xs
xsm
sm
md
lg

“เจ้าสัวธนินท์” ในมุมที่คุณต้องทึ่ง! รักไก่ยิ่งกว่าลูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นี่เป็นครั้งแรกที่คุณจะได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของ “ธนินท์ เจียรวนนท์” เศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทย เพราะครั้งนี้เขาได้วางฐานะประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือซีพีพักไว้ แล้วมาพูดเปิดอกผ่านมุมมองของเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งในวันวาน ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ “แอ๊ด คาราบาว” รู้จักในฐานะเพื่อนสนิทที่รู้ใจ และครูใหญ่ที่แสนดี
 
คงไม่จำเป็นต้องซักไซ้ถามไถ่ประวัติของเขาให้เสียเวลา เพราะแค่เสิร์ชชื่อ “ธนินท์ เจียรวนนท์” ก็มีข้อมูลความสำเร็จในชีวิตของเขาปรากฏล้นทะลักให้อ่านกันแทบไม่หวาดไม่ไหว เพราะฉะนั้น ประโยคเดิมๆ ประเภทว่าเขามีเส้นทางสู่กองเงินกองทองอย่างไรจึงเชยเกินไป ในโอกาสที่ได้พูดคุยกับซีอีโอระดับประเทศอย่างเป็นกันเองเช่นนี้ M-Lite จึงขอรู้จักตัวตนจริงๆ ของเขาในมุมที่น้อยคนนักจะได้เห็นกันดีกว่า


มาชนกันหน่อย
ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์กับผลิตผลที่ได้มาจากไก่ คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดใจ แต่นี่กำลังพูดถึงไก่ตัวเป็นๆ กับผู้บริหารมือทองระดับประเทศว่ามีความผูกพันกันแนบแน่นชนิดที่ได้ยินแล้วต้องร้องว้าว! เลยทีเดียว
 

ผมชอบไก่ชนตั้งแต่อายุเก้าขวบแล้ว รู้สึกว่ามันดูสง่า เข้มแข็ง แล้วก็เจ้าเนื้อดี พออายุสัก 11 ขวบก็เริ่มไปซื้อมาเลี้ยงไว้ ตอนนั้นผมอยู่โรงเรียนกินนอน (โรงเรียนสารสิทธิ์ บ้านโป่ง จ.ราชบุรี) เลยเลี้ยงมันไว้เองไม่ได้ แต่ด้วยความที่ชอบมากเลยขอไปฝากไว้ที่บ้านครู ทั้งตัวนี่เขียวสวยมาก มันเป็นไก่ชน แต่เชื่อไหมผมไม่เคยเอาไปตีเลยนะ หวงมาก เลี้ยงไว้ดูสวยๆ อย่างเดียว แวะไปดูมันบ่อยๆ แต่เลี้ยงได้ไม่กี่อาทิตย์ก็ตาย เพราะเราไม่มีเวลาดูมันมาก” ซีอีโอวัย 72 ค่อยๆ พาผู้ฟังดำดิ่งไปกับหัวใจใสๆ เมื่อครั้งยังเยาว์วัยของตัวเอง
 

“ได้เงินแต๊ะเอียมาก็เอาไปซื้อ อย่างตอนตรุษจีน ตามต่างจังหวัดเขาเอาไก่มาขาย เราก็ไปเลือกไปซื้อ คัดเอาตัวสวยๆ มา ผมกับวัลลภ (พี่ชาย) ก็เอามาตีกัน แต่ไม่เคยรู้ผลแพ้ชนะกันจริงๆ เลยนะ เสียดาย (เล่าไปยิ้มไป) เรารักของเราน่ะ ตีให้พอรู้ว่าใครดูเหมือนจะแพ้แล้วก็จับแยกกันเลย พอมาเปิดศูนย์ที่นี่ ผมก็เลยออกกฎให้ใส่นวมชกกัน มันจะได้เจ็บน้อยลง แล้วก็มีกรรมการกดให้คะแนนเหมือนนักมวยแข่งซีเกมส์เลย ทำให้มันเป็นกีฬาจริงๆ เคยจัดชนไก่นานาชาติด้วยเมื่อปี 42 แต่พอไข้หวัดนกมาเลยเลิกกันหมด ตีกันแค่ในประเทศ เอาไก่มาชนกันที่นี่แหละ”
 

“ที่นี่” ที่ท่านประธานพูดถึงคือศูนย์วิชาการและสาธิตพันธุ์ไก่พื้นเมือง อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี ซึ่งเจ้าตัวสร้างขึ้นเป็นที่ทำกินของชุมชน สนับสนุนให้ชาวบ้านเลี้ยงไก่เพื่อประกอบอาชีพ ทั้งยังจัดเวทีแข่งขันกีฬาชนไก่แบบถูกกฎหมายอย่างเป็นทางการขึ้นอีกด้วย บางคนอาจมองว่ากีฬาประเภทนี้โหดร้ายทารุณ ไม่ควรสนับสนุน แต่คนต้นคิดคนนี้มีมุมมองที่แตกต่างออกไปมาให้ลองรับฟัง
 

“มันเป็นความบันเทิงของกษัตริย์มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว มันไม่ได้ทรมานอะไรนะ (ส่ายหน้า) คนคิดอย่างนั้นแสดงว่าเขาไม่เข้าใจ ไก่ชน เวลาเขาไม่ชน เราไปสั่งไม่ได้นะ แต่นักมวยไปต่อยกันเลือดออก ถามว่าทรมานไหม ถ้าเป็นไก่เนี่ย ตัวไหนปล่อยไปสู้ ถ้าเขาไม่สู้ เขาหนีเลย จับให้มาสู้อีกก็หนี จับอีกก็หนีอยู่อย่างนั้นแหละ ศัพท์เฉพาะเขาเรียกว่าดีดไก่ ถ้าตัวไหนดีดออกก็ไม่ต้องเจ็บตัว แต่ตัวที่เห็นว่าตีๆ กันอยู่เนี่ย คือตัวที่เขาพร้อมใจจะสู้กันอยู่แล้ว เพราะงั้นถ้าจะบอกว่าทรมานสัตว์ ผมว่าไม่หรอก การทรมานคือการถูกบังคับ แต่นี่เขาพร้อมจะสู้เอง
 

สีหน้าแววตาของคนเล่าสื่อความสุขในเรื่องที่กำลังพูดถึงออกมาได้อย่างชัดเจนจนอดสงสัยไม่ได้ว่าไก่ชนมันมีเสน่ห์ตรงไหน ท่านยิ้มเย็นๆ แล้วค่อยๆ บอกเล่าความรู้สึกออกมา
ถ้าปล่อยเขาตามธรรมชาติ เวลาเดินนี่สง่ามาก คนไม่ได้เลี้ยงอาจจะดูไม่เข้าใจนะ แต่คนที่เลี้ยงอย่างผมนี่นั่งดูมันได้ทั้งวันแหละ แถมยังเลี้ยงง่าย ผสมพันธุ์ต่อได้ ทนต่อโรค แล้วก็ไม่ต้องขังกรง กลางคืนนอนบนต้นไม้ กลางวันก็หากิน วันไหนไม่มีข้าวเปลือกให้กินก็ไม่เป็นไร เขาก็ไปหากินเองได้ คนไทยสมัยก่อนบอกช้างคู่เมือง ไก่คู่บ้าน คือทุกบ้านต้องเลี้ยงไก่ แล้วไก่ชนพันธุ์ไทยแท้ๆ ของเรายิ่งน่าเลี้ยง จะปล่อยให้สูญพันธุ์ได้ยังไง เราต้องอนุรักษ์ไว้” น้ำเสียงคนพูดหนักแน่นชัดเจน ก่อนผ่อนระดับลงเป็นสำเนียงกันเองอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
 
ยิ่งเอาคนหนุ่มๆ มาเลี้ยง รับรองว่าไม่ไปติดยาเสพติดแน่นอน (ยิ้มมีแววขี้เล่นในสายตา) พอเลิกจากโรงเรียนก็ต้องกลับมาเลี้ยงไก่แล้ว ต้องอาบน้ำให้ไก่ คนเลี้ยงแล้วรักจริงๆ บางคนเขารักไก่ยิ่งกว่าลูกอีกนะ บอกว่าไม่เคยอาบน้ำให้ลูก แต่ต้องอาบน้ำให้ไก่เช้าเย็นทุกวัน ไม่เคยกางมุ้งให้ลูก แต่ต้องกางมุ้งให้ไก่ทุกวัน นี่เป็นความจริง”


ตลาดหลักทรัพย์=บ่อนไก่
แล้วเวลาชน ท่านมีพนันบ้างไหม? ผู้สัมภาษณ์ตอบรับรอยยิ้มเป็นกันเองของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยการขุดให้ลึกลงไปอีก “มีบ้าง แต่ผมพนันน้อย มากสุดก็หลักหมื่น ผมแค่เล่นสนุกๆ ไม่ได้กะจะชนะ ผมชอบออกตัวเร็ว ออกตัวเชียร์ตัวแพ้บ่อย แต่คนที่เซียนจริงๆ เขาดูเก่ง เขาจะเล่นตัวที่ชนะ” แล้วผู้บริหารมือฉมังก็อดโยงเข้าเรื่องเงินเรื่องทองไม่ได้
 

“ประเทศเราน่าจะส่งเสริมให้ตีไก่กันมากกว่านี้นะ คนชอบหาว่ามันเป็นบ่อนตีไก่ จริงๆ ไม่ใช่ เราจัดให้ตีกันแบบไม่โกงกัน มีระเบียบกติกา มีใบอนุญาตเรียบร้อย ที่นี่ก็เป็นเหมือนตลาดหลักทรัพย์นั่นแหละ แต่เป็นตลาดหลักทรัพย์ของชาวนาชาวไร่ เขาเลี้ยงไก่แล้วเอามาตีที่นี่ พอตีชนะตัวหนึ่งราคามันก็เพิ่มขึ้น ขายได้เป็นหมื่นเป็นแสน อย่างน้อยขายเป็นพัน"
"สมมติมีสิบตัว ตัวหนึ่งขายเป็นพัน ที่เหลือเก้าตัวกินฟรีก็ยังได้ แต่ถ้าไม่มีสนามชนไก่ มูลค่ามันจะไม่เกิด คนเล่นการพนันก็เหมือนกับคนเล่นหุ้นนั่นแหละ ถ้าบอกว่าพนันที่นี่ไม่ถูกต้อง หุ้นก็ต้องอย่าเล่นสิ มันก็เป็นการเก็งกำไรเหมือนกัน
 

กำไรที่ว่าเกิดขึ้นได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากการเลี้ยงไก่พื้นเมืองหรือไก่ชน ถ้าตัวไหนตีเก่งก็จับมาแข่ง พอชนะ ค่าตัวก็จะยิ่งสูง ยิ่งชนะบ่อยก็ยิ่งได้กำไรมาก แต่ตัวไหนตีไม่รุ่งก็จับไปเป็นพ่อพันธุ์หรือเป็นแม่พันธุ์ผลิตไข่ พอแก่แล้วจะจับมาเชือดทำอาหารก็ยังได้ ท่านจึงบอกว่า “มีไก่ก็เหมือนมีตู้เย็นในบ้าน”
 

“มาที่นี่แล้วสนุก อาทิตย์หนึ่งมาครั้งหนึ่งก็ไม่ผิดอะไร มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน เอ๊ะ! ทำไมตัวนี้ขายได้เป็นหมื่น คุณเลี้ยงยังไง ถามกันไปมา กระตุ้นให้อยากกลับไปเลี้ยง แต่ถ้าเลี้ยงแล้วตีไม่เก่ง ก็ขายต่อได้ไม่เน่าไม่เปื่อย เป็นเหมือนตู้เย็นเคลื่อนที่เลย อย่างผักถ้าปลูกเสร็จ ถึงเวลาออกผลไม่เก็บเกี่ยว ไม่ขายก็เน่า กินไม่ได้แล้ว แต่ไก่เราเลี้ยงไปกินไป ชาวบ้านสมัยโบราณเขามีตู้เย็นที่ไหน ก็อาศัยทยอยเชือดไก่ใต้ถุนนี่แหละประทังชีวิต
 

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดผู้ชายคนนี้จึงเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเครือข่ายครอบคลุมในหลายๆ ประเทศ เพราะแม้แต่งานอดิเรกอย่างการเลี้ยงไก่ ยังมองเห็นหนทางสู่ประตูเงินประตูทองได้เลย หลายคนคงคิดว่าความคิดก้อนนี้คงมีประโยชน์ต่อธุรกิจในเครือซีพีไม่มากก็น้อย แต่เจ้าตัวยืนยันด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายว่า
 
“ผมสนับสนุนเรื่องไก่นี่มีแต่เสียเงินนะ ไม่มีได้เลย เสียจนคนที่ทำโปรเจกต์เขาไม่ค่อยพอใจผมแล้ว (หัวเราะเบาๆ) จริงๆ แล้วเรื่องสนับสนุนให้ชาวบ้านเลี้ยงไก่นี่ขัดกับนโยบายของเรานะ เราเอาพันธุ์ไก่ดีๆ ให้ชาวบ้าน ชาวบ้านจะได้ทั้งเนื้อไก่ทั้งไข่ ทำให้เราขายไข่ได้น้อยลง เพราะถ้าเขามีไก่เองก็ไม่ต้องไปซื้อไก่ย่างห้าดาวของเรา มีไข่กินก็ไม่ต้องซื้อไข่ซีพี แต่แค่คิดว่าเราได้เงินจากไก่มาก็เลยอยากจะคืนกลับเขาบ้างเท่านั้นเอง เลี้ยงไก่นี่ดีกว่าไปซื้อลอตเตอรี่อีกนะ จริงๆ” ซีอีโอหัวก้าวหน้ายังคงย้ำความคิดเดิม


ฝันเล็กๆ ของเด็กชายธนินท์
ต้องพุ่งมาทางสายธุรกิจตั้งแต่เด็กแน่ๆ... คนส่วนใหญ่มักจะมองภาพเด็กชายธนินท์ไว้อย่างนั้น ซึ่งหากลองอ่านประวัติการทำงานของท่านมันก็ใช่ ท่านคือหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญผู้ช่วยสืบทอดกิจการของตระกูลค้าอาหารสัตว์มาตั้งแต่วัย 20 ต้นๆ จนขยายธุรกิจได้ยิ่งใหญ่อย่างในปัจจุบัน แต่ใครจะรู้บ้างว่าในหัวใจของเด็กชายธนินท์ในวันนั้น มีความฝันอยากเป็น “Film Maker” ซ่อนอยู่เบื้องลึก
 

“ตอนเด็กๆ มากๆ ก็คิดแค่อยากมีอิสระ อยากสนุก ไม่ต้องเรียนหนังสือดีที่สุด แต่พอขึ้นชั้นป.4 เรียนอยู่ที่จีน ได้ดูหนังแล้วประทับใจ ก็เลยมีความคิดอยากเป็นคนสร้างหนัง เอาหนังสือมาดูว่าแต่ละเรื่องผู้กำกับหรือคนสร้าง เขาเขียนว่ายังไงบ้าง แล้วก็ก็อปปี้โครง ดูวิธีสร้างเรื่องเอาไปเขียนของตัวเอง เสร็จแล้วก็แสดงให้เพื่อนๆ ดูกันเองในโรงเรียน”
 

“ชอว์ บราเดอร์” คือบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กชายธนินท์ในอดีต รู้ได้จากการกล่าวถึงความฝันของตัวเองว่า “ผมอยากเป็นชอว์ บราเดอร์” ไม่ได้บอกว่าอยากเป็นผู้อำนวยการผลิตภาพยนตร์แต่อย่างใด ซึ่งเป็นอันเข้าใจได้เพราะยุคนั้นบริษัทดังกล่าวมีบทบาทมากที่สุดแล้วในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นหนังรักโรแมนติก หนังงิ้ว ประเภทอิงประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังจีนกำลังภายในที่หลายคนคุ้นหูอย่าง “เดชไอ้ด้วน” ก็เป็นงานมาสเตอร์พีซของที่นี่ทั้งนั้น แต่ในเมื่อยังมีความรับผิดชอบอยู่ในมือ เขาจึงจำต้องสลัดความฝันทิ้งไปก่อนแล้วมุ่งเรื่องธุรกิจอย่างเดียว
 

“ตอนนั้นผมคิดว่าอยากจะไปทางนี้ แต่ชีวิตจริงมันก็ไม่ใช่อย่างที่เราต้องการเสมอไป อันนี้ทุกคนต้องรู้ไว้ ในเมื่อยังต้องรับผิดชอบอีกหน้าที่หนึ่ง เราก็ต้องทำให้เต็มที่ ผมเลยตั้งใจกับการทำธุรกิจ คิดว่าถ้าเราทำอะไร รับผิดชอบอะไรไปแล้ว งานนั้นเราต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าพอไม่ชอบก็ทำไม่เต็มที่ ถ้าทำอย่างนั้นมันเสียหาย แล้วตอนนั้นเรายังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ ยังไม่มีอิสระ เงินก็ไม่มี อำนาจก็ไม่มี ถามว่าจะมานั่งรอเป็นผู้กำกับไปวันๆ หนึ่งได้ยังไง เราก็ต้องหางานอื่นทำไปก่อน และถ้าทำก็ต้องทำให้ดีด้วย แล้วเรื่องความฝัน รอวันที่มีโอกาสแล้วค่อยทำต่อ
 

ซึ่งเป็นจริงอย่างที่ท่านพูดไว้ ในวันที่ธนินท์ เจียรวนนท์มีพร้อมทั้งโอกาสและเงินทองแล้ว เขาจึงกลับมาปั้นฝันให้เป็นตัวตนอีกครั้งโดยเริ่มจากการร่วมทุนกับสถานีโทรทัศน์ที่เซี่ยงไฮ้เปิดบริษัท Shanghai Chia Tai TV Productions จำกัด (SHCTV) ผลิตรายการทีวีและวิทยุอย่างครบวงจรเป็นแห่งแรกของที่นั่น กระทั่งมีช่องทรู วิชันส์ในประเทศไทย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทั้งหมดทั้งมวลมาจากการกวนตะกอนความฝันในวัยเด็กให้กลับมามีชีวิตแทบทั้งสิ้น
 

ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งใดก็ดูเหมือนคนคนนี้จะประสบความสำเร็จไปหมดเสียทุกอย่าง ถามว่ามีสิ่งไหนบ้างที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ เจ้าตัวมากประสบการณ์ยิ้มกว้างแล้วให้คำตอบ
 
“ยังต้องทำเรื่องตู้เย็นชุมชนให้สำเร็จ คิดไว้ว่าจะเอาตู้เย็นของซีพีเฟรชมาร์ทไปตั้งในร้านโชวห่วยให้เขาเช่า เจ้าของร้านไม่ต้องออกเงินค่าของ ค่าตู้ ออกแค่ค่าไฟ เราเตรียมของไปเต็มตู้ไปวางไว้ พอครบอาทิตย์หนึ่งเมื่อไหร่ก็ไปเช็กดู ขายไม่ได้เราก็เอาของไปเปลี่ยน ขายได้เขาก็ได้เปอร์เซ็นต์ไป คิดดูว่าเมืองไทยเรามีร้านโชวห่วยถึงหกแสนร้านเชียวนะ เซเว่นฯ ทุกวันนี้เห็นว่าเยอะมีแค่หกพันเจ็ดพันแห่งเอง ถ้าทำตรงนี้สำเร็จ ผมก็ถือว่าได้ทั้งสองฝ่าย เขาได้ส่วนแบ่ง เราได้ขาย กะว่าจะเริ่มจากที่ไทยก่อน แล้วต่อไปจะทำทั่วอาเซียนเลย” ดูเหมือนว่าเด็กชายธนินท์จะมีฝันครั้งใหม่เรียบร้อยแล้ว


---ล้อมกรอบ---
คู่ซี้ต่างมุม
สังเกตดีๆ จะเห็นว่าหัวเข็มขัดของคุณธนินท์ที่ใส่มาวันนี้เป็นรูป “ไก่ชน” ซึ่งนอกจากจะช่วยตอกย้ำความรักที่มีต่อสัตว์ชนิดนี้แล้ว ยังช่วยย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของผู้บริหารเงินล้านกับนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ “แอ๊ด คาราบาว” ได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งสองคือเพื่อนคนสนิท และเข็มขัดเส้นดังกล่าวก็คือของขวัญจากเพื่อนคนนี้นี่เอง
 

“คุณแอ๊ด คาราบาวให้ผม ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้วได้ หัวมันน่าจะทำมาจากงาช้างนะ ผมให้เครื่องฟักไข่เขา เขาก็ให้นี่ผม” เมื่อได้รับรอยยิ้มชื่นใจของคุณธนินท์เป็นคำตอบ เราจึงขอคอนเฟิร์มอีกครั้งด้วยความทรงจำต่างๆ ที่มีร่วมกันจากปากของนักร้องเพื่อชีวิตชื่อดังคนนี้ “ยืนยง โอภากุล”
 

“รู้จักกันมาได้ 12 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ตอนศูนย์นี้เปิดใหม่ๆ พอดีเขามีข่าวทางหนังสือพิมพ์ว่าจะมีการแข่งขันไก่ชน (งานชนไก่นานาชาติ พนัสนิคม จ.ชลบุรี) สมัยเด็กๆ ผมก็เลี้ยงไก่ ผมเลยแวะมาดู แล้วก็ได้พบกับท่าน ท่านถามว่าคุณแอ๊ดชอบไก่เหรอ แล้วก็เมตตาให้ไก่ผมมาตัวหนึ่ง เป็นไก่ที่สวยมาก น้ำหนักสี่กิโลฯ กว่า ท่านตั้งชื่อว่า “เทารูปหล่อ” เพราะตัวเป็นสีเทา ตัวใหญ่มาก พันธุ์ไซ่ง่อน เป็นตัวโปรดของท่านเลย ผมก็ไปเพาะได้ลูกหลานเยอะแยะ เสียดายหาคู่ตีไม่ได้เพราะมันตัวใหญ่” แววตาของแอ๊ดดูอ่อนโยนลงเมื่อพูดถึงเพื่อนซี้คนนี้
 

ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยได้ชนไก่กับท่านหรอกครับ มีแต่ขอไก่ท่านไป (หัวเราะเบาๆ) เพราะไก่ท่านเยอะกว่าผม แต่ท่านชอบให้เลี้ยงไก่ตัวใหญ่ๆ นะ บอกมันกินข้าวเหมือนกัน ถ้าเลี้ยงแล้วได้เนื้อด้วยก็จะดี เพราะไก่ชนเราเลี้ยงเพื่อเอามากินเป็นหลัก ที่เก่งๆ ก็เอาไปตี ไปขายเป็นมูลค่าเพิ่ม ถ้าเกิดเราเลี้ยงแต่ตัวเล็กๆ มันก็ไม่มีเนื้อมีหนัง ท่านมักจะมองอะไรที่เกินไปกว่าที่เรามอง ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะมองว่าขอให้เก่งไว้ก่อน เล็กใหญ่ไม่สน”
 

ทั้งสองสนิทสนมกันถึงขนาดสามารถต่อสายตรงคุยกันได้ตลอด แถมยังเคยไปเลือกไก่ด้วยกันในต่างประเทศมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทั้งจีน เขมร เวียดนาม
“ส่วนใหญ่เวลาไปดูชนไก่ด้วยกัน ผมจะฟังทัศนะท่านเล่า ผมดูไก่เก่งไม่เท่าท่าน ท่านก็จะแนะนำ อาจจะให้ดูจากการตีของมันแล้วดูว่าจะเชียร์ตัวไหน แต่ถ้าดูผิวเผินจากภายนอก เขาเรียกว่าอุดมทัศนีย์ คือใบหน้า ลูกตา ปาก เกร็ด แข้ง ขนปีก ตัวที่เก่งดูแล้วจะมีรังสี ผมรับไก่ตัวหนึ่งมาเลี้ยงแล้วมันเก่งมาก เอาไปตีแล้วชนะทุกไฟต์เลย แต่ผมเอาไปคืนเจ้าของเขาแล้วที่เชียงคาน ท่านประธานรู้ติดต่อผมเลย บอกว่าขอซื้อหน่อยท่านให้สามแสน ทั้งๆ ที่มันแก่แล้วนะ เลิกตีแล้ว แต่เอากลับมาก็ไม่ผิดหวัง เอามาเป็นพ่อพันธุ์ ตอนนี้ลูกหลานมันก็ตีแทน”
 

หลายคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าซีอีโอใส่สูทชั้นดีจะกินอยู่พูดคุยอย่างไรเมื่ออยู่กับเพื่อนขาลุยอย่างแอ๊ด คาราบาว แต่คนเล่าก็ยังคอนเฟิร์มว่าท่านสมถะจริงๆ “เคยไปซื้อไก่กัน ระหว่างทางท่านก็ชวนลงไปกินข้าว ก็กินผัดกะเพราไข่ดาวร้านข้างทางนั่นแหละครับ ท่านเป็นคนง่ายๆ สบายๆ กินได้เหมือนเราเลย เพียงแต่ท่านกินไม่เผ็ด แล้วก็ชอบร้องเพลงเหมือนกัน เคยไปดูคอนเสิร์ตที่ผมเล่นด้วย” รอยยิ้มของคนพูดฉายในดวงตาชัดเจน
 

นอกจากเป็นเพื่อนสนิทแล้ว คุณธนินท์ยังเป็นครูใหญ่ของแอ๊ดอีกด้วย เขาบอกอย่างนั้น ท่านช่วยให้คำปรึกษาตั้งแต่ตอนเริ่มธุรกิจเครื่องชูกำลัง “คาราบาวแดง” ไปจนถึงแนวคิดต่างๆ ในชีวิต อย่างนี้ไม่ซี้ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว
 

“ท่านเป็นครูใหญ่ของผมครับ ผมชอบฟังและท่านก็ชอบสอน โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจ บอกว่าถ้าคิดว่าฉันทำงานมากกว่า ฉันต้องได้เงินมากกว่า อย่างนั้นผิด แล้วก็มาโกงคนอื่น ท่านบอกอย่าทำ ท่านจะเล่าว่าท่านมีพี่น้องสามคน เราไม่เคยทะเลาะกันเลย เพราะถ้าเราอยากได้มากกว่า เราช่วยกัน สามแรงแข็งขัน มันได้เยอะกว่าที่คุณจะไปโกงเพื่อนโกงพี่น้องอีก"
"แล้วก็สอนให้เป็นคนคิดการณ์ใหญ่ไว้ก่อน ถ้าจะทำอย่าไปทำเล็กๆ เพราะมันเหนื่อยเท่ากัน เดี๋ยวพอทำใหญ่ๆ ส่วนเล็กๆ จะได้มาเป็นของแถมเอง พอฟังอย่างนี้ผมก็ โอ้! มันใช่เลย แต่เราก็ต้องไปหากู้อยู่ดี แต่ท่านไม่ต้องกู้ ท่านมีเยอะ” แอ๊ดหัวเราะเสียงก้องปิดท้าย

ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์


สีหน้าเปี่ยมสุขเมื่อพูดถึงสิ่งที่รัก

หัวเข็มขัดไก่ชน ของฝากจากเพื่อนซี้
มุมที่ทุกคนชินตา
มุมสบายๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็น
คู่ซี้คนละขั้วแต่ชอบเรื่องเดียวกัน

นกพิราบ สัตว์อีกชนิดที่รักมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น