรี่เล็กๆ เป็นของตัวเอง พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า ตอนนี้อาหารที่เธอทำกินได้แน่นอน แถมอร่อยด้วย ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าไม่ได้เป็นนักกีฬาหรอคะ แอร์โฮสเตสก็อยากลองทำนะคะ อยากรู้ว่าเค้าต้องทำอะไรบ้าง เกว่ามันก็เป็นอาชีพที่น่าสนใจดีเหมือนกันค่ะ อีกอย่างเลยคือหนูอยากลองเปิดร้านเบเกอรี่ (หัวเราะ) คนละอย่างกับแนวรักสุขภาพเลยเนอะ เพราะเกเป็นคนชอบเข้าครัว ชอบทำอาหาร ชอบทำขนม อย่างตอนนี้ที่บ้านเกยังไม่มีเตาอบก็จะลองทำพวกบลูเบอรี่ชีสพาย พวกที่ไม่ใช่ขนมอบ เกก็พอทำได้ค่ะ”
สำหรับในวันนี้ อาจจะยังมีหลายคนสงสัยในตัวเธอ ว่าจะทุ่มเทกับการเป็นนักกีฬาเพาะกายอย่างหนักไปเพื่ออะไร แต่เกก็เชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งที่เธอตัดสินใจลงมือทำไปแล้ว เธอจะไม่ทำให้มันเสียเปล่าอย่างแน่นอน
“ทุกวันนี้ การออกกำลังกายเกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความสุขเรา การที่เกเลือกมาอยู่ตรงนี้ ตัดสินใจอยู่ที่เมืองไทย คือตอนแรกเกต้องไปนอร์เวย์กับคุณแม่ แต่เกเลือกจะอยู่ต่อที่นี่ เพื่อสานต่อความฝันตรงนี้ให้สำเร็จ หลายคนไม่เข้าใจ หลายคนมองว่า อายุเท่านี้ยังต้องเรียนหนังสือสิ มาจริงจังอะไรกับการเป็นนักกีฬาแบบนี้ มันไร้สาระ แต่ลองคิดดูว่า มันจะมีสักกี่คน ที่อยู่ดีๆ โอกาสที่จะติดเป็นนักกีฬาทีมชาติมันลอยเข้ามาต่อหน้าต่อตาแล้วเราไม่คว้าไว้”
ถึงตรงนี้ ยังมีความฝันที่สาวน้อยเพาะกายคนสวยคนนี้ยังคงต้องวิ่งไล่ตามไขว่คว้าอีกมากมาย หากเธอเพียรพยายามและอดทนต่ออุปสรรคทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เชื่อว่าความฝันทั้งหมดนั้น เธอจะได้คว้ามากอดอย่างสมใจ อย่างที่เธอเคยทำได้สำเร็จมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : เกวลิน แกรนท์
ชื่อเล่น : เก อายุ : 18 ปี
วันเกิด : 28 สิงหาคม 2538
เชื้อชาติ : ไทย-อเมริกัน
นักกีฬาเพาะกายและฟิตเนส ประเภทโมเดล ฟิสิกส์
น้ำหนัก: 55 กิโลกรัมส่วนสูง: 165 เซนติเมตร
การศึกษา : มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสายปัญญารังสิต
ผลงานที่ผ่านมา
- รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี การประกวดหนุ่มกายงาม สาวกล้ามสวย ปี 2555
- เข้าแข่งขัน WBPF World Bodybuilding Physique & Sports Championships 2012 รุ่น Women Model Physique 165cm
- รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทโมเดล ฟิสิกส์หญิงความสูงเกิน 160 ซ.ม. การประกวดหนุ่มกายงาม สาวกล้ามสวย ปี 2556
- รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 การแข่งขันกีฬาเพาะกาย “ภูเก็ต คลาสสิก 2013”
- รางวัลเหรียญเงิน ประเภทโมเดล ฟิสิกส์ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 42 สุพรรณบุรีเกมส์ 2556
- ล่าสุด สอบผ่านการรับรองผู้ฝึกสอนเวทเทรนนิ่งของสถาบัน ACE (American Council on Exercise) และ FIT (Fitness Innovation Thailand)
เรื่องโดย สุภิญญา นาคมงคล
ภาพโดย วารี น้อยใหญ่
ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม @gaywalingrant และ Pozeidon Photographer