xs
xsm
sm
md
lg

ต้องรอ “เด็กหาย” อีกกี่ราย? จึงจะตั้ง “ศูนย์ติดตามคนหายแห่งชาติ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สลดใจ เศร้าใจ สะเทือนใจ ฯลฯ... จากกรณี “น้องการ์ตูน” ถูกล่วงละเมิดและทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต แต่ก่อนที่ภาวะหวาดระแวงภัยลักพาตัวจะค่อยๆ จางหายไปจากกระแส นี่อาจเป็นโอกาสดีโอกาสเดียวที่ทุกครอบครัวจะหันมาเรียกร้องให้ภาครัฐหันมาใส่ใจปัญหา “คนหาย” กันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรอยช้ำซ้ำความเจ็บปวดอีกในอนาคต!



ถ้าเพียงแต่มีหน่วยงานเฉพาะค้นหาน้อง...
“รวมระยะเวลาในการหายตัวไปของ น้องการ์ตูน ภายหลังจากที่แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผ่านกระบวนการติดตามจากศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมแล้วใช้เวลากว่า 1 อาทิตย์ และกว่าจะพบน้องการ์ตูนก็กลายเป็นศพไปแล้ว...

หากไล่เรียงเหตุการณ์การหายตัวไปของน้องการ์ตูน เราจะเห็นถึงกระบวนการในการติดตามของเจ้าหน้าที่ที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำอย่างเต็มที่ แต่ก็พบเห็นปัญหาอุปสรรคใหญ่ คือหน่วยงานที่ติดตามเด็กหายกลับเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนอย่าง มูลนิธิกระจกเงา ที่เป็นหลักในการประสานกับทุกฝ่ายให้ช่วยเหลือในการติดตามคดีนี้ ซึ่งในแง่ขององค์กรพัฒนาเอกชนอาจจะมีข้อจำกัดในหลายด้าน ทั้งเรื่องกำลังคน และเรื่องอำนาจที่จะขอพยานหลักฐานจากภาครัฐ จึงทำให้หลักฐานสำคัญที่ระบุถึงการหายตัวไปของน้องการ์ตูน ตกมาถึงมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่าช้า

พวกเรารู้สึกสะเทือนใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าทุกคนที่มีลูกหลานก็คงจะรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน ดังนั้นเราขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบเรื่องนี้ จัดตั้งศูนย์ติดตามคนหายของภาครัฐขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม โดยจัดสรรงบประมาณ จัดหาเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญในการติดตามคนหายโดยเริ่มติดตามจากกรณีเด็กหายเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเรามีศูนย์ติดตามคนหายของภาครัฐขึ้นมา กระบวนการในการติดตามเด็กหายจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะเป็นการลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับทั้งตัวเด็กและครอบครัว

ที่ผ่านมาเราเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจัดตั้งศูนย์ติดตามรถหาย โดยมีการเปิดสายด่วน การแชร์ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย พร้อมกันนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ประจำที่คอยติดตามรถหาย ดังนั้น คงไม่เป็นการยากเกินไปที่จะสร้างศูนย์ติดตามคนหายขึ้นมาอย่างจริงจังเสียที

นี่คือแคมเปญรณรงค์ “ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดตั้งศูนย์ติดตามคนหายของภาครัฐ” (คลิกเพื่อไปยังหน้าเว็บ) ในเว็บไซต์ Change.org ที่ เพทาย กันนิยม ประชาชนคนหนึ่งตั้งขึ้นจากความรู้สึกเจ็บปวด ไม่ต่างจากอีกหลายๆ คนในสังคม และมองเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานภาครัฐต้องหันมารื้อระบบการทำงานในเรื่องนี้กันเสียใหม่ และนี่คือตัวอย่างเสียงบางส่วนของประชาชนที่ฝากเอาไว้หลังลงชื่อรณรงค์บนโลกออนไลน์

การที่บุคคลอันเป็นที่รักได้สูญหายไปมันเป็นความสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อญาติพี่น้องหรือคนรู้จักยิ่งได้รับรู้ว่า ถูกข่มขืนหรือถูกฆาตกรรม ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างมากค่ะ ควรจะมีศูนย์ติดตามคนหายที่จริงจัง และมีกฎหมายรุนแรงต่อพวกลักพาตัวข่มขืนกระทำชำเรา หากเราไม่เด็ดขาด เรื่องพรรค์นี้ก็จะเกิดขึ้นอีกค่ะ” เมธิณี เยาวสังข์

“ตัวอย่าง ความเสียหาย ความสลดเกิดขึ้นมาแล้วจากกรณีน้องการ์ตูนซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในคดีที่ปิดลงได้ ยังมีอีกมากที่ไม่รู้จะได้รับการแก้ไขหรือไม่ จะรอให้มีข่าวอีกครั้งถึงเริ่มลงมืออย่างจริงจังก็สายไปแล้ว แม้แต่ตอนนี้ก็สายแล้ว ควรจะเร่งรีบดำเนินการโดยด่วน” ณัฐพล พรมภักดี

“ประเทศเรามีศูนย์รับเรื่องรถหายแล้ว แต่ประเทศเรายังขาดศูนย์รับเรื่องคนหายครับ "คนสำคัญกว่ารถ" ครับผม” Peelapol Songthong

“ช่วยกันจัดตั้งศูนย์ติดตามคนหายร่วมกันค่ะ” เทียมใจ ทองเมือง

“ถึงเวลาแล้ว ที่ประเทศไทยควรใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง Adisorn Kerdmongkol



รถหายบอกได้ เด็กหายงุนงง!?!
เมื่อพูดถึงปัญหา “เด็กหาย-คนหาย” ชื่อของ “มูลนิธิกระจกเงา” จะเป็นรายแรกที่ปรากฏขึ้นมาให้นึกถึง เพราะเป็นหน่วยงานที่ช่วยรับเรื่องร้องเรียน ประสานงาน ติดตามค้นหาผู้สูญหายมาเกือบตลอด 10 ปี ทั้งๆ ที่หน้าที่นี้ควรเป็นของหน่วยงานภาครัฐเข้ามาจัดการ แต่ไม่ว่าทางมูลนิธิจะเสนอข้อเรียกร้องให้จัดตั้ง “ศูนย์ติดตามคนหายอย่างเป็นทางการ” ไปสักกี่รอบ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีอะไรกระเตื้องขึ้น เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้มาโดยตลอดจึงได้แต่ปลงตก

“จริงๆ แล้ว ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เคยปิดตัวไปแล้วนะครับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพราะขาดทุน เหลือเจ้าหน้าที่ที่สามารถจ้างได้แค่คนเดียวก็คือผม ก็เลยส่งมอบภารกิจนี้ให้ตำรวจและหน่วยงานของรัฐ ตอนนั้นไปคุยกับท่านรอง ผบ.ตร. และอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ให้ช่วยรับภารกิจในการรับแจ้งเรื่องคนหายต่อจากเรา

ซึ่งเราส่งฐานข้อมูลทั้งหมด และประกาศให้คนโทร.ไปแจ้งที่ ศูนย์ประชาบดี 1300 แทน แต่ทางศูนย์บอกให้คนที่โทร.มาไปแจ้งความ เขาก็ไปแจ้ง สุดท้ายก็ต้องโทร.มาหาเราให้ช่วยสืบ เพราะไม่มีใครลงพื้นที่ช่วยตามหา เราก็เลยปิดตัวไม่ได้ครับ โชคดีที่มีทุนบางส่วนจากภาคเอกชนเข้ามา เลยทำให้ยังพออยู่ได้ ทุกวันนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลแค่ 2 คน ช่วยกันทำทุกขั้นตอน ตั้งแต่รับโทรศัพท์ รายงานข้อมูล ลงพื้นที่ช่วยตามหา อย่างล่าสุดก็มีกรณีน้องการ์ตูน, น้องแม็กซ์ แล้วก็ น้องหญิง

ต้องบอกว่าระบบตอนนี้มีปัญหามากครับ รัฐควรจะมีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยตรง เพราะดูศักยภาพแล้ว โรงพักแต่ละท้องที่รับคดีหลายเรื่องมากๆ ทั้งคดีรถชน จี้-ชิง-ปล้น-ฆ่าคนตาย ทะเลาะวิวาท เด็กนักเรียนตีกัน ฯลฯ เยอะแยะไปหมดเลย เรื่องเด็กหายเลยกลายเป็นคดีท้ายสุดเลยเวลาเขาให้ความสำคัญ เพราะถ้ารถชนก็ต้องรีบออกไปดูพื้นที่ก่อน เพราะรถติด เดือดร้อนคนอื่น ส่วนคดีฆ่าคนตาย ต้องรีบไปดูที่เกิดเหตุ คดีจี้-ชิง-ปล้น ก็เป็นคดีอุกฉกรรจ์ แต่คดีคนหาย ไม่รู้หายไปไหน ไม่รู้ใครพาไป

และเวลาเด็กหายหรือคนหาย ส่วนใหญ่จะถูกพาออกนอกพื้นที่ตลอด พอออกนอกพื้นที่ปุ๊บ หายจากจุดนี้ก็ไม่ใช่เขตอำนาจของตำรวจท้องที่นั้นแล้ว จะไปตามเรื่องได้หรือเปล่า หรือจะใช้การประสานงานเอา หรือจะมีใครไปสืบนอกพื้นที่มั้ย ผมยกตัวอย่างเด็กหายจากเชียงใหม่ อันนี้ข้อเท็จจริงเลย ไปเจอตัวอีกทีที่เพชรบุรี หรือหายจากอุดรฯ ไปเจอตัวที่ชุมพร อะไรอย่างนี้ เด็กถูกเคลื่อนย้ายตลอด

เพราะฉะนั้น ต้องให้ฝ่ายที่มีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพพอ เราเลยเสนอให้มีหน่วยงานเฉพาะอย่าง “ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์” ขึ้นมา เพื่อทำคดีเรื่องการค้ามนุษย์เพียงอย่างเดียว เป็นส่วนที่โรงพักไม่สามารถทำได้หรือทำแล้วไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เหมือนตำรวจป่าไม้ก็ตามเรื่องป่าไม้อย่างเดียว นี่ก็เหมือนกันครับ ตำรวจที่ตามเรื่องเด็กหาย-คนหาย ก็ควรจะมีหน่วยงานเฉพาะ ซึ่งโมเดลในต่างประเทศก็มี แต่ในบ้านเราตอนนี้ไม่มีเลย

จากการทำงานตรงนี้มาร่วม 10 ปี บอกได้เลยว่ายังไม่มีหน่วยงานรัฐส่วนไหนมีประสิทธิภาพพอที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ เพราะศูนย์ประชาบดีที่มีอยู่ก็มีงานล้นมือ รวมปัญหาทุกอย่างไว้ในนั้น ทั้งปัญหาเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ ฯลฯ ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก็คงไม่ถนัดงานสืบสวน

อย่างกรณีน้องการ์ตูนจะเห็นได้ชัดว่า การดูแลติดตามมันช้ามาก ทั้งๆ ที่หลายฝ่ายก็ทำเต็มที่ ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่ลงมาดู เขาบอกเลยว่าไม่เคยทำคดีแบบนี้ก็เลยไม่รู้จะวิเคราะห์ไปยังไงต่อ แต่เคยทำคดีร้านทอง โจรปล้น คนร้ายต้องเอาทองไปขายในตลาดมืด ที่ไหน-ยังไง รู้ว่าจะหาเบาะแสได้ที่ไหน ก็เลยต้องมีคนที่เชี่ยวชาญเรื่องคนหายโดยเฉพาะครับ เพราะตอนนี้ ประเทศเราก็มี “ศูนย์ติดตามรถหาย” ตำรวจบอกได้นะว่าปีหนึ่งรถหายกี่คัน รถยี่ห้อไหนบ้าง ถูกส่งไปชายแดนด้านไหนบ้าง ไปชำแหละยังไง จอดตรงไหน หายไปไหน ตำรวจบอกได้หมด แต่เด็กหายกี่คน ตำรวจบอกไม่ได้ มันสะท้อนอะไรบางอย่าง

ผมไม่ได้ว่าว่ารถหายไม่สำคัญ เพราะมันคือชีวิตของคนเหมือนกันที่ทุ่มหยาดเหงื่อแรงงานมาทั้งชีวิตเพื่อซื้อรถ แต่ประเด็นก็คือ เรามีตำรวจที่เชี่ยวชาญด้านนี้ มีการถอดองค์ความรู้ออกมาวิเคราะห์ได้ และถ้าเรามีหน่วยงานเฉพาะด้านเด็กหาย-คนหายบ้าง เราก็จะสามารถวิเคราะห์และติดตามสืบค้นได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกัน



ถึงเวลาจัดตั้ง “ศูนย์ติดตามคนหายแห่งชาติ”
ตอนนี้ น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่สุดที่จะเรียกร้องให้ภาครัฐจัดตั้ง “ศูนย์ติดตามคนหาย” ของตัวเองขึ้นมาอย่างเป็นทางการเสียที เพราะสังคมกำลังให้ความสนใจในประเด็นนี้ และมีประชาชนจำนวนมหาศาลปวดใจไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถ้าไม่ช่วยกันเรียกร้องตอนนี้ คงหาโอกาสได้ยาก “ผมเคยร้องเรียนมาหลายครั้งมากแล้วครับตลอด 3-4 ปี ไปยื่นหนังสือมา 4-5 ครั้งแล้ว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดตั้งหน่วยงาน แต่ก็ไม่เคยมีผลอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น” หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เปิดใจเล่าให้ฟังต่อทุกซอกมุม

ยังดีที่ทุกวันนี้มีสายสัมพันธ์จากผู้ใหญ่ในสีกากีที่ให้ความอนุเคราะห์ช่วยประสานงานให้ จึงช่วยให้งานพอจะดำเนินต่อไปได้ “ถ้า case ไหนที่ประสานจากกรุงเทพฯ แล้วไม่ค่อยคืบหน้า เราก็จะลงพื้นที่เอง ก็จะประสานกับนายตำรวจระดับสูง มี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ให้ความอนุเคราะห์เราตลอด ให้เบอร์มือถือส่วนตัวมาเลยว่าถ้ามีปัญหาที่ไหนให้โทร.มาบอก อย่าง case ของน้องการ์ตูน, น้องแม็กซ์, น้องหญิง ผมก็บอกท่านตลอด ท่านก็ช่วยประสาน

เพียงแต่ในระดับนโยบาย ก็ควรจะมีโครงสร้างหลักๆ ออกมา เพราะถ้าให้ผู้ใหญ่สั่งการช่วยประสานงานให้เราเป็นรายคนแบบนี้ วันนึงถ้าผู้เกี่ยวข้องย้ายไป ผมก็คงต้องไปพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้หลักผู้ใหญ่กันใหม่อีก อันนี้พูดกันตรงๆ

หรือแม้แต่ case น้องการ์ตูน เราตามตั้งแต่ยังไม่มีใครมาช่วยหาเป็นขบวน ตอนแถลงข่าวที่เห็นมีตำรวจเยอะๆ บางนาย ผมดูหน้าแล้วไม่คุ้นเลย คือไม่ได้หมายความว่าเขาทำงานกันไม่ตั้งใจนะครับ เพราะมีคนที่ตั้งใจมากๆ เหมือนกัน ลงมาตามหาน้องการ์ตูนกับเรา แต่กำลังมันน้อยมาก อาจจะเพราะตอนนั้นการเมืองก็ร้อนแรง ตำรวจก็เลยอาจจะแบ่งกำลังไปส่วนหนึ่งไปดูแลความสงบ แต่มันก็สะท้อนใจเรื่องแบบนี้เหมือนกัน

มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ เวลาเกิดเหตุเรื่องภัยสังคมแบบนี้ ทุกครั้งคนก็จะสนใจ แต่สักพักพอกระแสตกไป มันก็จะกลับสู่อีหรอบเดิม ช่วงนี้เลยเป็นช่วงที่คนยังสนใจ ถ้าเราต้องการให้ภาครัฐสนใจเรื่องนี้ ต้องให้จัดตั้งให้ได้ “ศูนย์ข้อมูลคนหายของภาครัฐ” ต้องเป็นช่วงนี้แหละครับ ต้องช่วยกันส่งเสียงและนี่คือข้อเรียกร้องที่ทางมูลนิธิแนะเอาไว้

1.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อทำการสืบสวนติดตามหาเด็กหายที่ยังไม่พบตัวและคาดว่าน่าจะถูกลักพาตัวทั้งหมด
2.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานต่อการรับแจ้งความคนหาย กรณีคนหายที่เป็นเด็ก หรือผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ตำรวจควรรับแจ้งความทันที โดยไม่ต้องรอให้หายตัวไป ครบ 24 ชม.ก่อน และต้องมีกระบวนการสืบสวนติดตามที่มีประสิทธิภาพในทันที ตลอดจนมีความต่อเนื่องในการติดตามหา
3.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรมีการจัดการความรู้เกี่ยวกับคดีลักพาตัวเด็กในประเทศ เพื่อให้เห็นแผนประทุษกรรมและลักษณะของการกระทำความผิด สำหรับเป็นแนวทางในการป้องกันและปราบปรามกรณีลักพาตัวเด็กต่อไปในอนาคต
4.ในระยะสั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรจัดตั้งคณะทำงานหรือแผนกติดตามคนหาย ในพื้นที่กองบังคับการภูธรจังหวัด กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคต่างๆ เพื่อให้คำปรึกษา และสืบสวนติดตามกรณีคนหาย โดยควรทำงานประสานร่วมกับศูนย์ประชาบดี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
5.รัฐควรจัดให้มีการประชาสัมพันธ์และเปิดพื้นที่ให้มีการเผยแพร่ภาพเด็กหาย ในสื่อที่รัฐกำกับดูแลอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
6.สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรพิจารณาจัดตั้ง ศูนย์ติดตามคนหาย เพื่อบริหารจัดการปัญหาคนหายในประเทศไทยอย่างเป็นระบบ โดยการบูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรพัฒนาเอกชน และสื่อมวลชน
7.รัฐควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีลักษณะคนหายพลัดหลง และผลักดันให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการติดตามคนหายในประเทศไทย

“แต่ก็ต้องอดทนครับ เพราะนโยบายบางอย่างต้องออกมาจากฝ่ายบริหาร ดังนั้น ก็ได้แต่หวังครับ เพราะไม่อยากให้มีเด็กที่ถูกลักพาตัว-เด็กหาย หรือเด็กที่ถูกฆาตกรรมแบบนี้อีกแล้ว

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
อิสสริยา อาชวานันทกุล
ขอบคุณภาพและข้อมูล (คลิก): แฟนเพจ "ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา", www.change.org/findpeople



ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
'ฆ่า-ข่มขืน' ทำชั่ว.. ช่างปะไร กระบวนการยุติธรรม ให้โอกาสเสมอ!?
สะเทือนใจ คดีน้องการ์ตูน สังคมวอนทบทวน เพิ่มโทษผู้กระทำผิดในข้อหากระทำชำเรา
[Info] 3 วิธีป้องกันเด็กถูกลักพาตัว
[Info] 10 ข้อควรรู้ ก่อนลูกถูก “ลักพาตัว”
[Info] พกอาวุธป้องกันตัว..อย่างนี้ก็มีด้วย?
 
เข้าชื่อรณรงค์ขอจัดตั้ง ศูนย์ติดตามคนหายแห่งชาติ
ไม่มีเด็กคนไหน อยากเป็น เหยื่อ
ความเจ็บปวดจากคนในสังคม



อุทาหรณ์ กรณี น้องการ์ตูน
อีกหลายรายที่หายไป


คุณแม่ น้องหญิง ติดป้ายประกาศด้วยมือของตัวเอง





กำลังโหลดความคิดเห็น