กลายเป็นเรื่องธรรมดาของมหานครกรุงเทพไปเสียแล้ว หากฝนตกหนักเมื่อใดสถาการณ์รถติดถึงขั้นอัมพาตก็จะกลืนกินผู้ใช้รถใช้ถนนไปทุกหย่อมหญ้า จนปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมต.ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผุดแนวทางแก้ไขปัญหาจราจร เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้สิทธิส่วนราชการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลับบ้านก่อนเวลา ณ วันที่มีพยาการณ์อากาศออกมาว่าเย็นย่ำค่ำคืนนั้นจะมีฝนห่าใหญ่!
ยังไม่หมด นอกจากภาระหน้าที่กลับก่อนเวลาอันควร เพื่อลดปัญหาการจราจรที่ติดขัดในช่วงวันเวลาที่ฝนตก ยังมีแนวคิดการเข้าทำงานช่วงเช้าของชาวสีกากีให้เลทไปอีกหน่อย เพราะเห็นว่าการเหลื่อมเวลาการเข้างานจะลดปัญหาการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ได้
จะว่าไปปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะเป็นปัญหาคาราซังยิ่งนับวันยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อง แม้จะมีการคิดการดำเนินการแก้ปัญหาผ่านรัฐบาลมากหลายสมัยแต่ก็ไม่เคยสัมฤทธิ์ผล มิหน่ำซ้ำนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ดูจะเอื้อวิกฤติบนท้องถนนมากกว่าจะเริ่มแก้ปัญหาที่ตัวระบบ
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกก่อนว่าสิ่งหล่านี้เป็นเพียงแนวทางแก้ไขที่กระทรวงคมนาคมเสนอต่อ ครม. ส่วนจะถูกนำมาใช้ในส่วนราชการหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับมติผู้ทรงเกียรติในสภาฯ ล้วนๆ
แบบนี้มันคิดชุ่ยๆ
ศ.ดร.เอกสิทธิ์ ลิ้มสุวรรณ อุปนายกสภาวิศวกร และภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงทัศนะชำแหละถึงวิธิคิดการจัดการปัญหาระบบงานจราจร ยกตัวอย่างแนวปฏิบัติให้ส่วนงานราชการเลิกงานก่อนเวลาในวันที่ฝนถล่มเมือง ของรมต.ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ดูจะไม่มีประโยชน์ต่อประชาชนเลย
“มันเป็นปัญหาในระบบที่มันเป็นมานานแล้ว ไม่ค่อยมีการวางแผน อยู่ๆ พอเห็นปัญหารถติดก็คิดจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ละคนมันก็เอาตัวรอด แต่ในภาพรวมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมวิจารณ์ในฐานะที่เป็นคนกลางคนรับผิดชอบในวิชาชีพทางด้านนี้ ผมมีความรู้สึกว่าเหมือนแก้ผ้าเอาหน้ารอดเสียเป็นส่วนใหญ่”
ปัญหาสำคัญของการจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล คือไม่มีการดูแลจัดอย่างอย่างเป็นระบบ ยิ่งนโยบายของรัฐบาลก็ยิ่งสร้างวิกฤติให้กับการจราจรจนยากเกินเยียวยา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีการประสานงานแก้ไขกันจริงๆ จัง
“วิเคราะห์ให้ลึกซึ้งน้ำท่วมเป็นปัญหาส่วนหนึ่ง แต่ปัญหาหลักเลยคือเราใส่รถลงไปถนนเกินความจำเป็น ไม่ได้วางแผนในระยะยาว อย่างเช่น โครงการรถคันแรกวางแผนกันว่า 3 แสนคัน ตอนนี้ปาเข้า 6 แสนกว่าคน ยังรอออกมาอีก 7 แสนคัน เแล้วถนนเท่าเดิมไม่ได้ปรับปรุงตาม มันมีเหตุมีผลของมันที่ชัดเจน มาเจอรัฐบาลชุดนี้ให้ซื้อรถคันแรกได้ลดภาษี 1 แสน ซึ่งอันนี้ผมว่าเป็นการเอาเชือกมาผูกคอเลย”
ศ.ดร.เอกสิทธิ์ ทิ้งท้ายว่าการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดที่สำคัญที่สุดคือการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนหันมาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
“จริงๆ เรามีการแผนรถไฟใต้ดิน ก็อยู่ในแนวทางแก้ปัญหาพวกนี้ การแก้ปัญหาจุดนี้มันต้องมองระยะยาว การแก้ปัญหาแบบปัจจุบันทันด่วนได้เลยไม่สามารถทำได้ก็ต้องทำระยะยาว ตรงนี้มันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและไม่ได้ผล แค่พูดให้มีความหวัง มีแนวทาง แก้ไขให้แล้ว แต่มันเวิร์คหรือเปล่าทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ”
ล้มโดมิโน่ ระบบงานจราจร
เคยมีนักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งวิเคราะห์ไว้ว่า ปัญหาการจราจรที่ติดขัดเป็นภาพสะท้อนของแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมที่ไร้ทิศทาง หรือประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น?
แต่ถ้าเทียบกับประเทศจีนแล้วการจราจรในกรุงเทพฯ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ เพียงแต่เรากำลังเผชิญกับความผิดเพี้ยนของการบริหารงานจราจร ผศ.ดร.ประชา คุณธรรมดี ผู้อำนวยการคณะทำงานโครงการปริญญาตรี ภาคภาษาไทย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าว
“การจราจรบิดเบี้ยว บิดเบี้ยวอย่างไร เรารู้ปัญหาแล้วว่าถนนมันน้อยกว่ารถ เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้รถวิ่งอยู่บนถนนในเวลาที่จำเป็น มันก็จะไม่ติด หรือติดในเวลาที่น้อยลง อีกทางหนึ่งต้องส่งเสริมการขนส่งขนาดใหญ่ ก็คือการขนส่งมวลชนระบบใหญ่ ไม่ว่าจะเป๋นกาขนส่งระบบราง การขนส่งทางน้ำ ซึ่งเป็นปัญหาบ้านเราซึ่งทำอะไรยังช้า”
ผศ.ดร.ประชา และศ.ดร.เอกสิทธิ์ ต่างก็ลงความเห็นตรงกันว่านโยบายรถคันแรกของรัฐบาลชุดนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
แม้หลายๆ แนวคิดต่างถูกระดมขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหารถติด แต่บางทีประชาชนก็มองเจตนาของตัวนโยบายต่างออกไป ลดปัญหาด้วยการเหลื่อมเวลาเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ในท้ายที่สุดแล้วปัญหายังคงเดิม เพราะแต่ละคนย่อมมีภาระที่ต่างกันไป บางคนก็มีกิจธุระบนท้องถนน
ผศ.ดร.ประชา แสดงทัศนะว่า สิ่งที่ควรทำมาลดภาระการจราจรแออัดบนท้องถนน คือการบังคับใช้กฏหมาย เช่นทำอย่างไรไม่ให้มีสิ่งของกีดขวางบนท้องถนน, การบริหารจัดการที่ใช้กลไกราคา เช่นรถที่เก่า ควันฟุ้ง ให้เอาออกไปจากพื้นที่เลยโดยใช้เงื่อนไขทางสิ่งแวดล้อม หรือควบคุมลักษณะของคนขับขี่ ถ้าคนขับขี่เป็นลักษณะคนพฤติกรรมแย่ ขับปาด ขับเบียด ก็เอากฎหมายเข้ามาจัดการ
ส่วนในเรื่องนโยบายรัฐบาล คงแก้อะไรไม่ได้ เพราะปริมาณรถมันมากกว่าปริมาณถนนไปนานมากแล้ว เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนเคารพกฏเกณฑ์ที่ถูกตั้งขึ้น และการแก้ปัญหาจราจรติดขัดที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะปลูกฝังค่านิยมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน
ข้าราชการ..ข้าของแผ่นดิน?
ด้านข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลัง ณัฐชัย โชคสุวัฒน์ แสดงความรู้สึกเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว และเชื่อมั่นว่าการเลิกงานก่อนฝนตกจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดขณะเดินทางกลับบ้านของข้าราชการได้
ส่วนในทางปฏิบัตินั้นก็ไม่แน่ว่ามีรายละเอียดอย่างไร ซึ่งเขาตั้งคำถามว่า ใครจะเป็นคนกำหนดว่ากลับเมื่อไหร่ ฟ้าครึ้มมาขนาดไหนจึงจะกลับได้ และฟ้าครึ้มมากี่โมง บ่ายสองกลับได้หรือเปล่า?
“พูดตรงๆ ก็คือยังมีไม่เห็นภาพในทางปฏิบัติว่าจะทำยังไง ความไม่แน่นอนมันเกิดขึ้น เพราะแต่ละวันก็ตกไม่เหมือนกัน มันต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนด้วย”
โดยข้อเสนอแนะของเขา ในปัจจุบันก็มีบางหน่วยงานที่ข้าราชการมาก่อนเวลา แล้วกลับก่อนบ้าง เพื่อลดปัญหาการจราจรโดยตำแหน่งนั้นต้องเป็นตำแหน่งที่สามารถกลับได้โดยไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน กรณีนี้เขาเห็นว่าต้องดูที่ตำแหน่งงานของข้าราชการด้วยว่า สามารถกลับก่อนได้หรือไม่
“ถ้าเป็นตำแหน่งทะเบียนที่ประชาชนต้องมาติดต่อยังไงก็ต้องห้ามกลับก่อนเวลาราชการ ไม่งั้นวันดีวันคืน ฝนตกประกาศกลับก่อน ประชาชนก็เดือดร้อนแย่ ในทางปฏิบัติทำได้แต่ก็ต้องเป็นไปตามความเหมาะสมของตำแหน่งงานนั้นๆ ด้วย”
อย่างไรก็ตาม ด้านผู้ประกอบการธุรกิจเสื้อผ้า ย่านประตูน้ำ ธัญญาลักษณ์ ฤกษ์ทายี กล่าวขึ้นเสียงแข็งในฐานะประชาชนหาเช้ากินค่ำกับแนวคิดดังกล่าว
“ไม่เห็นด้วย! ไม่เห็นด้วยเลย แล้วพนักงาน คนทำอาชีพอื่นละ รัฐวิสาหกิจ พนักงานเอกชน มันจะเหลื่อมล้ำกับอาชีพอื่นไปนะ”
เชื่อเลยว่าแนวทางแก้ปัญหานี้ไม่สามารถลดปัญหาการจราจรติดขัดได้แม้แต่น้อย การที่ข้าราชการจะกลับบ้านก่อนเวลาในวันฝนตกหนัก หรือมาเข้าทำงานสายขึ้นในวันธรรมดาก็ไม่มีทางแก้ปัญหารถติดเลย แถมยังเป็นการเอาเปรียบกลุ่มคนในสายงานอื่น เป็นภาระประชาชนที่ต้องติดต่อราชการอีก
“แก้รถติดไม่ได้หรอก มันไม่เกี่ยว ทางที่ดีไปเลิกนโยบายรถคันแรกดีกว่า”
…..............................
อาชีพราชการแม้รายได้อาจไม่สูง แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องสวัสดิการดูจะได้รับอภิสิทธิ์ชนกว่าสายงานด้านอื่นๆ แนวคิดให้ข้าราชการกลับบ้านก่อนในวันฝนตกหนักเพื่อลดปัญหารถติดดูจะก่ำกึ่งระหว่างการแก้ปัญหา กับการเอาเปรียบประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำเสียเหลือเกิน ไหนๆ ระดับผู้บริหารประเทศระดมมันสมองแก้ปัญหารถติดแล้วอย่าให้อายเด็ก
หมดสมัยข้าราชการเช้าชามเย็นชามแล้ว อย่าลืมเอื้อความสะดวกแก่ประชาชนผู้เสียภาษี ให้สมศักดิ์ศรีคำกล่าวที่ว่า 'ข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน ต้องเป็นคนดี คนเก่ง'
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE