xs
xsm
sm
md
lg

“แม็กกี้ - อาภา ภาวิไล” ครั้งแรกกับ คน-โลก-จิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โตขึ้นเป็นสาวสวยขนาดนี้แล้วเหรอ? ประโยคเด็ดที่หลายคนทักทายเธอ “แม็กกี้ - อาภา ภาวิไล”ลูกสาวสุดรักสุดหวงของ “ซูโม่ตุ๋ย” อรุณ ภาวิไล จากเด็กน้อยในวันวาน เธอสะบัดภาพลักษณ์สาวหวาน มาลองของยากในภาพยนตร์ คน-โลก-จิต กับบทบาทที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน และเปลี่ยนลุคเป็นสาวเซ็กซี่ สวยสะพรั่ง ยั่วใจชายไปทันที แต่ชีวิตจริงเธอไม่ซับซ้อนเหมือนอย่างบทบาท ทุกสิ่งที่เธอพูดดูจริงใจ ตรงไปตรงมา และไม่มีคำว่าเสแสร้งให้รู้สึก!?

M-Lite นัดพบแม็กกี้-อาภา มาพูดคุยอย่างเปิดเผยแบบที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน วันนี้เธอมาในชุดสีดำสนิทขับผิวขาวนวล ท่าทางดูคล่องแคล่วว่องไวตามแบบสาวยุคใหม่ จากบุคลิกภายนอกที่เห็นคงไม่สำคัญไปกว่าความคิดที่อยู่ภายในตัวเธอ ผ่านทางคำพูดโดยไม่ต้องมานั่งประดิษฐ์ให้สวยหรูเหมือนนางเอกละครไทย

ประเดิมฉากแรก
คน-โลก-จิต ถือเป็นงานภาพยนตร์ชิ้นแรกของแม็กกี้ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเธอจากบท “ตังเม” ในละครเรื่อง น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์กันมาบ้างแล้ว จากลุคเด็กสาววัยใสต้องปรับเปลี่ยนคาแร็กเตอร์อย่างสุดขั้ว โดยเฉพาะในซีนแรกของภาพยนตร์ ทำให้เธอถึงกับต้องสำลักเลยทีเดียว
 
“ฉากแรกที่เล่นในเรื่อง “คน-โลก-จิต” มาถึงวันแรกก็ตื่นเต้นมาก ตื่นแต่เช้ามาเตรียมตัว มาทานข้าวปกติ ก็มาถึงกองฯ ก็พบกับฉากแรกที่ถึงกับต้องอึ้ง เป็นฉากที่ต้องสูบบุหรี่ด้วยค่ะ เพราะชีวิตจริงเนี่ยแม็กกี้ไม่สูบบุหรี่ แต่กวางเนี่ยคาแร็กเตอร์ต้องสูบบุหรี่ ก็ซ้อมกับพี่ๆ ทีมงานกันหลายมวนเลย เจ็บคอเลย”
เรื่องนี้แม็กกี้รับบทเป็น “กวาง” กวางจะเป็นนักศึกษาสาวที่มีความมั่นใจสูง แต่สภาพจิตใจข้างในย่ำแย่ เนื่องจากการเลี้ยงดูในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการพบเจอเหตุการณ์ร้ายๆ ในครอบครัว
 
“ตัวละคร “กวาง” ในเรื่องนี้ เขาเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกโดดเด่น มีเสน่ห์ มีผู้ชายเข้ามาหาเยอะ ซึ่งในเรื่องกวางเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ เพราะว่าจริงๆ แล้วกวางอาจดูเป็นผู้หญิงมั่นใจ แต่ลึกๆ เขามีความอ่อนแออยู่ในใจ จากการผ่านเรื่องราวต่างๆ ที่ย่ำแย่ ทำให้จิตใจของกวางย่ำแย่ แต่ว่าเธอสร้างกำแพงปิดบังตัวเองเพื่อไม่ให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอ ซึ่งตัวละครนี้แตกต่างจากตัวแม็กกี้มาก เพราะสภาพจิตใจของแม็กกี้นี่สบาย ไม่ได้มีเรื่องย่ำแย่ พ่อแม่รักกันดี ส่วนเรื่องบุคลิกก็แตกต่าง เพราะกวางเป็นคนที่แตะใครนิดๆ หน่อยๆ คนก็หลงแล้ว แต่ตัวจริงแม็กกี้เองแตะให้ตายก็ไม่หลงหรอกมั้ง (หัวเราะ)”
 
“ส่วนฉากที่อินและประทับใจ แล้วก็เป็นซีนที่ยากด้วยก็เพราะว่ามีหลายอารมณ์หมาก เป็นฉากที่กวางต้องทะเลาะกับเขื่อน (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) เป็นฉากที่เรารู้ความจริงแล้ว แต่ก็ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจริงได้ แต่จริงๆ แล้วก็เหมือนกับเรารู้ความจริงอยู่บ้างแล้ว แต่ก็ไม่อยากรับรู้ ทีนี้พอมีคนมาเปิดเผยความจริงก็เหมือนตอกย้ำอารมณ์ให้มันปะทุแตกกระเจิงเป็นเสี่ยงๆ มันซับซ้อนหลายอารมณ์มากๆ ฉากนี้ฉากเดียวเล่นเอาเครียดไปเลยแล้วมันก็จะมีฉากอารมณ์ซับซ้อนอย่างนี้ตลอดเรื่อง ถือว่ายากทั้งเรื่องเลยค่ะ ต้องทำสมาธิมากๆ ในทุกฉาก เพื่อปรับให้ระดับอารมณ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ให้มีสิ่งรอบข้างมารบกวน”

ศิษย์หม่อมน้อย
กว่าแม็กกี้จะแสดงเข้าถึงบทบาทได้อย่างที่เห็น ก็เพราะเธอมีสุดยอดบรมครูของเมืองไทยที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาดีๆ ให้เรียนรู้ นั่นคือ หม่อมน้อย (หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล) ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ถ้าใครได้เป็นลูกศิษย์จึงถือเป็นโอกาสดีที่น่าไขว่คว้าไว้มาก

“ก็เป็นโอกาสที่ใครๆ ก็อยากเข้าไปถึงตรงนั้น เพราะว่าหม่อมน้อยท่านเป็นสุดยอดบรมครู เมื่อมีโอกาสเราก็ดีใจมาก ท่านได้สอนในสิ่งที่เราไม่รู้ มีครูคนไหนมาสอนก็ไม่เหมือนหม่อมน้อย อย่างแรกเลยหม่อมน้อยจะสอนให้รู้จักต้นทุนตัวเรา ต้นทุนของนักแสดง นั่นคือร่างกาย ไม่ได้สอนให้ใช้ท่าทางนะ สอนให้รู้จักใช้ต้นทุนของเราให้เกิดประโยชน์ ตา หู จมูก ปาก ลมหายใจอย่างนี้ค่ะ สอนให้รู้จักใช้มันให้ถูกทาง และสอนให้เราคิดอย่างตัวละครนั้น ไม่ใช่คิดแบบแม็กกี้ เพื่อสวมบทบาทให้เป็นตัวละครตัวนั้นอย่างแท้จริง ให้เราทำความเข้าใจก่อนว่าการแสดงไม่ใช่การทำท่า แต่เป็นการแสดงความรู้สึกเป็นตัวนั้นจริงๆ

ถ้าเป็นครูคนอื่นๆ เขาก็จะอธิบายให้เราฟังว่าบทนี้เป็นอย่างนี้ ต้องทำท่านี้ อย่างการเมา ไม่ใช่การทำท่าให้เมา การเมาจะทำให้สมองมันช้าลง เราก็ต้องคิดให้ช้าลง เหมือนกับว่าหม่อมน้อยสอนให้คิดมากกว่าใช้ร่างกาย มันไม่ใช่การทำท่า คนเมาบางครั้งไม่จำเป็นต้องเซ ยืนนิ่งก็ได้ ล้มไปเลยก็ได้ คือหม่อมน้อยสอนให้คิดอย่างตัวละคร ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนการก๊อบปี้เพื่อแสดงให้เหมือนคนนั้นคนนี้

ตอนเรียนการแสดงก็เข้าไปเรียนพร้อมกันกับเพื่อนนักแสดง อย่างพี่บีม (ศรัณยู ประชากริช) เป็นนักแสดงอยู่แล้วก็จะค่อนข้างไวกว่า แต่หนูเป็นนักแสดงใหม่ ก็เข้าเรียนเป็นความรู้ใหม่เลยว่า ต้องคิดยังไงให้เป็นอย่างตัวละคร เหมือนเข้าไปปรับเปลี่ยนร่างกายทุกอย่างเลย นอกจากนี้ก็ต้องมีการปรับลุคเยอะเหมือนกัน ทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้า ทรงผม เมกอัพ แล้วก็มีการลดสัดส่วนด้วยค่ะ”

การไปเวิร์กชอปด้วยกัน และการได้คำแนะนำดีๆ จากรุ่นพี่ในกองถ่าย ทำให้เกิดความสนิทและคุ้นเคยกันมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการแสดง ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ - อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ และป๊อปปี้ - บุญยิสา จันทราราชัย สองนักแสดงใหม่ รวมถึงนักแสดงรุ่นพี่อย่าง บีม ที่คอยช่วยสอนอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับการแสดง เธอจึงรู้สึกดีมากกับทุกคนในกองถ่ายและรู้สึกประทับใจกับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกนี้
“ในกองถ่าย ทุกคนดีกับเรามากเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ตากล้อง ทั้งหมดเป็นทีมงานที่ประทับใจมากเลยนะ ประทับใจที่เป็นกองฯ แรกของเรา ที่เราเคยคิดว่า เฮ้ย! เป็นนักแสดงหน้าใหม่นะ คงไม่มีใครมาใส่ใจอะไรอย่างนี้ แต่กลับเป็นว่าทุกๆ คนให้ความสนใจแม็กกี้มาก เขาให้คำปรึกษา ช่วยหาทางออก ช่วยเราทำงาน อย่างถ้าเราคิดอะไรไม่ออก และรู้สึกกดดันกับการทำงาน ทุกๆ คนจะอยู่ข้างๆ เราเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน ทำให้เราไม่รู้สึกเกร็งเลย”

ลูกไม้ใต้ต้น
ในฐานะที่คุณพ่อเคยเป็นนักแสดงมาก่อน ใครๆ ก็คงอยากเห็นฝีไม้ลายมือของลูกสาวสุดรักคนนี้ว่าจะฉายแววเป็นนักแสดงดาวรุ่งอนาคตไกลอีกคนหรือไม่ และคุณพ่อซูโม่ตุ๋ยมีส่วนช่วยผลักดันเธอเข้ามาในวงการบันเทิงอย่างไร หรือเส้นทางสายนี้เธอเลือกและกำหนดด้วยตัวเอง

“จริงๆ แล้วพ่อเขาเห็นว่าเรายังเด็ก และอยากให้มุ่งเรื่องการเรียนให้จบก่อน เขาก็จะไม่ค่อยพาเราไปเปิดตัวที่ไหน ส่วนตอนนี้เรียนจบมัธยมแล้ว 18 ปีแล้ว ก็ปล่อยให้คุณแม่คอยช่วยจัดการ เราก็เลยเริ่มเข้าไปแคสต์ ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างในวงการฯเต็มที่มากขึ้น

แม็กกี้เคยคิดนะคะว่าเป็นลูกพ่อเนี่ยอาจมีสิทธิพิเศษบ้าง ตอนแรกกดดันนะ คนจะคิดอย่างนี้รึเปล่าเนี่ย แม็กกี้ไม่อยากสนใจ เพราะเราไม่ใช่คนแบบนั้น แค่อยากให้มองที่ฝีมือมากกว่าว่า ลูกก็ทำได้นะ ไม่ใช่แค่ใช้นามสกุลนะ ซึ่งทางเรื่องนี้ พี่อุ๋ยผู้กำกับ เขาเรียกเราเข้าไปแคสต์ แล้วคาแร็กเตอร์มันใกล้เคียงกับที่เขาต้องการพอดี และพี่อุ๋ยเขาก็ชอบ ถ้าพี่เขาไม่ชอบก็ไม่อยู่แล้ว เพราะหนังเรื่องนี้พี่เขาตั้งใจทำมาก และแม็กกี้ก็ตั้งใจมาก เพราะเป็นเรื่องแรกที่จะทำให้ลดคำครหาทุกอย่าง คืออยากให้ดูที่ฝีมือที่เราตั้งใจทำจนหนังเรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์ และได้ยินแว่วๆ มาว่าทางพี่อุ๋ยยกมือให้ จึงรู้สึกเป็นกำลังใจต่อยอดขึ้นไปอีกว่าเราทำสำเร็จแล้ว”

หลายคนที่ไม่สนิทคุ้นเคยอาจมองว่าเธอเป็นคนเงียบๆ พูดน้อย ดูหยิ่งไม่อยากมักคุ้นกับใคร แต่เธอขอยืนยันว่าที่ไม่คุยด้วยก่อน เพราะเป็นคนไม่ค่อยเริ่มคุยกับใครอยู่แล้ว แต่ถ้าใครได้รู้จัก ได้สนิทกันก็จะเห็นว่าจริงใจมาก แม็กกี้จึงมีเพื่อนรักเยอะแยะมากมาย

“แม็กกี้ไม่รู้ตัวหรอกว่าเราเป็นคนหยิ่งหรือเปล่า แต่ลองถามคนอื่นดูเขาบอกว่าแม็กกี้เป็นคนเงียบๆ บางทีจึงอาจจะดูเหมือนหยิ่ง แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเพิ่งเจอกันแค่ครั้งสองครั้ง แม็กกี้จะไม่ค่อยพูด เคยคิดถึงขนาดที่ว่าถ้าบางครั้งเราพูดมากไป มันไม่ดี เลยเงียบดีกว่า เหมือนกับคำสอนที่ว่าปัญหามักจะเกิดจากคำพูดของเราเอง ถ้ายิ่งพูดมากปัญหาก็มาก ยิ่งพูดน้อยปัญหาก็น้อย คือต้องฟังให้มาก พูดให้น้อยจึงจะดี แต่คือว่าสมัยนี้มันก็ต้องพูดมากเหมือนกันนะ อย่างอาชีพดารา นักแสดงนี่มันก็ต้องพูดเยอะอยู่ ตอนนี้ก็ต้องปรับตัวให้พูดมากขึ้น

ถามว่าตอนนี้ลงตัวกับการเป็นนักแสดงไหมเหรอ จากเมื่อก่อนที่เป็นคนพูดน้อยมาก เพราะเมื่อเข้าวงการก็ต้องมีการให้สัมภาษณ์พูดคุย สิ่งต่างๆ มันทำให้เรากล้าแสดงออกมากขึ้น กล้าที่จะพูดมากขึ้น เราแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกๆ อย่างเป็นตัวเรา ใครถามอะไรก็ตอบไปตรงๆ ไม่ชอบพูดโกหก และเป็นคนจริงใจมากๆ”

อยากทำเบื้องหลัง
หลังจากที่เรียนจบมัธยม และเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท คณะนิเทศศาสตร์ อินเตอร์ฯ พร้อมกับการเริ่มทำงานในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ทำให้แม็กกี้เริ่มเห็นเส้นทางชีวิตของตัวเองชัดเจนขึ้น การวางแผนอนาคตจึงเป็นสิ่งที่เธอคาดฝันว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

“ตอนนี้เรียนนิเทศศาสตร์ อินเตอร์ฯ ปี 1 ถามว่าทำไมถึงเรียนด้านนี้ก็เพราะเลขเราก็ไม่ชอบ เศรษฐศาสตร์มันก็ไม่ใช่เราอยู่แล้ว และก็คิดว่าทางด้านบันเทิงนี่แหละเป็นเรา เนื่องจากได้คลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก คงไม่มีทางเลือกไหนแล้วแหละ เราก็ชอบด้วย และอยากเก่งภาษาอังกฤษด้วย จึงเรียนทางด้านนี้ อีกอย่างหนึ่งเรียน ม.กรุงเทพ กล้วยน้ำไท เพราะเดินทางสะดวกกว่าไปอยู่ที่รังสิต แม่เขาเป็นห่วงเรื่องการเดินทาง

เป้าหมายในชีวิตตอนนี้ อยากเรียนให้จบปริญญาตรีภายใน 4 ปี เพราะว่ามันมีทั้งงาน ทั้งการเรียนด้วย เราตั้งใจอยากประสบความสำเร็จทั้งสองอย่าง พอเรียนจบปุ๊บ! อาจจะทำงานต่อ หรือไม่ก็เรียนต่อโท เรียนฟิล์ม เพราะเราอยากทำเบื้องหลังดูบ้าง ไม่ได้อยากอยู่เบื้องหน้าอย่างเดียว มันเหมือนเรามาทางนี้แล้ว จึงอยากจริงจังด้านใดด้านหนึ่งไปเล รู้แล้ว แต่ถ้ารู้ไม่จริงก็ควรรู้ให้หมดเลยดีกว่า และจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมาก็พอรู้ด้านนี้อยู่บ้าง การทำงานเบื้องหลังจึงน่าจะเป็นสิ่งที่จะทำในอนาคต”

“แม็กกี้มีไอดอลเป็นดาราชาวต่างชาติอยู่คนหนึ่ง ชื่อ “เอ็มม่า สโตน” เขาเล่นหนังเรื่อง “โคลอี้” เราชอบดวงตาเขามากเลย ไม่ว่าเขาจะเล่นบทไหน เขาจะเล่นลึกมาก ก่อนที่แม็กกี้จะได้เล่นหนังเรื่อง คน-โลก-จิต เราได้ไปดูหนังเรื่องโคลอี้มา แล้วมันมีอารมณ์ซับซ้อนใกล้เคียงกัน เราก็ศึกษาจากเขา มันรู้สึกได้ว่าเขาแสดงด้วยสายตาออกมาทางความรู้สึก เราจึงยอมรับในความสามารถตรงนี้ของเขามากๆ
ถ้าไอดอลที่เป็นคนไทยล่ะ? “จะมีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เขาชื่อว่า “แพร” ถ้าเข้าไปดูในเฟซบุ๊กเขาจะมีรูปเยอะมาก เขาเป็นเมกอัพอาร์ติสต์ ในเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “Pearypie” จริงๆ แล้วเขาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สวยมาก เขาเป็นคนแต่งหน้า นายแบบ นางแบบ คนดัง ดาราดังระดับฮอลลีวูดเขาก็เคยแต่งมาแล้ว เขาเรียนอยู่ที่ลอนดอน และทำงานอยู่ที่นั่น เรารู้จักเขาทางอินสตาแกรม พอดูเขาแล้วรู้สึกชื่นชอบ เลยติดตามเขามาตลอด เขาไม่ได้แต่งหน้าธรรมดาด้วยนะคะ เขาแต่งได้หลายรูปแบบ แต่งแฟชั่น แต่งกราฟฟิก มีเพนต์ รูปภาพเยอะแยะมาก เขาเป็นคนสวยและเก่ง เขามีเสน่ห์มาก เราจึงอยากเป็นคนเก่งแบบเขาบ้าง”

คุณแม่ = ผู้จัดการส่วนตัว
ถึงแม้ว่าแม็กกี้ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการบันเทิง แต่การเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวก็เหมือนการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง และจะเป็นครั้งที่ดีที่สุดหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับการเริ่มต้น เมื่อทุกอย่างลงตัว เส้นทางนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ ประกอบกับคุณแม่ซึ่งคอยดูแลอยู่เคียงข้างอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าแม็กกี้จะทำอะไร หนักนิดเบาหน่อย แม่สุดที่รักก็คอยเป็นกำลังใจให้เสมอ

“ในครอบครัวจะสนิทกับคุณแม่มากที่สุด เพราะเราไปด้วยกันทุกที่ แต่บางทีก็เกรงใจอย่างไปกองถ่าย คุณแม่ไม่เคยปล่อยไปคนเดียวแน่ แม็กกี้จึงไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียวเลย แม่จะไปด้วยทุกที ไม่ว่าจะไปเที่ยว เดินชอปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง เรารู้สึกว่าแม่เป็นทุกอย่างเลย แม็กกี้ไม่จำเป็นต้องแยกแม่ออก แม่จึงรู้ทุกอย่างที่เป็นเรา ถ้าลูกอยากไปกับเพื่อนก็พาเพื่อนไปด้วยได้ ไปกัน 3 คน มีแม่ มีเรา มีเพื่อน บางทีก็เกรงใจนะคะ ให้แม่ไปรอกองถ่าย เพราะมันเหนื่อย ไม่อยากให้แม่เหนื่อย แต่เขากลับบอกว่าถ้าเหนื่อยก็เหนื่อยด้วยกัน ถ้าสุขก็สุขด้วยกัน แม่เขารักลูกมาก

พ่อแม่แม็กกี้จะคอยบอก คอยสอนนะคะว่าควรทำอะไรยังไงบ้าง เพราะไม่อยากให้เลือกเดินไปในทางที่ผิด มันจะเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ เขาจึงอยากมอบสิ่งที่ดีๆ ให้ลูก อยากให้ลูกเลือกเดินในสิ่งที่เขาแนะนำเราจากประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านมาก่อน

แม่จะคอยสอนเรื่องมารยาท ควรมีกาลเทศะ ไปมาลาไหว้ ช่างน้ำ ช่างไฟ ไม่ใช่ว่าเข้าหาผู้กำกับอย่างเดียว เพราะทุกๆ คนก็คือหนึ่งที่รวมกันแล้วทำให้เราไปสู่ความสำเร็จ สิ่งนี้แหละมันจึงเป็นเหมือนคุณงามความดีของแม็กกี้ไปเลย ไม่ว่าจะไปไหน คุณแม่เขาก็ภูมิใจ ที่มีคนพูดต่อไปถึงหูคุณปู่ คุณย่าแล้วว่าแม็กกี้เป็นเด็กมีมารยาท เรียบร้อย วางตัวดีมาก บางสิ่งที่ผ่านมาหลายคนอาจยังไม่เชื่อ แต่วันนี้เราทำให้เขาได้เห็นแล้ว มันพิสูจน์ตัวเราแล้ว”

ลูกเป็ดขี้เหร่
เขาว่ากันว่าถ้าใครขี้เหร่ตอนเด็ก โตขึ้นมาจะสวย คำกล่าวนี้คงใช้ได้กับแม็กกี้ เพราะตัวเธอเองยืนยันเป็นหนักเป็นแน่นว่าตอนเด็กขี้เหร่สุดๆ ไม่มีเคล้าว่าจะสวยได้เลย แต่พอโตขึ้นกลับสวยผิดหูผิดตา จนหลายคนทักว่าสวยขนาดนี้เลยเหรอ!? ก่อนที่เธอจะเท้าความในวัยเด็กให้ฟังว่า “สมัยเด็กเคยถ่ายโฆษณารู้สึกจะเป็นปลาหมึกทวิตตี้ ของพี่อุ๋ย (นนทรีย์ นิมิบุตร) นี่แหละค่ะ และเคยแสดงละครเรื่องน้ำพุ ที่พลอย - เฌอมาลย์เล่น นั่นเป็นเรื่องแรกเลย ได้เล่นเป็นน้องน้ำพุ และเราเด็กมากก็จำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่”

“ตอนเด็กแม็กกี้ขี้เหร่มากเลยนะ เป็นเด็กอ้วนๆ จ้ำม่ำจมูกแบนๆ อะไรอย่างนี้ค่ะ จริงๆ นะ ไม่รู้เหมือนกัน แต่มักจะมีคนบอกว่าขี้เหร่ๆ (เสียงสูง) แต่พอโตมา จึงมีแต่คนถามว่า โตแล้วเหรอเนี่ย สวยได้ยังไง แต่ก็มีหมอดูทักเหมือนกันนะในตอนเด็กๆ ว่าโตขึ้นจะมีแววเป็นดาราดังแน่เลย เราก็คิดในใจ หน้าตาอย่างนี้นะจะเป็นดาราดัง แต่พอมาถึงตอนนี้ เราเปลี่ยนไปแล้วนะ”

จากวัยเด็กสู่วัยรุ่น เธอมาเริ่มเล่นละครอีกครั้งตอนอายุ 15 เรื่อง น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ซึ่งตอนนั้นการแสดงภาพยนตร์ยังไม่เคยแตะเลยสักครั้ง จนมาถึงตอนนี้วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เธออายุ 19 ปี และได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกใน “คน-โลก-จิต” ซึ่งได้ฝากฝีมืออันจัดจ้านผ่านจอยักษ์ให้หลายคนได้รู้จักเธอมากขึ้นในมุมสาวสวยวัยใสที่ต่างจากเดิม

“พวกเพื่อนๆ พ่อ เขาก็จะบอกว่า “เฮ้ย! ใช่ลูกสาวหรือเปล่า ลูกสาวสวยขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่ได้พ่อเลยว่ะ ก็ดีแล้วแหละที่ไม่ได้พ่อ” หน้าตาเราได้ทางแม่มาหมดเลย (ยิ้ม)” ดูเหมือนเธอจะภูมิใจสุดๆ

คู่ซ้อมมวยปล้ำ
ความทรงจำในวัยเด็กของแม็กกี้ มักจะมีพี่ชายร่วมประสบการณ์ด้วยเสมอ จนกลายเป็นคู่กัดสองคนพี่น้องที่รักกันมาก ทุกวันนี้ในบางครั้งพี่ชายยังคงเทียวรับเทียวส่งด้วยความเป็นห่วงน้องสาว ถึงแม้ว่าจะเคยทำแซบซ่าส์กับน้องมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงเป็นความประทับใจอยู่ในความทรงจำดีๆ ของทั้งสองคนเสมอ

“ตอนเด็กจะไม่ค่อยดื้อ ไม่สน แต่ชอบร้องไห้ เพราะพี่ชายชอบแกล้ง แม็กกี้มีพี่น้องสองคน มีพี่ชายชื่อ “การ์ตูน” และก็มีแม็กกี้ พี่ตูนเขาชอบแกล้ง ตอนเด็กๆ เราเหมือนเป็นเด็กอ่อนแอ ชอบโดนพี่แกล้ง แต่พอโตแล้วนี่ น้องแกล้งพี่แทน (หัวเราะ) เราพี่น้องห่างกัน 4 ปี มีคนมาบอกแม่ว่า ถ้ามีลูกให้ห่างกัน 4 ปีแล้วเด็กจะรักกัน แต่ไม่เห็นเป็นอย่างนั้นเลย เราทะเลาะกันตั้งแต่เด็กเลย พี่เขาอาจจะรักนะ แต่รักแบบโหดๆ แม็กกี้เสี่ยงตายมาหลายรอบก็เพราะพี่ชายคนนี้”

แล้วเธอก็แชร์ประสบการณ์ให้ฟังต่อว่า “ตอนนั้นแม่ไปอาบน้ำ แม่ก็บอกพี่ว่า “ตูนดูแลน้องหน่อยนะ แม่อาบน้ำแป๊บหนึ่งนะ” พี่ก็ขานรับ “ครับแม่” แต่ตอนนั้นน้องติดอยู่กับโซฟา แล้วร้องไห้ดิ้นๆๆๆ ตัวตกโซฟา แต่หัวติดกับตู้อยู่ แล้วขาหยั่งไม่ถึงพื้น แม่ได้ยินเสียงก็บอกให้ดูน้องหน่อย น้องร้อง พี่ก็ “ครับแม่” เขาไม่อยากให้น้องร้องก็เอาผ้าขนหนูยัดปากเสียเลย พอแม่ออกมา “ตูนทำอะไรเนี่ย!” เด็กมันไม่รู้เรื่องไง

“มีอีกเหตุการณ์หนึ่งไปต่างจังหวัดกัน เรานั่งบนรถเข็น เขาเข็นเราลงบันได ล้อเกือบจะลงบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ย่าเย่อ ปู่มากันหมดเลย เรียกตูน เสียงดัง ส่วนน้องนี่หัวจะทิ่มแล้ว (ทำท่าทางให้ดู) หวิดมาหลายรอบมาก มันเหมือนกับว่าเขาอยากเล่นกับน้อง แต่เขาไม่รู้ไงว่าต้องเล่นยังไง

และด้วยความเป็นเด็กผู้ชายเขาจะเล่นแรงอยู่แล้ว ชอบเล่นมวยปล้ำ จับน้องเล่นมวยปล้ำตลอดเลย เล่นตีลังกง ตีลังกาตลอด เพราะตอนเด็กๆ มันจะมีมวยปล้ำที่ฮิตมาก พี่ชอบเป็นตัวอะไรไม่รู้ในมวยปล้ำ และจะชวนน้องเล่นตลอด แต่พอน้องโกรธ น้องงอน ร้องไห้ มันจะมีนกแก้วอัดเสียงอยู่ตัวหนึ่ง คุณพ่อซื้อให้ พอเราพูดปุ๊บ! น้องแก้วจะพูดซ้ำๆ เขาจะอัดเสียงมาให้ฟังว่า “ไอ้กี้บ้าๆ ดีกันนะๆ” มาเปิดอยู่หน้าห้อง ประตูก็กั้นกันอยู่อย่างนี้ น้องก็นั่งอยู่ในห้อง ส่วนพี่ก็อยู่ข้างนอก เอานกแก้วมาเปิดง้อเรา”

แก๊งสาวโฟร์เบอร์รี่
แก๊งเพื่อนสาว เป็นธรรมดาที่มีในเด็กมัธยม จับกลุ่ม จับแก๊ง แถมมีชื่อเรียกที่ดูแซบซ่าส์สุดๆ เรื่องนี้แม็กกี้เธอก็ไม่ขอแพ้ใครหน้าไหนทั้งนั้น ชีวิตวัยมัธยมกับวีรกรรมของพ้องเพื่อนสี่สาวของเธอที่รับรองความเบอร์รี่กว่าใคร

“จบมัธยมที่โรงเรียนหอวัง ลาดพร้าว ข้ามทางม้าลายก็ถึงเซ็นทรัลเลย มันเป็นทางกลับบ้านอยู่แล้ว เพื่อนๆ ในแก๊งจะมีอยู่ 4 คน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด จริงๆ มีชื่ออยู่ ชื่อมันไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่“โฟร์เบอร์รี่” (หัวเราะ) โฟร์มาจาก 4 คน ส่วนเบอร์รี่มาจากความเบอร์รี่ของแต่ละคน กลายเป็น“โฟร์เบอร์รี่-หอวัง” (หัวเราะดังขึ้นเหมือนกับว่าภูมิใจในแก๊งโฟร์เบอร์รี่สุดๆ) และพอเข้ามหาวิทยาลัยทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่สุดท้ายแล้วเราก็กลับมาสนิทกันอยู่ดี เพราะเราคบกันมา 6 ปี มันนานมาก ทุกวันนี้เราก็ยังนัดพบกันอยู่ ไม่พบไม่ได้นะ โฟร์เบอร์รี่นะคะ”

“เวลาว่างแม็กกี้ชอบทำขนมกินเอง ตอนแรกเริ่มทำจากวันเกิดเพื่อนก่อน ช่วยกันทำแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้เพื่อน เป็นเค้กกล้วยหอมเราไม่ได้ชิมเลย ให้เพื่อน ให้แม่ลองชิมดู บังเอิญวันนั้นมีคน มีผู้ใหญ่มาบ้านเยอะ เลยเอาออกไปเสิร์ฟ และคนก็กินหมดเลย เราภูมิใจนะมีคนกินของเราหมดด้วย ถ้าเหลืออยู่นี่ คงน่าเสียดาย ขนมส่วนใหญ่ที่ทำมีบัตเตอร์เค้ก เค้กกล้วยหอม เครปเค้ก เค้กช็อกโกแลต และคุกกี้ อย่างเครปเค้ก มันยากจริงๆ นะ เราต้องทำเครปทีละแผ่น และเอาวิปครีมทาทีละชั้น แม็กกี้ไม่ได้เรียนมานะ อาศัยดูในยูทูบแล้วลองทำตาม”

มีคนในใจแล้วค่ะ
พอมาถึงเรื่องความรัก จึงถามเธอไปตรงๆ เลยว่า ตอนนี้มีคนในใจแล้วหรือยัง? เธอจึงตอบทันที“โอ้โฮ! มีค่ะ มีอยู่หลายคนเลย คนในใจก็มีคุณแม่ คุณพ่อ คุณปู่ คุณย่า พี่น้อง อยู่ในใจเสมอ นอกนั้นยังไม่ถึงเวลาค่ะ ครอบครัวบอก (หัวเราะ)

จริงๆ แล้วยังไม่คิดถึงตรงนี้เลยนะ ความรักมันมีหลายแบบ ถามว่าความรักแบบแฟน ชู้สาวอะไรอย่างนี้ ตอนนี้ยังไม่มี แต่ความรักเพื่อน รักครอบครัวมีอยู่แล้วแน่นอน เวลาเรารู้สึกเหงาก็ไม่เห็นต้องมีแฟน เรามีพ่อแม่ มีเพื่อนเยอะแยะแล้ว เราไม่ต้องการอะไรแล้ว และก็มีความสุขดีอยู่แล้ว พ่อแม่เป็นคนตลก เวลาเราไปทำงาน ไปเที่ยว เราก็รู้สึกสนุกกับครอบครัว”

“เรื่องสเปกเหรอ ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ นะ นี่ไงสเปกประมาณนี้ (เธอชี้ไปที่หนุ่มบีม-ศรัณยู ซึ่งกำลังเดินตรงมาพอดี) ล้อเล่น แบบนี้ไม่ใช่นะพี่ (มาพูดเล่นนะ เดี๋ยวหนุ่มบีมคิดจริงจะหนาวมาก) จริงๆ แล้วแม็กกี้ไม่ชอบเด็ก คนที่มีความคิดเด็ก เพราะว่าเหมือนคนไม่รู้จักโต แล้วทำอะไรไม่เป็น อันนั้นเราคบเพื่อสนุกสนานได้ แต่ถ้าเราจริงจัง มีแฟนจริงๆ นะ เราก็ต้องคบคนที่มีความคิดที่โตแล้ว และคิดถึงอนาคตของเรา ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ เท่านั้น เพราะอนาคตของเราไม่แน่นอน ตอนนี้เราอาจยังเป็นสาวอยู่ ยังทำงานได้ แต่ต่อไปเราไม่มีงาน ก็ต้องมีที่ยึดเหนี่ยว เขาคนนั้นจึงต้องเป็นคนที่มั่นคง สามารถดูแลเราได้ตลอด พ่อแม่เราดูแลมา พอต้องไปอยู่กับอีกคนหนึ่ง เขาก็ต้องดูแลเราดีเหมือนกัน

จริงๆ แล้วเรื่องคนรักเราดูที่ความคิด และจิตใจ ซึ่งไม่ได้ดูที่รูปร่างภายนอกเลย” แล้วถ้าจิตใจดี แต่เจ้าชู้ล่ะ? “คิดว่าทุกคนเจ้าชู้หมดแหละ แต่ถ้าเขาดีกับเราเท่านี้ก็พอ”

สุดท้ายนี้แม็กกี้ขอฝากติดตามผลงานภาพยนตร์ครั้งแรกของเธอ “คน-โลก-จิต” ที่กำลังเข้าฉายอยู่ตอนนี้ “เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ท้าทายมากสำหรับแม็กกี้ มีการรับส่งอารมณ์กันของทุกคนแบบสุดๆ แม็กกี้ก็พยายามแสดงให้ดีที่สุด หวังว่าทุกคนจะชอบกับการแสดงและภาพรวมของหนังเรื่องนี้ค่ะ”

ตามด้วยภาพยนตร์เรื่องที่สองของแม็กกี้ “สูบคู่กู้โลก” ของ เป้-นฤบดี เวชกรรม ให้แฟนๆ ได้ติดตามชมอย่างไม่ขาดสาย กับหนังแนวตลกไซไฟร์ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว และมีสาวเจ้าเป็นนางเอกที่รับประกันความฮา เพราะมีตลกชื่อดัง เปิ้ล - หม่ำ ร่วมแสดงด้วย คาดว่าจะเข้าฉายในเดือนสิงหาคมนี้





ประะวัติส่วนตัว
ชื่อจริง : อาภา ภาวิไล (แม็กกี้)
วันเกิด : 23 มกราคม 2536
น้ำหนัก - ส่วนสูง : 45 กก. / 165 ซม.
ผลงาน : ละคร น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ (รับบท ตังเม) / CJ chic channel 68 (cj macky) / ละครเพลง หนึ่งในดวงใจ The Musical (บริษัท JSL) / ละครสัมผัสพิศวง ตอน อะไหล่มนุษย์ (ช่อง 3) / ละครซิตคอม สารภีหรรษา (ช่อง TPBS) / ภาพยนตร์ สูบคู่กู้โลก (2555)
ความสามารถพิเศษ : รำไทย และพิธีกร 
เวลาว่าง : ทำอาหาร ว่ายน้ำ และเล่นฟิตเนส
คติประจำใจ : คนล้มอย่าข้าม
 
 
 

 
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์











แม็กกี้ กับคุณพ่อซูโม่ตุ๋ย
แม็กกี้วัยละอ่อน



กำลังโหลดความคิดเห็น