เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในพ่อค้าขายเสื้อแถวหน้าแห่งการชุมนุมสำหรับ “ศักดิ์ชัย กาย” ที่ขอมาร่วมกู้ชาติ และผลิตเสื้อยืดสำหรับเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้มาร่วมชุมนุม โดยขายอยู่บริเวณเวทีแยกปทุมวัน ซึ่งใครหลายคนที่ได้ยินแล้วยังต้องทึ่งในเรื่องของยอดขายแต่ละวันที่สามารถนำมาบริจาคให้กับกปปส. แตะหลักล้านบาท!! ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live จึงขอสัมภาษณ์เปิดใจศักดิ์ชัยในฐานะผู้มาร่วมชุมนุมที่มุ่งมั่นในอุดมการณ์ตั้งแต่วันแรก รวมถึงบทบาทการเป็นพ่อค้ามือใหม่ที่ฮอตสุดๆ ยามนี้
เสื้อกู้ชาติ ขายได้วันละล้าน!!
- ยอดขายตอนนี้กี่ตัวต่อวัน
ไม่ได้นับเลย ซึ่งมันก็หลายพันตัวต่อวันอ่ะนะครับ แต่ขายทุกวัน วันละ 3,000 4,000 5,000 แล้วแต่วัน เพราะเราพิมพ์ไม่ทัน กำลังการผลิตแต่ละวันจะได้ประมาณ 2,000-5,000 ตัว เพราะว่าเราไม่ได้อยากเข้าไปในโรงงานผลิตให้มันมากมาย และผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะผลิตมากมายตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ และร้านที่ผลิตให้เรามีอยู่ 2 เจ้าที่เขาก็มั่นคง และเราไม่อยากเปลี่ยนไปผลิตในโรงงาน ถ้าผมย้ายไปที่โรงงาน ผมก็ผลิตได้วันละแสนๆ ตัว แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น
- จนถึงตอนนี้ ขายเสื้อหาเงินได้กี่บาท
ตอนนี้เราให้เวทีไปแล้ว 7 ล้านบาท ช่วงแรกเราไม่หักเลยนะ แต่ครึ่งหลังเราก็หักค่าต้นทุน เช่น หักค่าผ้า หักค่าอื่นๆ ไปบ้าง เพราะไม่ไหวแล้ว ไม่มีตังค์แล้ว โชคดีที่มาตอนหลังมีเศรษฐีผู้ใจบุญเอาเงินมาให้ เอามายัดใส่มือผมเลย บอกเอามาให้คุณศักชัย 500,000 บาท ซึ่งเราก็ตกใจ เอามาให้เราทำไม อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีเล่าให้ฟัง เพราะเราไม่รู้จักกันเลย และระเบียบของการรับบริจาคที่เวทีราชดำเนิน หรือที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ พวกเราจะรับเงินไม่ได้ จะมีเจ้าหน้าที่รับแทน ซึ่งเขาก็บอกว่า เปล่าเลย ฉันศรัทธาคุณ และเชื่อว่าคุณจะนำเงินนี้ไปทำให้โตได้ เราก็เลยบอกว่า คุณจะให้เงินผมไปเล่นหุ้นเหรอ ก็หัวเราะกันใหญ่ เขาก็บอกว่า เปล่าค่ะ ดิฉันเชื่อว่าคุณเอาเงินไปทำให้งอกเงย
ส่วนผมก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น ไปหาลุงกำนัน มีความคิดอย่างไรให้กรรมการรับรู้กันหน่อย เพราะเงินไม่ใช่น้อยๆ เอามายัดใส่มือผมแบบนี้ ผมแค่คนมาช่วยทำงาน จากนั้นผมก็พาไปหาลุงกำนัน มีคุณรังสิมา และคุณปอง-อัญชลีนั่งอยู่ด้วย บอกคุณสุเทพว่าเขามาด้วยวัตถุประสงค์แบบนี้ แล้วเขากำเงินมา 500,000 บาท คุณสุเทพก็ส่งเงินต่อมาที่ผม พร้อมกับตบไหล่ว่า ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ผมก็มึน เงยหน้ามองฟ้า และหายใจเฮือกใหญ่ เอาแล้วสิกู แต่ว่าผมเป็นคนสู้อ่ะ ในเมื่อเงินมาถึงมือผม ผมก็เลยรับปากว่า ในเมื่อมีความเชื่อมั่นกันแบบนี้ เดี๋ยวผมก็จะเติม 0 ให้ตัวหนึ่ง
จากวันนั้นถึงวันนี้ นะ ก็ได้เงินมาเจ็ดล้านแล้ว ได้เติม 0 เข้าไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราจึงไม่ได้หักค่าใช้จ่ายเพราะเราไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากเรานำเงินก้อนนั้นมาเป็นต้นทุน แต่ 2 ล้านแรกผมไม่หักเลย ผมเอาเงินส่วนตัวลงไป
- ทำไมถึงคิดอยากจะขายเสื้อ
เสื้อตัวนี้ เริ่มมาจากการพิมพ์เล่นๆ ของผม เพราะที่บริษัทผมชอบพิมพ์เสื้อตามวาระกันอยู่แล้ว เช่น วันสำคัญต่างๆ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นพนักงานของเรา อย่างวันปีใหม่ เราก็พิมพ์เสื้อของเราออกมา 100 ตัว คือพิมพ์ใส่กันเอง หรืออย่างวันเฉลิมพระชนม์พรรษา เราก็พิมพ์คำว่า ทรงพระเจริญ พิมพ์หมายเลข ๙ พอเห็นเขามีการชุมนุมกัน เราก็เลยคิดว่า มาทำเสื้อชัตดาวน์ กรุงเทพฯ ใส่เล่นกันดีกว่า แต่คราวนี้ เป็นช่วงที่ผมไปอยู่ที่ราชดำเนินทุกวัน ผมจึงคิดเผื่อคุณปอง ถึงคุณสาธิต หรือคนที่อยู่บนเวทีด้วย แล้วผมก็โพสต์เฟซบุ๊กว่าผมใส่เสื้อนี้ คนก็เข้ามาถล่มทลายเลยว่า ขอซื้อได้ไหม มีขายที่ไหน
พอไปหลังเวทีก็มีคนยุให้ทำ พอทำออกมาเล่นๆ ล็อตแรก ไม่กี่ 100 ตัว มันหายไปในพริบตา ผมเอาเสื้อไปวาง ผมอยู่ไม่ได้เลย คนเยอะมาก แล้ววันที่สองยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะคุณปองขึ้นไปประกาศบนเวทีว่าคุณศักดิ์ชัย กาย ทำเสื้อมามอบเงินไม่หักค่าใช้จ่ายให้เวทีชุมนุม คราวนี้คุณเอ๊ย คนมารอตั้งแต่ 8 โมงเช้า แต่เริ่มขายตอน 1 ทุ่ม ซึ่งตอนนั้นผลิตได้น้อย วัน 1-2 พันตัว พอวันที่สาม หลังจากได้เงินมา 1 ล้านจาก 2 วันแรก ก็เริ่มมีเศรษฐีเอาเงิน 5 แสนมาให้ จากนั้นเราก็เอาเงินไปให้ลุงกำนันหลังเวที ลุงกำนันก็ทำเป็นมุก บอกผมไม่รับ ผมจะรับบนเวที วันนั้นก็เลยถือเงินที่ใส่ในถุงก๊อบแก๊บมอบให้ลุงกำนันบนเวที
- ยิ่งขาย คนยิ่งเยอะ
อย่างที่บอกไปว่าเงิน 5 แสนที่ผมได้รับมา ผมก็เอาไปคิดเพื่อเชิญศิลปินสัก 5 คนมาทำเสื้อ ซึ่งคนแรกที่ผมนึกถึงคือ คุณไข่ สมชาย แก้วทอง คนที่สองคือคุณชัย ราชวัตร พอได้บอกเจตนารมณ์กับทั้งสองท่าน เขาบอกว่า ไม่มีปัญหาอะไรเลย บอกน้องทำไปเลย ซึ่งบุคคลทั้งสองน่ารักสุดๆ ผมไหว้พี่เขาทั้งสองคนวันละ 3 เวลา ไหว้แบบ three time
เขาให้ผมช่วยคิดนะ คุณชัย ราชวัตร ลองคิดดูว่าดีกรี และบารมีของคุณชัย ราชวัตรสูงแค่ไหน แต่เขาให้เกียรติเรา บอกน้องอยากได้แบบไหนให้บอกมา พอเราบอกไปว่าพอนึกถึงคุณชัย ราชวัตร ผมก็นึกถึงจ่อย ก็เลยเสนอให้ไอ้จ่อยออกมาทำภารกิจก็แล้วกัน เช่น ไอ้จ่อยโบกธง ไอ่จ่อยกู้ชาติ ถึงเย็น คุณชัย ราชวัตรก็สเกตภาพมาให้ผม แล้วของพี่ไข่ เราก็นึกถึงอิสรภาพ รู้มั้ยแค่ศิลปิน 2 คนนะ เสื้อยิ่งขายดีเป็นทวีคูณ แบบขายดีจนร้านเราแตกเลย
ดังนั้น พูดเลยว่า สิ่งที่ทำให้เสื้อเราขายดี มาจากบารมีของพี่ๆ ทั้งสองท่าน ซึ่งผมต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง ทุกวันนี้เสื้อของคุณชัย ราชวัตร และคุณไข่ สมชาย แก้วทอง กับเสื้อชัตดาวน์ 3 ตัวนี้เป็นแม่เหล็กที่ทุกคนต้องมีไว้ครอบครอง เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ และอยากให้เป็นเสื้อรุ่นของพวกกบฏ และเป็นเสื้อรุ่นของคนที่มาชุมนุม เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าวันหนึ่งเราเคยทำกิจกรรมดีๆ ต่อบ้านเมืองเรา ไม่อยากให้มันเป็นแค่เสื้อรุ่น
- ตอนนี้ได้เจอแม่ค้าพ่อค้าก๊อบเสื้อเราบ้างมั้ย
มีเยอะมาก (ลากเสียงยาว) โดยเฉพาะลายที่เป็นของคุณชัย ราชวัตร เกลื่อนมากเลย แต่คนก็ไม่ซื้อ ถ้าเกิดเป็นแผงลอยตั้งขายอยู่ในบริเวณที่เราขายอยู่ เช่น แยกปทุมวัน หรือที่ราชประสงค์ เราก็ขอความร่วมมือ หรือประกาศบอกให้เขารู้สึกกันเอง บางรายการ์ดก็เชิญมาหาเรา คือเราไม่ได้ไปใช้อำนาจกับเขาหรอกนะ เพราะเขาก็ทำมาหากิน แต่ก็ต้องไปบอกเขาอ่ะว่า นี่พวกคุณ พวกเราต่อสู้กันมา 2 เดือนเต็มๆ สาระของการต่อสู้ครั้งนี้ พวกคุณก็รู้ว่าเพื่อไล่รัฐบาลที่มันขี้โกง ในเมื่อเราต่อสู้กับการโกง เราต้องไม่โกง พวกคุณทำแบบนี้ถือว่าโกง เขาก็อายนะ ครับๆ แล้วก็เก็บไป
หรือคุณปองเขาก็ประกาศบนเวทีเองว่า อย่าทำแบบนี้เลย เพราะศิลปินอย่างคุณไข่ หรือคุณชัย ราชวัตร ไม่ได้หักค่าใช้จ่าย ไม่ได้ขอส่วนแบ่งใดๆ ทั้งสิ้น แล้วคุณทำแบบนี้ มันเป็นตัวอย่างที่แย่มาก และเป็นการก็อปแบบเลวมาก มันไม่ดีเลย เราก็ขอร้องกัน หรือเตือนแล้วยังเอามาขายกันอีก ทางการ์ดก็ไปเก็บเอามา แล้วก็เอาไปบริจาคต่างจังหวัด แต่มันก็เก็บไม่หมดหรอก อันนี้เป็นตัวอย่างของสังคมบ้านเราว่า เป็นสังคมที่มีปัญหาอีกหลายด้าน โดยเฉพาะการฉวยโอกาส ตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวเอง ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ เรากำลังต่อสู้กับสิ่งที่มันอยุติธรรม เราต้องแสดงจริยธรรม และความจริงใจ แต่ถ้าเรื่องเล็กๆ แบบนี้ยังขี้โกงกันเลย แล้วคุณจะไปต่อสู้กับเขาทำไม
ลั่นวาจา ถวายชีวิตให้แผ่นดิน
- เหตุผลที่ต้องออกมาร่วมชุมนุมครั้งนี้
“ตั้งแต่อุรุพงษ์ สามเสน ผมก็มาตลอด โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนไม่ชอบความอยุติธรรมตั้งแต่เด็กแล้ว จะไม่ชอบถูกรังแก ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์เนี่ย ผมก็ไม่มีอยู่แล้ว แต่ว่าที่มาร่วมชุมนุมเนี่ยเพราะผมเห็นเรื่องการหมิ่นเบื้องสูงอยู่ตลอดเวลาในหลายๆ เวที รวมถึงคนในรัฐบาลเองก็เถอะ ที่มีส่วนร่วมในการปล่อยปละละเลยให้มีการหมิ่นเบื้องสูง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นสถายันอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน อันนี้มันเป็นความเจ็บใจที่สุดเลยว่า ในชีวิตเรา เราเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือหัว แต่คนพวกนี้ไม่มีสำนึก คิดจะทำลายสถาบัน นี่คือสิ่งแรกที่ทำให้ผมออกมา
อันที่สองคือ ความพยายามที่จะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ตั้งแต่เลือกตั้งเข้ามาแล้วบอกว่า ไม่ทำ ไม่ทำ แต่มาลักหลับเอาตอนตีสี่ แล้วก็ปลอมแปลงเสนอขึ้นไปเบื้องสูงให้ลงพระปรมาภิไธย พอความแตกก็ออกมาขออภัยโทษ จนก่อให้เกิดการประท้วง มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการประท้วงอย่างต่อเนื่อง แล้วก็อีกอย่างคือ รัฐบาลไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ การไม่เคารพกฎหมาย เรื่องเสียบบัตรแทนกัน พูดกันจนเด็กป.1 ยังรู้เลยว่า จริยธรรมของการเคารพกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้มันแย่มาก แล้วยังออกมานั่งหน้าสลอนว่าไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เอาแค่นี้ก็พอ เด็กอนุบาลยังยอมรับไม่ได้เลย
สาม การทุจริตเชิงนโยบาย คือเราไม่เคยเห็นรัฐบาลที่ขี้โกงและคอร์รัปชันมากมายขนาดนี้ เป็นการขี้โกงแบบซึ่งๆ หน้า เป็นการขี้โกงแบบไม่อายใคร ไม่อายฟ้า ไม่อายดิน ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็เรื่องโกงจำนำข้าว G2G ที่ว่าเนี่ย มันไม่มีตัวตน เรื่องแบบนี้นะ เอาจริงๆ รัฐบาลประเทศอื่นเค้าลาออกตั้งแต่ยังไม่ได้สอบสวนแล้ว แต่นี่ตัดสินออกมาแล้วว่าโกง ก็ยังไม่รู้สึก ไม่สำนึก ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอะไรเลย การโกงซึ่งๆ หน้าแบบนี้ คุณเคยเห็นมั้ยล่ะ โกงอะไรกันตั้งสามแสนเก้าหมื่นล้าน แล้วโครงการผันน้ำ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ที่รัฐบาลเอาไปอีกเป็นแสนล้าน สืบลึกลงไปทุกโครงการก็เป็นพรรคพวกตัวเองที่รับเหมาไปทั้งนั้นเลย ซัปพอร์ตพรรคพวกตัวเอง ครอบครัวตัวเองทั้งนั้น แล้วโครงการประชานิยม คุณเห็นว่าประชาชนจริงๆ ได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง
สุดท้ายข้อ 4 คือการซื้อเสียงจากชาวบ้านและผู้แทนเป็นเครื่องมือในการโกง 4 ข้อนี้เป็น 4 ข้อหลักๆ ที่ผมออกมาเคลื่อนไหวและต่อสู้เพื่อให้เกิดการปฏิรูป
- การกระทำของรัฐบาลที่รู้สึกยอมรับไม่ได้ ทนไม่ได้แล้ว
คอร์รัปชั่นเนี่ยเป็นปัญหาแรกเลย อย่างการเสียบบัตรแทนกันเนี่ย มันผิดจริยธรรมอยู่แล้ว หรือเรื่อง performance ของผู้นำรัฐบาลเนี่ยยิ่งไม่ต้องพูดเลย ผู้นำรัฐบาลเนี่ยเป็นสัญลักษณ์ของความโง่ที่ยังไม่เคยปรากฏบนโลกใบนี้ ถ้าเป็นการล้อเลียนก็อีกเรื่องนึง แต่นี่มันไม่ใช่การล้อเลียนแล้วไง มันเป็นสิ่งที่เราเห็นจริงๆ ว่าผู้นำรัฐบาลมันแย่มากอ่ะ รู้สึกอายมั้ยล่ะคุณ ที่เรามีผู้นำรัฐบาลแบบนี้ จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะหยาบคายอ่ะนะ แต่ตอนนี้มันก็กลายเป็นคำสามัญไปเลยว่า ผู้นำรัฐบาลของไทย ทำไมมันถึงได้โง่ขนาดนี้ ขนาดกูเกิ้ลยังแรนดอมคำว่าโง่ออกมาเป็นผู้นำรัฐบาลเลย
- โดนกล่าวหาว่า สู้นอกสภา ม็อบข้างถนน ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง
“ที่เราออกมาต่อสู้บนท้องถนน 2-3 เดือนเนี่ย ไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการการเลือกตั้ง แหงนหน้ามองฟ้าบ้าง อย่าออกมาเอาหัวชนฝาว่า ระบบมันต้องเป็นแบบนี้ ตรงนี้ก็ไม่ได้เถียง แต่ระบบมันไม่ได้สร้างมาเพื่อให้คุณมาโกง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ถ้าเลือกตั้งวันนี้ ก็ได้พวกขี้โกงกลับมาทั้งขบวนการอยู่ดี ซื้อเสียงกันทั้งครอบครัว ซื้อโหวตละสองพัน ไปถึงผู้ขายเสียงจริงๆ สามร้อย ห้าร้อย แล้วส.ส. ทั้งหลายเนี่ยก็อยากให้มาตอบคำถามว่าทำไมชาวนาถึงไม่ได้เงิน ทำไมรัฐบาลทำอย่างนี้กับชาวนา
แล้วระบบที่คุณต้องการเรียกร้องให้เกิดขึ้นจริงเนี่ย มันสอนให้คุณทำแบบนี้รึเปล่า ที่เราต่อสู้แค่เราต้องการกติกาใหม่ ถ้าเราพร้อมใจช่วยกันตั้งกติกาขึ้นมาให้สะอาดสะอ้าน แล้วเรามาเลือกตั้งกันใหม่ดีมั้ย ถ้าคิดว่าประชานิยมของคุณมันยังดีอยู่ก็เข้ามาร่วมปฏิรูปสิ ไม่ได้บอกเลยว่าไม่ให้เอาเสื้อแดงมาปฏิรูป เราก็ต้องการตั้งคณะทำงานร่วมกัน ปฏิรูปแล้วก็มาเลือกตั้ง นี่คือสิ่งที่เราเรียกร้องอยู่ พวกเราไม่ได้ไม่รักประชาธิปไตย พวกเราไม่ได้ไม่ต้องการการเลือกตั้ง เราต้องการการเลือกตั้งที่สะอาด บริสุทธิ์ต่างหาก”
- คิดเห็นอย่างไรกับคำว่าระบอบทักษิณ
มันเป็นคำที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความขี้โกงไปแล้ว ใครๆ ก็คงไม่อยากใช้ชื่อทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เกิดมาอีกกี่ชาติ สองชื่อนี้มันก็คือสัญลักษณ์ของความขี้โกง สัญลักษณ์ของความเกลียดชัง แม้กระทั่งเจ้าของชื่อคงอยากจะเปลี่ยนชื่อวันละสามครั้งเลย พอได้ยินชื่อนี้ เด็กๆ ยังรู้เลยว่าคำว่าระบอบทักษิณนี้มันไม่ดี ขี้โกง ส่วนคำว่ายิ่งลักษณ์นี่คือคนโง่ หลายคนก็คงเห็นว่ามันเป็นจริง อันนี้ผมไม่ได้ปรักปรำนะ
- ผ่านมากว่า 2 เดือน เหนื่อยมั้ย ท้อมั้ย
ทำไมจะไม่เหนื่อย แต่ว่าสิ่งที่เราทำ ผมเป็นแค่จุดเล็กๆ เมื่อจุดเล็กๆ รวมกันมันก็จะกลายเป็นจุดใหญ่กระจายเป็นภาพใหญ่ขึ้น เหมือนเราเป็น 1 พิกเซล เพราะฉะนั้นทุกคนต้องออกมาร่วมกัน ไม่ใช่แค่วิจารณ์อย่างเดียว ทุกคนมีความคิดที่ต่างกันอยู่แล้ว อุดมการณ์ต่างกันอยู่แล้ว แต่ขอให้ดูเจตนา คุณต้องออกมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศชาติ ขับเคลื่อนประเทศชาติด้วย พวกเราก็ไม่ได้ทำถูกทุกอย่างนะ เราตัดสินใจไปวันๆ แต่เจตนาของพวกเราคือการให้ประเทศชาติปลอดคนขี้โกง พ้นจากระบอบสามานย์
- การเกิดขึ้นของฝั่งที่ไม่เห็นด้วย ไทยเฉย ไทยอดทน
มันเกินคำว่ารู้สึกไปแล้ว ที่เห็นๆ คือเรารู้สึกเสียใจ อย่างที่บอกว่าผมออกมาเพราะมีคนมาว่าร้ายในหลวงขนาดนี้ แต่พวกคุณยังอยู่เฉยๆ อ่ะ คุณจะเกิดมาทำไมเนี่ย วันนี้ถ้าคุณมาฟันหัวผมไป แล้วเลิกดูถูกในหลวงเราก็ยอม เราถวายชีวิตเพื่อรักษาสถาบันได้ เราเกิดมาในสังคมที่ไม่เหมือนกับอารยะตะวันตก เราเกิดมาก็รู้อยู่แล้วว่าอยู่ในขนบธรรมเนียมแบบนี้ เพราะฉะนั้น ขนบธรรมเนียมของแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกัน อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน เราเกิดมาเท่ากับเราเป็นข้าแผ่นดิน เราเป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่ถ้าคุณคิดว่าไม่ใช่ ก็ไม่เห็นต้องออกมาทำร้ายในสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้เค้าเคารพนับถือ แล้วไทยอดทน คุณจะทนไปถึงไหน บ้านคุณไหม้หลังคาหมดไม่เหลือแล้ว ยังจะอดทนอะไร ไทยเฉย ไทยอดทน มันกลายเป็นก้อนอิฐก้อนกรวดที่ไม่มีประโยชน์กับประเทศชาติ ณ ขณะนี้
- แล้วเสื้อขาวล่ะ คิดว่าพวกเขาคือแดงเปลี่ยนเสื้อมั้ย
ก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว เพราะพื้นที่ของพวกเค้ามันแคบลง เพราะมันปลุกไม่ตื่น จะให้ไม่ตื่นได้ไง กว่าครึ่งของเสื้อแดงก็เป็นชาวนา ชาวไร่ ซึ่งเค้าได้รับผลกระทบโดยตรงจากรัฐบาลนี้ แล้วที่เคยมีคลิปออกมาที่ถือเงินแล้วก็จ่ายกันเป็นฟ่อนๆ ที่นนทบุรี รังสิต แจกตังค์กันแบบไม่แคร์สื่อเลย มีคนมาถ่ายก็ยังจ่ายอยู่ มันเป็นการจัดซื้อ-จัดจ้างที่เต็มรูปแบบเลย แล้วเอาเข้าจริงชาวนา ชาวไร่ที่เข้าไม่ได้ตังค์เค้าก็รู้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างผมไม่ได้ต่อต้านที่คุณออกมาจุดเทียนกันนะ ต่อให้เอาเทียนพรรษามาจุดก็จุดไม่ติด เพราะประชาชนเห็นแล้วว่าคุณไม่มีอุดมการณ์เลย เปลี่ยนจากสีแดงเป็นขาว Respect My Vote อะไร ต้อง Respecy My Tax มากกว่า
แล้วก็อยากถามว่าพวกจุดเทียนเนี่ยจุดอะไร จุดให้คนที่โกงประเทศชาติไป 3 แสน 9 หมื่นล้าน ชาวนาไม่มีแม้กระทั่งข้าวจะกิน ไม่ใช่ไม่มีเงินอย่างเดียว ปลูกข้าวแท้ๆ ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน 3 แสนล้าน มันจะตกอยู่ในมือคนขี่โกงตระกูลชินวัตร แล้วมันก็ยังมานั่งจุดเทียนกันอยู่ได้
- ถามจริงๆ เชื่อใจกำนันสุเทพมั้ย
ผมไม่ได้มองการต่อสู้ครั้งนี้ที่ตัวบุคคล ผมมองว่ากำนันคือตัวแทนของกลุ่มมวลมหาประชาชนที่ออกมาต่อสู้ แล้วคุณสุเทพก็ออกมาประกาศเจตนารมณ์อยู่แล้วว่าจะไม่รับตำแหน่งหรือกลับเข้ามาสู่การเมือง ผมมองว่าการต่อสู้ครั้งนี้ มันกำลังนำพวกเราไปสู่การปฏิรูป แล้วก็ผมไม่ได้มีเจตนาชูว่านายกฯ คนต่อไปคือคุณสุเทพ แต่เค้าคือตัวแทนของพวกเรา คุณสุเทพแค่เป็นคนขับเรือลำนี้ให้ถึงเกาะแล้วมาว่ากัน เพราะฉะนั้น ต้องทำความเข้าใจซะใหม่ว่าเราไม่ได้ต้องการชูให้คุณสุเทพมาแทนคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ คุณสุเทพเป็นแค่ตัวแทนของการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป
ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้บอกว่าคณะกรรมการปฏิรูปคือใคร เพราะฉะนั้น ก็ช่วยออกมาเลือกกันสิ พี่น้อง คุณจะเรียกนายเฉย นายอดทน มาเป็นคณะกรรมการปฏิรูปก็ได้ แล้วมาบอกสิว่าคุณอยากได้อะไร เอาชาวสวน ชาวไร่ ชาวนาที่ไม่ได้เงิน ชาวสวนยางที่ไม่ได้เงิน ก็เชิญเข้ามา นักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม ทุกคนเดินเข้ามาสิ แล้วมาเสนอว่าการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ต้องทำอย่างไร ช่วยกันถก ช่วยกันคิด แล้วค่อยออกไปเลือกตั้ง
- ทำไมต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
ตอนนี้ถ้าไปเลือกตั้ง ใครจะได้กลับเข้ามาก็รู้กันอยู่ การเลือกตั้งครั้งนี้มันไม่ได้นำไปสู่อะไรเลย ควรเอาเงินเลือกตั้งสามพันกว่าล้านเอามาทำอะไรที่เป็นประโยชน์กว่านี้ อย่างเอาไปสร้างโรงพยาบาลยะลา ที่ตรงนั้นมันมีปัญหาจริงๆ ลงไปดูสิ ผมลงไปสิบหนก็ร้องไห้ทุกครั้ง นี่หรือประเทศไทย? โรงพยาบาลที่สำคัญที่สุดของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ สามพันกว่าล้านสร้างประโยชน์ได้มหาศาล ทำไมไม่ใช้
- เคยผ่านเหตุการณ์แก๊สน้ำตามาแล้วด้วย
ใช่ ผมไปบชน.มา มันโหดร้ายมาก แต่มันยิ่งทำให้ผมฮึกเหิมต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้ ผมไปกับเพื่อนนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ เพราะผมไม่ใช่นักรบนักบู๊ แต่สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าทั้งลุงป้าใส่ผ้าถุงหยิบแก็สน้ำตาขว้างคืน เพื่อนผมคนหนึ่งอายุ 60 กว่าแล้วเป็นโขนธรรมศาสตร์ก็ต้องวิ่งออกไป หยิบแก๊สน้ำตาเขวี้ยงคืนไป 2 ลูก แล้วแก๊สน้ำตาเนี่ยมันร้อนเหมือนเตารีดเลย มือก็พอง 2 มือเละเลย แล้วยังไม่ยอมยังผ้าพันมือวิ่งไปทำต่อ เพราะว่าความโหดร้ายของตำรวจก็คือใช้เครื่องประกาศด่าประชาชน พวกมึงเข้ามาเลย ทั้งคำรณวิทย์ ทั้งวรพงษ์ ชิวปรีชาเนี่ย ประกาศออกมาทางเครื่องขยายเสียงขนาดมโหฬาร ประกาศ พวกมึงเข้ามาเลย พวกมึงเข้ามาเลย กูรอวันนี้มานานแล้ว
แล้วทุกวันนี้พวกจุดเทียนไม่เคยพูดถึงสิ่งนี้เลย ทำไมไม่จุดเทียนถามว่า ทำไมตำรวจถึงทำแบบนี้ คุณอยู่ตรงนั้น ทุกคนยอมตายกันทั้งนั้น ผมเป็นแค่หางๆ นะ แล้วคนที่อยู่ข้างหน้า อยู่ที่ตรงกลางละ เพราะแก๊สน้ำตามันรุนแรงถึง 1 กิโลเมตรน่ะ แม้ควันไปไม่ถึงแต่ความรุนแรงของแก๊สน้ำตามันทำให้แสบตา เคยเอาพริกป้ายตามั้ย มันแสบแบบนั้นน่ะ จริงๆ เราก็วิ่งเข้าไปแต่เราไปไม่ถึงมันแสบตามาก เราก็พยายามช่วยเหลือพวกที่เดินออกมา เอาน้ำเกลือช่วยกันล้าง ล้างเสร็จแทนที่จะออกมา วิ่งกลับไปข้างหน้าอีก อยู่ในสภาพนั้น ทำไมไม่มานั่งจุดเทียนตอนที่เขาปาแก๊สน้ำตา ตอนนั้นทำไมคุณไม่ออกมาจุด
- หมดศรัทธากับตำรวจ?
ไม่ใช่ผมคนเดียว ทั้งประเทศ ตอนนี้ตำรวจมันเป็นอาชีพที่น่าละอายใจที่สุดในสังคมปัจจุบัน จริงหรือไม่คิดเอาเอง เราสงสารตำรวจดีๆ จะตาย กลายเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรี คุณใส่ชุดกากีเป็นตำรวจเดินบนท้องถนน ประชาชนไม่ถุยน้ำลายใส่ทุกวันนี้ก็ดีถมไปแล้ว ผมขอโทษที่พูดตรงๆ เพราะมันทำให้ตำรวจดีๆ ต้องหม่นหมองไปด้วยเลย มันเห็นอยู่ทนโท่ คนขว้างระเบิดที่บรรทัดทอง ก็เห็นอยู่ทำไมไม่ไปจับ
- ตอนนี้ทั้งข้อหากบฏ ทั้งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลัวมั้ย
ไม่กลัว ผมชัดเจน ทุกคนที่ออกมาต่อสู้เต็มท้องถนนก็กลายเป็นกบฏไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเขาจะเรียกเราว่ากบฏหรืออะไรเค้าก็เรียกได้ ฝ่ายเราจะเรียกเค้าว่าอะไรเราก็เรียกได้ เพราะผมก็ไม่เคยเกลียดชังฝั่งตรงข้ามเลยนะ เพื่อนผมมากมายที่คิดตรงกันข้าม ที่มีอุดมการณ์ตรงกันข้ามก็ไม่ได้ว่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดคือเราไม่เกลียดฝั่งตรงข้าม ประเทศของเราที่ยังเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้เพราะเราเกลียดชังกัน ไม่ยอมรับความคิดของฝั่งตรงข้าม ประเทศชาติมันถึงได้ไม่ขับเคลื่อน
แล้วนี่มันเป็นรัฐบาลเถื่อน ที่หมดความชอบธรรมแล้ว คุณอยากประกาศอะไรก็ประกาศได้ แต่ถามหน่อยสิว่าคุณเอาความชอบธรรมอะไรมาประกาศ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณประกาศมา มันก็ไม่มีความชอบธรรมอยู่แล้ว คุณจะประกาศอะไรอีกร้อยหน ก็ไม่มีใครฟังคุณ ก็เห็นอยู่แล้วว่าคนมาร่วมชุมนุมหลังประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มันเรียกแขกได้มากขนาดไหน แล้วตอนนี้คุณจะไปหลบอยู่ในซอกหลืบไหน ในเมื่อมันไม่เหลือพื้นที่ให้คุณบริหารประเทศชาติอีกแล้ว
- สุดท้าย คิดว่าประเทศไทยจะได้สัมผัสกับประชาธิปไตยที่แท้จริงเมื่อไหร่?
เราจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงก็ต่อเมื่อทุกคนมาร่วมมือกันปฏิรูปประเทศ ถ้าสังคมมันยังมีความแตกแยกอยู่อย่างทุกวันนี้ เรามองหาประชาธิปไตยไม่เจอหรอก พอเรือมันมองเห็นเกาะ น้ำก็ท่วมขึ้นมาอีก แล้วเราจะมองหาประชาธิปไตยที่ไหน ในเมื่อเรื่องง่ายพวกเรายังไม่ยอมรับกันเลย ถ้าเราเปิดใจกันยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย แล้วก็มาช่วยกันปฏิรูปประเทศ เราก็พอจะมองเห็นบ้างว่า ประชาธิปไตยของเรามันจะเป็นยังไง
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก Sakchai Guy
เสื้อกู้ชาติ ขายได้วันละล้าน!!
- ยอดขายตอนนี้กี่ตัวต่อวัน
ไม่ได้นับเลย ซึ่งมันก็หลายพันตัวต่อวันอ่ะนะครับ แต่ขายทุกวัน วันละ 3,000 4,000 5,000 แล้วแต่วัน เพราะเราพิมพ์ไม่ทัน กำลังการผลิตแต่ละวันจะได้ประมาณ 2,000-5,000 ตัว เพราะว่าเราไม่ได้อยากเข้าไปในโรงงานผลิตให้มันมากมาย และผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะผลิตมากมายตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ และร้านที่ผลิตให้เรามีอยู่ 2 เจ้าที่เขาก็มั่นคง และเราไม่อยากเปลี่ยนไปผลิตในโรงงาน ถ้าผมย้ายไปที่โรงงาน ผมก็ผลิตได้วันละแสนๆ ตัว แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น
- จนถึงตอนนี้ ขายเสื้อหาเงินได้กี่บาท
ตอนนี้เราให้เวทีไปแล้ว 7 ล้านบาท ช่วงแรกเราไม่หักเลยนะ แต่ครึ่งหลังเราก็หักค่าต้นทุน เช่น หักค่าผ้า หักค่าอื่นๆ ไปบ้าง เพราะไม่ไหวแล้ว ไม่มีตังค์แล้ว โชคดีที่มาตอนหลังมีเศรษฐีผู้ใจบุญเอาเงินมาให้ เอามายัดใส่มือผมเลย บอกเอามาให้คุณศักชัย 500,000 บาท ซึ่งเราก็ตกใจ เอามาให้เราทำไม อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีเล่าให้ฟัง เพราะเราไม่รู้จักกันเลย และระเบียบของการรับบริจาคที่เวทีราชดำเนิน หรือที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ พวกเราจะรับเงินไม่ได้ จะมีเจ้าหน้าที่รับแทน ซึ่งเขาก็บอกว่า เปล่าเลย ฉันศรัทธาคุณ และเชื่อว่าคุณจะนำเงินนี้ไปทำให้โตได้ เราก็เลยบอกว่า คุณจะให้เงินผมไปเล่นหุ้นเหรอ ก็หัวเราะกันใหญ่ เขาก็บอกว่า เปล่าค่ะ ดิฉันเชื่อว่าคุณเอาเงินไปทำให้งอกเงย
ส่วนผมก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น ไปหาลุงกำนัน มีความคิดอย่างไรให้กรรมการรับรู้กันหน่อย เพราะเงินไม่ใช่น้อยๆ เอามายัดใส่มือผมแบบนี้ ผมแค่คนมาช่วยทำงาน จากนั้นผมก็พาไปหาลุงกำนัน มีคุณรังสิมา และคุณปอง-อัญชลีนั่งอยู่ด้วย บอกคุณสุเทพว่าเขามาด้วยวัตถุประสงค์แบบนี้ แล้วเขากำเงินมา 500,000 บาท คุณสุเทพก็ส่งเงินต่อมาที่ผม พร้อมกับตบไหล่ว่า ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ผมก็มึน เงยหน้ามองฟ้า และหายใจเฮือกใหญ่ เอาแล้วสิกู แต่ว่าผมเป็นคนสู้อ่ะ ในเมื่อเงินมาถึงมือผม ผมก็เลยรับปากว่า ในเมื่อมีความเชื่อมั่นกันแบบนี้ เดี๋ยวผมก็จะเติม 0 ให้ตัวหนึ่ง
จากวันนั้นถึงวันนี้ นะ ก็ได้เงินมาเจ็ดล้านแล้ว ได้เติม 0 เข้าไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราจึงไม่ได้หักค่าใช้จ่ายเพราะเราไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากเรานำเงินก้อนนั้นมาเป็นต้นทุน แต่ 2 ล้านแรกผมไม่หักเลย ผมเอาเงินส่วนตัวลงไป
- ทำไมถึงคิดอยากจะขายเสื้อ
เสื้อตัวนี้ เริ่มมาจากการพิมพ์เล่นๆ ของผม เพราะที่บริษัทผมชอบพิมพ์เสื้อตามวาระกันอยู่แล้ว เช่น วันสำคัญต่างๆ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นพนักงานของเรา อย่างวันปีใหม่ เราก็พิมพ์เสื้อของเราออกมา 100 ตัว คือพิมพ์ใส่กันเอง หรืออย่างวันเฉลิมพระชนม์พรรษา เราก็พิมพ์คำว่า ทรงพระเจริญ พิมพ์หมายเลข ๙ พอเห็นเขามีการชุมนุมกัน เราก็เลยคิดว่า มาทำเสื้อชัตดาวน์ กรุงเทพฯ ใส่เล่นกันดีกว่า แต่คราวนี้ เป็นช่วงที่ผมไปอยู่ที่ราชดำเนินทุกวัน ผมจึงคิดเผื่อคุณปอง ถึงคุณสาธิต หรือคนที่อยู่บนเวทีด้วย แล้วผมก็โพสต์เฟซบุ๊กว่าผมใส่เสื้อนี้ คนก็เข้ามาถล่มทลายเลยว่า ขอซื้อได้ไหม มีขายที่ไหน
พอไปหลังเวทีก็มีคนยุให้ทำ พอทำออกมาเล่นๆ ล็อตแรก ไม่กี่ 100 ตัว มันหายไปในพริบตา ผมเอาเสื้อไปวาง ผมอยู่ไม่ได้เลย คนเยอะมาก แล้ววันที่สองยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะคุณปองขึ้นไปประกาศบนเวทีว่าคุณศักดิ์ชัย กาย ทำเสื้อมามอบเงินไม่หักค่าใช้จ่ายให้เวทีชุมนุม คราวนี้คุณเอ๊ย คนมารอตั้งแต่ 8 โมงเช้า แต่เริ่มขายตอน 1 ทุ่ม ซึ่งตอนนั้นผลิตได้น้อย วัน 1-2 พันตัว พอวันที่สาม หลังจากได้เงินมา 1 ล้านจาก 2 วันแรก ก็เริ่มมีเศรษฐีเอาเงิน 5 แสนมาให้ จากนั้นเราก็เอาเงินไปให้ลุงกำนันหลังเวที ลุงกำนันก็ทำเป็นมุก บอกผมไม่รับ ผมจะรับบนเวที วันนั้นก็เลยถือเงินที่ใส่ในถุงก๊อบแก๊บมอบให้ลุงกำนันบนเวที
- ยิ่งขาย คนยิ่งเยอะ
อย่างที่บอกไปว่าเงิน 5 แสนที่ผมได้รับมา ผมก็เอาไปคิดเพื่อเชิญศิลปินสัก 5 คนมาทำเสื้อ ซึ่งคนแรกที่ผมนึกถึงคือ คุณไข่ สมชาย แก้วทอง คนที่สองคือคุณชัย ราชวัตร พอได้บอกเจตนารมณ์กับทั้งสองท่าน เขาบอกว่า ไม่มีปัญหาอะไรเลย บอกน้องทำไปเลย ซึ่งบุคคลทั้งสองน่ารักสุดๆ ผมไหว้พี่เขาทั้งสองคนวันละ 3 เวลา ไหว้แบบ three time
เขาให้ผมช่วยคิดนะ คุณชัย ราชวัตร ลองคิดดูว่าดีกรี และบารมีของคุณชัย ราชวัตรสูงแค่ไหน แต่เขาให้เกียรติเรา บอกน้องอยากได้แบบไหนให้บอกมา พอเราบอกไปว่าพอนึกถึงคุณชัย ราชวัตร ผมก็นึกถึงจ่อย ก็เลยเสนอให้ไอ้จ่อยออกมาทำภารกิจก็แล้วกัน เช่น ไอ้จ่อยโบกธง ไอ่จ่อยกู้ชาติ ถึงเย็น คุณชัย ราชวัตรก็สเกตภาพมาให้ผม แล้วของพี่ไข่ เราก็นึกถึงอิสรภาพ รู้มั้ยแค่ศิลปิน 2 คนนะ เสื้อยิ่งขายดีเป็นทวีคูณ แบบขายดีจนร้านเราแตกเลย
ดังนั้น พูดเลยว่า สิ่งที่ทำให้เสื้อเราขายดี มาจากบารมีของพี่ๆ ทั้งสองท่าน ซึ่งผมต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง ทุกวันนี้เสื้อของคุณชัย ราชวัตร และคุณไข่ สมชาย แก้วทอง กับเสื้อชัตดาวน์ 3 ตัวนี้เป็นแม่เหล็กที่ทุกคนต้องมีไว้ครอบครอง เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ และอยากให้เป็นเสื้อรุ่นของพวกกบฏ และเป็นเสื้อรุ่นของคนที่มาชุมนุม เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าวันหนึ่งเราเคยทำกิจกรรมดีๆ ต่อบ้านเมืองเรา ไม่อยากให้มันเป็นแค่เสื้อรุ่น
- ตอนนี้ได้เจอแม่ค้าพ่อค้าก๊อบเสื้อเราบ้างมั้ย
มีเยอะมาก (ลากเสียงยาว) โดยเฉพาะลายที่เป็นของคุณชัย ราชวัตร เกลื่อนมากเลย แต่คนก็ไม่ซื้อ ถ้าเกิดเป็นแผงลอยตั้งขายอยู่ในบริเวณที่เราขายอยู่ เช่น แยกปทุมวัน หรือที่ราชประสงค์ เราก็ขอความร่วมมือ หรือประกาศบอกให้เขารู้สึกกันเอง บางรายการ์ดก็เชิญมาหาเรา คือเราไม่ได้ไปใช้อำนาจกับเขาหรอกนะ เพราะเขาก็ทำมาหากิน แต่ก็ต้องไปบอกเขาอ่ะว่า นี่พวกคุณ พวกเราต่อสู้กันมา 2 เดือนเต็มๆ สาระของการต่อสู้ครั้งนี้ พวกคุณก็รู้ว่าเพื่อไล่รัฐบาลที่มันขี้โกง ในเมื่อเราต่อสู้กับการโกง เราต้องไม่โกง พวกคุณทำแบบนี้ถือว่าโกง เขาก็อายนะ ครับๆ แล้วก็เก็บไป
หรือคุณปองเขาก็ประกาศบนเวทีเองว่า อย่าทำแบบนี้เลย เพราะศิลปินอย่างคุณไข่ หรือคุณชัย ราชวัตร ไม่ได้หักค่าใช้จ่าย ไม่ได้ขอส่วนแบ่งใดๆ ทั้งสิ้น แล้วคุณทำแบบนี้ มันเป็นตัวอย่างที่แย่มาก และเป็นการก็อปแบบเลวมาก มันไม่ดีเลย เราก็ขอร้องกัน หรือเตือนแล้วยังเอามาขายกันอีก ทางการ์ดก็ไปเก็บเอามา แล้วก็เอาไปบริจาคต่างจังหวัด แต่มันก็เก็บไม่หมดหรอก อันนี้เป็นตัวอย่างของสังคมบ้านเราว่า เป็นสังคมที่มีปัญหาอีกหลายด้าน โดยเฉพาะการฉวยโอกาส ตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวเอง ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ เรากำลังต่อสู้กับสิ่งที่มันอยุติธรรม เราต้องแสดงจริยธรรม และความจริงใจ แต่ถ้าเรื่องเล็กๆ แบบนี้ยังขี้โกงกันเลย แล้วคุณจะไปต่อสู้กับเขาทำไม
ลั่นวาจา ถวายชีวิตให้แผ่นดิน
- เหตุผลที่ต้องออกมาร่วมชุมนุมครั้งนี้
“ตั้งแต่อุรุพงษ์ สามเสน ผมก็มาตลอด โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนไม่ชอบความอยุติธรรมตั้งแต่เด็กแล้ว จะไม่ชอบถูกรังแก ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์เนี่ย ผมก็ไม่มีอยู่แล้ว แต่ว่าที่มาร่วมชุมนุมเนี่ยเพราะผมเห็นเรื่องการหมิ่นเบื้องสูงอยู่ตลอดเวลาในหลายๆ เวที รวมถึงคนในรัฐบาลเองก็เถอะ ที่มีส่วนร่วมในการปล่อยปละละเลยให้มีการหมิ่นเบื้องสูง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นสถายันอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน อันนี้มันเป็นความเจ็บใจที่สุดเลยว่า ในชีวิตเรา เราเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือหัว แต่คนพวกนี้ไม่มีสำนึก คิดจะทำลายสถาบัน นี่คือสิ่งแรกที่ทำให้ผมออกมา
อันที่สองคือ ความพยายามที่จะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ตั้งแต่เลือกตั้งเข้ามาแล้วบอกว่า ไม่ทำ ไม่ทำ แต่มาลักหลับเอาตอนตีสี่ แล้วก็ปลอมแปลงเสนอขึ้นไปเบื้องสูงให้ลงพระปรมาภิไธย พอความแตกก็ออกมาขออภัยโทษ จนก่อให้เกิดการประท้วง มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการประท้วงอย่างต่อเนื่อง แล้วก็อีกอย่างคือ รัฐบาลไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ การไม่เคารพกฎหมาย เรื่องเสียบบัตรแทนกัน พูดกันจนเด็กป.1 ยังรู้เลยว่า จริยธรรมของการเคารพกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้มันแย่มาก แล้วยังออกมานั่งหน้าสลอนว่าไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เอาแค่นี้ก็พอ เด็กอนุบาลยังยอมรับไม่ได้เลย
สาม การทุจริตเชิงนโยบาย คือเราไม่เคยเห็นรัฐบาลที่ขี้โกงและคอร์รัปชันมากมายขนาดนี้ เป็นการขี้โกงแบบซึ่งๆ หน้า เป็นการขี้โกงแบบไม่อายใคร ไม่อายฟ้า ไม่อายดิน ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็เรื่องโกงจำนำข้าว G2G ที่ว่าเนี่ย มันไม่มีตัวตน เรื่องแบบนี้นะ เอาจริงๆ รัฐบาลประเทศอื่นเค้าลาออกตั้งแต่ยังไม่ได้สอบสวนแล้ว แต่นี่ตัดสินออกมาแล้วว่าโกง ก็ยังไม่รู้สึก ไม่สำนึก ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอะไรเลย การโกงซึ่งๆ หน้าแบบนี้ คุณเคยเห็นมั้ยล่ะ โกงอะไรกันตั้งสามแสนเก้าหมื่นล้าน แล้วโครงการผันน้ำ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ที่รัฐบาลเอาไปอีกเป็นแสนล้าน สืบลึกลงไปทุกโครงการก็เป็นพรรคพวกตัวเองที่รับเหมาไปทั้งนั้นเลย ซัปพอร์ตพรรคพวกตัวเอง ครอบครัวตัวเองทั้งนั้น แล้วโครงการประชานิยม คุณเห็นว่าประชาชนจริงๆ ได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง
สุดท้ายข้อ 4 คือการซื้อเสียงจากชาวบ้านและผู้แทนเป็นเครื่องมือในการโกง 4 ข้อนี้เป็น 4 ข้อหลักๆ ที่ผมออกมาเคลื่อนไหวและต่อสู้เพื่อให้เกิดการปฏิรูป
- การกระทำของรัฐบาลที่รู้สึกยอมรับไม่ได้ ทนไม่ได้แล้ว
คอร์รัปชั่นเนี่ยเป็นปัญหาแรกเลย อย่างการเสียบบัตรแทนกันเนี่ย มันผิดจริยธรรมอยู่แล้ว หรือเรื่อง performance ของผู้นำรัฐบาลเนี่ยยิ่งไม่ต้องพูดเลย ผู้นำรัฐบาลเนี่ยเป็นสัญลักษณ์ของความโง่ที่ยังไม่เคยปรากฏบนโลกใบนี้ ถ้าเป็นการล้อเลียนก็อีกเรื่องนึง แต่นี่มันไม่ใช่การล้อเลียนแล้วไง มันเป็นสิ่งที่เราเห็นจริงๆ ว่าผู้นำรัฐบาลมันแย่มากอ่ะ รู้สึกอายมั้ยล่ะคุณ ที่เรามีผู้นำรัฐบาลแบบนี้ จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะหยาบคายอ่ะนะ แต่ตอนนี้มันก็กลายเป็นคำสามัญไปเลยว่า ผู้นำรัฐบาลของไทย ทำไมมันถึงได้โง่ขนาดนี้ ขนาดกูเกิ้ลยังแรนดอมคำว่าโง่ออกมาเป็นผู้นำรัฐบาลเลย
- โดนกล่าวหาว่า สู้นอกสภา ม็อบข้างถนน ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง
“ที่เราออกมาต่อสู้บนท้องถนน 2-3 เดือนเนี่ย ไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการการเลือกตั้ง แหงนหน้ามองฟ้าบ้าง อย่าออกมาเอาหัวชนฝาว่า ระบบมันต้องเป็นแบบนี้ ตรงนี้ก็ไม่ได้เถียง แต่ระบบมันไม่ได้สร้างมาเพื่อให้คุณมาโกง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ถ้าเลือกตั้งวันนี้ ก็ได้พวกขี้โกงกลับมาทั้งขบวนการอยู่ดี ซื้อเสียงกันทั้งครอบครัว ซื้อโหวตละสองพัน ไปถึงผู้ขายเสียงจริงๆ สามร้อย ห้าร้อย แล้วส.ส. ทั้งหลายเนี่ยก็อยากให้มาตอบคำถามว่าทำไมชาวนาถึงไม่ได้เงิน ทำไมรัฐบาลทำอย่างนี้กับชาวนา
แล้วระบบที่คุณต้องการเรียกร้องให้เกิดขึ้นจริงเนี่ย มันสอนให้คุณทำแบบนี้รึเปล่า ที่เราต่อสู้แค่เราต้องการกติกาใหม่ ถ้าเราพร้อมใจช่วยกันตั้งกติกาขึ้นมาให้สะอาดสะอ้าน แล้วเรามาเลือกตั้งกันใหม่ดีมั้ย ถ้าคิดว่าประชานิยมของคุณมันยังดีอยู่ก็เข้ามาร่วมปฏิรูปสิ ไม่ได้บอกเลยว่าไม่ให้เอาเสื้อแดงมาปฏิรูป เราก็ต้องการตั้งคณะทำงานร่วมกัน ปฏิรูปแล้วก็มาเลือกตั้ง นี่คือสิ่งที่เราเรียกร้องอยู่ พวกเราไม่ได้ไม่รักประชาธิปไตย พวกเราไม่ได้ไม่ต้องการการเลือกตั้ง เราต้องการการเลือกตั้งที่สะอาด บริสุทธิ์ต่างหาก”
- คิดเห็นอย่างไรกับคำว่าระบอบทักษิณ
มันเป็นคำที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความขี้โกงไปแล้ว ใครๆ ก็คงไม่อยากใช้ชื่อทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เกิดมาอีกกี่ชาติ สองชื่อนี้มันก็คือสัญลักษณ์ของความขี้โกง สัญลักษณ์ของความเกลียดชัง แม้กระทั่งเจ้าของชื่อคงอยากจะเปลี่ยนชื่อวันละสามครั้งเลย พอได้ยินชื่อนี้ เด็กๆ ยังรู้เลยว่าคำว่าระบอบทักษิณนี้มันไม่ดี ขี้โกง ส่วนคำว่ายิ่งลักษณ์นี่คือคนโง่ หลายคนก็คงเห็นว่ามันเป็นจริง อันนี้ผมไม่ได้ปรักปรำนะ
- ผ่านมากว่า 2 เดือน เหนื่อยมั้ย ท้อมั้ย
ทำไมจะไม่เหนื่อย แต่ว่าสิ่งที่เราทำ ผมเป็นแค่จุดเล็กๆ เมื่อจุดเล็กๆ รวมกันมันก็จะกลายเป็นจุดใหญ่กระจายเป็นภาพใหญ่ขึ้น เหมือนเราเป็น 1 พิกเซล เพราะฉะนั้นทุกคนต้องออกมาร่วมกัน ไม่ใช่แค่วิจารณ์อย่างเดียว ทุกคนมีความคิดที่ต่างกันอยู่แล้ว อุดมการณ์ต่างกันอยู่แล้ว แต่ขอให้ดูเจตนา คุณต้องออกมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศชาติ ขับเคลื่อนประเทศชาติด้วย พวกเราก็ไม่ได้ทำถูกทุกอย่างนะ เราตัดสินใจไปวันๆ แต่เจตนาของพวกเราคือการให้ประเทศชาติปลอดคนขี้โกง พ้นจากระบอบสามานย์
- การเกิดขึ้นของฝั่งที่ไม่เห็นด้วย ไทยเฉย ไทยอดทน
มันเกินคำว่ารู้สึกไปแล้ว ที่เห็นๆ คือเรารู้สึกเสียใจ อย่างที่บอกว่าผมออกมาเพราะมีคนมาว่าร้ายในหลวงขนาดนี้ แต่พวกคุณยังอยู่เฉยๆ อ่ะ คุณจะเกิดมาทำไมเนี่ย วันนี้ถ้าคุณมาฟันหัวผมไป แล้วเลิกดูถูกในหลวงเราก็ยอม เราถวายชีวิตเพื่อรักษาสถาบันได้ เราเกิดมาในสังคมที่ไม่เหมือนกับอารยะตะวันตก เราเกิดมาก็รู้อยู่แล้วว่าอยู่ในขนบธรรมเนียมแบบนี้ เพราะฉะนั้น ขนบธรรมเนียมของแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกัน อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน เราเกิดมาเท่ากับเราเป็นข้าแผ่นดิน เราเป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่ถ้าคุณคิดว่าไม่ใช่ ก็ไม่เห็นต้องออกมาทำร้ายในสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้เค้าเคารพนับถือ แล้วไทยอดทน คุณจะทนไปถึงไหน บ้านคุณไหม้หลังคาหมดไม่เหลือแล้ว ยังจะอดทนอะไร ไทยเฉย ไทยอดทน มันกลายเป็นก้อนอิฐก้อนกรวดที่ไม่มีประโยชน์กับประเทศชาติ ณ ขณะนี้
- แล้วเสื้อขาวล่ะ คิดว่าพวกเขาคือแดงเปลี่ยนเสื้อมั้ย
ก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว เพราะพื้นที่ของพวกเค้ามันแคบลง เพราะมันปลุกไม่ตื่น จะให้ไม่ตื่นได้ไง กว่าครึ่งของเสื้อแดงก็เป็นชาวนา ชาวไร่ ซึ่งเค้าได้รับผลกระทบโดยตรงจากรัฐบาลนี้ แล้วที่เคยมีคลิปออกมาที่ถือเงินแล้วก็จ่ายกันเป็นฟ่อนๆ ที่นนทบุรี รังสิต แจกตังค์กันแบบไม่แคร์สื่อเลย มีคนมาถ่ายก็ยังจ่ายอยู่ มันเป็นการจัดซื้อ-จัดจ้างที่เต็มรูปแบบเลย แล้วเอาเข้าจริงชาวนา ชาวไร่ที่เข้าไม่ได้ตังค์เค้าก็รู้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างผมไม่ได้ต่อต้านที่คุณออกมาจุดเทียนกันนะ ต่อให้เอาเทียนพรรษามาจุดก็จุดไม่ติด เพราะประชาชนเห็นแล้วว่าคุณไม่มีอุดมการณ์เลย เปลี่ยนจากสีแดงเป็นขาว Respect My Vote อะไร ต้อง Respecy My Tax มากกว่า
แล้วก็อยากถามว่าพวกจุดเทียนเนี่ยจุดอะไร จุดให้คนที่โกงประเทศชาติไป 3 แสน 9 หมื่นล้าน ชาวนาไม่มีแม้กระทั่งข้าวจะกิน ไม่ใช่ไม่มีเงินอย่างเดียว ปลูกข้าวแท้ๆ ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน 3 แสนล้าน มันจะตกอยู่ในมือคนขี่โกงตระกูลชินวัตร แล้วมันก็ยังมานั่งจุดเทียนกันอยู่ได้
- ถามจริงๆ เชื่อใจกำนันสุเทพมั้ย
ผมไม่ได้มองการต่อสู้ครั้งนี้ที่ตัวบุคคล ผมมองว่ากำนันคือตัวแทนของกลุ่มมวลมหาประชาชนที่ออกมาต่อสู้ แล้วคุณสุเทพก็ออกมาประกาศเจตนารมณ์อยู่แล้วว่าจะไม่รับตำแหน่งหรือกลับเข้ามาสู่การเมือง ผมมองว่าการต่อสู้ครั้งนี้ มันกำลังนำพวกเราไปสู่การปฏิรูป แล้วก็ผมไม่ได้มีเจตนาชูว่านายกฯ คนต่อไปคือคุณสุเทพ แต่เค้าคือตัวแทนของพวกเรา คุณสุเทพแค่เป็นคนขับเรือลำนี้ให้ถึงเกาะแล้วมาว่ากัน เพราะฉะนั้น ต้องทำความเข้าใจซะใหม่ว่าเราไม่ได้ต้องการชูให้คุณสุเทพมาแทนคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ คุณสุเทพเป็นแค่ตัวแทนของการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป
ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้บอกว่าคณะกรรมการปฏิรูปคือใคร เพราะฉะนั้น ก็ช่วยออกมาเลือกกันสิ พี่น้อง คุณจะเรียกนายเฉย นายอดทน มาเป็นคณะกรรมการปฏิรูปก็ได้ แล้วมาบอกสิว่าคุณอยากได้อะไร เอาชาวสวน ชาวไร่ ชาวนาที่ไม่ได้เงิน ชาวสวนยางที่ไม่ได้เงิน ก็เชิญเข้ามา นักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม ทุกคนเดินเข้ามาสิ แล้วมาเสนอว่าการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ต้องทำอย่างไร ช่วยกันถก ช่วยกันคิด แล้วค่อยออกไปเลือกตั้ง
- ทำไมต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
ตอนนี้ถ้าไปเลือกตั้ง ใครจะได้กลับเข้ามาก็รู้กันอยู่ การเลือกตั้งครั้งนี้มันไม่ได้นำไปสู่อะไรเลย ควรเอาเงินเลือกตั้งสามพันกว่าล้านเอามาทำอะไรที่เป็นประโยชน์กว่านี้ อย่างเอาไปสร้างโรงพยาบาลยะลา ที่ตรงนั้นมันมีปัญหาจริงๆ ลงไปดูสิ ผมลงไปสิบหนก็ร้องไห้ทุกครั้ง นี่หรือประเทศไทย? โรงพยาบาลที่สำคัญที่สุดของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ สามพันกว่าล้านสร้างประโยชน์ได้มหาศาล ทำไมไม่ใช้
- เคยผ่านเหตุการณ์แก๊สน้ำตามาแล้วด้วย
ใช่ ผมไปบชน.มา มันโหดร้ายมาก แต่มันยิ่งทำให้ผมฮึกเหิมต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้ ผมไปกับเพื่อนนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ เพราะผมไม่ใช่นักรบนักบู๊ แต่สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าทั้งลุงป้าใส่ผ้าถุงหยิบแก็สน้ำตาขว้างคืน เพื่อนผมคนหนึ่งอายุ 60 กว่าแล้วเป็นโขนธรรมศาสตร์ก็ต้องวิ่งออกไป หยิบแก๊สน้ำตาเขวี้ยงคืนไป 2 ลูก แล้วแก๊สน้ำตาเนี่ยมันร้อนเหมือนเตารีดเลย มือก็พอง 2 มือเละเลย แล้วยังไม่ยอมยังผ้าพันมือวิ่งไปทำต่อ เพราะว่าความโหดร้ายของตำรวจก็คือใช้เครื่องประกาศด่าประชาชน พวกมึงเข้ามาเลย ทั้งคำรณวิทย์ ทั้งวรพงษ์ ชิวปรีชาเนี่ย ประกาศออกมาทางเครื่องขยายเสียงขนาดมโหฬาร ประกาศ พวกมึงเข้ามาเลย พวกมึงเข้ามาเลย กูรอวันนี้มานานแล้ว
แล้วทุกวันนี้พวกจุดเทียนไม่เคยพูดถึงสิ่งนี้เลย ทำไมไม่จุดเทียนถามว่า ทำไมตำรวจถึงทำแบบนี้ คุณอยู่ตรงนั้น ทุกคนยอมตายกันทั้งนั้น ผมเป็นแค่หางๆ นะ แล้วคนที่อยู่ข้างหน้า อยู่ที่ตรงกลางละ เพราะแก๊สน้ำตามันรุนแรงถึง 1 กิโลเมตรน่ะ แม้ควันไปไม่ถึงแต่ความรุนแรงของแก๊สน้ำตามันทำให้แสบตา เคยเอาพริกป้ายตามั้ย มันแสบแบบนั้นน่ะ จริงๆ เราก็วิ่งเข้าไปแต่เราไปไม่ถึงมันแสบตามาก เราก็พยายามช่วยเหลือพวกที่เดินออกมา เอาน้ำเกลือช่วยกันล้าง ล้างเสร็จแทนที่จะออกมา วิ่งกลับไปข้างหน้าอีก อยู่ในสภาพนั้น ทำไมไม่มานั่งจุดเทียนตอนที่เขาปาแก๊สน้ำตา ตอนนั้นทำไมคุณไม่ออกมาจุด
- หมดศรัทธากับตำรวจ?
ไม่ใช่ผมคนเดียว ทั้งประเทศ ตอนนี้ตำรวจมันเป็นอาชีพที่น่าละอายใจที่สุดในสังคมปัจจุบัน จริงหรือไม่คิดเอาเอง เราสงสารตำรวจดีๆ จะตาย กลายเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรี คุณใส่ชุดกากีเป็นตำรวจเดินบนท้องถนน ประชาชนไม่ถุยน้ำลายใส่ทุกวันนี้ก็ดีถมไปแล้ว ผมขอโทษที่พูดตรงๆ เพราะมันทำให้ตำรวจดีๆ ต้องหม่นหมองไปด้วยเลย มันเห็นอยู่ทนโท่ คนขว้างระเบิดที่บรรทัดทอง ก็เห็นอยู่ทำไมไม่ไปจับ
- ตอนนี้ทั้งข้อหากบฏ ทั้งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลัวมั้ย
ไม่กลัว ผมชัดเจน ทุกคนที่ออกมาต่อสู้เต็มท้องถนนก็กลายเป็นกบฏไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเขาจะเรียกเราว่ากบฏหรืออะไรเค้าก็เรียกได้ ฝ่ายเราจะเรียกเค้าว่าอะไรเราก็เรียกได้ เพราะผมก็ไม่เคยเกลียดชังฝั่งตรงข้ามเลยนะ เพื่อนผมมากมายที่คิดตรงกันข้าม ที่มีอุดมการณ์ตรงกันข้ามก็ไม่ได้ว่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดคือเราไม่เกลียดฝั่งตรงข้าม ประเทศของเราที่ยังเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้เพราะเราเกลียดชังกัน ไม่ยอมรับความคิดของฝั่งตรงข้าม ประเทศชาติมันถึงได้ไม่ขับเคลื่อน
แล้วนี่มันเป็นรัฐบาลเถื่อน ที่หมดความชอบธรรมแล้ว คุณอยากประกาศอะไรก็ประกาศได้ แต่ถามหน่อยสิว่าคุณเอาความชอบธรรมอะไรมาประกาศ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณประกาศมา มันก็ไม่มีความชอบธรรมอยู่แล้ว คุณจะประกาศอะไรอีกร้อยหน ก็ไม่มีใครฟังคุณ ก็เห็นอยู่แล้วว่าคนมาร่วมชุมนุมหลังประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มันเรียกแขกได้มากขนาดไหน แล้วตอนนี้คุณจะไปหลบอยู่ในซอกหลืบไหน ในเมื่อมันไม่เหลือพื้นที่ให้คุณบริหารประเทศชาติอีกแล้ว
- สุดท้าย คิดว่าประเทศไทยจะได้สัมผัสกับประชาธิปไตยที่แท้จริงเมื่อไหร่?
เราจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงก็ต่อเมื่อทุกคนมาร่วมมือกันปฏิรูปประเทศ ถ้าสังคมมันยังมีความแตกแยกอยู่อย่างทุกวันนี้ เรามองหาประชาธิปไตยไม่เจอหรอก พอเรือมันมองเห็นเกาะ น้ำก็ท่วมขึ้นมาอีก แล้วเราจะมองหาประชาธิปไตยที่ไหน ในเมื่อเรื่องง่ายพวกเรายังไม่ยอมรับกันเลย ถ้าเราเปิดใจกันยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย แล้วก็มาช่วยกันปฏิรูปประเทศ เราก็พอจะมองเห็นบ้างว่า ประชาธิปไตยของเรามันจะเป็นยังไง
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก Sakchai Guy