ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของแวดวงสื่อสารมวลชนไทยอีกครั้ง กรณีผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ฐปนีย์ เอียดศรีไชย ขณะรายงานข่าวพระราชพิธีเคารพพระศพ สมเด็จนโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ปรากฏภาพการรายงานข่าว โดยมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ จากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง วางอยู่บนพื้นบริเวณใกล้กับเท้าของเธอ ทันทีที่ภาพข่าวเผยแพร่ออกไปได้สร้างความไม่พอใจแก่ชาวกัมพูชาทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านร้านตลาด หรือชาวโซเชียลมีเดีย ต่างวิจารณ์พฤติกรรมของนักข่าวชาวไทยผู้นี้อย่างหนัก
รูปอดีตกษัตริย์ บนผืนแผ่นดินกัมพูชา
สมเด็จนโรดมสีหนุ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และได้เคลื่อนพระศพมายังพระราชวังจัตุรมุขมงคล ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ช่วงเช้าวันที่ 16 ต.ค.ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าโศก ทั่วประเทศยังคงลดธงครึ่งเสา เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับเจ้านโรดมสีหนุ นอกจากชาวบ้านจากกรุงปอยเปต ที่เดินทางมาร่วมรับพระศพกันอย่างหนาแน่น ยังมีกองทัพสื่อมวลชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมทำข่าวในครั้งนี้
ซึ่งสื่อมวลชนแต่ละสำนัก ก็ปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวกันไปตามหน้าที่ แต่อาจด้วยความประหม่าหรืออะไรก็มิทราบได้ นักข่าวคนดังของประเทศไทย ฐปนีย์ เอียดศรีไชย สังกัดสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ขณะรายงานข่าวกล้องก็จับภาพเต็มตัว ทำให้ผู้ชมพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ถูกวางไว้บริเวณใต้ฝ่าเท้าของนักข่าวผู้นี้ท่ามกลางสายตาประชาชน และสื่อมวลชนทั่วประเทศ
แน่นอน ภาพดังกล่าวถูกแชร์ในสังคมออนไลน์กัมพูชาอย่างทันควัน เกิดการประณามต่อพฤติกรรมของนักข่าวสาวอย่างแพร่หลาย สำนักข่าวแห่งหนึ่งยังรายงานว่า บริเวณชายแดน ตลาดปอยเปต และตลาดโรงเกลือ ก็ยังมีชาวกัมพูชาจำนวนมากเดินทางไปยังร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เพื่อดูภาพฉาวและวิจารณ์พฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักข่าวผู้นี้อย่างแพร่หลาย เพราะถือว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของอดีตกษัตริย์กัมพูชาอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน นอกจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ มหาชนชาวกัมพูชายังออกมาเรียกร้องให้มีการดำเนินการกับฐปนีย์ นักข่าวดังจากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยมีการเรียกร้องให้เธอออกมากล่าวขอโทษชาวกัมพูชาทั้งประเทศ และย้ำว่า หากไม่มีการเคลื่อนไหวต่อกรณีดังกล่าว อาจส่งผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา กลายๆ ว่า เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ทำให้สองประเทศต้องบาดหมางกันอีกครั้ง
ขอพระราชทานอภัยโทษ ณ สถานทูตเขมร
ทันทีที่นักข่าวคนดังทราบเรื่องถึงภาพข่าวที่ปรากฏสู่สาธารณชน กรณีความไม่เหมาะสมที่ถูกส่งผ่านไปยังสายตาคนกัมพูชา ก็แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้แจ้งถึงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เบื้องต้นช่วงค่ำในวันที่เกิดเหตุได้เดินทางไปกราบขอพระราชทานอภัยโทษ พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่หน้าพระราชวังจัตุรมุขมงคลในทันที จากนั้นก็เดินทางกลับมายังประเทศไทยในวันที่ 17 ต.ค.
ฐปนีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์ทีวีสีช่อง 3 พร้อมกับ จตุรงค์ สุขเอียด บรรณาธิการข่าวรายการข่าว 3 มิติ ได้เดินทางไปยังสถานทูตกัมพูชา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ และลงนามถวายความอาลัย ต่อกรณีที่ทำให้ชาวกัมพูชาขุ่นเคืองใจต่อลักษณะการรายงานข่าวที่ไม่เหมาะสม
เธอเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตน และทีมงานได้เดินทางไปทำข่าวประชาชนชาวกัมพูชาร่วมถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์แห่งกัมพูชา ที่หน้าพระราชวังจัตุรมุขมงคล กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา การทำงานเป็นไปในลักษณะการยืนรายงาน ทำให้ต้องวางสิ่งของส่วนตัว ทั้งโทรศัพท์มือถือ สมุดจดข่าว และหนังสือพิมพ์ที่ปรากฏพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ไว้บริเวณพื้นอย่างไม่ตั้งใจ
และยืนยันว่า ได้วางหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไว้ห่างจากตัวพอสมควร แต่ภาพที่ปรากฏทางโซเชียลเน็ตเวิร์กถ่ายคร่อมมาจากทางด้านหลัง จึงทำให้เห็นว่าสิ่งของบริเวณพื้นอยู่ใกล้เท้า เป็นเหตุให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรง ฐปนีย์ เปิดใจผ่านสำนักข่าวสปริงนิวส์ ความว่า
“ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และภาพข่าวที่ปรากฏออกไป ขอยืนยันไม่มีเจตนาที่จะทำการดังกล่าว เพราะในขณะที่ต้องเปิดหน้าเพื่อทำข่าวนั้น สิ่งของที่ถือไว้ทั้งหมดต้องหาที่วาง และบังเอิญว่า มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุอยู่บนหน้าปก แต่ก็วางไว้ห่างตัวมาก ไม่ได้เหยียบ แต่ภาพที่ออกมานั้นอาจจะเป็นมุมกล้อง
“ซึ่งขอย้ำว่า ไม่ได้มีเจตนากระทำการอย่างที่เป็นข่าว หลังจากนี้ คงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น และที่ออกมาให้สัมภาษณ์นี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และความรับผิดชอบ ไม่อยากให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ส่วนตัวมีความใกล้ชิดกับชาวกัมพูชาอยู่แล้ว หลายครั้งที่ไปทำข่าว ชาวบ้านก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี”
ฐปนีย์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนอีกว่า ต้นสังกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ก็ออกแถลงการณ์เพื่อไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ทางการทูตและความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศที่มีต่อกัน
“หลังเกิดเหตุการณ์ก็รู้สึกเสียใจและไม่สบายใจอย่างมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงกำลังจะรายงานข่าวด้วยความรีบร้อน ทำให้ต้องวางข้าวของทั้งหมดเลยไม่ได้ระมัดระวังเท่าที่ควร จึงขอพระราชทานอภัยโทษและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ทั้งหมด”
ไม่สะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
สื่อมวลชนสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ได้สอบถามทางด้านตัวแทนสถานทูตกัมพูชา ก็พบว่า ทางเจ้าหน้าที่รับทราบเรื่องแล้ว และกำลังนำเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ และแถลงการณ์ให้ทางอัครราชทูตและเอกอัครราชทูตทราบ และจะทำการส่งเรื่องไปยังรัฐบาลกัมพูชาในลำดับถัดไป
ด้าน ภาสกร ศิริยะพันธุ์ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กล่าวว่า เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้เข้าพบ อึง เซียน รมช.ต่างประเทศกัมพูชา เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมด้วยหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการไปถึง ฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา เบื้องต้นยืนยันว่า ประเทศไทยและกัมพูชายังมีความเข้าใจอันดีต่อกัน
ภาสกร ยังได้เปิดเผยถึง กรณีของ ฐปนีย์ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่สร้างความไม่พอใจแก่ชาวกัมพูชา ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ชาวไทยเองก็เทิดทูนต่อสถาบันกษัตริย์เรา จึงเข้าใจความรู้สึกของชาวกัมพูชา อีกอย่างนักข่าวผู้นี้ก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจต่อการกระทำดังกล่าว ทางต้นสังกัดเองก็ยื่นแถลงการณ์ผ่านสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ไปยังกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาแล้ว เรื่องนี้จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทย ก็เฝ้าระวัง และติดตามความเคลื่อนไหวและกระแสข่าวในเรื่องนี้ผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีสถานการณ์รุนแรงใดๆ
….............................................
บทเรียนของคนในวงการสื่อสารมวลชนไทยที่สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่ง การที่จะไปทำข่าวยังต่างบ้านต่างเมือง คงต้องมีความระแวดระวังและให้ความเคารพสถานที่เป็นทวีคูณ แน่นอนเมื่อรู้ตัวเองว่าผิดพลาดไม่เหมาะสม การน้อมรับความผิด และแสดงการขอโทษอย่างบริสุทธิ์ใจเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรแก่การให้อภัย
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
ภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3