ยกฟ้อง “เสกสรร วรปีติเจริญกุล” แนวร่วมเสื้อแดง คดีครอบครองระเบิดขวด 51 ขวด-ระเบิดแสวงเครื่องถังดับเพลิง ซุกในรถฮอนด้าซีวิค ศาลชี้ผลตรวจลายนิ้วแฝงไม่ตรงจำเลย อัยการนำสืบไม่ชัดว่ารู้เห็นร่วมซุกซ่อนระเบิด
วันนี้ (27 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3543/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเสกสรร วรปีติเจริญกุล อายุ 38 ปี อาชีพขับรถตู้วิน ชาว กทม. ซึ่งเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490
คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 28 ต.ค.53 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า ระหว่างปลายเดือน เม.ย.-14 พ.ค.53 จำเลยกับพวกอีก 2 คนที่ยังหลบหนีร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมโดยมีวัตถุระเบิดลักษณะเป็นขวดเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อคาราบาวแดง, เอ็ม 150, กระทิงแดงบรรจุน้ำมันเบนซิน ผูกติดกับลูกพลาสติกสลับสีและดินดำ หุ้มด้วยเทปพันสายไฟ รวม 51 ขวด, ถังดับเพลิงยี่ห้อต่างๆ บรรจุปุ๋ยยูเรีย และฝักแคระเบิดสีขาว กับเชื้อปะทุสภาพใช้งานได้จำนวน 4 ถัง วงจรระเบิดทำด้วยโทรศัพท์มือถือ สวิตช์เปิด-ปิด แบตเตอรี่ ขนาด 9 โวลท์ 7 เครื่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นระเบิดแสวงเครื่อง, เครื่องจุดระบิดแบบ M 60 จำนวน 3 เครื่อง มีใช้ในราชการทหาร-ตำรวจ ลูกระเบิดยิงขนาด 40 มม. แบบเอ็ม 79 ชนิดระเบิดลูกปราย 1 นัด กระสุนปืนขนาด .45 รวม 20 นัด และอื่นๆ เหตุเกิดที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ต่อมาวันที่ 14 พ.ค.53 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดวัตถุระเบิด อาวุธปืน และเครื่องกระสุน รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับประกอบวัตถุระเบิดหลายรายการเป็นของกลาง กระทั่งวันที่ 4 ส.ค.53 จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายธนเดช หรือไก่ เอกอภิวัฒน์ ได้ครอบครองรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค ต่อมาวันที่ 14 พ.ค.53 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นรถดังกล่าวที่จอดไว้พบอุปกรณ์ประกอบระเบิดและเครื่องกระสุนปืนตามฟ้อง ซึ่งการสอบสวนทราบว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นรถที่มีผู้แจ้งหายไว้ที่ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โดยโจทก์ มีพี่สาวของนายธนเดช หรือไก่ เบิกความเป็นพยานว่า ช่วงที่เห็นรถจอดไว้ที่บ้านริมน้ำ เห็นจำเลย และนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี ที่ขับรถตู้วินเดียวกัน มารับน้องชายไปร่วมชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งบางครั้งจะมีการขับรถยนต์คันดังกล่าวออกไปบ้าง ถ้าไม่ขับรถตู้ โดยโจทก์ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้นรถยนต์ ร่วมเบิกความเป็นพยาน แต่ทางพิจารณาโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าในการร่วมชุมนุมซึ่งเป็นสิทธิขึ้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ จำเลยได้กระทำชุมนุมโดยไม่สงบหรือรุนแรง หรือใช้อาวุธอย่างไร ซึ่งการที่จำเลยจะขับรถไปรับนายธนเดช หรือไก่ ไปร่วมชุมนุมก็ถือเป็นปกติที่เป็นเพื่อนกันและมีอุดมการณ์เดียวกัน แต่โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยร่วมซุกซ่อนอุปกรณ์ประกอบระเบิดที่อยู่ในรถยนต์ฮอนด้าซีวิคแต่อย่างใด
ลำพังพยานซึ่งเป็นพี่สาวของนายธนเดช และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้น ยังไม่อาจนำมาอนุมานและสันนิษฐานในทางที่เป็นร้ายต่อจำเลยได้ว่ากระทำผิด ขณะที่ผลการตรวจรอยนิ้วมือแฝงและสารพันธุกรรมที่ได้จากรถยนต์ดังกล่าวก็ไม่ตรงกับจำเลย จึงยังไม่เห็นความสัมพันธ์โยงพยานหลักฐานกับจำเลยพยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบมา ยังรับฟังไม่ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ริบของกลางทั้งหมด