โดย...สุกัญญา แสงงาม
ช่วงปิดภาคเรียน กรมต่างๆ ของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดกิจกรรมค่ายเยาวชนวัฒนธรรมภาคฤดูร้อน ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.โดยเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชน เลือกเข้าร่วมกิจกรรมตามความสนใจ ซึ่งมีให้เลือกกว่า 10 ฐานการเรียนรู้ มีทั้งด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม อย่างหอภาพยนตร์ จะเปิดโอกาสให้เด็กวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์ที่ดูในแง่มุมต่างๆ กรมการศาสนาจัดกิจกรรมให้เด็กบวชเณร กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จัดให้เด็กเรียนรู้วิถีชีวิตการทำนา ประดิษฐ์หุ่นกระบอก ฯลฯ กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ ล้วนจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนใช้พื้นที่การเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและนันทนาการอย่างสร้างสรรค์
นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม บอกว่า การจัดกิจกรรมค่ายฤดูร้อน มีกระแสตอบรับจากเด็ก เยาวชน ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครอง ว่า เป็นกิจกรรมเชิงบวก มีประโยชน์ต่อเด็กและครอบครัว ขอให้จัดต่อเนื่องทุกปี ทั้งนี้ เพื่อสนองความต้องการ จะสานต่อโครงการและจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีงบประมาณ 2556 ตนเน้นสำคัญกับการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะการปลุกจิตสำนึกเรื่องการสร้างความเข้าใจ และการดูแลมรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป อย่างไรก็ตาม กิจกรรมค่ายครั้งถัดไปจะให้มีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้เด็ก เยาวชน มีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น
คราวนี้ลองมาฟังเสียง เด็ก เยาวชน ที่เข้าค่ายเยาวชนวัฒนธรรม เริ่มจาก รสิกา โกแมน น้องลูกแก้ว นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนวัตกรรมสื่อสารสังคม เอกการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เลือกเข้าค่ายของ สวธ.บอกว่า หุ่นกระบอกผมสีแดง แต่งแต้มใบหน้าให้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตัวนี้ เป็นผลงานจากเข้าค่ายเยาวชนวัฒนธรรม ลูกแก้ว ตั้งใจประดิษฐ์สุดฝีมือ เพื่อมอบให้โรงเรียนพูนสินเพชรสุขอุปถัมภ์ (กทม.) เป็นสถานศึกษาที่คุณแม่สอนภาษาไทยอยู่นำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้แก่น้องๆ จะมีประโยชน์มากกว่าเก็บเอาไว้ชื่นชมเอง
“มอบหุ่นกระบอกเพียงตัวเดียวคงไม่พอที่จะใช้เป็นสื่อ จึงตั้งใจว่า กลับจากเข้าค่ายเยาวชนวัฒนธรรมแล้ว จะใช้เวลาว่างทำหุ่นเพิ่มอีก 3-4 ตัวแล้วมอบให้โรงเรียน” น้องลูกแก้ว เล่าอย่างภูมิใจ
การเข้าร่วมกิจกรรมค่ายตลอด 4 วัน 3 คืน ทำให้ ลูกแก้ว เรียนรู้ สัมผัส ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวนา ซึ่งคนเมือง หรือคนรุ่นใหม่ ไม่เคยสัมผัส เคยทำมาก่อน โดยเฉพาะขั้นตอนการทำนาข้าว เคยอ่านตามอินเทอร์เน็ต พอได้ปลูกข้าวกับมือท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้สำนึกบุญคุณชาวนา ข้าวทุกเมล็ด ทุกวันนี้เวลาลูกแก้วทานข้าว จะยกมือไหว้แล้วทานข้าวให้หมดจานทุกครั้ง
“การเข้าค่ายครั้งนี้ ลูกแก้วมากับคุณแม่ พี่ และญาติ รวม 6 คน บางก็มาเป็นครอบครัว บางก็มาเป็นเพื่อนนักเรียน ซึ่งเขาให้ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้รู้สึกใกล้ชิดพูดคุยกับคนในครอบครัว รวมทั้งยังได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนอื่นๆ เกิดปฏิบัติสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน กระทั่งรู้สึกเหมือนครอบครัวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตั้งใจว่า ค่ายจบแล้วเรายังจะติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างสม่ำเสมอ” ลูกแก้ว บอก
ด้าน ด.ญ.ธิดา สืบสวน หรือ น้องดา นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านตะโกล่าง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี บอกว่า รู้สึกตื่นเต้นมาก คุณครูบอกว่าจะพามาร่วมกิจกรรมค่ายเยาวชนวัฒนธรรม ของ สวธ.ร่วมกับเด็กกรุงเทพฯ พร้อมโชว์การรำกะเหรี่ยงร่วมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนด้วย
สิ่งที่ประทับใจ ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรม แม้ว่าจะมาจากหลายครอบครัว หลายโรงเรียน แสดงท่าทีเป็นมิตร ไม่รังเกียจพวกเราซึ่งเป็นเด็กชาวเขา ส่วนที่ น้องดา ชอบสุดๆ การทำหุ่นกระบอก กับ เพนต์เสื้อ เพราะได้จินตนาการที่อยากให้เป็นลงไปบนเสื้อ ซึ่งจะเป็นเสื้อตัวเดียวในโลกที่ไม่ซ้ำแบบใคร อยากให้มีโครงการดีๆ แบบนี้บ่อยๆ ค่ะ แล้วเปิดโอกาสให้เด็กที่อยู่ห่างไกล เด็กชาวเขา เข้าร่วมกิจกรรมบ้าง
ขณะที่ ธนาธรณ์ ธนาเลขะพัฒน์ หรือ น้องเฟรม นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ที่เลือกเข้าค่ายกับหอภาพยนตร์ บอกว่า ชอบดูภาพยนตร์ ละคร พอรู้ว่าหอภาพยนตร์ กระทรวงวัฒนธรรม เปิดรับสมัครเด็ก เยาวชน เข้าค่ายวิจารณ์ภาพยนตร์ ผมตัดสินใจสมัครทันที และการเข้าค่ายครั้งนี้ ทำให้เปิดโลกกว้างในการดูหนังหรือละคร เรื่องหนึ่งเพิ่มยิ่งขึ้น เขาสอนเคล็ดวิธีการวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์ โดยดูจากบทบาทผู้แสดง เนื้อเรื่อง ตลอดจนองค์ประกอบอื่นๆ ด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่
ครั้งนี้หอภาพยนตร์ได้ฉายเรื่อง “กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเช้านี้” ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนปัญหาสังคมได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง และไม่ค่อยมีใครสร้างแนวนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เหมาะให้กับเด็กเล็กดู
...แม้ว่าค่ายเยาวชนวัฒนธรรมฤดูร้อน ปิดม่านไปแล้ว เชื่อว่า เด็ก เยาวชน เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ซึมซับวัฒนธรรม แล้วบอกปากต่อปาก ให้รุ่นน้องเข้าร่วมกิจกรรมครั้งต่อไป
ช่วงปิดภาคเรียน กรมต่างๆ ของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดกิจกรรมค่ายเยาวชนวัฒนธรรมภาคฤดูร้อน ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.โดยเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชน เลือกเข้าร่วมกิจกรรมตามความสนใจ ซึ่งมีให้เลือกกว่า 10 ฐานการเรียนรู้ มีทั้งด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม อย่างหอภาพยนตร์ จะเปิดโอกาสให้เด็กวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์ที่ดูในแง่มุมต่างๆ กรมการศาสนาจัดกิจกรรมให้เด็กบวชเณร กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จัดให้เด็กเรียนรู้วิถีชีวิตการทำนา ประดิษฐ์หุ่นกระบอก ฯลฯ กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ ล้วนจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนใช้พื้นที่การเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและนันทนาการอย่างสร้างสรรค์
นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม บอกว่า การจัดกิจกรรมค่ายฤดูร้อน มีกระแสตอบรับจากเด็ก เยาวชน ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครอง ว่า เป็นกิจกรรมเชิงบวก มีประโยชน์ต่อเด็กและครอบครัว ขอให้จัดต่อเนื่องทุกปี ทั้งนี้ เพื่อสนองความต้องการ จะสานต่อโครงการและจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีงบประมาณ 2556 ตนเน้นสำคัญกับการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะการปลุกจิตสำนึกเรื่องการสร้างความเข้าใจ และการดูแลมรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป อย่างไรก็ตาม กิจกรรมค่ายครั้งถัดไปจะให้มีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้เด็ก เยาวชน มีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น
คราวนี้ลองมาฟังเสียง เด็ก เยาวชน ที่เข้าค่ายเยาวชนวัฒนธรรม เริ่มจาก รสิกา โกแมน น้องลูกแก้ว นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนวัตกรรมสื่อสารสังคม เอกการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เลือกเข้าค่ายของ สวธ.บอกว่า หุ่นกระบอกผมสีแดง แต่งแต้มใบหน้าให้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตัวนี้ เป็นผลงานจากเข้าค่ายเยาวชนวัฒนธรรม ลูกแก้ว ตั้งใจประดิษฐ์สุดฝีมือ เพื่อมอบให้โรงเรียนพูนสินเพชรสุขอุปถัมภ์ (กทม.) เป็นสถานศึกษาที่คุณแม่สอนภาษาไทยอยู่นำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้แก่น้องๆ จะมีประโยชน์มากกว่าเก็บเอาไว้ชื่นชมเอง
“มอบหุ่นกระบอกเพียงตัวเดียวคงไม่พอที่จะใช้เป็นสื่อ จึงตั้งใจว่า กลับจากเข้าค่ายเยาวชนวัฒนธรรมแล้ว จะใช้เวลาว่างทำหุ่นเพิ่มอีก 3-4 ตัวแล้วมอบให้โรงเรียน” น้องลูกแก้ว เล่าอย่างภูมิใจ
การเข้าร่วมกิจกรรมค่ายตลอด 4 วัน 3 คืน ทำให้ ลูกแก้ว เรียนรู้ สัมผัส ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวนา ซึ่งคนเมือง หรือคนรุ่นใหม่ ไม่เคยสัมผัส เคยทำมาก่อน โดยเฉพาะขั้นตอนการทำนาข้าว เคยอ่านตามอินเทอร์เน็ต พอได้ปลูกข้าวกับมือท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้สำนึกบุญคุณชาวนา ข้าวทุกเมล็ด ทุกวันนี้เวลาลูกแก้วทานข้าว จะยกมือไหว้แล้วทานข้าวให้หมดจานทุกครั้ง
“การเข้าค่ายครั้งนี้ ลูกแก้วมากับคุณแม่ พี่ และญาติ รวม 6 คน บางก็มาเป็นครอบครัว บางก็มาเป็นเพื่อนนักเรียน ซึ่งเขาให้ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้รู้สึกใกล้ชิดพูดคุยกับคนในครอบครัว รวมทั้งยังได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนอื่นๆ เกิดปฏิบัติสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน กระทั่งรู้สึกเหมือนครอบครัวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตั้งใจว่า ค่ายจบแล้วเรายังจะติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างสม่ำเสมอ” ลูกแก้ว บอก
ด้าน ด.ญ.ธิดา สืบสวน หรือ น้องดา นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านตะโกล่าง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี บอกว่า รู้สึกตื่นเต้นมาก คุณครูบอกว่าจะพามาร่วมกิจกรรมค่ายเยาวชนวัฒนธรรม ของ สวธ.ร่วมกับเด็กกรุงเทพฯ พร้อมโชว์การรำกะเหรี่ยงร่วมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนด้วย
สิ่งที่ประทับใจ ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรม แม้ว่าจะมาจากหลายครอบครัว หลายโรงเรียน แสดงท่าทีเป็นมิตร ไม่รังเกียจพวกเราซึ่งเป็นเด็กชาวเขา ส่วนที่ น้องดา ชอบสุดๆ การทำหุ่นกระบอก กับ เพนต์เสื้อ เพราะได้จินตนาการที่อยากให้เป็นลงไปบนเสื้อ ซึ่งจะเป็นเสื้อตัวเดียวในโลกที่ไม่ซ้ำแบบใคร อยากให้มีโครงการดีๆ แบบนี้บ่อยๆ ค่ะ แล้วเปิดโอกาสให้เด็กที่อยู่ห่างไกล เด็กชาวเขา เข้าร่วมกิจกรรมบ้าง
ขณะที่ ธนาธรณ์ ธนาเลขะพัฒน์ หรือ น้องเฟรม นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ที่เลือกเข้าค่ายกับหอภาพยนตร์ บอกว่า ชอบดูภาพยนตร์ ละคร พอรู้ว่าหอภาพยนตร์ กระทรวงวัฒนธรรม เปิดรับสมัครเด็ก เยาวชน เข้าค่ายวิจารณ์ภาพยนตร์ ผมตัดสินใจสมัครทันที และการเข้าค่ายครั้งนี้ ทำให้เปิดโลกกว้างในการดูหนังหรือละคร เรื่องหนึ่งเพิ่มยิ่งขึ้น เขาสอนเคล็ดวิธีการวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์ โดยดูจากบทบาทผู้แสดง เนื้อเรื่อง ตลอดจนองค์ประกอบอื่นๆ ด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่
ครั้งนี้หอภาพยนตร์ได้ฉายเรื่อง “กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเช้านี้” ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนปัญหาสังคมได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง และไม่ค่อยมีใครสร้างแนวนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เหมาะให้กับเด็กเล็กดู
...แม้ว่าค่ายเยาวชนวัฒนธรรมฤดูร้อน ปิดม่านไปแล้ว เชื่อว่า เด็ก เยาวชน เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ซึมซับวัฒนธรรม แล้วบอกปากต่อปาก ให้รุ่นน้องเข้าร่วมกิจกรรมครั้งต่อไป
