เป็นกระแสความนิยมจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในคืนข้ามปีไปแล้ว สำหรับ "การสวดมนต์ข้ามปี" ที่ในช่วง 3-4 ปีมานี้ คนไทยจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจกันมาก ทำให้ภาพกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ค่อยๆ เปลี่ยนจากการเคานต์ดาวน์แบบสากลที่มุ่งเน้นเฉพาะความบันเทิงเริงรมย์ มาเป็นการเคานต์ดาวน์แบบวิถีพุทธด้วยการนั่งสมาธิ และสวดมนต์ตามวัดในพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น
เช่นเดียวกับปีนี้ ที่หลายวัด หลายภาคส่วน ได้เตรียมจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีอย่างคึกคัก นับเป็นกระแสที่ดี และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนไทยในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปี 2557 ที่กำลังจะมาถึง
ผ่ากระแส "ไทยนิยม" สวดมนต์ข้ามปี
กล่าวได้ว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กระแสความนิยมของคนไทยให้ความสนใจกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีทั้งการสวดมนต์คนเดียวที่บ้าน และการสวดมนต์หมู่ตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ สำหรับกระแสความนิยมที่เกิดขึ้น ดร.พระมหาสุทิตย์ อาภากโร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และคณะจัดงานสวดมนต์ข้ามปี ได้วิเคราะห์ผ่านทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ว่า
"คนเราทุกคนต้องการชีวิตที่ดีต้อนรับปีใหม่ ประกอบกับภาพอุบัติเหตุ และยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น ทำให้ใครหลายคนหันหน้าเข้าหาสิ่งดีๆ ด้วยการสวดมนต์ข้ามปีเสริมความเป็นสิริมงคลให้ตัวเอง และครอบครัว ซึ่งการสวดมนต์เป็นวิถีพุทธอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ถ่ายทอดหลักคำสอนของพุทธเจ้า หรือเรียกว่า มุขปาฐะ ให้นำไปประพฤติปฏิบัติ เป็นการภาวนาธรรมให้จิตใจสงบในเบื้องต้น ถือเป็นการทำความดีอย่างหนึ่ง ช่วยสร้างจิตให้เกิดกุศลก่อให้เกิดความสุข"
ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่คนไทยหันมาเข้าวัด และชวนกันออกมาสวดมนต์ข้ามปีกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะต้องการหลีกหนีความเครียดจากปัญหาสังคม และการเมืองที่วุ่นวาย
"เชื่อว่าคนไทยหลายคนทุกวันนี้ อยากเข้าหา หรือสัมผัสอะไรที่โล่งๆ สบายๆ เพราะเบื่อความวุ่นวายของสังคม โดยเฉพาะปัญหาทางการเมือง ทำให้วัด กลายเป็นสถานที่ที่ใครหลายคนเลือกเข้าหา เพราะให้ความสบายใจ ยิ่งได้ไหว้พระ สวดมนต์แล้ว ก็จะช่วยให้จิตใจสงบขึ้น" ผอ.สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ให้มุมมอง
ทั้งนี้ ดร.พระมหาสุทิตย์ ให้ความรู้ต่อไปว่า การสวดมนต์ข้ามปี ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศไทย แต่มีการนำแนวคิดมาจากประเทศญี่ปุ่น
"ประเทศญี่ปุ่น พอถึงวันขึ้นปีใหม่ พวกเขาจะพากันไหว้พระ สวดมนต์ที่วัดเพื่อสร้างมงคลให้แก่ชีวิต เมื่อเห็นดังนั้น ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จึงนำมาทำเป็นเรื่องเป็นราวในบ้านเรา เนื่องจากที่ผ่านๆ มา มีแต่การถ่ายทอดสด ซึ่งเป็นในลักษณะเฮฮาปาร์ตี้ ไม่ว่าจะถ่ายทอดสดจากเซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน หรือตามเมืองใหญ่ๆ แต่ไม่ค่อยเห็นกิจกรรมธรรมะอย่าง การสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งบางวัดในไทยมีการทำกันอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีกระแส โดยในปีแรกจัดอยู่ไม่กี่วัด พอมาปีที่สอง และสามก็ขยายเพิ่มขึ้น เพราะคนให้ความสนใจกันมาก" ผอ.สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ เสริม
การสวดมนต์..พลังบุญที่ยิ่งใหญ่
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การสวดมนต์ หลายคนเชื่อกันว่า เป็นการอัญเชิญมหาบารมีของพระพุทธองค์ ให้มาปกป้องคุ้มครองตัวเรา และครอบครัว โดยการสวดมนต์เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง ที่ พระมหานรินทร์ นรินฺโท เจ้าอาวาสวัดไทย ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา เคยบอกเอาไว้ตอนหนึ่งในบทความ "สวดมนต์ข้ามปีดีอย่างไร" บนเว็บไซต์ www.alittlebuddha.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของท่านว่า แม้จะไม่ถึงกับเป็นสมาธิที่แก่กล้า แต่ถ้าสวดจนช่ำชองแล้ว จะสามารถตรึงจิตใจให้อยู่กับบทสวดมนต์นั้นๆ ได้อย่างไม่ว่อกแว่ก หรือซัดส่ายไปคิดเรื่องอื่นไกล
นั่นเพราะมีความเชื่อกันว่า การที่จิตใจอยู่กับพระกับเจ้านั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นมงคล คือเป็นความคิดจิตใจที่ดีงาม เมื่อจิตใจดีงาม การกระทำก็จะดีงาม และเมื่อความคิดกับการกระทำเป็นสิ่งที่ดีงาม คนๆ นั้นก็ย่อมจะเป็นคนดีและคนงามตามไปด้วย สอดรับกับความเชื่อตามหลักพระพุทธศาสนา "ทุกสิ่งเริ่มต้นจากจิตใจ" ดังนั้นการสวดมนต์จึงเป็นการสร้างสรรค์ชีวิตให้ดีงาม โดยเริ่มที่จิตใจนั่นเอง
อย่างไรก็ดี การสวดมนต์ข้ามปี สามารถสวดคนเดียวก็ได้ สวดหมู่หรือหลายคนก็ได้ เพราะการทำความดีให้แก่ตนเองนั้น ถ้าทำเองก็ได้ความดีเฉพาะตัวเอง ถ้าชักชวนคนอื่นทำด้วย ก็เป็นการเสริมสร้างบารมี ซึ่งเป็นพลังบุญที่ยิ่งใหญ่ ส่งผลให้ชีวิตมีความเจริญ รุ่งเรืองตลอดปีใหม่
นอกจากนี้ การสวดมนต์ข้ามปี ยังเชื่อได้ว่า 'ดี' หลายอย่าง เพราะ 1. การสวดมนต์เป็นการทำความดี สวดข้ามปียิ่งดี ดีกว่ากินเหล้าเมายากันข้ามปีเป็นไหนๆ 2. การสวดมากๆ ยิ่งดี เหมือนคนไปวัดมากๆ ก็ย่อมดีกว่าคนไปบ่อนมากๆ และ 3. การใช้วัดเป็นสถานที่ทำความดี หรือแม้แต่สถานที่สวดมนต์ข้ามปี เช่น ท้องสนามหลวง ก็เป็นสถานที่ทำความดี การไปทำความดีมากๆ ย่อมดีกว่าการไปทำความชั่วมากๆ แน่นอน
ดังนั้น การสวดมนต์ข้ามปีที่ทางรัฐบาลไทยก็ดี ทางคณะสงฆ์ไทยโดยมหาเถรสมาคมก็ดี ในมุมมองของพระมหานรินทร์แล้ว จึงถือว่าเป็นการส่งเสริมประเทศชาติให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข เป็นกุสโลบายที่ฉลาดแยบยล คนที่มีปัญญาจึงมองเห็น ส่วนคนที่เป็นมิจฉาทิฐิก็ย่อมจะมองเห็นเป็นความสิ้นเปลืองไป
'มหาอานิสงส์' เคานต์ดาวน์แบบวิถีพุทธ
ไม่เพียงแต่ 'การสวดมนต์ข้ามปี' จะช่วยเสริมมงคลชีวิตในปีใหม่แล้ว ยังช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้อีกด้วย เห็นได้จากสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงที่มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี พบว่า ในปี 2553-2554 จากที่เคยมียอดผู้เสียชีวิต 358 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 3,750 ราย กลับมียอดผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บลดลงในปี 2554-2555 เหลือ 336 ราย และ 3,375 รายตามลำดับ
สอดรับกับ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ที่เห็นด้วยในข้อที่ว่า การสวดมนต์ข้ามปี ช่วยลดความเสี่ยงจากอบายมุข อุบัติเหตุและความชั่วร้าย นอกจากนี้ยังให้ข้อคิดหลักธรรมเกี่ยวกับอานิสงส์ หรือผลที่จะได้รับจากการสวดมนต์ข้ามปีไว้เพิ่มเติมเป็นข้อๆ ดังนี้
- เป็นการทำบุญใหญ่ให้กับชีวิต ทั้งทางกาย ทางจิตและทางปัญญา
- เป็นการส่งท้ายด้วยธรรมะ และต้อนรับด้วยศีล
- เป็นการสร้างบรรยากาศรู้เช่นเห็นจริงในสัจธรรม
- เริ่มต้นชีวิตด้วยสิ่งที่เป็นสิริมงคลอันจะส่งผลให้ได้พบสิ่งที่เป็นมงคลตลอดทั้งปี
"บทสวดมนต์ทุกบท ล้วนเป็นแก่นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอานุภาพแตกต่างกันไป เช่น บทกาลามสูตร เป็นบทสวดเพื่อให้เกิดปัญญา บทมงคลสูตร เพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นมงคลแท้-เทียม แต่เหนืออื่นใด ผลของการสวดมนต์ ก็คือเมื่อสวดแล้วก็จะเห็นธรรม" เป็นคำพูดของท่านว.วชิรเมธี ที่เคยบอกเอาไว้เกี่ยวกับอานิสงส์ และพลังที่ได้จากการสวดมนต์ข้ามปี
เปิดลายแทงกิจกรรม 'สวดมนต์ข้ามปี'
สำหรับในคืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2557 ที่กำลังจะมาถึง มีหลายวัด หลายภาคส่วนจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามคืนนี้ขึ้น ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง ASTVผู้จัดการ Live ได้รวบรวมนำมาฝากกัน เริ่มจาก
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน 'สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี' ขึ้นเป็นปีที่ 4 บริเวณท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี สวดอิติปิโส เจริญสติภาวนา มีภาคีเครือข่ายร่วมออกร้านรอบสนามหลวงเพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้แนวทางการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะ และกิจกรรมละครเวทีพระพุทธประวัติ “มหาชาติ มหาบุรุษ ละครเพลงแห่งการดับทุกข์อันยิ่งใหญ่” โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. ส่วนช่วงพิธีการจะเริ่มเวลา 19.00 น. และเสร็จสิ้นเวลา 01.30 น. หลังจากนั้นจะมีมหรสพบันเทิงฉลองต้อนรับปีใหม่ถึงเวลา 02.00 น. และในช่วงเช้าวันที่ 1 ม.ค.2557 เวลา 07.00 น.มีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้าร่วมกันตักบาตรที่บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลตลอดปีใหม่อีกด้วย
สำหรับจังหวัดที่มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์เป็นพิเศษ และมีการเผยแพร่ทางโทรทัศน์พร้อมกับสนามหลวง มี 4 แห่งด้วยกัน โดย ภาคเหนือจัดที่ วัดติโลกอาราม จ.พะเยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง จ.ขอนแก่น ภาคตะวันออก วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา และภาคใต้ ที่วัดถาวรวราราม จ.สงขลา
นอกจากนี้ ทางผู้จัดงาน ยังจัดระบบขนส่งฯ โดยมีบริการทั้งรถรับส่งจากกองทัพเรือและกองทัพอากาศ รถโดยสารประจำทาง (ขสมก.) เรือข้ามฝาก และการให้บริการรถไฟใต้ดิน MRT รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า Airport Rail Link เพื่อให้ประชาชนเดินทางกลับได้รวดเร็ว สะดวก ประหยัด และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
"สำหรับกองทัพอากาศและกองทัพเรือปีนี้ให้การสนับสนุนรถรับส่งรวมจำนวน 35 คัน เพื่อรับส่งประชาชนกลับบ้าน โดยจอดบริเวณเดิมที่กำหนดไว้ 4 จุด คือ 1. ถ.มหาราช ข้างวัดพระเชตุพนฯ ไปหัวลำโพง 2. ถ.ราชดำเนินกลาง ไป อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 3. หน้าร้านอาหารสกายไฮน์ ตรงข้ามกองสลาก ไปพาต้าปิ่นเกล้า และ 4. สนามชัย ข้างวัดพระเชตุพนฯ ไปวงเวียนใหญ่ เริ่มตั้งแต่เวลา 24.00-03.00 น. รถออกทุก 30 นาที ให้บริการกับประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนรถไฟใต้ดิน MRT รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า Airport Rail Link จะให้บริการประชาชนถึงเวลา 02.00 น. เพื่อรองรับประชาชนที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน ภายหลังจากกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเสร็จสิ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการเรือข้ามฟากที่ท่าช้าง ซึ่งให้บริการถึงเวลา 01.00 น.ด้วย" สงกรานต์ ภาคโชคดี คณะทำงานกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี 2556-2557 ให้ข้อมูล
ด้าน ยุพิน เมฆหิรัญศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขสมก.ให้การสนับสนุนการจัดรถโดยสารประจำทาง เพื่อให้การรับ-ส่ง ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี โดยเพิ่มจำนวนเที่ยววิ่งจากวันปกติ อีก 480 เที่ยว ขยายเวลาการเดินรถจากปกติ เวลาประมาณ 24.00 น. เป็นเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2557
นอกจากนี้ยังจัดรถบริการตลอดทั้งคืน (กะสว่าง) ในเส้นทางที่ผ่านสนามหลวง จำนวน 8 เส้นทาง คือ (1.) สาย 2สำโรง - ปากคลองตลาด (2.) สาย 3 หมอชิต 2- คลองสาน (3.) สาย 25 ปากน้ำ - ท่าช้าง (4.) สาย 59 รังสิต - สนามหลวง (5.) สาย 60 สวนสยาม - ปากคลองตลาด (6.) สาย 80 วัดศรีนวลธรรมวิมล - สนามหลวง (7.) สาย 82 พระประแดง - สนามหลวง (8.) สาย 203 ตลาด อตก.3 - สนามหลวง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยเฉพาะขากลับที่มักมีปัญหารถไม่เพียงพอ ซึ่งตนเชื่อว่าในปีนี้ จะสามารถให้บริการทั่วถึงยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ใช้สมาร์ทโฟน สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ThaiHealth : ‘Pray for Life’ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่บอกสถานที่จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ตามเส้นทางรถไฟใต้ดิน MRT และรถไฟฟ้า BTS รวมถึงวัดใกล้บ้าน โดยดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play Store หรือติดตามรายละเอียดที่ www.สวดมนต์ข้ามปี.com หรือ www.facebook.com/thaihealth
- มาดูในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กันบ้าง โดยปีนี้ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดงาน 'สวดมนต์ข้ามปี วิถีไทย วิถีพุทธ' ณ พระอุโบสถกลางน้ำ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะเริ่มการสวดมนต์ตั้งแต่เวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 56 เป็นต้นไป (กิจกรรมอื่นๆ เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเช้า) นอกจากนี้ยังมีการเปิดให้ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถกลางน้ำ รับฟังพุทธประวัติและอานิสงส์แห่งการสวดมนต์ การฟังเทศน์มหาชาติประกอบการแสดง และยังมีกิจกรรมไหว้พระ 9 วัดสัมผัสวิถีบุญ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- ฟากกระทรวงวัฒนธรรม มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีภายใต้โครงการ "ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธและวิถีธรรม ประจำปี 2557" โดยมีการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและการรักษาความปลอดภัยบริเวณวัดและสถานที่จัดสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้จัดสถานที่ภายในอุทยานแห่งชาติและวนอุทยานแห่งชาติ ให้เป็นสถานที่จัดงานสวดมนต์ข้ามปี เช่น อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีการปฏิบัติธรรมและสวดมนต์ข้ามปี รวมถึงการตักบาตรในตอนเช้า
สำหรับวัดที่เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในโครงการ “ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธและวิถีธรรม ประจำปี 2557” ในเขตกรุงเทพมหานคร จัดขึ้นในวัดสำคัญ 12 แห่ง คือ วัดอรุณราชวราราม วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดสุทัศนเทพวราราม วัดไตรมิตรวิทยาราม วัดยานนาวา วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดราชาธิวาสวิหาร วัดปทุมวนาราม วัดชนะสงคราม และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ดังนั้น ทางกระทรวงวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนประชาชนนุ่งขาวห่มขาว เข้าร่วมสวดมนต์ข้ามปี เพื่อแสดงอำนาจของพุทธคุณ ให้คนทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 22.30 น. ถึงเวลา 12.30 น. ในวันที่ 1 มกราคม 2557 ณ วัดใกล้บ้านและวัดที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ รวมทั้งร่วมปฏิบัติศาสนกิจตามหลักศาสนาอื่นๆ ตามศาสนสถานของศาสนานั้นๆ โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์กรมการศาสนา www.dra.go.th และ www.facebook.com/Drathai.gov หรือ โทร. 0 2422 8816
ใครที่เคย "เมาข้ามปี" ลองเปลี่ยนมา "สวดมนต์ข้ามปี" กันดู แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงพลังบุญ และความสงบภายในจิตใจ เพราะตราบใดที่มนุษย์เรายังไม่สามารถดาวน์โหลดสวรรค์ นิพพานได้ การเข้าวัด ปฏิบัติธรรม สร้างบุญสร้างกุศลด้วยตัวเอง ยังคงเป็นสิ่งที่ "ใครทำใครได้" ซึ่งของแบบนี้ไม่มีใครทำแทนกันได้
/////////////////////
6 วิธีช่วยนั่งสวดมนต์ข้ามปีได้นานขึ้น
1. ควรหลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบเป็นเวลานาน โดยสลับท่านั่งระหว่างการนั่งพับเพียบกับการนั่งขัดสมาธิ
2. ยกลำตัวหรือกระบังลมขึ้นเป็นช่วงๆ เพื่อช่วยลดการกดน้ำหนักเฉพาะจุดและต้านทานแรงดึงดูดของโลก โดยทำเป็นช่วงๆ ช่วงละ 10 นาที และคลายกล้ามเนื้อลงประมาณ 1 นาที สลับทำอย่างนี้ไปตลอดขณะทำการสวดมนต์จะทำให้กล้ามเนื้อลำตัวแข็งแรงขึ้น
3. หากเป็นผู้สูงอายุ อาจจะนั่งเก้าอี้แทนการนั่งกับพื้น เพื่อลดอาการปวดเข่า จะทำให้สามารถสวดมนต์ได้ยาวนานขึ้น
4. ก่อนการสวดมนต์ควรกินอาหารที่ย่อยง่าย เน้นผักและผลไม้ที่ไม่หวานจัด เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
5. ควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนการสวดมนต์เพื่อเป็นการฟิตร่างกายทำให้สวดมนต์ได้ยาวนานขึ้น
6. หลังจากการสวดมนต์ควรผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพเนื่องจากนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน
ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
สกู๊ปข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live