xs
xsm
sm
md
lg

ระวังเชื้อบ้า..ไม่ได้มีแค่กระต่าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าวันดีคืนดีกระต่ายน้อยขนฟูปุกปุยอิริยาบทน่ารักน่าเอ็นดู จะลุกฮือขึ้นมาอาละวาดไล่กัดผู้เลี้ยงด้วยความบ้าคลั่ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อพิษสุนัขบ้า หรือเรบีส์ไวรัส (RABIES VIRUS) นั้นเอง

เชื้อไวรัสชนิดนี้ไม่เพียงแพร่กระจายในสุนัข แมว หรือกระต่าย แต่ยังติดต่อได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด อย่าง ช้าง, ม้า, วัว, ควาย, หนู, ค้างคาว,ปลาวาฬ และคน ฯลฯ แม้จะมีการป้องกันด้วยการรับวัคซีน แต่หากติดเชื้อแล้วไม่สามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งเท่ากับว่าถ้าได้รับเชื้อจำพวกนี้ต้องสังเวยชีวิตสถานเดียว

กรณีข่าวกระต่ายพันธุ์วู๊ดดี้ทอยเพศผู้ ที่ซื้อมาจากตลาดนัดจตุจักร โซนสัตว์เลี้ยงเมื่อปลายปี 2554 ของครอบครัวภุมรินทร์ พักอาศัยในย่านจอมทอง มีอาการดุร้ายไล่กัดครอบครัวของผู้เลี้ยงจนได้แผลเหวอะหวะ ภายหลังตรวจพบการติดเชื้อพิสุนัขบ้า ทั้งหมดจึงรีบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

เป็นเหตุการณ์นี้ก็สร้างความหวั่นวิตกต่อภาคสังคมอยู่ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาบ้านเราแทบไม่มีรายงานการตรวจพบเชื้อไวรัสชนิดนี้ในกระต่าย แล้วใครจะไปคิดว่าสัตว์น่าตาน่ารักแถมมีความใกล้ชิดกับคนอย่างเจ้ากระต่ายขนปุยจะเป็นพาหะที่อันตรายถึงชีวิต

ตื่นรู้..ไม่ใช่ตื่นกลัว
ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคได้เผยถึง 3 อันดับสัตว์ที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้ามากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่อันดับหนึ่ง สุนัข อัตราการติดเชื้อ 96 เปอร์เซ็นต์ อันดับสอง แมว อัตราการติดเชื้อ 3 เปอร์เซ็นต์ และอันดับสาม กระต่าย อัตราการติดเชื้อ 1 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงแฮมเตอร์ กระรอก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ด้วย

“พิษสุนัขบ้ามันสามารถติดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ทุกชนิด และเชื้อก็เป็นตัวเดียวกันหมด ฉะนั้นไม่ว่าเชื้อตัวนี้มันจะติดใน กระต่าย สุนัข ช้าง วัว ก็คือเชื้อตัวเดียวกัน ความรุนแรงเหมือนกัน ติดแล้วตายเหมือนกัน มันก็ทำให้เกิดภาวะการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าเข้าสู่ระบบประสาทและก็แสดงอาการออกมาเหมือนกันหมด ” น.สพ.เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าว

อย่างไรก็ตาม เชื้อพิษสุนัขบ้าหรือเรบีส์ไวรัส จะไม่สามารถเกิดขึ้นเองจากตัวสัตว์ได้ มักจะมีตัวกลางเป็นพาหะนำโรคแพร่เชื้อเป็นทอดๆ อย่างกรณีการตรวจพบเชื้อพิษสุนัขบ้าจากกระต่ายที่ซื้อมาจากตลาดนัดจตุจักรเป็นเวลากว่า 6 เดือน ก็เป็นไปได้ว่าอาจได้รับเชื้อมาจากแหล่งที่ซื้อ ยกตัวอย่างกระต่ายอยู่ในเพ็ทช็อปแล้วโดนหนูที่มีเชื้อมากัด อีกมุมหนึ่งก็อาจได้รับเชื้อจากบริเวณบ้านของผู้เลี้ยงเองก็เป็นไปได้ ต้องมาวิเคราะห์บริบทกันซึ่งความชัดคงต้องมีการตรวจสอบกันต่อไป

สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ ฝากถึงผู้เลี้ยงกระต่ายรวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ว่าไม่ต้องตื่นกลัวกับเหตุการณ์การติดเชื้อพิษสุนัขบ้าในกระต่ายที่เกิดขึ้น เพราะหากสัตว์เลี้ยงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีสัตว์อื่นมารบกวนก็ไม่มีปัญหา ยิ่งเทียบกับหมาหรือแมวอัตราการติดเชื้อยิ่งน้อยมาก แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายใจก็สามารถนำสัตว์เลี้ยงของไปขอรับวัคซีนได้ซึ่งราคาก็ไม่ต่างจากของสุนัข

“ไม่ต้องตื่นกลัว เพราะว่าจริงๆ แล้วสุนัขเป็นพิษสุนัขบ้ามากกว่าสัตว์อื่นหลายเท่ามากๆ เพราะฉะนั้นกระต่ายอาจจะเป็นเคสแรกในประเทศที่รีพอร์ตออกมาด้วย แต่หสุนัขปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 เคส อัตราความเสี่ยงมันต่างกันเยอะมาก เราไประวังหมาจะถูกจุดกว่า ควรฉีดวัคซีนประจำปีให้มันมากกว่า”

“จริงๆ แล้วต้องบอกว่าโรคพิษสุนัขบ้ามันติดได้ทุกสัตว์ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นเฉพาะในกระต่ายหรือในหมา แมว แต่ถ้ากลัวก็พาสัตว์ที่เราเลี้ยงไปฉีดวัคซีนจากสัตว์แพทย์ก็จะสามารถป้องกันสัตว์ตรงนั้นได้ และโอกาสติดก็ไม่ได้เกิดขึ้นโดยตัวของเขาเอง เขาต้องไปโดยสัตว์อื่นกัด หรือติดต่อทางน้ำลายสัตว์อื่น ถ้าเราเลี้ยงในบ้านไม่สัมผัสกับสัตว์อื่นโอกาสติดก็จะน้อยลงไปอีก เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลตามข่าว”

ส่วนผู้ที่โดนสัตว์เลี้ยงกัดสัตวแพทย์ท่านเดิมก็แนะนำว่าให้รีบทำความสะอาด และไปพบแพทย์เพื่อรับวัคซีนโดยที่สุด ซึ่งนอกจากเซื้อพิษสุนัขบ้าแล้วยังมีโอกาสติดเชื้อบาดทะยัก หรืออื่นๆ อีก

คนรักสัตว์จิตตก(อีกครั้ง)
ทุกครั้งที่มีข่าวคราวการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในสัตว์เลี้ยง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ที่กำลังตกเป็นข่าวว่าเป็นพาหะนำโรคก็ย่อมรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเป็นธรรมดา แน่นอนผลพ่วงในแต่ละครั้งกระทบทั้งผู้เลี้ยง ผู้ขาย และชะตากรรมของเหล่าสัตว์เลี้ยงที่อาจถูกปล่อยทอดทิ้ง

ปิยะลักษณ์ สาริยา เจ้าของฟาร์มกระต่าย Bunnydelight ที่ดำเนินธุรกิจมาร่วม 6 ปี เล่าให้ฟังว่าเมื่อหลายปีก่อนก็มีข่าวการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในกระต่ายจนทำให้อัตราการซื้อขายชะลอตัว แต่ตนก็ยังดำเนินธุรกิจด้วยใจรักซึ่งเมื่อสถานการณ์คลี่คลายผู้บริโภคก็กลับมาให้ความสนใจเจ้ากระต่ายอีกครั้ง

“ตอนนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างเยอะ หลายคนก็โทรมาถาม คนที่เลี้ยงอยู่ก็โทรมาถาม ว่าสมควรเอาไปฉีดยาไหม บางคนก็หยุดความคิดที่จะซื้อเพราะคิดว่ามันจะมีเชื้ออยู่นตัว ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากระต่ายไม่ได้มีเชื้อนี้อยู่ในตัว มันไม่ใช่อยู่ๆ จะเกิดขึ้นมา แต่เขาสามารถรับได้จากสัตว์อื่นที่เป็นพาหะซึ่งเราเจอกันมากในหมาแมว”

จากการสอบถามไปยังคลีนิครักษาสัตว์หลายๆ ที่ ก็มีกลุ่มคนเลี้ยงกระต่ายโทรเข้ามาสอบถามเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและนำสัตว์เลี้ยงของตนมารับวัคซีนกันจำนวนมาก

เจ้าของฟาร์ม Bunnydelight ทิ้งท้ายว่าเมื่อตัดสินใจเลี้ยงสัตว์แล้วก็ต้องดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ไม่ใช่ว่าพอมีโรคระบาดก็สักแต่ว่ากลัวหรือปัดสวะให้พ้นตัว อย่างกรณีกระต่ายติดเชื้อพิษสุนัขบ้าก็เป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก เมื่อตัดสินใจเลี้ยงแล้วจำไว้ว่าเขามีเราแค่คนเดียว อย่าทอดทิ้งเขาแต่ควรหาวิธีดูแลป้องกัน

“ส่วนมากถ้าบางคนไม่เข้าใจหรือบางคนวิตกจริตเขาก็จะเอากระต่ายไปปล่อยตามวัด ตามสวนสาธารณะ หรือว่าเอาไปปล่อยตามป่า ซึ่งกระต่ายมีโอกาสจะตายสูงจากผู้ล่า และกระต่ายที่เราเลี้ยงเป็นกระต่ายสวยงามเขาจะหากินเองไม่ได้อย่างกระต่ายป่า”

ด้านผู้เลี้ยงกระต่ายมือสมัครเล่น วิไล ชัยสิริรุ่งตะกูล ก็เปิดเปยว่าติดตามเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะรู้สึกเป็นห่วงกระต่ายของตน รวมทั้งสวัสดิภาพของคนในบ้าน แต่ก็ไม่ได้ตกใจกับเนื้อข่าวการติดเชื้อพิสุนัขบ้าของกระต่าย เพราะเลี้ยงไว้ในบ้าน อยู่ในกรง มีการดูแลรักษาความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ

“ก็ไม่ได้กังวลนะ คือไม่ได้เอาเขาออกไปเพ่นพาหรือไปในที่สุ่มเสี่ยง อยู่ในบ้าน นอนในกรง แต่ก็ตั้งใจว่าจะเอาเขาไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้ เพื่อความสบายใจของคนในบ้านและของตัวเองด้วย”
…................

การติดเชื้อไว้รัสพิษสุนัขบ้าในสัตว์ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในบ้านเรา เพียงแต่ว่าในครั้งนี้เกิดขึ้นกับสัตว์ที่มีเปอร์เซ็นน้อยที่มีโอกาสได้รับเชื้ออย่างกระต่าย ในส่วนนี้คงต้องฝากถึงผู้เลี้ยงว่าไม่ต้องตื่นตะหนกตกใจเพราะหากสัตว์ของท่านอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมก็คงไม่ใช่ปัญหา อย่างไรก็ตามเมื่อตัดสินใจดูแลชีวิตน้อยๆ ของพวกมันแล้ว ก็อย่าทอดทิ้งมันกลางคันปล่อยให้เป็นปัญหาสังคมเลย

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE


โฉมหน้ากระต่ายผู้โชคร้าย ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า
เอกสารยื่นยัน


กำลังโหลดความคิดเห็น