xs
xsm
sm
md
lg

จิตแพทย์ชี้ “อั้ม เนโกะ” มีปัญหาบุคลิกภาพ สมควรไปตรวจโรคจิต!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพที่อั้มโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ขณะยืนพนมมืออยู่หน้าอนุสรณ์ของอ.ป๋วย อึ้งภากรณ์ แล้วใช้เท้าเหยียบหนังสือ

ต้องบอกว่า “ อั้ม เนโกะ” หรือ “นายศรัณย์ ฉุยฉาย” นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนนี้ขยันสร้างกระแสให้ตนเองได้ตลอดจริงๆ เพราะหลังจากสร้างวีรกรรมมากมาย จนเพื่อนมหาวิทยาลัยเอือมระอา พากันบอยคอตลงชื่อเรียกร้องให้อั้ม เนโกะ พ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น

ล่าสุดอั้ม เนโกะ ยังไม่เข็ดหลาบ เพราะได้โพสต์รูปภาพท้าทายกระแสสังคมอีกครั้ง โดยเป็นภาพตัวเองใช้เท้าเหยียบกองหนังสือและยืนพนมไหว้อยู่หน้าอนุสรณ์ของอาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมโพสต์ข้อความว่า

“ช่วงนี้เริ่มมีพวงมาลัยมาประปรายไหว้เสด็จพ่อป๋วยแล้วค่ะ พอดีสูงหน่อยถ่ายไม่ค่อยติด น้องอั้มก็อยากเป็นนักศึกษาที่ดีบ้างใส่ชุดขาวกระโปรงยาวมาเคารพพ่อป๋วยตามเพื่อนๆ คนอื่น สำหรับหนังสือตรงเท้านี้ไม่ต้องสนใจนะคะ ปกติไม่ได้มีไว้ให้อ่านค่ะ เน้นกราบไหว้ขอพรพ่อป๋วยก่อนไปสอบค่ะ”

อั้ม เนโกะ มีปัญหาสุขภาพจิต?
จากพฤติกรรมที่ดูสุดโต่งของอั้ม เนโกะ นี้เอง “นายแพทย์กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล” จิตแพทย์ชื่อดังได้วิเคราะห์พฤติกรรมของอั้ม เนโกะ แล้วบอกว่า พฤติกรรมที่เขาแสดงออกนั้นเรียกว่า “มีปัญหาด้านบุคลิกภาพ” ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาการเลี้ยงดูในครอบครัว ทำให้อั้มกลายเป็นคนเรียกร้องความสนใจ ต่อต้านคนที่มีอำนาจ

การที่เขาเรียกร้องประชาธิปไตย เช่น ปลดธงชาติลงมา หมอยังมองว่าเขาไม่ได้เลวร้ายมาก แต่อาจทำร้ายจิตใจคนไทย แต่ชุดที่เขาใส่ไปปลดธงชาตินั้น ต้องบอกว่าเป็นชุดที่ดูถ่อยมาก เพราะคนปกติไม่ทำกัน ฝรั่งก็ไม่ทำถึงขนาดนี้ ดูแล้วเพี้ยนมาก คือ เขามี self center สุดขีด หมอยังแอบคิดว่าเขาป่วยเป็นโรคจิตเวชเพี้ยนๆ หรือเปล่า น่าจะไปให้หมอจิตแพทย์ตรวจ แต่คงเป็นเรื่องยาก เพราะเขาต้องเซ็นยินยอมให้ตรวจก่อน ยกเว้นถ้าเขาคุมตัวเองไม่ได้ เกิดคลุ้มคลั่งอาละวาด อาจต้องส่งโรงพยาบาลแล้วผู้ปกครองเซ็นยินยอม หรือมหาวิทยาลัยมีคำสั่งจากศาลว่าให้ตรวจ

“ถ้าเขาไปพบจิตแพทย์แล้ว หมอจะช่วยประเมินได้ เพราะบางคนป่วยแล้วไม่รู้ตัวเอง เช่น เป็นโรคจิตเภท โรคอารมณ์แปรปรวน แต่นายศรัณย์ดูแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาด้านโรค แต่น่าจะเป็นปัญหาเรื่องบุคลิกภาพมากกว่า พฤติกรรมของนายศรัณย์ที่แสดงออกมานั้น ทางด้านจิตวิทยาเรียกว่า “มีปัญหาทางด้านบุคลิกภาพ” หมายถึงคนที่มีปัญหาทางวิธีคิด มีปัญหาในการแก้ปัญหาชีวิตหรือกลไกการจัดการปัญหาต่างๆ หรือเป็นคนที่เรียกร้องความสนใจ ต้องการความยอมรับจากสังคม
นายแพทย์กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล
“พฤติกรรมที่เขาเอาเท้าเหยียบหนังสือก็เป็นวิธีแสดงความก้าวร้าวอีกแบบหนึ่ง หรือเรียกร้องความสนใจ เชื่อว่าน่าจะเป็นปัญหาทางบุคลิกภาพของครอบครัวเขาเอง เพราะพฤติกรรมของคนแสดงออกแบบนี้มักจะมีปูมหลังที่คล้ายกัน คือ ครอบครัวไม่อบอุ่น หรือไม่ได้รับการใจใส่จากครอบครัว เชื่อว่าถ้าครอบครัวเขาดี หรือได้รับความรักจากครอบครัวเต็มที่ เขาก็จะไม่ด่าสถาบัน หรือไม่มาต่อสู้เรียกร้องแบบนี้หรอก เรียกว่านายศรัณย์ยังมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “Against authority” คือต่อต้านคนมีอำนาจ เพราะรู้สึกว่าจะมีใครมาทำอะไรชั้นหรือเปล่า เลยแสดงอาการต่อต้านไว้ก่อน
 
“การที่เขามาอ้างว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขาคือ พวกใจไม่เปิดกว้างนั้น คิดว่าไม่ใช่ เพราะเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องคอมมอนเซนส์ คนทั่วไปเข้าใจได้ เช่น เราเห็นคุณงามความดีของสถาบันก็ชื่นชม ไม่ต้องคิดมาก แต่นายศรัณย์มักจะมีประเด็นเข้าข้างตัวเอง ซึ่งเป็นความคิดประหลาดๆ ซึ่งความคิดที่ประหลาดๆ นี้เองมาจากปัญหาด้านบุคลิกภาพของเขา อาจเพราะต้องการต่อต้านสังคม ต่อต้านกฎระเบียบ อยากอวดศักดาว่าชั้นแน่ ถือเป็นพวกขาดความภูมิใจในตัวเอง เลยต้องออกมาก่อเรื่องราว และต้องการยอมรับจากคนอื่นด้วยวิธีประหลาดๆ คนกลุ่มนี้จะรู้สึกมันส์ สะใจ เวลามีคนด่าเยอะๆ ก็ยังรู้สึกดี

“อย่างกรณี “นายเอกภพ เหลือรา” หรือ “ตั้ง อาชีวะ” ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาจาบจ้วงในหลวง ก็เป็นพวกเดียวกันกับนายศรัณย์ คือ มีปัญหาบุคลิกภาพเหมือนกัน แต่นายเอกภพอาจการศึกษาต่ำกว่า ทำให้คุมอารมณ์ใม่ค่อยดี ส่วนกรณีของ “นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” อาจารย์ธรรมศาสตร์ ก็อาจคิดว่าตัวเองเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย จึงไม่ได้ออกมาด่าแบบก้าวร้าว แต่ชอบแขวะๆ ซึ่งความจริงไม่ได้ต่างจากนายศรัณย์เลย เพียงแต่เขาไฮเกรดหน่อย รู้จักระมัดระวังตัว รู้วิธีด่าคนอื่นให้เจ็บแสบ โดยไม่ให้ดูก้าวร้าวเหมือนพวกอาชญากรทั้งหลาย แต่ความจริงแล้วทั้งหมดคือกลุ่มเดียวกัน

“หมอเคยไปเสวนาทางวิชาการที่ธรรมศาสตร์ จึงเคยเจอตัวนายศรัณย์แล้ว เห็นว่าเขาเป็นเด็กสมาธิไม่ดี วิตกจริต เหมือนขาดการอบรมสั่งสอน ไม่มีมารยาท ช่วงที่เสวนานั้นอาจารย์ท่านหนึ่งพูดมาคำหนึ่ง เขาก็หาเรื่องโต้กลับ เหมือนคนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องมารยาท ไม่รู้ว่าที่บ้านสอนเขามายังไง วันนั้นยังรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่น่ากลัวมาก น่ากลัวว่าถ้าไม่มีใครสอน ไม่มีใครช่วยแก้ไข เขาจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่ากลัวที่สุดในสังคม คิดว่าเขาเป็นคนน่าสมเพช แต่ยังมองเขาด้วยความเมตตา อยากช่วยเขา แต่เวลาผ่านไป เห็นพฤติกรรมเขาแล้วคิดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก คงต้องปล่อยเขาไปตามวิถีกรรม”

ฟันธงกลุ่มพวกมีปัญหาบุคลิกภาพ แก้ไขยาก

นายแพทย์กัมปนาทยังบอกอีกว่า พฤติกรรมของอั้ม เนโกะ ซึ่งมีปัญหาบุคลิกภาพนี้แก้ไขได้ยาก เพราะสันดอนขุดได้ แต่สันดานคนขุดยาก!

“ส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาด้านบุคลิกภาพจะต้องทำจิตบำบัด แต่ได้ผลเฉพาะแค่คนบางประเภท ส่วนบุคลิกแบบนายศรัณย์นี้แก้ไขได้ยาก วงการจิตเวชไม่ค่อยรับรักษา เพราะแก้ไขไม่ได้ เกินเยียวยา การกินยาอาจช่วยได้ในกรณีคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ แต่นายศรัณย์ไม่ใช่ว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขามีวิธีการคิดมาก่อน วางแผนมาก่อน ซึ่งกรณีนี้ใช้ยารักษาไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวกับยา แต่เกี่ยวกับเรื่องวิธีคิดและเรื่องนิสัยของเขา พูดภาษาชาวบ้านคือ สันดอนขุดได้ แต่สันดานขุดไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปขุดสันดานของคนกลุ่มประเภทนี้

“ในเมื่อเขาทำตัวแบบนี้ สิ่งที่จะตามมาคือ สังคมไม่ยอมรับ เขาอาจจะถูกคนบางคนไม่พอใจทำร้ายเขา และยากที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครยอมรับ ดังนั้นเขาก็ต้องยอมรับในผลที่เกิดขึ้น ในเมื่อเขาตัดสินใจจะเป็นคนแบบนี้ ต้องการประกาศศักดาให้โลกรู้ว่าชั้นแน่ ก็ต้องเกิดการต่อต้านจากสังคมเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกัน”
นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เชื่อว่ามีคนหนุนหลังอั้ม เนโกะ

นอกจากนั้นนายแพทย์กัมปนาทยังบอกว่าพฤติกรรมของอั้ม เนโกะ อาจเกิดจากการถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ
“ลองเช็กดีๆ สิว่าพฤติกรรมประเภทพวกเรียกร้องประชาธิปไตย พวกล้มเจ้า ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่าเป็นพวกกลุ่มเดียวกันหมดเลย อาจจะมีคนบางกลุ่มหรือบางคนให้เงินให้ทองเขาเพื่อใช้เขาเป็นเครื่องมือ เรียกว่าใครฉลาดกว่าใครก็หลอกใช้คนนั้นกันไป

“แล้วลักษณะของนายศรัณย์ไม่ได้ต่างจากนักเขียนหญิงชื่อดังคนหนึ่งเลย แต่นักเขียนคนนี้คือ อั้ม เนโกะ ตอนโตแล้ว หมอเคยเจอนักเขียนหญิงคนนี้ตอนไปออกรายการด้วยกันตั้งแต่สมัยทักษิณเข้ามาใหม่ๆ สภาพเขาไม่ต่างจากอั้ม เนโกะ เพราะเป็นผู้หญิงวิตกกังวล ดูซีเรียส ขาดความมั่นใจ เวลาพูดก็ปากสั่นคางสั่น แต่เดี๋ยวนี้เขาฤทธิ์เดชเยอะ กล้าโชว์นม กล้าออกมาด่าโน่นด่านี่ คิดว่าตัวเองเป็นคนมีความคิดต่าง แต่หมอมองว่าความจริงแล้วเบื้องหลังทั้งหมดถูกแบล็กอัพด้วยทักษิณทั้งหมด ความจริงเบสิกพวกเขาไม่ได้ชั่วร้าย แต่คงถูกใครบางกลุ่มล้างสมอง และถูกใช้เป็นเครื่องมือ ซึ่งกระทำโดยคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเลือกเอาคนที่สภาพจิตใจไม่ค่อยเข้มแข็ง ฟังกชั่นไม่ดี แล้วเอามาเป็นเครื่องมือให้คอยเป็นตัวป่วนสังคม

“ส่วน “เนติวิทย์” (เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล) นักเรียนที่ชอบออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ เหมือนนายศรัณย์นั้น นั้น หมอคิดว่าอีกไม่นานเขาจะเติบโตมาเป็นคนประเภทเดียวกัน ถ้าถามหมอ หมอจะบอกว่าให้หันไปมองครอบครัวว่าเขามีวิธีสั่งสอนลูกยังไง ลูกถึงได้ออกมาประหลาดๆ แบบนี้ ออกมาเป็นลักษณะคนคิดต่าง ซึ่งการคิดต่างนี้มันไม่ได้เกิดการยอมรับ มันเป็นการสร้างภาพให้เกิดการยอมรับ ซึ่งก็คือการหลอกลวง แล้วถ้าจับมารวมกัน มันคือกลุ่มเดียวกับพวกนิติราษฎร์ ซึ่งดูเหมือนคนคิดต่าง แต่ความจริงแล้วเป็นสาวกทักษิณทั้งนั้น”
นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ที่คุณหมอชี้ว่ามีปัญหาทางบุคลิกภาพเหมือนอั้ม เนโกะ
ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็นแบบอั้ม เนโกะ ควรทำยังไง?

นายแพทย์กัมปนาทกล่าวว่า ถ้าพ่อแม่ไม่อยากให้ลูกมีปัญหาเรื่องบุคลิกภาพแบบอั้ม เนโกะ พ่อแม่ควรมีส่วนสำคัญในการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี และสร้างทัศนคติที่ดีให้แก่ลูก

“การเป็นแบบอย่างในด้านความคิดเป็นส่วนสำคัญ พ่อแม่ไม่ใช่สอนอย่างเดียว แต่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะเด็กมักเลียนแบบมาจากครอบครัว หรือบางทีครอบครัวไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เขาอาจจะเลี้ยงดูลูกแบบไม่ได้ผูกพัน ความผูกพันไม่ค่อยมี ทำให้ลูกคิดเองเออเอง

“ถ้าเมื่อไหร่พ่อแม่เห็นว่าลูกมีความคิดประหลาดๆ หรือคิดต่างจากคนอื่นมากๆ หากยังเล็กๆ อยู่ หมอแนะนำให้พาไปพบจิตแพทย์ เพราะเด็กอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เช่น เป็นโรคอารมณ์แปรปรวน โรคจิต หรือมีอาการออทิสติกซ่อนอยู่ ทำให้เขามีความคิดประหลาดๆ และปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ค่อยได้ ถ้ายังเด็กพอแก้ไขได้ แต่ถ้าโตเกิน 18 ปีไปแล้วอาจจะยาก เพราะปกติบุคลิกภาพคนเราจะคงตัวตอนอายุ 18 ปีขึ้นไปแล้ว”
นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
อาจารย์ธรรมศาสตร์ไม่เห็นด้วยกรณีอั้ม โนโกะ เหยียบหนังสือ

ด้าน ผศ.ดร.นิตยา แก้วคัลณา อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยในกรณีอั้ม เนโกะ ลูกศิษย์ในคณะโพสต์ภาพเหยียบหนังสือหน้าอนุสรณ์ อ.ป๋วย อึ้งภากรณ์ ไว้ว่า
 
“ อาจารย์เห็นว่าไม่สมควรค่ะ ถึงแม้เขาจะคิดว่าหนังสือเป็นแค่วัตถุอย่างหนึ่ง แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ยังไงก็ไม่สมควร เขาไม่จำเป็นต้องแสดงออกว่าหนังสือไม่ได้มีคุณค่าใดๆ ไม่ควรไปเหยียบหนังสือแล้วโพสต์ทำท่าแบบนั้น เพราะทำแล้วก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองสูงขึ้น แต่กลับทำให้ตัวเองแย่ลง ถ้าเขามองว่ามันเป็นแค่กองหนังสือ ก็เป็นวิธีคิดที่ไม่เหมาะกับคนที่มีความคิด มีปัญญา มีวิจารณญาณ

“อาจารย์เป็นอาจารย์ประจำคณะเขา มักจะได้ข่าวว่าเวลาเขามีปฏิสัมพันธ์กับอาจารย์ที่เจอ หรือเจอเหตุการณ์ที่ไม่สมควร เขามักจะตอบโต้อาจารย์ด้วยคำพูดที่รุนแรง สิ่งที่เขาทำมีหลายเหตุการณ์และหลายวิธีการแล้ว คงจะพูดกับเขาตรงๆ ไม่ได้ คิดว่าคงต้องให้ระดับมหาวิทยาลัยดำเนินการกับเขาต่อไปค่ะ”

เชื่อว่ามหาภารตะครั้งนี้คงจะไม่จบลงง่ายๆ และคงจะมีบทใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ธรรมศาสตร์ยังมีนักศึกษาชื่อ “นายศรัณย์ ฉุยฉาย” อยู่ รวมถึงสโลแกนที่ว่า “เสรีภาพทุกตารางนิ้ว” ของธรรมศาสตร์ก็คงจะย้อนกลับมาทำร้ายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยน้ำมือของนักศึกษาคนเดิมนี้เอง

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE


กำลังโหลดความคิดเห็น