xs
xsm
sm
md
lg

“หลวงปู่พุทธอิสระ” จวก ดร.สนอง หัวหน้าซ่องโจร เตรียมฟ้องพระคณะปกครองกรณีหลวงปู่เณรคำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครปฐม - หลวงปู่พุทธอิสระออกแถลงการณ์การผิดวินัยสงฆ์ของหลวงปู่เณรคำ พร้อมชี้ “ดร.สนอง” ทำเป็นขบวนการปั่้นอรหันต์ เผยพระเถระ และเจ้าคณะปกครองออกมาช่วยป้องเณรคำให้ดูเรื่องเบาลง เตรียมทนายฟ้องศาลปกครองเอาผิดเจ้าคณะปกครอง และมีฟ้องอาญา รอทนายดำเนินการรับการฟ้องจากฝั่งตรงข้ามเช่นกัน ส่วนกรณีพระเกษม ขอจบเรื่องใหญ่ได้ดีเบตกันแน่

วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลวงปู่พุทธอิสระ เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ กรณีความเคลือบแคลงในสังคมเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำ แห่งวัดป่าสันติธรรม ที่ปรากฏภาพนั่งเครื่องบินเจ็ต และถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม ขณะยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าหลวงปู่เณรคำ จะเดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศสเมื่อไหร่ โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่พุทธอิสระเกือบ 1,000 คน ที่เข้ามาทำบุญ และปฏิบัติธรรมร่วมฟังการแถลงข่าวไปพร้อมกัน

โดยหลวงปู่พุทธอิสระ ได้นำเอกสารที่ได้เรียบเรียงไว้กว่า 4 หน้ากระดาษ ออกมาแถลงโดยมีหัวข้อว่า “อรหันต์โปรโมชันแปลงร่างเป็นอรหอย ใครเป็นผู้ทำให้เกิดอรหันต์เณรคำ” โดยมีใจความว่า ต่อไปนี้เป็นคำพูดจากปากอรหอยที่พิมพ์จากหนังสือ เพชรน้ำหนึ่ง หน้า 402 ความว่า “เราได้ทำให้แจ้งแล้วซึ่งความหลุดพ้น ได้ทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน สงบแล้วจากกกิเลสแล้ว สงบจากวิบากกรรรมแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว ชาติภูมิการเวียนว่ายตายเกิดในเราไม่มีอีกต่อไป ชาติปัจจุบันนี้เป็นชาติสุดท้ายที่เพียงพอต่อการเวียนว่ายตายเกิด ภพชาติการเกิดจึงยุติแต่เพียงเท่านี้” (จากหนังสือเพชรน้ำหนึ่ง หน้า 402)

“และจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ปรารถนาเพียรอย่างหนักหน่วงตลอด 7 วัน 7 คืน นับจากวันที่ 25 ธันวาคม จนถึงวันสุดท้าย ได้เกิดดวงตาเห็นธรรมอันพ้นโลก ตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม เวลาตี 2 เป็นคืนอัศจรรย์ยิ่งนัก ที่ผลแห่งการสร้างสมบุญบารมีมาหลายภพหลายชาติ มาในครั้งนี้การทำความเพียรภาวะที่ได้ทำให้แจ้งแล้วซึ่งนิพพาน สงบจากกิเลสแล้ว สงบจากวิบากกรรมแล้ว พรหมจรรย์ของเราอยู่จบแล้ว ชาติภูมิการเวียนว่ายตายเกิดในเราไม่มีอีกต่อไป ภาพชาติการเกิดจึงยุติแต่เพียงเท่านี้”

“ค่ำคืนนั้นเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันสูงยิ่งแห่งบรมพระศาสดา พร้อมเหล่าอรหันต์สาวกจำนวนมากได้เสด็จมาทางอากาศ ในนิมิตที่สามเณรวิรพลได้เห็นภาพเสด็จมาบิณฑบาตเป็นทิวแถวยาว พระพุทธองค์เสด็จนำหน้า พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และเหล่าอรหันต์มากมาย ตลอดจนคณะธรรมสายปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ดับขันธ์เข้าพระนิพพานไปแล้ว ต่างได้มาปรากฏ เดินมาในขบวน สามเณรวิรพลจึงได้ยกมือไหว้ พระพุทธองค์ท่านมีเมตตา แย้มโอษฐ์ที่มุมปากเล็กน้อย นี่เธอ ขึ้นมาสะพายบาตรของเธอสิ จงเดินเข้าแถวต่อท้ายเราแล้วไปบิณฑบาตด้วยกัน” (ถอดมาจากหนังสือเพชรน้ำหนึ่ง หน้า 103-104 บรรยายโดยอรหอย)

เมื่อหลุดพ้นวิเศษศักดิ์สิทธิ์เห็นปานนี้ ขนาดอ้างว่าพระพุทธเจ้ามาชวนเดินบิณฑบาตร่วมแถวด้วย แล้วก็ยังมีคำสำรากอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตนออกมารอดหูชาวบ้านในที่ต่างๆ เป็นระยะทางมายาวนานกว่า 10 ปี จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านหลงเชื่ออย่างงมงาย จนไม่ลืมหูลืมตา แล้วทำไมกระทำตนต่ำทราม ตรงกันข้ามกับที่พูดอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังตีน อย่างที่พฤติกรรมปรากกฏออกมามากมาย และยังมีที่ไม่ปรากฏอีก เช่น การ ขี่สกูตเตอร์ งมน้ำดำหอย เป็นต้น

จนทำให้เสียหายต่อสถานะของพระอรหันต์ ซึ่งเป็นที่สูงสุดของพระพุทธศาสนา และพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดา จนเป็นที่คลางแคลงเสื่อมศรัทธาของผู้ใหญ่ ผู้มีปัญญาอ่อนด้อย และผู้ไม่มีประสบการณ์ทางวิญญาณในการเข้าถึงพุทธรรม อีกทั้งยังจะเป็นที่ดูถูกเหยียดหยามของคนนอกศาสนาด้วย ตัวอย่างเช่น การ์ตูนล้อเลียนพระสงฆ์ไทยที่ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก หลังจากกรณีพฤติกรรมอื้อฉาวของอรหอยปรากฏในโลกออนไลน์อย่างเสียๆ หายๆ ไม่ทราบว่าพวกเจ้าคณะปกครอง และมหาเถรฯ ได้มีความรู้สึกอะไรบ้างรึเปล่า หรือพวกท่านบรรลุได้หมดแล้ว

สิ่งเหล่านี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากไม่มีขบวนการปั่นอรหันต์ ที่กระทำโด ดร.สนอง วรอุไร และพวก ซึ่งพวกเขามีการแสร้งเข้ามาพยายามเพื่อช่วยเหลือกิจกรรมพระศาสนาด้วยการเผยแผ่บรรยายธรรมแก่บุคคลทั่วไปในสถานที่ต่างๆ เริ่มต้นจากการไปตีสนิทกับพระผู้มีชื่อเสียง ให้เป็นที่รู้จักคุ้นเคยของศิษย์ยานุศิษย์ของพระดังนั้น แล้วก็ผันตัวเองเป็นผู้รู้ธรรม จนเป็นที่ยอมรับของบุคคลรอบข้างพระองค์นั้นๆ

แม้แต่ฉันเองเขาก็เคยเทียวไปเทียวมาอยู่หลายครั้ง เมื่อสร้างความคุ้นเคยเชื่อมั่นได้แล้ว ก็พยายามพูดอวดตนว่าเป็นพระอริยเจ้าระดับโสดาบัน คนผู้นี้ไม่ว่าจะไปอยู่ที่แห่งใด ก็จะพยายามพูดกรอกหูผู้อื่นว่า ตนเป็นผู้บรรลุธรรม และเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้มีญาณทัสสนวิสุทธิ เมื่อเห็นว่ามีผู้ศรัทธาได้ที่ก็พยายามยกบุคคลผู้หนึ่งขึ้นเป็นผู้วิเศษ ดั่งคำโปรโมตของพระโสดาบัน และแล้วก็ถึงเวลานำตัวละครสำคัญออกมาเปิดตัว พร้อมกับโต้โผนำอรหันต์ไปโปรโมตออกเดินสาย สร้างความหลงเชื่อในจังหวัดต่างๆ และ ดร.สนอง กับพวกจะได้อะไรในช่วงนั้นก็ไม่อาจคาดเดา แต่รู้แน่นอนว่าตอนจบจะได้ขึ้นศาล

หลวงปู่เณรคำต้องอาบัติอะไร

ปาราชิก เพราะอวดอุตริมน์สสธรรมที่ไม่มีในตัวตน (ปาริชิกกัณฑ์ ที่ 14 )

ปาจิตตีย์ เพราะโกหก (มุสาวาทวรรค วรรคที่ 1 )

ปาฏิเทสนียะ เพราะรับและยินดีในเงินทอง (ปาฎิเทสนียะ สิกชาบทที่ 1)

ทุกกฎ เพราะไม่มีสมณสารูป และโลกะวัช ทำชาวโลกติเตียน (เสขิยกัณฑ์ หมวดสารูป)

ส่วนปาราชิกข้อที่เสพเมถุน แม้จะมีรูปนอนผู้กับผู้หญิง แต่ต้องรอการพิสูจน์ แต่หากมีบุคคลควรเชื่อได้มากล่าวโจทย์ด้วยอาบัติอะไร เช่น ปาราชิก สังฆาทิเสส หรือถุลลัจจัย ก็ให้ปรับอาบัตินั้น ข้อนี้อยู่ในสิกขาบทที่ว่าด้วยอนิยตกัณฑ์ สิขาบทข้อที่ 1 อีกทั้งยังผิดจรรยาเพราะบวชชาวบ้านโดยยังไม่มิได้อุปัชฌาย์ (ผิด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 42) ผู้ใดมิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ หรือถูกถอดถอดจากความเป็นอุปัชฌาย์ ตามมาตรา 23 แล้ว กระทำการบรรพชาอุปสมบทแก่บุคคลอื่น ต้องระวางจำโทษคุกไม่เกินหนึ่งปี แล้วหลวงพ่อปานขาว ซึ่งมีสถานะเป็นถึงเจ้าอาวาสวัดไทยในฝรั่งเศส เป็นถึงพระครูฝ่ายวิปัสสนา เป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมาย ไม่รู้หรือไงถึงอนุญาตได้ หรือให้ไอ้อรหอยนั่งอุปัชฌาย์ได้ ท่านเป็นเจ้าพนักงานแต่ปล่อยให้ไอ้อรหอยมันสวมเขาให้ น่าอายนัก

เช่นนี้แล้ว เจ้าคณะผู้ปกครองยังคงต้อวรออรหอยกลับมาอีกทำไม เพราะหลักฐานมันชัดขนาดนี้ หรือว่ารอมันกลับมาจ่ายเงินงวดสุดท้าย ถวายรถอีกคัน

เรียนท่าน คณะพระสังฆธิการ ผู้มีหน้าที่ดูแลปกครองคณะสงฆ์ในจังหวัดศรีสะเกษทราบ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล พวกท่านเป็นเจ้าคณะปกครอง ออกมาให้สัมภาษณ์กล่าวอ้างว่าเข้าไปที่สำนักนี้บ่อยๆ ท่านไม่รู้หรือว่าสำนักนี้มันเถื่อน แถมยังทำผิดเห็นๆ โดยขึ้นป้ายสำนักว่า วัดป่าขันติธรรม เพื่อหลอกลวงชาวบ้านให้หลงเชื่อว่าเป็นวัด หรือพวกท่านก็รู้เห็นเป็นใจด้วยต่อการแสดงที่ทั้งเถื่อนแต่แสร้างทำถูก นี่เป็นความบกพร่องข้อที่ 1

พวกท่านเข้าๆ ออกๆ ในสำนักเถื่อนนี้เป็นประจำ พวกท่านไม่รู้หรือไงว่าเจ้าสำนักมีประวัติความเป็นมาอย่างไร เวลาที่มีผู้ถูกถามท่านจึงโยนกันไปกันมาใครเป็นอุปัชฌาย์ ทั้งที่มันเป็นความรับผิดชอบของพวกท่าน พวกท่านเป็นเจ้าคณะปกครองตามระเบียบคณะสงฆ์ วัดต่างๆในเขตปกครอง จะต้องทำบัญชีแจ้งยอดรายรับรายจ่ายประจำปีให้แก่เจ้าคณะปกครอง พวกท่านเข้าออกสำนักนี้มาเป็นสิบปี ทำไม่ไม่ทวงถามถึงบัญชีรายรับรายจ่ายที่ต้องส่งตามระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ นี่ถือว่าเป็นความบกพร่องข้อที่ 2

พวกท่านไม่เคยได้รู้ได้เห็น ได้ยิน ต่อพฤติกรรมที่จะละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ ตั้งแต่อาบัติอย่างหนัก อาบัติอย่างกลาง และอาบัติอย่างเบา ของเจ้าสำนักเถื่อนแห่งนี้เลยหรือ หรือว่าลาภสักการะมันปิดตาบังใจพวกท่าน จนทำให้พวกท่านหลงลืมคำสอนของพระบรมศาสดา ว่าภิกษุเมื่อรู้เห็นเพื่อภิกษุด้วยกันละเมิดวินัย จะด้วยเจตนาหรือไม่ ต้องกล่าวตักเตือนด้วจิตที่หวังดีและเอ็นดู นี้เป็นข้อบกพร่องที่ 3 (หากไสามารถกล่าวตักเตือนจะต้องอาบัติปาจิตตีย์ สัปปาณวรรค สิกขาบทที่ 4 )

พวกท่านไม่รู้หรือไงว่า ภิกษุรับเงินทองด้วยความยินดี ต้องอาบัตินิสสัคคปาจิตตีย์ ต้องสละของนั้นจึงจะปลงอาบัติ แล้วยังมีหน้าออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ที่อรหันต์ถวายเป็นชื่อของอาตมาเอง ทั้งที่ตนมีสถานะเป็นถึงเจ้าคณะภาค แล้วจะไปปกครองผู้อื่นได้หรือ หากผู้ปกครองไม่รู้จักความละอาย เมื่อมีเรื่องฉาวต่อพระพุทธศาสนา และกระเทือนต่อศรัทธาของพุทธบริษัท แทนที่พวกท่านจะออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา พระธรรมวินัย พวกท่านกลับออกมาให้สัมภาษณ์ปกป้องพวกมารศาสนาอย่าเอาสีข้างเข้าถู ยกย่องลาภสักการะมากกว่าพระธรรมวินัย

เงิน และรถมันคงบังหูตาของท่านอยู่ ท่านจึงได้พยายามปกป้อง ทั้งที่ความผิดมันชัดเจน แทนที่พวกท่านจะดำเนินตามวิถีทางการระงับอธิกรณ์ เพราะเรื่องทั้งหมดเป็นอนุวาทาธิกรณ์ เป็นเรื่องของศีลวิบัติ อาจารย์วิบัติ และอาชีววิบัติ เมื่อจำเลยไม่อยู่ หรือไม่ยินยอมมาให้พิจารณาคดี พระบรมศาสดาก็ทรงให้ใช้ตัสสปาปิยสิกา คือการลงโทษแก่ผู้กระทำผิด มี 5 องค์ คือ เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ เป็นผู้ไม่ละอาย เป็นผู้มีโจทก์ฟ้อง ให้สงฆ์ลงมติลงโทษ และลงโทษโดยหลักธรรมวินัย แล้วยังมีประกาศแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่มที่ 3 ตอนพิเศษ มาตรา 15 ตรี และมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ข้อ 3 ความว่า

(1) ในกรณีพระภิกษุรูปใดประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเรื่องเดียวกัน หรือหลายเรื่องเป็นอาจิณ ให้เจ้าอาวาสซึ่งภิกษุนั้นสังกัดอยู่หรือพำนักอาศัยมีอำนาจ หน้าที่ แนะนำ ชี้แจงตักเตือนให้พระภิกษุนั้นประพฤติตามพระธรรมวินัยเป็นลายลักษณ์อักษรโดยกำหนดให้ปฏิบัติหน้าที่ หากพระภิกษุนั้นไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ชี้แจง ตักเตือน ภายในเวลาที่กำหนด ให้เจ้าอาวาสซึ่งพระภิกษุนั้นสังกัดอยู่รายงานโดยลำดับ จนถึงเจ้าคณะอำเภอสังกัด เพื่อวินิจฉัยให้สละสมณเพศต่อไป

กระบวนการทั้งหมดนี้ พวกท่านที่เป็นเจ้าคณะปกครองได้กระทำแล้วหรือยัง หากยังถือว่าพวกท่านละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมันจะเข้าข่าย “ผู้บังคับบัญชารูปใดไม่จัดการลงโทษผู้อยู่ในบังคับบัญชาที่ละเมิดจริยา หรือจัดการลงโทษโดยไม้สุจริตถือว่า ผู้บังคับบัญชารูปนั้นละเมิดจริยา”

โทษฐานละเมิดจริย

1.ถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่

2.ปลดจากตำแหน่งหน้าที่

3. ตำหนิโทษ

4. ภาคทัณฑ์

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะทำร้าย หรือทำลายใคร แต่ต้องการคงรักษาไว้ซึ่งพระสัจธรรมอันบริสุทธิ์ บริบูรณ์ มีประโยชน์ทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด หากผมไม่กระทำก็อาจเข้าข่ายได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีจิตเมตตา หวังดี เอ็นดู ก็ถือว่าผิดพระวินัยต้องอาบัติเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพราะผมต้องการจะรักษาตัวเอง แต่สิ่งที่ผมรักและต้องการรักษาด้วยชีวิต คือ พระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราฉะนั้นไม่ว่าไอ้อี และมันผู้ใด บังอาจมาทำให้พระธรรมวินัยมีมลทิน เป็นข้อกังขาต่อมหาชน ผมจะสู้กับมันแม้นชีวิตจะหาไม่ก็ตาม

พระพุทธอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ)

29 มิถุนายน 2556

(อาตมามิใช่เจ้าอาวาสนะจ๊ะ)

จากนั้น หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีทนายอาสาจะดำเนินการให้ในเรื่องการฟ้องไปยังศาลปกครองเพื่อฟ้องร้องต่อเจ้าคณะปกครอง ฐานละเลยและเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะฟ้องทางอาญาด้วย ด้วย ดร.สนอง วรอุไร จัดว่าเป้นพวกซ่องโจร รวมตัวกันเพื่อปันอรหันต์ และทราบว่าตอนนี้ ทางนั้นหลวงปู่เณรคำ มีลูกศิษย์ ได้รวมเงินกันเพื่อจะจ้างทนายระดับประเทศจะมาฟ้องร้องซึ่งตอนนี้ก็รับทราบ และเตรียมตัวรอแล้ว และมีทนายอาสาจะเข้ามาช่วย ตอนนี้ก็เตรียมขายพริกในวัดมาใช้จ้างทนาย

และเรื่องนี้ต้องฝากสื่อมวลชนต้องช่วยกันติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และที่มีลูกศิษย์เป็นห่วงจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ มาดูแล ยืนยันว่าฉันมาคนเดียวอย่าให้ใครต้องเดือดร้อน ฉันตั้งใจคิดคนเดียว ทำคนเดียว ที่เหลือก็ขอให้เป็นกำลังใจให้กันไม่อยากให้ลูกศิษย์เคลื่อนไหวอะไร ทางกฎหมายก็ว่ากันไป

วันเดียวกัน นายวรัญชัย โชคชนะ ประธานกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทย ได้แจ้งว่า ทางกลุ่มได้มีหนังสือเรียกยืนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)แล้ว มี 3 เรื่อง คือ 1.ให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ สอบสวน และลงโทษการกระทำความผิดของหลวงปู่เณรคำทันที 2.ให้กองปราบตรวสอบโดยด่วน พร้อมทั้งอออกหมายเรียก และออกหมายจับทันที ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ถ้าหากพบการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา 3.ให้ ปปง.ออกหมายอายัดทรัพย์และเงินสดในธนาคารทุกแห่งทันที พร้อมผู้ร่วมขบวนการทุกคน พร้อมทั้งยึดทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ หากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปจะมีการยักย้าย ถ่ายเท ปิดบัง ซ่อนเร้น เงินทอง และทรัพย์ต่างๆ ซึ่งจะยากต่อการตรวจสอบ

ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธอิสระ ได้กล่าวถึงกรณีหลวงพ่อเกษม แห่งสำนักป่าสามแยก จ.เพชรบูรณ์ ว่ายังไม่ลืมนัดถกปัญหาทางธรรมกัน แต่ขอจบเรื่องนี้ก่อน และกำลังจะจัดสถานที่ให้ บอกหลวงเฮียไม่ต้องกลัว ยังยืนยันจะถกปัญหาด้วยแน่ ถือเป็นการดีเบทตทางธรรมไม่ได้คิดเป็นศัตรูกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น