“อยากดูมวยไทย จะหาดูได้จากที่ไหน?” ต่อไปนี้ ถ้ามีเพื่อนชาวต่างชาติมาถามคำถามนี้กับคุณ ไม่ต้องพาเขาไปเวทีลุมพินี ไม่ใช่เวทีราชดำเนิน ไม่ใช่เวทีผืนผ้าใบผ่านหน้าจอทีวี แต่ที่นี่คือตัวเลือกใหม่ คือสถานที่ที่จะมีแม่ไม้มวยไทยผสมศาสตร์และศิลป์อวดชาวโลกให้ได้ภาคภูมิใจในทุกวัน เวทีการแสดงที่มีชื่อเรียกว่า “Muay Thai Live”
“เคารพ เสียสละ รักชาติ”
ชื่อเต็มๆ ของโชว์คือ “Muay Thai Live: The Legend Lives” จัดขึ้นภายในโรงละครแห่งใหม่ของ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ แหล่งท่องเที่ยวริมน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียขณะนี้ ที่น่าสนใจคือโชว์นี้กำลังจะกลายเป็นโชว์ที่ได้รับคำจำกัดความว่า “มาเมืองไทย ไม่ไปดูไม่ได้” เอกชัย เอื้อครองธรรม ผู้กำกับมือรางวัล ผู้มีผลงานระดับโลกมาแล้วอย่าง Beautiful Boxer และได้รับการยกย่องจากนิตยสารเอเชียวีกให้เป็น 1 ใน 20 ผู้นำชาวเอเชียแห่งสหัสวรรษในด้านศิลปวัฒนธรรมและสังคม บอกเอาไว้อย่างนั้น
“ผมอยากให้เป็นโชว์ที่มาประเทศไทย มากรุงเทพฯ แล้วต้องดู ต้องมีคนแนะนำว่า เฮ้ย! มาไทยต้องดูโชว์นี้ เหมือนเราไปบรอดเวย์แล้วจะแนะนำให้ไปดูโชว์แฟนธ่อม (The Phantom of the opera) มาบ้านเราก็ต้องมาดู Muay Thai Live สิ เป็นโชว์มวยไทยที่ดูสนุก มัน มีเรื่องราว อยากให้มันสร้างชื่อเสียงไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้คนที่มาดูก็เขียนบอกบนเฟซบุ๊กบอกเพื่อนต่อไปอีกเยอะเหมือนกันนะครับ เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะเป็นโชว์ต่อยมวย แต่กลับเป็นโชว์ musical แต่ไม่มีร้องเพลง
ถ้าเป็นไปได้มากกว่านั้นก็อยากให้คนดูดูแล้วรู้สึกว่า โห! มวยไทยมันสุดยอด ต้องไปเรียนให้ได้ และเท่าที่ผ่านมา ผมว่าผมประทับใจอาการของเด็กๆ ที่มาดูที่สุดเลยนะ (พูดไปยิ้มไป) เขานั่งอยู่แล้วเขาทำท่าตามคนอยู่บนเวที คุณแม่ก็จะห้าม ผมเห็นแล้วก็ขำ พอการแสดงจบ ออกไปข้างนอก เด็กก็ทำท่าอยู่ข้างนอก คุณแม่ก็จะหันมามองผมแล้วก็ส่ายหน้าพูดว่า “อินมาก” (หัวเราะ) มันเหมือนกับเวลาเราดูหนังจีนกำลังภายในสมัยก่อน วัดเส้าหลิน เราก็รู้สึกว่าเท่ ผมก็อยากจะทำให้คนรู้สึกว่ารักมวยไทย ถ้ารักอยู่แล้วก็อยากให้รักมากขึ้น ถ้าไม่รู้จักมวยไทย ต้องให้เขาพูดให้ได้ว่า “Oh! What is this!?!” ต้องไปเรียนให้ได้”
ทุกวันนี้โชว์ยังคงเปิดการแสดงทุกวัน วันละรอบ เวลา 20.00 น. ณ The Stage โรงละครแห่งใหม่ใจกลาง เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เพราะต้องการให้เป็นโชว์ที่ใช้ดึงดูดชาวต่างชาติด้วย “เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะมาวันไหนครับ” ผู้กำกับชื่อดังให้เหตุผล
“เราพยายามสร้างเรื่องให้เป็นสากล ดูได้ทั้งไทยและเทศ ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องประวัติศาสตร์เป็นหลักนะ แต่เป็นเรื่องความรัก, การเสียสละ และครอบครัว ผมว่าเรื่องแบบนี้ไม่ว่าชาติไหนก็ดูแล้วสามารถสัมผัสได้ ผมว่ามวยไทยเป็นมากกว่าการต่อสู้ แต่มีปรัชญาของการคิด มีการรุก-รับ มวยไทยเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนงาน creative ที่ดี มันคือความเป็นไทยอย่างหนึ่ง เพราะในตัวมันเองจะสอดแทรกเรื่องการเคารพครูบาอาจารย์ การรำลึกถึงคุณของประเทศ การเสียสละเพื่อคนที่เรารัก อันนี้ผมสรุปมาได้ว่า 3 แกนนี้สำคัญที่สุด
สมัยก่อน บรรพบุรุษที่ไปสู้รบกัน เอามวยไทยไปสู้กับข้าศึกก็เพื่อปกป้องคนที่เขารักที่อยู่เบื้องหลัง และมีการรำลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ตลอด ก่อนจะทำอะไรจะไหว้ครูตลอด แล้วก็การเสียสละ ยอมเจ็บเพื่อคนที่เรารัก มันมีทั้งเรื่องประเทศชาติ เรื่องส่วนตัว และเรื่องส่วนรวม ผมเลยรู้สึกว่ามวยไทยคือความยิ่งใหญ่ การทำโชว์นี้เลยต้องทำให้ใหญ่ขนาดนี้ (อ้าแขนทั้งสองข้างออกไปกว้างที่สุด) จะให้มาโชว์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยการทำกระจุ๋มกระจิ๋มก็คงไม่ได้”
ต่อยจริง เตะจริง เข่าจริง ศอกจริง ฟันจริง เจ็บจริง!
อาร์ท-อรรถพร สุวรรณ นักมวยดีกรีแชมป์และนักแสดงระดับสุพรรณหงส์ทองคำจากภาพยนตร์เรื่อง Beautiful Boxer หนึ่งในตัวแสดงนำประจำโชว์นี้ยืนยันด้วยน้ำเสียงดุเด็ดเผ็ดมันว่าโชว์นี้เน้นเจ็บเน้นจริง!
“ในฉากของผม “พระเจ้าเสือ” ก็ยังมีหลุดคิวเตะกันเป็นรอยช้ำ แต่ที่หลุดคิวกันตั้งแต่ตอนซ้อมที่น่าหวาดเสียวคือฉากที่ใช้ดาบครับ แต่ผมไม่ได้เล่น จะเป็นคนที่เล่นเป็น “พระยาพิชัย” ครับ เพราะใช้ดาบจริงฟันกัน ดาบจริง ฟันกันจริง ไฟเลยมีสะเก็ดออกมาแบบนั้น ช่วงแรกๆ ที่ซ้อมก็มีผิดคิว มีฟันโดนมือบ้าง โดนขาบ้าง ถึงดาบจะไม่ได้คมแต่มันมีรอยบิ่น ทำให้โดนผิวหนังแล้วเป็นรอย แล้วก็มีคนที่ดาบเฉาะเข้าหัวด้วย”
ในฐานะของคนที่อยู่ในวงการหมัดมวยมาตั้งแต่ 8 ขวบ บอกเลยว่ารู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนมวยไทยให้ขึ้นมาผงาดในเวทีโรงละคร ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และอลังการแตกต่างจากเวทีผืนผ้าใบไปอีกแบบ
“ผมดีใจที่มวยไทยได้มาอยู่บนเวทีแบบนี้ครับ เพราะตัวผมเองก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้เห็นมวยไทยในแง่ศิลปะแบบนี้มาก่อน เพราะตอนซ้อมมวยเราก็เตะๆ ต่อยๆ ไปตามกติกา แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามวยไทยสวยงามขนาดไหน จนได้มาเรียนกับ อาจารย์เสน่ห์ ทับทิมทอง ท่านได้สอนแม่ไม้มวยไทยสมัยโบราณที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนและนำมาไว้ในโชว์นี้ เราถึงได้รู้ว่ามวยไทยมันมีความสวยงามของท่วงท่าและมีความหนักหน่วงรุนแรง สามารถทำให้หักได้ สลบได้ ตายได้
มวยที่เรารู้จักตอนต่อยบนเวทีจะไม่เหมือนท่ามวยไทยสมัยโบราณครับ อย่างท่าที่เรียกว่า “หนุมานถวายแหวน” มวยไทยจะเรียก “หมัดอัปปะคัต” อย่างท่า “หนุมานทะยาน” ปัจจุบันก็เรียก “เข่าลอย” ชื่อเปลี่ยนไปและท่าก็เปลี่ยนไปด้วยนิดหน่อย แต่ยังถือว่าความสวยงามเหล่านี้ยังอยู่ในมวยไทย แม้แต่นักมวยที่ใช้ท่าเหล่านี้ทุกวันยังไม่เคยรู้เลยว่ามันมาจากท่าโบราณแบบนี้ ชื่อแบบนี้เอง”
แม้แต่ ข้าวโพด-มุกมณี ศรีวิชัย หญิงสาวที่ไม่เคยสนใจเรื่องหมัดมวยมาก่อนยังออกปากเลยว่า การได้เป็นหนึ่งในโชว์นี้ทำให้เธอมองเห็น “มวยไทย” ในมุมที่มีเสน่ห์มากๆ จนยากที่จะไม่หลงรัก
“รู้ว่ามันมีเสน่ห์มากน่าหลงใหลมากที่เราจะเข้าไปเรียนรุ้ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเราอยากทำบ้าง ความสวยงามของท่วงท่า ชื่อก็เพราะด้วย ทำให้เราอยากเรียน พอทำแล้วเราไมได้ดูอ่อนแอ เรากลับดูแข็งแรง เราทำได้ แต่ก่อนเคยเรียนเทควันโดมา ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าเราลืมมวยไทยของเราไปได้ยังไง เพราะศิลปะของต่างชาติก็มีเอกลักษณ์ของเขา แต่อย่างของไทยเป็นศิลปะ เป็นท่าทางมวยโบราณ เป็นเสน่ห์ที่แบบมันแทบจะหายไปแล้วในมวยปัจจุบัน คือท่าบางท่าของมวยโบราณ อาจจะถูกดัดแปลงไปซึ่งคนเราก็ไม่รู้หรอกดัดแปลงมาจากท่าไหน แต่พอลองศึกษาลึกๆ ถึงเอกลักษณ์ของมวยไทยจริง เราจะไม่ได้เห็นแต่ความดุดัน ไม่ได้เห็นแต่ความรุนแรงจริงๆ จะเห็นความสวยงามด้วย”
ส่งฮีโร่ประวัติศาสตร์ไทย ผงาดในโรงละคร
ตัวละครที่หยิบมาดำเนินเรื่องคือฮีโร่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยหลากหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น พระเจ้าเสือ, พระยาพิชัย และ นายขนมต้ม เพราะต้องการให้เรื่องราวความรักชาติเป็นที่จดจำ
“ตอนที่โปรดิวเซอร์บอกมา เขาอยากได้อะไรที่เกี่ยวกับมวยไทย เราเลยต้องมาคิดต่อว่าจะทำออกมายังไงดี ผมแค่อยากให้มันดูสนุกอ่ะ (แววตาตื่นเต้น) เวลาไปต่างประเทศแล้วไปดูโชว์เขา เรารู้สึกว่ามันสนุกจังเลย เวลาไป Disney ไป Universal ก็เลยคิดไปถึงธีมซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องมี original story ของตัวเอง พอมันเกี่ยวกับมวยไทย ก็เลยนั่งคิดไปถึงวีรบุรุษของมวยไทยตั้งแต่โบราณ ขั้นตอนการเลือกตัวละคร ผมเป็นพวกชอบคิดว่าสีมันเป็นสีอะไร ก็เลยต้องคิดว่าต้องเลือกตัวละครที่มีสีต่างกัน อย่างเช่นเวลาพูดถึง “พระเจ้าเสือ” ผมจะคิดถึงสีทอง คิดถึงภาพความยิ่งใหญ่ ภาพเป็นพระมหากษัตริย์ หลังจากนั้นก็อยากให้มีสีแดงเหมือนเลือด เลยคิดถึง “นายขนมต้ม” เพราะมันมีความป่าเถื่อนอยู่ พอคิดถึง “พระยาพิชัย” ก็คิดถึง Deep Blue เหมือนฝนตก ฟ้าคำราม”
คาดหวังเอาไว้ว่าน่าจะช่วยให้คนไทยหรือเด็กไทยถูกดึงดูดจากความเท่ของตัวละคร ความแข็งแกร่งของมวยไทย และความงดงามของศิลปะที่สื่อออกมา จนทำให้อยากลุกขึ้นมาสวมนวมกันสักครั้งในชีวิต
“ผมว่ามวยไทยมันมีคุณค่าที่จะทำให้เป็นกีฬาที่เด็กๆ ควรไปเรียนกัน ผมอยากให้โชว์ช่วยจุดประกายให้คนหันมาสนใจมวยไทยในด้านความเป็นศิลปะ ความเป็นกีฬา เรามีลุมพินี มีราชดำเนินอยู่แล้ว อันนั้นเป็นแหล่งของเขาเลย แต่ผมคิดว่าน่าจะมีการสืบทอดมวยไทยไปให้คนรุ่นใหม่ๆ เพราะคนรุ่นใหม่เขาไม่ได้ดูมวยตามทีวี ไม่ไปดูเวทีมวยที่ต่อยกันจริงๆ
ในอนาคตก็คิดไว้ว่าจะมีการสอนมวยไทย อาจจะเป็นการเรียนกับนักแสดงของเราเอง และจะมีการเอาโชว์นี้ไปโชว์ตามต่างจังหวัด เป็นการเผยแพร่มวยไทยไปในตัว อยากให้คนเห็นว่ามวยไทยไม่ใช่แค่ต่อยมวยอย่างเดียว สามารถเอามาทำเป็นโชว์ให้ดูสนุก ดูแล้วได้เรื่องประวัติศาสตร์ ได้ข้อคิดดีๆ ในชีวิตด้วย”
ปิดท้ายกันด้วยความคิดเห็นจากสองนักแสดงชื่อดังที่ควงคู่มาดูโชว์ในวันเดียวกันอย่าง นก-สินจัย และ นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช บอกเลยว่า
“นกว่ามันผสมผสานดีค่ะ บางทีคนไทยจะเบื่อถ้าเป็นมวยไทยล้วนๆ อยู่บนสังเวียนปกติ แต่นี่มันมีสีสันมีความเป็นละครเวทีด้วย ภาพยนตร์ มีเทคนิคต่างๆ ที่เป็นแบ็กกราวด์ด้วย ดูสมจริง หนักแน่นอนแต่นุ่ม นุ่มคือ สังเกตคือจะไม่มีเสียงปึกปั้กแบบคิวเละ คิวการแสดงจะนุ่มๆ พอดี ดูแล้วสนุก ไม่เบื่อ มีหลายรส ตลก มีสีสันดีค่ะ”
“พี่นกมีความรู้สึกว่ามวยไทยมันเป็นศิลปะประจำชาติของเราครับ ประเทศไทยเราอยู่ได้เพราะศิลปะมวยไทยด้วย เพราะว่าทหารหรือคนไทยทุกคนก็รู้จักมวยไทย ทหารที่ผ่านศึกต้องผ่านมวยไทยทุกคน ถือว่ามวยไทยเป็นศิลปะที่ทำให้อยู่ได้ทุกวันนี้”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
รายละเอียดเพิ่มเติม: แฟนเพจ "Muay Thai Live - The Legend Lives" หรือ www.muaythailive.net