xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นเตรียม “จัดหนัก” หวังเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอีกเท่าตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฯชินโสะ อะเบะ ชิมบ๊วยดองจากเมืองคิชู เพื่อช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเสนอแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวล่าสุด โดยจะขยายแหล่งท่องเที่ยวไปยังเมืองขนาดเล็ก รวมทั้งเพิ่มจำนวนร้านค้าปลอดภาษีอีก 3เท่าตัว

รัฐบาลญี่ปุ่นจะใช้การท่องเที่ยวเป็นยุทธศาสตร์หลักอย่างหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นจำนวน 20ล้านคนภายในปีค.ศ.2020 และคาดหวังให้นักท่องเที่ยวมียอดการใช้จ่าย 4ล้านล้านเยน หรือเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปริมาณปัจจุบัน

นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ได้ไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆของญี่ปุ่น โดยระบุว่าจะสนับสนุนให้ขยายการท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่มายังพื้นที่รอบนอกมากขึ้น นอกจากนี้จะมีการเพิ่มจำนวนร้านจำหน่ายสินค้าอีก 3 เท่าตัว หรือราว 2หมื่นร้าน โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเมืองใหญ่

หนึ่งในพื้นที่เป้าหมายที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้การส่งเสริมการท่องเที่ยว คือ เกาะชิโกกุ ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น โดยรัฐบาลจะสร้างระบบรับรองตราสัญลักษณ์ของสินค้าที่ผลิตในพื้นที่เกาะชิโกกุ เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน

รัฐบาลญี่ปุ่นยังมีแนวคิดจัดสร้าง “ถนนสายช็อปปิ้ง” โดยจะรวมร้านค้าปลอดภาษีไว้ด้วยกัน และจะให้นักท่องเที่ยวสามารถรวมยอดซื้อสินค้าจากหลายร้านได้ ซึ่งเป็นการขยายสิทธิ์จากในปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวจะต้องซื้อสินค้าในร้านค้าเดียวกันและวันเดียวกัน ขั้นต่ำ 5,000 เยน และสูงสุดไม่เกิน 500,000เยน

นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจะพัฒนาระบบขนส่งคมนาคม รวมทั้งโรงแรมที่พักในเขตนอกเมืองใหญ่ รวมทั้งจะร่วมมือกับบริษัทบัตรเครดิตของต่างประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถนำบัตรเครดิตที่ออกในประเทศตนเอง มากดเงินสดที่ญี่ปุ่นได้สะดวกมากขึ้น

แผนสนับสนุนการท่องเที่ยวฉบับล่าสุด ยังหวังเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว โดยจะปรับปรุงสกีรีสอร์ตให้มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น

ในส่วนของการผ่อนคลายเงื่อนไขวีซ่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดทางให้ชาวบราซิลสามารถขอวีซ่าประเภทเข้า-ออกหลายครั้ง หรือ multiple-entry visas ได้ในเดือนนี้ รวมทั้งอาจพิจารณาให้สิทธิ์เดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยปลอดวีซ่ากับชาวอินโดนีเซียด้วย

ทั้งนี้ในปี 2014 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นมากถึง 13.41ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 30% จากปีก่อนหน้า.
กำลังโหลดความคิดเห็น