สธ.เผยยกระดับลูกจ้างชั่วคราวบรรจุเป็น พกส.เกือบทั้งหมดแล้ว เหลืออีก 24,261 คน ระบุอาจยังไม่เต็มกรอบอัตรากำลัง สั่ง 12 เขตบริการสุขภาพเสนอ คกก.พกส.อีกครั้งเพื่อจ้างเพิ่มเติมใน ก.พ.นี้ พร้อมจัดทำร่างหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้แทน พกส.เป็น คกก.พกส.ด้วย
วันนี้ (22 ม.ค.) นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) ว่า ขณะนี้ดำเนินการแล้วจำนวน 115,773 คน คิดเป็นร้อยละ 83 ของลูกจ้างชั่วคราวทั้งหมด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2556 เป็นต้นมา โดยมีวงเงินค่าจ้างที่จ้าง ณ วันที่ 1 พ.ค. 2556 ทั้งหมด 1,396 ล้านบาทเศษ จำนวนลูกจ้างที่จ้างแล้วใช้วงเงิน 1,269 ล้านบาทต่อเดือน ยังเหลืออีกประมาณ 144 ล้านบาทต่อเดือน และยังเหลือผู้รอการจ้างอีก 24,261 คน หรือร้อยละ 17 ซึ่งการจ้างครั้งนี้อาจยังไม่เต็มกรอบตามภาระงานที่แท้จริง เนื่องจากฐานการคำนวณกรอบช่วงแรก ได้ใช้ภาระงานของแต่ละวิชาชีพตามแผนพัฒนาระบบบริการในปี 2555 และใช้ฐานสำมะโนประชากรของปี 2553 ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง และไม่สอดคล้องกับภาระงานในปัจจุบัน ดังนั้น จึงให้เขตบริการสุขภาพทั้ง 12 เขต นำเสนออัตรากำลังที่ต้องการและสอดคล้องกับภาระงาน ในที่ประชุมคณะกรรมการพนักงานกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อขยายกรอบอัตรากำลังภายใน ก.พ. 2557
นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า สธ.ได้จัดทำร่างหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้แทนพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขด้วย ซึ่งมีทั้งหมด 16 คน เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน และกรรมการที่มาจากการแต่งตั้งอีก 7 คน ในจำนวนนี้เป็น พกส. 1 คน คณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขเกี่ยวกับการจ้าง ตลอดจนกำหนดลักษณะงาน คุณสมบัติ กำหนดอัตราค่าจ้าง สิทธิประโยชน์ รูปแบบการจ้าง การประเมินผลและให้ความเห็นชอบในเรื่องกรอบอัตรากำลัง โดยมีวาระครั้งละ 2 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดระบบการจ้างที่เป็นธรรมและตรงกับข้อเท็จจริง
“การคัดเลือกผู้แทน พกส.นั้น ได้ให้แต่ละเขตบริการสุขภาพ รวมทั้ง กทม.คัดเลือกผู้แทน พกส.แห่งละ 1 คน โดยมีผู้ตรวจราชการ สธ.แต่ละเขตเป็นประธาน หลังจากนั้นเมื่อได้ผู้แทนทั้ง 13 คนแล้ว จึงออกเสียงลงคะแนนอีกครั้ง ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปเป็นคณะกรรมการบริหาร พกส.มีวาระ 2 ปี ส่วนผู้ที่ได้คะแนนรองลงมาจะขึ้นบัญชีตามลำดับคะแนนไว้ หากผู้แทนพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ จะเรียกผู้ที่ขึ้นบัญชีไว้มาปฏิบัติหน้าที่แทน การคัดเลือกจะทำโดยความเป็นธรรมและความโปร่งใส เพื่อให้เป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย” รองปลัด สธ.กล่าว
วันนี้ (22 ม.ค.) นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) ว่า ขณะนี้ดำเนินการแล้วจำนวน 115,773 คน คิดเป็นร้อยละ 83 ของลูกจ้างชั่วคราวทั้งหมด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2556 เป็นต้นมา โดยมีวงเงินค่าจ้างที่จ้าง ณ วันที่ 1 พ.ค. 2556 ทั้งหมด 1,396 ล้านบาทเศษ จำนวนลูกจ้างที่จ้างแล้วใช้วงเงิน 1,269 ล้านบาทต่อเดือน ยังเหลืออีกประมาณ 144 ล้านบาทต่อเดือน และยังเหลือผู้รอการจ้างอีก 24,261 คน หรือร้อยละ 17 ซึ่งการจ้างครั้งนี้อาจยังไม่เต็มกรอบตามภาระงานที่แท้จริง เนื่องจากฐานการคำนวณกรอบช่วงแรก ได้ใช้ภาระงานของแต่ละวิชาชีพตามแผนพัฒนาระบบบริการในปี 2555 และใช้ฐานสำมะโนประชากรของปี 2553 ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง และไม่สอดคล้องกับภาระงานในปัจจุบัน ดังนั้น จึงให้เขตบริการสุขภาพทั้ง 12 เขต นำเสนออัตรากำลังที่ต้องการและสอดคล้องกับภาระงาน ในที่ประชุมคณะกรรมการพนักงานกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อขยายกรอบอัตรากำลังภายใน ก.พ. 2557
นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า สธ.ได้จัดทำร่างหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้แทนพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขด้วย ซึ่งมีทั้งหมด 16 คน เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน และกรรมการที่มาจากการแต่งตั้งอีก 7 คน ในจำนวนนี้เป็น พกส. 1 คน คณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขเกี่ยวกับการจ้าง ตลอดจนกำหนดลักษณะงาน คุณสมบัติ กำหนดอัตราค่าจ้าง สิทธิประโยชน์ รูปแบบการจ้าง การประเมินผลและให้ความเห็นชอบในเรื่องกรอบอัตรากำลัง โดยมีวาระครั้งละ 2 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดระบบการจ้างที่เป็นธรรมและตรงกับข้อเท็จจริง
“การคัดเลือกผู้แทน พกส.นั้น ได้ให้แต่ละเขตบริการสุขภาพ รวมทั้ง กทม.คัดเลือกผู้แทน พกส.แห่งละ 1 คน โดยมีผู้ตรวจราชการ สธ.แต่ละเขตเป็นประธาน หลังจากนั้นเมื่อได้ผู้แทนทั้ง 13 คนแล้ว จึงออกเสียงลงคะแนนอีกครั้ง ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปเป็นคณะกรรมการบริหาร พกส.มีวาระ 2 ปี ส่วนผู้ที่ได้คะแนนรองลงมาจะขึ้นบัญชีตามลำดับคะแนนไว้ หากผู้แทนพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ จะเรียกผู้ที่ขึ้นบัญชีไว้มาปฏิบัติหน้าที่แทน การคัดเลือกจะทำโดยความเป็นธรรมและความโปร่งใส เพื่อให้เป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย” รองปลัด สธ.กล่าว