“เฟอเรท” สัตว์เลี้ยงนำเข้าที่ได้รับความนิยมไม่แพ้สุนัขและแมวในเมืองไทย แม้ว่าจะเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่ไม่เคยแสดงอาการดุร้ายให้เห็นเลย แถมยังน่ารัก ร่าเริง ขี้อ้อน และกระโดดโลดเต้นอยู่กับเจ้าของได้ตลอดทั้งวัน จึงไม่แปลกใจที่ใครๆ ต่างรักเฟอเรท
M-Pet จึงขอพาคุณมาเยี่ยมเยียนถิ่นเฟอเรทในไทย ซึ่งเจ้าของเลี้ยงไว้มานานกว่า 7 ปีแล้ว กอล์ฟ-พนม ใจรักสันติสุข ผู้เลี้ยงเฟอเรทด้วยใจรัก และเป็นหนึ่งในสมาชิก Thailand Ferret Club ซึ่งเป็นกลุ่มคนเลี้ยงเฟอเรทกลุ่มแรกๆ ในประเทศไทย
“เฟอเรท” ยอดนักสำรวจ
เฟอเรท (Ferret) สัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศแถบทวีปยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาถือว่าเฟอเรทได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 รองจากสุนัขและแมวเลยทีเดียว มีการจัดตั้งชมรมคนเลี้ยงระดับประเทศ สำหรับในประเทศไทยเฟอเรทได้นำเข้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงประมาณ 6-7 ปีแล้ว และตอนนี้มีกลุ่มคนเลี้ยงจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ส่วนใหญ่ที่เลี้ยงกันจะนำเข้ามาจากต่างประเทศ เราสามารถเห็นมันในแถบโซนยุโรปและอเมริกา สำหรับในประเทศไทยก็มีหลายประเทศที่นำเข้ามามากมาย เช่น ฮอลแลนด์ สหรัฐอเมริกา และฮังการี”
เฟอเรทเป็นสัตว์กินเนื้อตระกูล Mustela putorious Furo เช่นเดียวกับมิงค์และวีเซิล โดยธรรมชาติแล้วมันอาศัยอยู่ในป่า โดยขุดโพรงนอนและหลบภัย เฟอเรทถือเป็นสัตว์นักล่าที่รวดเร็วอีกประเภทหนึ่ง สามารถจับหนูและกระต่ายมาเป็นอาหารได้อย่างว่องไว
ลักษณะนิสัยเด่นๆ ทำให้หลายคนหลงรักมัน อาจเป็นเพราะนิสัยชอบสำรวจ อยากรู้อยากเห็น เป็นนักขุดคุ้ย และมีความว่องไวต่อสิ่งสัมผัสภายนอก เฟอเรทใช้เวลานอน 6-8 ชั่วโมง และจะวิ่งเล่นประมาณ 12-18 ชั่วโมง แม้ว่าจะนอนนานกว่าสัตว์อื่นๆ แต่พวกมันตื่นตัวและว่องไวต่อสิ่งรอบข้างเสมอ สามารถเล่นกับเจ้าของได้ตลอดทั้งวัน จะว่าไปแล้วเฟอเรทก็คล้ายสุนัขและแมวที่บ้านเรานั่นเอง
เฟอเรทจะมีต่อมกลิ่นที่ไม่ค่อยพึงประสงค์นักอยู่ใต้ผิวหนังและใต้ทวารหนัก จะปล่อยกลิ่นสาปออกมาทุกครั้งที่เกิดอาการตกใจกลัว ซึ่งต่อมกลิ่นใต้ผิวหนังจะผลิตน้ำมันเคลือบผิวในขณะที่ผิวแห้ง ขับกลิ่นออกมาตามกลไกธรรมชาติ ถ้าเจ้าของยอมรับกลิ่นของมันได้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเลี้ยง
สัตว์ที่ขาดเซ็กส์ไม่ได้
“พวกนี้เป็นสัตว์ที่ขาดเซ็กส์ไม่ได้ ต้องมีการผสมพันธุ์ตลอด” เมื่อถึงวัยผสมพันธุ์ หากเฟอเรทเพศเมียไม่ได้รับการผสมพันธุ์จะเกิดภาวะเลือดจางจากระบบฮอร์โมนซึ่งเรียกว่า ภาวะฮอร์โมนเป็นพิษ ทำให้เกิดอาการท้องบวม ตัวเหลืองซีด ขนร่วงทั้งตัว และทำให้ตายได้ ขณะเดียวกันเพศผู้ก็เกิดอาการผิดปกติที่ต่อมหมวกไตทำให้ป่วยได้เช่นกัน
เมื่อเฟอเรททั้งเพศผู้และเพศเมียเป็นโรคดังกล่าวแล้ว จะไม่สามารถรักษาหายได้ง่ายๆ ดังนั้นควรป้องกันด้วยการทำหมันเป็นการรักษาชีวิตของพวกมันไว้ได้ หากไม่ได้สืบพันธุ์
วิธีการสังเกตง่ายๆ เมื่อสัตว์พร้อมผสมพันธุ์ ตัวผู้จะมีลูกอัณฑะใหญ่ขึ้น ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนตัวเมียอวัยวะเพศจะบวมเปล่ง ถ้าปกติแทบจะมองไม่เห็นเลย เฟอเรทสามารถผสมพันธุ์ได้ปีละ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของสัตว์ ตัวผู้เริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป ส่วนตัวเมียพร้อมเมื่ออายุ 8 เดือน - 1 ปีขึ้นไป และสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี อยู่ที่ความพร้อมของแต่ละตัว ซึ่งในเมืองไทยอาจจะมีได้ถึง 3 ครั้งต่อปี
แม่เฟอเรทมีระยะตั้งท้องนาน 45-50วัน จำนวนลูกมีตั้งแต่ 1-12 ตัวต่อครอก สามารถออกลูกเองได้ตามธรรมชาติ และไม่ชอบให้คนรบกวนในขณะคลอดหรือเพิ่งออกลูกมาใหม่ๆ เพราะจะทำให้สัตว์ตกใจ จนกินลูกตัวเองได้ เมื่อลูกรอดออกมาประมาณ 30 วันก็จะลืมตาได้และมีฟันซี่เล็กๆ ขึ้นให้เห็น ลูกน้อยพร้อมหย่านมเมื่ออายุ 45 วัน พอโตขึ้นตัวผู้จะมีน้ำหนักโตเต็มวัยไม่เกิน 2 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียประมาณ 0.8-1 กิโลกรัม และสามารถอยู่กับเราได้นาน 8-10 ปี ชั่วอายุขัยของมัน
เลี้ยงง่ายแบบไทยๆ
คนไทยนำเฟอเรทเข้ามาเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะหลงใหลในความน่ารัก ขี้เล่น แม้ว่าเฟอเรทจะเป็นสัตว์ต่างประเทศ แต่การเลี้ยงดูก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนเลี้ยงที่ต้องการดูแลและเอาใจใส่มันอย่างจริงจัง วิธีการเลี้ยงแบบไทยๆ ก็ทำให้เจ้าเฟอเรทคุ้นเคยกับเราได้เหมือนกัน
“คนที่นำมาเป็นสัตว์เลี้ยงในไทย สามารถให้อาหารแมวเกรดพรีเมียมซึ่งมีโปรตีนสูงได้ แต่เราจะเลี้ยงอาหารเฟอเรทโดยตรงผสมกับอาหารแมว เฟอเรทเป็นสัตว์ที่มีลำไส้ตรง พอกินแล้วก็จะถ่ายเลย มันจึงสามารถกินได้ตลอดเวลา คิดเฉลี่ยปริมาณอาหารที่ใช้เลี้ยงก็ตกประมาณตัวละ 1 กิโลกรัมต่อเดือน”
กระเพาะเฟอเรทและช่องท้องเฟอเรทเป็นรูปตัวไอ จึงไม่แปลกที่มันจะกินอาหารได้ไม่นานก็ถ่ายออกมาได้ทันทีด้วยการดูดซึมอย่างรวดเร็ว เฟอเรทชอบกินอาหารที่คนหยิบยื่นให้ โดยเฉพาะอาหารที่มีรสหวานซึ่งทำให้ถ่ายเหลวและฟันผุ เนื่องจากเฟอเรทเป็นสัตว์กินเนื้อจึงไม่มีเอนไซม์ในการย่อยพืชและกากใย ดังนั้น ผักและผลไม้จึงไม่ใช่อาหารของมัน
ภายในกรงต้องมีอุปกรณ์การเลี้ยงหลักๆ ได้แก่ ขวดน้ำ ถ้วยอาหาร และกระบะขับถ่าย อาจจะมีของเล่น ลูกบอล เปลนอน เพราะสัตว์พวกนี้ชอบวิ่งเล่น ขุดคุ้ย ควรเลี้ยงในกรงที่มีขนาดประมาณ 50x50 เซนติเมตร
“เวลาเลี้ยงเราต้องเลี้ยงแยกตัวผู้กับตัวเมีย เพราะเมื่อตัวผู้โตเต็มที่ เขาพร้อมที่จะผสมได้ทุกเมื่อ พอเราใส่ตัวเมียเข้าไปร่วมกรงด้วย เขาก็จะคาบคอตัวเมียเพื่อต้องการผสมพันธุ์ ในขณะที่ตัวเมียยังไม่พร้อมที่จะผสมพันธุ์ จึงทำให้เป็นแผลที่คอได้”
“ส่วนใหญ่จริงๆ แล้วที่เขามีปัญหาในการเลี้ยง ผมว่าไม่ใช่ที่กลิ่นตัว น่าจะเป็นกลิ่นของเสียที่เฟอเรทขับถ่ายออกมามากกว่า บางคนเขาไม่ได้ฝึกขับถ่ายในห้องน้ำ มันก็จะเลอะเทอะ เรี่ยราด แต่ของผมเนี่ยจะใส่กระบะไว้ จึงทำความสะอาดง่าย แต่พวกนี้อาบน้ำบ่อยไม่ได้ ประมาณสัก 2-3 อาทิตย์ต่อครั้งก็พอ เพราะมันจะผลิตน้ำมันเคลือบผิวหนัง ช่วยไม่ให้ผิวแห้ง”
เฟอเรทไวต่อการสัมผัสเชื้อโรคมาก โดยเฉพาะประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย สำหรับคนที่กำลังเลี้ยงเฟอเรทอยู่ตอนนี้ก็ต้องระวังและป้องกันไม่ให้คลุกคลีกับสุนัขและแมว แต่ถ้าต้องการเลี้ยงรวมกัน จึงควรฉีดวัคซีนทั้งสุนัขและแมวให้ครบก่อนเพื่อความปลอดภัย
“โรคที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือ ไข้หัด ซึ่งติดได้จากสุนัข แมว และกระต่าย มันยังไม่มีวัคซีนที่รักษาได้ ตอนนี้ในกลุ่มคนเลี้ยงกำลังจะนำวัคซีนสำหรับเฟอเรทเข้ามาโดยเฉพาะ”
สีขนกำหนดราคาขาย
เมื่อเฟอเรทมาอยู่กับคนจึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงเล่นเหมือนสุนัขและแมว มีการจัดประกวดเจ้าเฟอเรทเหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป และตัวแปรสำคัญนั่นคือ สีขนที่แตกต่างกันไปในแต่ละตัว
เซเบิล -เป็นสีเบสิก ขนสีดำน้ำตาล และมีดวงตาสีดำสนิท สีขนบนใบหน้ามองคล้ายหน้ากากคาดเหมือนโจร แพนด้า -มีสีขาว น้ำตาล ตาดำ อัลบิโน -เป็นสีเผือก ขาว ตาแดง ชิลเวอร์ -มีขนสีเงิน หรือเทาขาว อาจมีสีดำสลับคาดขาวด้วย และสีที่คนนิยมมากที่สุดคือ ไลท์ ชิลเวอร์ -มีสีขาวทั้งตัว ไม่มีสีดำเลย ตาออกสีทับทิมเมื่อโดนแสง ทั้งหมดนี้เป็นสีหลักๆ ของเฟอเรท แท้จริงแล้วยังมีสีแยกย่อยออกไปได้อีกมากมาย
“ในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป เขาจะเน้นสีเซเบิลสำหรับการประกวดอย่างเดียวเลย เขาจะไม่เล่นสีที่แตกต่างไปจากนี้” สีเซเบิ้ลนั้นเป็นสีพื้นฐานของเฟอเรทนั่นเอง
สีขนที่แพงที่สุดในไทย มาพร้อมกับความนิยมที่มากที่สุดเช่นกัน และตอนนี้สีขน ไลท์ ชิลเวอร์ ได้เป็นที่ถูกใจของคนชื่นชอบเฟอเรท “สีไลท์ ชิลเวอร์ แพงสุดและขายง่ายที่สุด ราคาที่เคยขายได้สูงที่สุด คือ 6,500 บาท แต่ล่าสุดที่ขายไปคือ 6,000 บาท ราคาตกจากปีที่แล้ว ซึ่งบางบ้านเขารับไม่ได้กับเรื่องกลิ่นตัวของเฟอเรท”
ลองมาไล่ราคาขายของแต่ละสีดูซิว่าเป็นอย่างไรบ้าง เริ่มจากสีเซเบิล 4,500 บาทขึ้นไป เป็นราคาเริ่มต้นมาตรฐานของเฟอเรท ส่วนสีแพนด้า อัลบิโน และชิลเวอร์ อยู่ที่ประมาณ 5,000-5,500 บาท ราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสวยของสีขนแต่ละตัว
“ลักษณะความสวยงามดูได้จากรูปร่าง ทรงจมูก สีขน บางตัวอาจอ้วน น่ารัก ตอนเด็กๆ หน้าจะสั้น ขนจะสวยฟู ซึ่งราคาขายส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับสีขนเป็นหลัก ถือเป็นลักษณะเด่นของแต่ละตัว”
“เราขายลูกเฟอเรทเมื่ออายุ 45 วัน ล่าสุดที่ออกมาก็ขายไป 10 ตัว ราคาตัวผู้กับตัวเมียจะแตกต่างกันนิดหน่อย ตัวเมียจะราคาสูงกว่าประมาณ 500 บาท ส่วนตัวผู้ถ้าสีสวยก็ขายได้”
ถ้าใครต้องการเลี้ยงเพื่อทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง กอล์ฟได้ให้ความเห็นว่ามันคงไม่คุ้มเท่าไหร่นัก จึงลองคำนวณค่าใช้จ่ายเบื้องต้นมาให้ดูกัน ลงทุนซื้อเฟอเรท สีเบสิก ตัวละ 6,500 บาท กรงเลี้ยงประมาณ 1,000 บาท อุปกรณ์และอาหารอีก ประมาณ1,000 บาท ยอดรวมการลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 8,500-10,000 บาทต่อตัว
“ยิ่งเลี้ยงเยอะค่าใช้จ่ายมันก็เยอะ โดยเฉพาะค่าอาหาร กว่าจะผสมพันธุ์อีกก็ใช้เวลาเป็นปี และที่สำคัญเฟอเรทมักจะมีปัญหาเรื่องท้องลมมากๆ กว่าผมจะได้ลูกก็ 2 ปีกว่า ไม่ใช่ว่าใครจะเลี้ยงแล้วออกลูกได้ง่าย มันก็ยากอยู่ ส่วนเรื่องโรคก็มีอยู่เยอะเหมือนกัน”
ถ้าอยากได้เฟอเรทมาเป็นสัตว์เลี้ยงเล่นในบ้านคุณ สามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ วิธีการเลี้ยงสัตว์น่ารักชนิดนี้ได้ที่ Facebookกลุ่มคนเลี้ยงเฟอเรทในประเทศไทย (Thailand Ferret Club) หรือสายตรงถึงคุณกอล์ฟ โทร. 08-3831-3861 อีเมล aoh_za@hotmail.com
ลูกครึ่งแองโกลา
ปัจจุบันกลุ่มคนเลี้ยงสามารถเพาะพันธุ์เฟอเรทได้ดีในประเทศไทยและบางสายพันธุ์ อย่างเฟอเรทขนยาว (Angora Ferret) เป็นกลุ่มลูกผสมระหว่างขนสั้นกับขนยาว ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน
กอล์ฟ เล่าให้ฟังว่า จริงๆ แล้วเฟอเรทในไทยมี 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ขนสั้น และขนยาว ซึ่งพันธุ์ขนยาวนี้ เราจะเรียกว่า แองโกลา มีตัวขนาดใหญ่กว่าสายพันธุ์ขนสั้นที่มีให้เห็นทั่วไป และมีสีขนหลากหลายเหมือนกัน แต่ขนยาวจะมีราคาสูงกว่ากันมาก เมื่อพูดจบกอล์ฟก็หยิบลูกครึ่งแองโกลา-ขนสั้น มาให้ดูเป็นตัวอย่าง
ปกติแล้วพันธุ์ขนยาว (แองโกลาแท้) จะเป็นพันธุ์ที่เพาะยากมาก เพราะตัวเมียไม่มีน้ำนม ซึ่งเกิดจากยีนส์ด้อยทางพันธุกรรม จึงต้องมีแม่นมคอยช่วยเลี้ยงลูก หรือที่เรียกกันว่าแม่บุญธรรม แต่เจ้านี่เป็นลูกครึ่งจึงรอดตายและโตมาให้เราได้อุ้มเล่นกัน
“ส่วนใหญ่ที่เห็นในไทยก็จะเป็นลูกครึ่งแองโกลา ซึ่งมีสิทธิ์รอดได้มากกว่าแองโกลาแท้ อย่างตัวนี้เป็นลูกครึ่งที่เกิดจากแองโกลาแท้ผสมกับพันธุ์ขนสั้น มีสีพาสเทล เหลือรอดออกมาได้แค่ตัวเดียว ตอนนี้อายุ 3 เดือนแล้ว มันมีตัวใหญ่กว่าปกติเยอะเลย เมื่อเทียบความใหญ่ มันใหญ่กว่าพ่อแม่พันธุ์ขนสั้นอีก พันธุ์นี้น้ำหนักจะเยอะและใหญ่กว่าพันธุ์ธรรมดาอีกเท่าตัว”
ช่วงชีวิต เฉลี่ย 8-10 ปี
น้ำหนักโตเต็มวัย ตัวผู้ไม่เกิน 2 กก. ตัวเมีย 0.8 -1 กก.
วัยเจริญพันธุ์ ตัวผู้ 6 เดือน ตัวเมีย 8 เดือน -1 ปี
ระยะตั้งท้อง ประมาณ 45-50 วัน
ขนาดครอก 1-12 ตัว/ครั้ง
จำนวนครอก 2 ครั้ง/ปี
อายุหย่านม 45 วันขึ้นไป
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์