xs
xsm
sm
md
lg

เปิดศึก! ผ้าเหลืองดวลไมค์ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ปะทะ "พระเกษม"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยังคงเป็นเรื่องที่น่าติดตามกับกรณีคลิปของหลวงปู่พุทธอิสระ (พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม) แห่งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม พูดวิพากษ์วิจารณ์ถึง พระเกษม อาจิณณสีโล แห่งสำนักสงฆ์ป่าสามแยก จ.เพชรบูรณ์ ว่า ไม่รู้จริงเรื่องสมมติบัญญัติ กับปรมัตถ์บัญญัติ กลายเป็นปมปัญหาจุดชนวนให้เกิดศึกผ้าเหลืองดวลไมค์ชวนท้าทายทางธรรมที่มีการพูดถึงในวงกว้างขณะนี้

นับเป็นอีกข่าวพระที่เรียกเสียงฮือฮาให้แก่คนไทยในเมืองพุทธยุคนี้ไม่น้อย ซึ่งมีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย บางคนบอกว่าดี ช่วยยกระดับความรู้เข้าใจของผู้ฟังให้แตกฉานมากยิ่งขึ้น ในขณะที่บางคนกลัว และมองไปถึงความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายที่อาจเกิดขึ้นตามมา

เปิดศึกผ้าเหลืองร้อนยุค 2013

"..จะเรียกพระได้อย่างไร เพราะไม่รู้ว่าอะไรสมมติบัญญัติ อะไรปรมัตถ์บัญญัติ ทั้งที่คนทั้งโลกรู้ว่าพระพุทธรูปที่หล่อที่เคารพเป็นสัญลักษณ์พุทธศาสนา เกิดมาโลกไหน แสดงว่าไม่ใช่คนโลกนี้ ไม่ใช่ของจริง ลองเอาไมค์มาคนละตัว แล้วจะได้รู้ว่าฮาขนาดไหน อาตมาท้าชนได้ทุกรูปแบบ"

เป็นคำกล่าวตามด้วยคำท้าของหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ถึงพระเกษม อาจิณณสีโล แห่งสำนักสงฆ์ป่าสามแยกเมื่อครั้งแสดงธรรมประจำวันอาทิตย์ ณ ห้องปิ่นเกล้า สโมสรกรมแพทย์ทหารเรือ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า

หลังจากนั้นวันที่ 25 มิถุนายน 2556 มีผู้ใช้ชื่อ watpa samyaek (วัดป่าสามแยก) เผยแพร่คลิปทางยูทิ้วบ์ เขียนชื่อหัวข้อว่า "หลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล รับคำท้าดวลไมค์ กับหลวงปู่พุทธะอิสระ" ปรากฏภาพหลวงพ่อเกษม ยื่นอยู่ด้านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่ฉายภาพหลวงปู่พุทธะอิสระ กำลังแสดงธรรมซึ่งมีการพาดพิงหลวงพ่อเกษมอยู่ โดยพระเกษมรับคำท้า ที่ไหนให้บอกมา ยกเว้นวัดที่พระหาเงินสร้าง

"เตรียมตัวให้พร้อมนะน้อง เรื่องสถานที่ ซึ่งต้องไม่สร้างด้วยเงินของพระ หรือเงินบริจาคให้พระมาสร้าง หรือให้มาที่วัดนี้ก็ได้ เพราะไม่ได้สร้างด้วยเงินของพระทุกบาท ถ้าแน่ใจ ถ้ามีความรู้ให้มาประจันกันด่วน ถ้าพุทธะอิสระ มั่นใจว่ามีความรู้ ทั้งด้านสมมุติบัญญัติ และปรมัตถ์บัญญัติจริง โอเค รับคำท้ารีบนัดมา ด่วนเราก็ต้องการไปด่วน" คำพูดจากคลิปรับคำท้าของพระเกษม

กลายเป็นเรื่องที่พูดกันในวงกว้าง พอ ๆ กับกระแสข่าวพระด้วยกันเองอย่างข่าวอดีตพระอย่าง "มิตซูโอะ" และ "หลวงปู่เณรคำ" รวมไปถึงข่าวอื่น ๆ ที่ทำให้คนพุทธเกิดความทุกข์เพราะพระมากขึ้น แต่สำหรับประเด็นนี้ หลวงปู่พุทธอิสระยืนยันชัดเจนว่า ไม่ถือว่าเป็นการทะเลาะกัน ถือเป็นการดีเบตทางธรรมไม่ได้คิดเป็นศัตรูกัน ซึ่งการถกกันเรื่องธรรมนี้จะต้องจบอย่างสมบูรณ์ ไม่ให้ศาสนาบอบช้ำ

"สิ่งที่ท่านสอนมันถูกแค่บางช่วง โลกนี้ประกอบไปด้วยสมมติบัญญัติ ถ้ามัวแต่ยึดบัญญัติเดียว โดยที่ไม่ใส่ใจอีกบัญญัติ ก็ไม่น่าจะใช่ อย่างนั้นก็คงต้องแก้ผ้าเดิน เพราะผ้าที่สวมใส่เป็นสมมติบัญญัติ และการที่ไปไหว้ก็เป็นสมมติบัญญัติอีก ตอนเป็นอุปัชฌาย์ก็เป็นสมมติบัญญัติ ก็ต้องกราบพระพุทธรูป ไม่รู้ว่าท่านผ่านตรงนี้มาได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องถกกันยาว"

เช่นเดียวกับพระเกษม ที่ออกมายืนยันเช่นกันด้วยว่า จะถามแบบสุขุมและพูดแบบนักปราชญ์ ไม่ใช่อันธพาล และหากแพ้โต้กลางเวทีจะยอมรับ หรือจะให้ปิดวัดป่าสามแยกก็ได้

ศึกทางธรรม ต้องถกอย่างเป็นธรรม

แม้การดีเบตจะยังไม่เกิดขึ้น แต่การท้าดวล และรับคำท้าของพระทั้งสองรูป ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามถึงการดวลเพื่อให้โลกรู้ว่า ใครแน่ หรือเจ๋งกว่ากัน

กิตติศักดิ์ โถวสมบัติ สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ศิษยานุศิษย์ พุทธทาส ภิกขุ ในฐานะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนาให้ทัศนะต่อเรื่องนี้ผ่านทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ว่า ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะการถกธรรมหรือดีเบตกันทางธรรม ถือเป็นเรื่องที่ดี น่าสนับสนุน และถ้าจะเกิดประโยชน์จริงๆ ควรถกกันเพื่อให้เกิดความเห็นชัด เห็นแจ้ง ไม่ใช่อวดว่าใครเก่ง หรือไม่เก่ง แต่ถกกันเพื่อให้เกิด "ปัญญา" มากขึ้น

"ส่วนประเด็นที่อาจทำให้เกิดความแตกแยก คิดว่า ความแตกแยกในสังคมไทยทุกวันนี้ มันมีอยู่แล้ว ไม่ใช่ดีเบตกันแล้วต้องแตกแยกเสมอไป อีกอย่าง สังคมไทยก็มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอยู่แล้ว การถกกัน ดวลกัน เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน อย่างครั้งนี้ถ้ามีจริง ๆ คนก็จะได้รู้ว่า สมมติบัญญัติ กับ ปรมัตถ์บัญญัติ คืออะไร แต่ละฝ่ายให้ความสำคัญกับ 2 อย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร เป็นต้น" กิตติศักดิ์เผย

เช่นเดียวกับ ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก มองในประเด็นเดียวกันนี้ว่า เป็นเรื่องที่ดีถ้าชาวพุทธได้ประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อข่มกันเอง หรือถกเพื่อบี้อีกฝ่ายให้จมดิน รวมไปถึงการสำรวมที่ต้องมีหากมีการดวลกันเกิดขึ้น

"ส่วนตัวมองว่า เป็นการดีที่จะมีการดีเบต ซึ่งการดีเบตเป็น มุขปาฐะ (การบอกเล่าต่อ ๆ กันมา) ที่เป็นธรรมเนียมตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ทั้งในเถรวาท และวัชรยาน อย่างในทิเบต จะมีการปาฐกถาธรรม การเทศนา ในลักษณะที่มีพระ 2 รูป แล้วตั้งคำถามถกกันในประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้ประเด็นที่ผู้คนสงสัย เกิดความกระจ่างชัดขึ้นมา เพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา เปิดกว้างให้มีการถกกัน"

"แต่สำหรับครั้งนี้ โดยเนื้อหาแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเป็นสิ่งดี และถูกต้อง แต่วิธีการพูด หรือกิริยาท่าทางของทั้งสองฝ่ายก็ควรจะสงบตามแบบของพระด้วย แล้วถกกันในเนื้อหา ผมเชื่อว่า จะเป็นสิ่งที่ดี ไม่ผิดพระธรรมวินัย อีกอย่าง ปัญหาจะไม่เกิด ถ้าถกกันด้วยเหตุด้วยผล เปิดใจกว้าง พิจารณาความคิดเห็นของอีกฝ่าย"

ส่วนในมุมของพระสงฆ์ด้วยกันเอง ก่อนหน้านี้ มีออกมาให้ความเห็นผ่านสื่อด้วยกัน 2 ท่าน หนึ่งในนั้นคือ พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ (ไสว โชติโก) รองอธิการบดี มจร. ฝ่ายกิจการต่างประเทศ ที่กล่าวผ่านสื่อฉบับหนึ่งว่า ที่ผ่านมาอาจจะมีการถกเถียงกันแบบนี้เกิดขึ้น แต่อาจจะไม่ได้ผ่านสื่อ และจะมีการถกเถียงกันในเรื่องของหลักธรรมมากกว่า

ขณะที่ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี พระนักเทศน์ชื่อดัง กล่าวว่า อยากให้ถกกันในลักษณะของ ปุจฉาวิสัชนา มากกว่า ชาวบ้านก็จะรู้ลึก รู้จริงถึงแก่นพระธรรม พระที่พรรษาน้อย ๆ ก็พลอยได้ความรู้ไปด้วย แต่ถ้าหากการดีเบตกันแล้วเจาะจงจะบี้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้แพ้หรือจมดิน หรือมีชี้มือชี้หน้าใส่กันก็ดูไม่เหมาะสม เพราะต่างฝ่ายมีลูกศิษย์เยอะเหมือนกัน

ถ้าดวลกันจริง ต้องมี "คนกลาง"

อย่างไรก็ดี ถ้าการดีเบตเกิดขึ้นจริง "คนกลาง" ผู้ตั้งหัวข้อ และควบคุมสถานการณ์ในการดีเบต ถือเป็นคนสำคัญ ยิ่งต่างฝ่ายต่างขั้วมาเผชิญหน้ากันแล้ว ยิ่งจำเป็นต้องมีผู้กำหนดทิศทาง

"ถ้าปล่อยให้พระที่มีความเห็นตรงข้ามกันสุดขั้ว มาดวลกันเอง โดยไม่มีคนกลางคอยคุมทิศทาง อาจทำให้เรื่องบานปลายจนเกิดปัญหาตามมาได้ ซึ่งไม่เหมือนกับพระที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน และถกกันในประเด็นต่าง ๆ แบบนี้ คนกลางไม่ต้องมีก็ได้ ท่านสามารถคุยกันเองได้เลย แต่ถ้ากรณีนี้ปล่อยไม่ได้เด็ดขาด ต้องหาคนกลางที่เป็นกลางจริง ๆ และคุมสถานการณ์เก่งๆ เพราะจำเป็นต้องมีคนคนนี้ เพื่อให้การถกกันไม่บานปลาย ไม่ออกนอกเรื่อง" กิตติศักดิ์เสนอ

สอดรับกับมุมมองความคิดของ ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก ถ้ามีคนกลาง หรือผู้ดำเนินการในการดีเบตถือเป็นสิ่งดี เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดออกนอกประเด็น หรือพูดแรงเกินไป เช่น มีการพูดเรื่องส่วนตัว และโจมตีฝ่ายตรงข้าม จะได้มีคนช่วยดึงกลับมา

"การพูดโจมตี และพยายามบี้อีกฝ่ายให้จมดิน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่แล้ว และไม่อยากเห็นในการดีเบตของพระทั้งสองรูปนี้ด้วย" ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลกเผย พร้อมกับฝากถึงผู้ฟังว่า หากเกิดการดีเบตขึ้นจริง ควรทำจิตใจให้เป็นกลาง และเปิดใจรับฟังความเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วย

"ผู้ฟังต้องทำจิตใจให้เป็นกลางๆ ใช้หลักโยนิโสมนสิการ คือทำใจให้แยบคาย โดยทำใจให้เป็นกลาง ฟังเฉพาะเนื้อหา ถ้อยคำ เหตุผล อย่าไปเอาอารมณ์ เรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น อีกฝ่ายพูดจามีเหตุมีผล หรือมีที่ไปที่มาตามพระไตรปิฎก เราก็ต้องยอมรับ อย่าไปมีทิฐิมานะ คือ ดื้อรั้น อวดดี ถ้าทำได้แบบนี้ ถ้าจะมีการดีเบตขึ้นมาจริง ๆ ก็น่าจะมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะกับชาวพุทธทั้งหลาย"

ด้าน กิตติศักดิ์ ในฐานะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา ก็ฝากถึงผู้ฟังไว้ด้วยเช่นกัน

"คนฟัง เราต้องยอมรับว่า มี 3 ฝ่าย ฝ่ายหลวงปู่พุทธอิสระ ฝ่ายหลวงพ่อเกษม และฝ่ายที่ไม่เอาฝักเอาฝ่าย แต่สิ่งที่อยากจะฝากก็คือ ต่อให้มีธงในใจอยู่แล้วว่า เราเห็นด้วยกับฝ่ายนี้ หรือไม่เห็นด้วยก็ตาม การเปิดใจฟังอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ดี แต่เรื่องนี้ทำได้ยาก และยังไม่เกิดขึ้นในสังคมไทยเท่าไร แต่ในสังคมฝรั่ง เขาเปิดใจรับ ถกกันด้วยเหตุด้วยผล ดังนั้น ถ้ามาฟังพระทั้ง 2 ท่านดีเบตกัน การมีธงในใจไม่ผิดครับ แต่มาฟังอีกฝั่งหนึ่งด้วยว่าเขาว่าอย่างไร ไม่ใช่ไม่ฟัง มันไม่ได้ครับ ถ้าต้องการหาทางออก ก็ต้องฟัง และคิดตาม อย่างน้อย ๆ ก็ได้รู้ถึงสาเหตุปัจจัยของปัญหา"

ล่าสุด มีรายงานข่าวจากศูนย์ข่าวอาร์เอสยูนิวส์ (1 ก.ค.56) ว่า ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตสมาชิกวุฒิสภา เสนอตัวจัดเวทีปุจฉา วิสัชนาธรรม ให้หลวงปู่พุทธะอิสระ-หลวงพ่อเกษม ทั้งยังเป็นตัวกลางตั้งประเด็นให้ด้วย หากพระทั้ง 2 รูปพร้อมเมื่อไหร่ก็สามารถติดต่อผ่านทางสถานีอาร์เอสยู วิสดอม ทีวี (RSU Wisdom TV) ได้ทันที

หลากเสียงของชาวพุทธยุคไซเบอร์

ไม่เพียงแต่ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา และนักวิชาการด้านปรัชญา-ศาสนาแล้ว ยังมีความเห็นของชาวพุทธยุคไซเบอร์ที่น่าสนใจอีกจำนวนไม่น้อย โดยทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ขออนุญาตหยิบยกความคิดเห็นบางส่วนมานำเสนอให้พิจารณาดังนี้

"คิดว่าดี เป็นการปรารภธรรม ประชาชนได้ประโยชน์ แต่ประชาชนเองควรหาความรู้และศึกษาเกี่ยวกับพระธรรมวินัยในพระไตรปิฎกล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นจะแค่ได้ฟังและความรู้ในธรรมเพียงผิวเผิน และถ้าไม่มีข้อมูลในปัญญาของตนอาจฟังไม่เข้าใจ(ในรายที่ไม่เคยแม้แต่จะทำความเข้าใจในธรรมเลย ประเภทที่แม้แต่พระธรรมสักเล่มไม่เคยอ่าน) ควรมีความรู้บ้างก่อนจะไปฟังทั้งสองท่านปรารภธรรม" คุณ Phim Anna Lim

"ถกเพื่อให้รู้ว่าใครรู้ดีกว่ากันใช่ไหม ไม่อยากดูพระทะเลาะกันครับ มันเสื่อม ถ้าเปลี่ยนเป็นพระผู้รู้ทั้ง 2 รูปถกกันเพื่อให้ปัญญาแก่ผู้ฟังนี่สิ จะดีมากๆๆ" คุณ เลิกนิ่ง เอาจิงละ

"ถ้าท่านยึดพระธรรมวินัย เป็นกรอบ ไม่ใช่ยึดความคิดเห็นส่วนตัว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรขัดแย้งกันได้ แต่ถ้าเป็นความคิดเห็นส่วนตัว หรือตีความพระธรรมวินัยเกินเลยไปจากพุทธวจน เรื่องยาวแน่ และไม่ได้ประโยชน์กับศาสนิก ส่วนตัวเคยฟังแต่หลวงปู่พุทธอิสระ แต่ไม่เคยฟังพระอาจารย์เกษมนะครับ ขอให้ความเห็นแค่นี้..." คุณ Soonthorn Kaewlai

"อยากให้ดวลกันแบบสร้างสรรค์ ประสาพระ เป็นปุจฉา-วิสัชนา แสดงภูมิ แสดงสิ่งที่ควร เพราะเชื่อว่าไม่มีใครถูกและไม่มีใครผิด เพราะล้วนเป็น สมมติบัญญัติ ทั้งนั้น อยากให้มีครับ แต่มีอย่างไรให้ออกมาอย่างเหมาะสมกับ สมณเพศ" คุณ Virachit Thiangcham

"ถ้าปุจฉา-วิสัชนา กันอย่างมีหลักการ (ยึดหลักคำสอนอย่างแท้จริง) ผมก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไร นะ เพราะปัจจุบันหลายคนมีความเคลือบแคลงในความประพฤติของสมณเพศหลาย ๆ รูปอยู่พอสมควร การไม่ทำอะไรเลยปล่อยไปเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นจุดจบของศาสนาพุทธ (ซึ่งก็คล้าย ๆ กับประเทศไทยตอนนี้แหละ)" คุณ Nijmos Gnoskokaihp

ส่วนที่ไม่เห็นด้วย ก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันไป

"ถ้ามีการจัด ใครเป็นคนตัดสินว่าบุคคลนี้ถูก บุคคลนี้ไม่ถูก..เพราะทุกคนก็อ่านตำรามาเหมือนๆกัน "มันต่างเพราะความคิดเห็นคนละแง่แค่นั้นเอง"....สาธุ...." คุณ Phra Paisarn Kitivisaso

"ไม่ควรจัดครับจะเป็นโลกวัชชะ" คุณ Chettapong Sang-in

"ผมไม่ทราบว่าแล้วมันจะได้อะไร จากพระ 2 รูปนี้การที่จะตัดสินว่าพระรูปนั้นรูปนี้ ผิดพระวินัย ต้องอยู่ที่มติของสงฆ์ แต่การที่ทั้ง2รูปจะออกมาโต้กันครั้งนี้มีแต่เปิดแผล ให้ศาสนาอื่นมาโจมตีศาสนาพุทธเราให้มัวหมองเท่านั้นเอง ขออโหสิกรรมด้วยครับ" คุณ Kometh Praditsuwan

"คนจัดต้องการอะไรหรือ...คิดดีแล้วใช่ไหมครับ" คุณ Chollathee Kongnarn

"ไม่ครับ โอกาสเกิดความแตกแยกสูง" คุณ Lei Archangelus Fulminis

"มวยถูกคู่ แต่เป็นมวยที่ไม่น่าดู น่าเชียร์แม้แต่น้อย วัดใครวัดมันเถอะท่าน ทุกวันนี้ชาวพุทธก็เอือมระอาข่าวพระเต็มทนแล้ว" คุณ Rachaya Rukpathum

"ไม่เห็นด้วยค่ะ พระควรละโทสะโมหะ ใครดีหรือชั่ว ชาวพุทธถ้าศึกษาธรรมะคําสอนของพระพุทธเจ้าจะมีปัญญาว่าพระไหนดีชั่ว เดี๋ยวพระทะเลาะกัน ลูกศิษย์ก็ของขึ้นหรอก" คุณ Patumtip Wongphayabal

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าศึกดีเบตทางธรรมระหว่าง "หลวงปู่พุทธะอิสระ" กับ "พระเกษม" จะเกิดขึ้นหรือไม่ การดวลไมค์จะเป็นคำพูดแบบอารมณ์ขำ ๆ อย่างที่หลวงปู่พุทธะอิสระเอ่ยเอาไว้หรือเปล่า โปรดติดตามด้วยความระทึกกันต่อไป แต่สิ่งที่พระสงฆ์ และชาวพุทธทุกคนควรมีให้มาก ๆ ก็คือ "สติ" เพราะสติมา ปัญญาเกิด การไม่มีสติคือหายนะทั้งในทางโลก และทางธรรม จริงหรือไม่ก็พิจารณาดูกันเอาเองเถิด..

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE


ภาพจากคลิป : พระเกษมรับคำท้าดวลไมค์กับหลวงปู่พุทธะอิสระ
กำลังโหลดความคิดเห็น