กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งเรื่องของ “แร่ใยหิน” ที่มีการรณรงค์ยกเลิกการใช้แร่นี้มานานหลายปี หลังมีข้อมูลรวมถึงงานวิจัยที่ระบุว่า แร่ใยหินอาจเป็นสาเหตุของมะเร็งและโรคปอด แต่อย่างไรก็ดี ในประเทศไทยก็ยังคงมีการนำเข้าเพียงแต่ลดปริมาณลง เนื่องจากผู้ผลิตบางส่วนได้เปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบอื่นแทนแร่ใยหิน แต่บางกลุ่มยังยืนยันว่าแร่ใยหินนั้นมีคุณสมบัติดีที่สุดและมีราคาถูกกว่าวัสดุทดแทนนั่นเอง
แร่ใยหิน หรือ Asbestos เป็นแร่ธรรมชาติมีผลึกเป็นเส้นใยยาว มีคุณสมบัติ ทนกรด ทนความร้อน ทนไฟ ทนสารเคมี แข็งแรง เหนียว และยืดหยุ่นได้ดี เมื่อนำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ จะทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน ทนความร้อนได้ดี ถึงแม้จะมีคุณสมบัติที่เอื้อให้เกิดประโยชน์หลายประการ แต่แร่นี้ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ด้วย ปัจจุบันในประเทศพัฒนาแล้วอย่าง สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอเมริกา ได้ประกาศห้ามนำเข้าและยกเลิกการใช้แร่นี้
ส่วนในไทย มติครมเมื่อ. 12 เม.ย. 54 ได้เห็นชอบให้ยกเลิกการใช้สินค้าและการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหินไครโซไทล์ แต่อย่างไรก็ตามได้ยืดระยะเวลาการบังคับใช้ออกไปอีก 3-5 ปี ก่อนจะยกเลิกการผลิต และการนำเข้าอย่างถาวร
ผลิตภัณฑ์ใกล้ตัวที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบได้ แก่กระเบื้องมุงหลังคาแบบลอนลูกฟูก ท่อระบายน้ำ กระเบื้องปูพื้น ฝ้าเพดาน ฝาผนัง ฉนวนกันความร้อน ผ้าเบรก ผ้าคลัตช์รถยนต์ ท่อน้ำร้อน หม้อไอน้ำ พลาสติกขึ้นรูปต่าง ๆ ฯลฯ
ซึ่งถ้าหากได้รับฝุ่นและละอองของแร่ใยหินเข้าสู่ร่างกายจนสะสมในปริมาณมาก ก็จะทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับปอด อาทิ ปอดอักเสบ เนื้องอกในเยื่อหุ้มปอด น้ำในเยื่อหุ้มปอด รวมถึงมะเร็งปอด มะเร็งเยื่อหุ้มปอดและเยื่อบุช่องท้อง