แปลกที่สุด, แพงที่สุด, ใหญ่ที่สุด,มากที่สุด, เล็กที่สุด ฯลฯ ที่สุดแห่งที่สุดจะรวมเอาไว้ที่นี่ที่เดียว “มหกรรมสัตว์เลี้ยงแห่งประเทศไทยฯ ครั้งที่ 11” ถามว่าทำไมต้องเป็น “9” ที่สุดด้วย น้อยหรือมากกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ?
ผู้อยู่เบื้องหลังกิจกรรมคนรักสัตว์มาร่วม 10 ปีอย่าง “วัลลภ เจียรวนนท์” รองประธานกรรมการเครือบริษัทโภคภัณฑ์ (CP) กล่าวไปยิ้มไปด้วยสีหน้าภาคภูมิใจแล้วไขความกระจ่างให้ฟังว่า “งานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่องค์เหนือหัว รัชกาลที่ 9 ของปวงชนชาวไทยทุกคนครับ”
และที่น่ายินดีอย่างหาที่สุดมิได้คือ นิทรรศการในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสุนัขทรงเลี้ยงจากครอบครัวคุณทองแดงให้มาแสดงความสามารถในงานด้วย โดยเฉพาะ “คุณทองแดง” ที่ติดโผ 1 ใน 9 ที่สุดแห่งสัตว์เลี้ยงในครั้งนี้ ในฐานะ “สุนัขที่จงรักภักดีที่สุด” พร้อมกับเรื่องเล่าแบบ Exclusive สุดๆ จากเจ้าสัววัลลภ เพื่อยืนยันว่าตำแหน่งดังกล่าวเหมาะสมกับคุณทองแดงแล้วจริงๆ
“ตอนที่ผมได้มีโอกาสเข้าเฝ้า ท่านเคยรับสั่งเรื่องประทับใจให้ฟังว่า ตอนที่คุณทองแดงเพิ่งคลอดลูกใหม่ๆ วันรุ่งขึ้นพระองค์ท่านเสด็จไปเยี่ยม พอเยี่ยมเสร็จ พระองค์ท่านก็เสด็จกลับ ออกเดินไปได้ไม่กี่ก้าว คุณทองแดงก็ลุกตามไป ทั้งที่ปกติแล้ว สุนัขที่เพิ่งคลอดจะหวงลูกมาก แต่คุณทองแดงก็วิ่งตามไป พระองค์ท่านก็หยุดหันมามอง คุณทองแดงก็หันมามองท่านเหมือนกัน ตอนนั้นท่านทรงยังไม่ได้คิดอะไร เดินต่อไป ไม่กี่ก้าว คุณทองแดงก็เดินตาม นอกจากเดินตามแล้ว ยังมองหน้าพระองค์ท่านแล้วก็มองกลับไปที่ลูกของเขา พอเป็นอย่างนี้ พระองค์ท่านก็คิดแล้วว่า สงสัยใจหนึ่ง คุณทองแดงจะคิดว่าเขามีหน้าที่ที่จะคอยดูแล ให้ความปลอดภัยแก่ท่าน อีกใจหนึ่งก็คือความเป็นแม่ที่จะต้องคอยดูแลลูก
พอคิดได้อย่างนี้ พระองค์ท่านก็นึกอยากทดลองว่าใช่อย่างที่คิดไหม จึงเดินออกไปใหม่เป็นครั้งที่สาม คุณทองแดงก็เดินตามอีกแล้วก็ทำเหมือนเดิม มองดูพระองค์ท่านแล้วก็หันกลับไปมองดูลูกของตัวเอง ครั้งนี้พระองค์ท่านจึงรับสั่งว่า ไม่ต้องตามมาแล้วนะ ไปดูแลลูกได้แล้ว ไม่ต้องห่วงเรา พอพระองค์ท่านรับสั่งแค่นี้ คุณทองแดงก็วิ่งหันหลังกลับไปเลย ไม่หันมาดูท่านอีกเลย นี่แหละครับคือสิ่งที่พระองค์ท่านรับสั่งให้ผมฟัง นี่แหละคือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของความกตัญญู ความจงรักภักดีของคุณทองแดงครับ”
ส่วนอีก 8 ที่สุดสัตว์เลี้ยงก็มีเรื่องราว-เรื่องเล่าที่เด็ดไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น “แพะที่สีแปลกที่สุด” เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ได้แปลกมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากความตั้งใจผสมให้ได้ “แพะสีสวาท” ลำตัวเป็นสีเทา หูขาว รวมถึงข้อเท้าทั้งสี่ก็เป็นสีขาวด้วยเหมือนกัน มองดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังสวมถุงเท้า ซึ่งถือว่าเป็นพันธุ์แพะที่หาชมได้ยาก แถมยังเป็นสายพันธุ์ไทยแท้น่าภาคภูมิใจในความสำเร็จเรื่องการผสมสายพันธุ์เสียจริงๆ
ที่สุดแห่งความเล็ก ต้องยกให้ “ไก่ที่ตัวเล็กที่สุดในโลก” อย่าง “ไก่ซารามอ” เพราะแต่ละตัวน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัมเท่านั้น เป็นไก่แจ้สายพันธุ์คาบสมุทรมลายู (Malaya Bantam) ที่มีวิวัฒนาการจากไก่ป่าพื้นเมือง รับรองว่าต้องถูกอกถูกใจคนรักสัตว์ไซส์จิ๋วอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับ “กระต่ายที่สายพันธุ์เล็กที่สุด” อย่าง “กระต่ายเนเธอร์แลนด์ดรอฟ(Netherland Dwarf)” ที่จะมาประชันความน่ารักน่าชังอยู่ในงานนี้ด้วย กระต่ายพันธุ์นี้ฮอตฮิตมากในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และในยุโรป จนถูกขนานนามว่าเป็น “อัญมณีแห่งกระต่ายสวยงาม” หรือ Gem of the Fancy เลยทีเดียว เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 0.8-1.1 กก. เท่านั้น
ส่วนใครเป็นคนมือหนัก ไม่นิยมสัตว์ตัวเล็กเท่าไหร่ ขอแนะนำ “ไก่ชน โมยี ชาโมะ (Mojee shamo)” ซึ่งเป็น “ไก่ชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ถ้าเป็นตัวผู้ที่ร่างกายกำยำแข็งแรงอาจมีน้ำหนักตัวพุ่งสูงถึง 7 กก. เลยทีเดียว เรียกได้ว่าจับไปชนกับคู่ต่อสู้รายไหน แค่ปะทะกันเปรี้ยงเดียวก็ชนะขาดได้ง่ายๆ แล้ว กล่าวกันว่าสายพันธุ์นี้แท้จริงแล้วชาวญี่ปุ่นนำพันธุ์ไก่ชนดั้งเดิมไปจากไทยเรานี่เอง แล้วพัฒนาจนมีลักษณะเฉพาะ กลายเป็นพันธุ์ชาโมะอย่างที่เห็น
อีกหนึ่งที่สุดที่น่าสนใจไม่แพ้ใครคือตำแหน่ง “แมวที่เจ้าเสน่ห์ที่สุด” ซึ่งเป็น “แมวโคราช” พันธุ์ไทยแท้ๆ นี่เอง หลายคนอาจสงสัยว่ามันเจ้าเสน่ห์ยังไง เชื่อกันมาแต่โบราณว่าใครเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ไว้จะมีแต่คนมารักมาหลง นำโชคดีมีสุขมาให้แก่ผู้เลี้ยง ส่วนความเจ้าเสน่ห์ในตัวของแมวชนิดนี้นั้นคงเป็นสีขนสีเงินเป็นประกาย บวกกับดวงตาสีเหลืองอมเขียวสดใส แถมยังเป็นพันธุ์แมวที่ให้โชคลาภ 1 ใน 17 ตัวของประเทศไทย ซึ่งระบุเอาไว้ในสมุดข่อยที่เขียนขึ้นประมาณ พ.ศ. 1893-2310 อีกด้วย
พูดกันถึงเรื่องที่สุดแล้ว เรื่องที่คนสนใจและขาดไม่ได้เลยก็คือสัตว์ประเภท “แพงที่สุด” นั่นเอง ที่นำมาจัดแสดงในงานคือ “นกสวยงามที่ราคาแพงที่สุด” อย่าง “นกแก้วมาคอร์สีน้ำเงิน หรือนกไฮยาซิน” ซื้อขายกันในตลาดอยู่ที่ตัวละ 450,000 -500,000 บาท หากขายเป็นคู่สนนราคาอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท
นอกจากนี้ยังเป็น “นกแก้วที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” เมื่อโตเต็มวัย แต่ละตัวจะหนักประมาณ 7-9 ขีด แถมยังเป็นนกที่ “ร้องเสียงดังมากที่สุดในโลก” ด้วย อยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องมาลองฟังเสียงในงานตัวเป็นๆ
ส่วน “ที่สุดของที่สุด” คงต้องมอบให้ “งูบอลไพธอน มอร์พ Lesser Vanilla Scream” เพราะเป็นงูบอลไพธอนสัญชาติไทย “ตัวแรกและตัวเดียวในโลก” ที่เกิดขึ้นจากฝีมือผู้เพาะพันธุ์ชาวไทย โดยนำเอายีนส์เด่นของงูบอลไพธอน 4 ยีนส์ มารวมไว้ในตัวเดียวกัน จนทำให้ได้สีเหลืองสบายตาออกมา ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหมาะสมที่จะเป็น “งูมงคลคู่พระบารมี” แห่งปีมะโรงอย่างแท้จริง
และขอปิดท้ายด้วยที่สุดแห่งความยิ่งใหญ่อีกส่วนหนึ่งของงานนี้ “รวมสายพันธุ์ปลามากที่สุด” เอาไว้ถึงกว่า 84 สายพันธุ์ จัดโดยกรมประมงตามคอนเซ็ปต์ “84 พรรษา องค์ราชัน ชม 84 สายพันธุ์ ปลาสวยงาม” ทั้งสายพันธุ์ไทยและต่างประเทศเอาไว้ที่นี่ที่เดียว เรียกได้ว่าถ้าพลาดชม “ที่สุดแห่งสัตว์เลี้ยง” เหล่านี้ อาจเพิ่มอีกหนึ่งที่สุดขึ้นมาภายในใจ คือความรู้สึก “เสียดายที่สุด” นั่นเอง
หมายเหตุ: มหกรรมสัตว์เลี้ยงแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 11 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 16 ธันวาคม 2555 ณ สามพราน ริเวอร์ไซด์ อ.สามพราน จ.นครปฐม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.0-2625-8127-9, 0-2625-7157 หรือติดตามรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ www.thailandgrandpetshow.com
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE