เครือข่ายทีแบน แฉ! สปอตโฆษณาวิทยุพิลึก สวนมติ ครม.บอกแร่ใยหินไม่อันตราย ชี้ ละเมิดสิทธิผู้บริโภค วอนระงับทันทีและรับผิดชอบสังคม ด้านสภาที่ปรึกษาฯ ส่งหนังสือ ครม.เพิ่มมาตรการป้องกันสุขภาพจากแร่ใยหิน เร่งยกเลิก 5 ผลิตภัณฑ์ เพิ่มมาตรการป้องกันผลกระทบรื้อถอน
ศ.เมธี ดร.สุปรีดิ์ วงศ์ดีพร้อม ประธานคณะทำงานการพัฒนาคุณภาพชีวิต สาธารณสุข และคุ้มครองผู้บริโภค สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) กล่าวว่า จากการที่ สป.โดยคณะทำงานการพัฒนาคุณภาพชีวิต สาธารณสุข และคุ้มครองผู้บริโภค ได้ศึกษาและรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการจัดการอันตรายจากแร่ใยหิน เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค จึงได้ส่งหนังสือแก่คณะรัฐมนตรี โดยมีข้อสรุปเพิ่มเติมจากเดิมที่เคยมีข้อเสนอให้เร่งรัดให้ยกเลิกการนำเข้าวัตถุดิบแร่ใยหิน ยกเลิกการผลิต และการจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินและมีวัตถุดิบทดแทน ภายในปี 2556 ซึ่งให้เริ่มจากการยกเลิกผลิตภัณฑ์ 5 ประเภท คือ กระเบื้องแผ่นเรียบ กระเบื้องยางปูพื้น ผ้าเบรก และคลัตช์ ท่อซีเมนต์ใยหิน และกระเบื้องมุงหลังคา การทำให้สังคมไทยปลอดแร่ใยหิน การประชาสัมพันธ์อันตราย
“สิ่งที่เพิ่มเติม คือ การกำหนดวิธีรื้อถอนวัสดุ การทำลาย เพื่อไม่ให้แร่ใยหินฟุ้งกระจาย ให้เกิดความปลอดภัยทั้งผู้รื้อถอน และผู้อยู่ใกล้เคียงอีกทั้งรัฐบาลควรจัดทำเป็นนโยบายระดับชาติเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ขับเคลื่อนการทำงาน ออกเป็นกฎหมาย ประกาศหรือแนวปฏิบัติโดยทั่วกัน โดยที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม ทำเพียงสั่งให้ศึกษาซ้ำแม้ว่าจะมีการศึกษาแล้วว่าแร่ใยหินทำให้เกิดอันตราย ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าในการระงับการใช้แร่ใยหิน” ศ.เมธี ดร.สุปรีดิ์ กล่าว
ด้านนพ.อดุลย์ บัณฑุกุล เลขาธิการสมาพันธ์อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และ ผู้แทนเครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินประเทศไทย (ทีแบน) กล่าวว่า จากการติดตามเพื่อให้เกิดการยุติการใช้แร่ใยหิน กลับพบว่า ขณะนี้มีการออกโฆษณาผ่านวิทยุในเครือ อสมท เช่น FM95 MHz FM 100.5 MHz โดยเป็นการโฆษณาในลักษณะค้านกับมติครม.และทำให้เกิดความสับสนของสังคม เนื่องจากมีการใช้ข้อความว่า “แพทย์ได้ออกมารับรอง ว่า การใช้แร่ใยหินไม่เป็นอันตราย และทนทาน” ซึ่งไม่เป็นความจริง และละเมิดสิทธิผู้บริโภคโดยการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ ผู้จัดการแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภค จุฬาฯ กล่าวว่า จากการศึกษาจนพบว่า แร่ใยหินเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด และมะเร็งเยื่อหุ้มปอด ซึ่งยืนยันได้จากงานวิจัยในหลายประเทศทั่วโลก และมีประเทศที่หยุดนำเข้าแร่ใยหินแล้วเกือบ 60 ประเทศทั่วโลก และพบผู้เสียชีวิตจากแร่ใยหินในประเทศไทยแล้ว 3 ราย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศให้สินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ต้องระบุในฉลากว่า “ระวังอันตราย สินค้านี้มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ การได้รับสารนี้เข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เกิดมะเร็งและโรคปอด” การออกโฆษณาว่าแร่ใยหินไม่เป็นอันตราย จึงเป็นการให้ข้อมูลเท็จแก่ผู้บริโภค และจำเป็นต้องยุติการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวรวมทั้งต้องโฆษณาแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องด้วย
“ศาลปกครองเคยยกฟ้องกรณีที่บริษัทบางแห่งยื่นคัดค้านการออกคำสั่งให้ติดฉลากของ สคบ.เนื่องจากการทำฉลากดังกล่าวมีข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจนจากทั้งองค์การอนามัยโลก และรายงานทางการแพทย์ในประเทศต่างๆ และประเทศไทย ซึ่งโฆษณาแร่ใยหินดังกล่าว ยังมีความผิดปกติคือ ไม่มีชื่อผู้โฆษณา และโน้มน้าวให้ประชาชนหลงเชื่อในข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งตนได้ยื่นหนังสือ ถึง อสมท ในฐานะสื่อของรัฐ จำเป็นต้องระงับโฆษณาดังกล่าวทันทีและรับผิดชอบต่อสังคม” นายวิทยา กล่าว