หลายปีแล้วที่วงการกีฬาไม่ได้เห็น แว่น-สิริรัตน์ นักบาสฯสาวหล่อคนแรกของไทย หลายคนอาจรู้จักเธอในฉายา แว่น-สาวหล่อ ที่ผ่านมาเธออาจหายหน้าหายตาไปนาน แต่สำหรับเรื่องการเล่นกีฬาบาสเกตบอล รับรองได้ว่าสาวหล่อคนนี้ไม่เคยคิดทิ้งแน่นอน เมื่อเธอได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานกีฬาของสโมสรบาสบาสเกตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ทีมงาน M-healthy จึงได้พบเธออีกครั้งตามเวลานัดหมายเพื่อพูดคุยถึงมุมสุขภาพของสาวหล่อสุดเฮลท์ตี้ วันนี้เธอมาด้วยสีหน้า แววตาสดใส ดูกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า สังเกตใบหน้าตอนนี้ดูละอ่อนไม่ต่างจากอายุ 18 ที่เคยโด่งดังมาเมื่อ 16 ปีที่แล้วเลย
“ตอนนี้ทางสมาคมบาสเกตบอลชวนเรามาช่วยเรื่องกีฬาบาสฯ ที่จริงเราก็เกิดจากบาสฯ เราดังมาได้ก็จากกีฬานี้ วันนี้เมื่อมีโอกาส เราก็อยากจะทำอะไรที่ให้เกิดประโยชน์กับวงการบาสเกตบอล หนึ่งในนั้นก็คือการที่เราไปช่วยทำกีฬาบาสฯให้ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญตอนนี้เรามีโอกาสเป็นคนคัดเลือกตัวนักกีฬาทีมชาติไปแข่งซีเกมส์ เอเซียนเกมส์ และแข่งขันแชมป์เอเชียอีกด้วย”
ในหนึ่งวันของแว่น
ภารกิจสำคัญของแว่นในเช้าวันเสาร์อย่างนี้ คือการซ้อมกีฬาบาสเกตบอลให้แก่เด็กที่สนใจเล่นกีฬาประเภทนี้ ซึ่งในทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะได้เห็นแว่นฝึกซ้อมกีฬาเด็กๆ อย่างขะมักเขม้น ภายในศูนย์ฝึกกีฬาหัวหมาก ซึ่งเด็กๆ ทุกคนต่างตั้งใจฝึกซ้อมเป็นอย่างดี วันนี้จึงเป็นอีกวันสนุกที่เธอไม่คิดเลยว่านี่คืองานที่น่าเบื่อ ซ้ำซาก จำเจ แต่สิ่งนี้เป็นงานที่เธอทำแล้วมีความสุขและรักที่จะทำต่อไป
“ในวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีสอนบาสฯเด็กๆ นี่ก็เป็นโครงการหนึ่งของทางสมาคมเหมือนกัน เพื่อต้องการสร้างเสริมให้เด็กเล่นกีฬาเยอะขึ้น ด้วยหลักแนวคิดที่ว่าให้เด็กมีกิจกรรมเล่น ก็จะลดปัญหาของสังคมได้ส่วนหนึ่ง พอเด็กเล่นกีฬาก็จะช่วยได้ และอีกอย่างอยากให้คนมาเล่นบาสฯเยอะๆ เพราะถ้าคนเล่นเยอะตัวเลือกก็จะเยอะ เหมือนประเทศจีนที่เด็กถือลูกบาสคนละใบเลย หรือเหมือนฟิลิปปินส์ เขาจะมีลูกบาสประจำตัว ไปไหนก็จะเดินเลี้ยงลูกบาสฯ จึงทำให้เด็กเขาเล่นเก่ง เพราะว่ามันเกิดจากความคุ้นเคย เหมือนเราเขียนหนังสือ ถ้าเราเขียนบ่อยๆ ลายมือก็จะสวย และถ้าเราเล่นกีฬาชนิดไหนบ่อยๆ เราจะเก่ง โดยใช้หลักคิดของกีฬาเรื่องของการฝึกซ้อม พรสรรค์ก็สู้พรแสวงไม่ได้ถ้าเรามีความขยันก็จะช่วยได้”
ส่วนวันอื่นถ้าแว่นไม่มีสอนบาสฯเด็ก ก็จะทำงานฟรีแลนซ์ เกี่ยวกับการทำโปรดักชัน ซึ่งช่วงนี้ทำหนังดังอยู่เบื้องหลัง และเป็นโครโปรดิวส์ ที่ผ่านมาก็เคยทำรายการเงาะถอดรูป ฟ้าเมืองไทย หลายคนคงเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว
แว่นเป็นคนใส่ใจเรื่องสุขภาพมาก โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน “ในวันทำงานตอนเช้า ตื่นนอน 6 โมงครึ่ง แต่ถ้าวันพักผ่อนไม่ไปไหนก็ประมาณ 7 โมงเช้า อย่างแรกที่ทำก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำ กินข้าวเช้า ข้าวเช้านี้สำคัญมาก ทำให้เราไม่อ้วนด้วย ถ้าเรากินข้าวเช้าก็จะมีอาหารไปเลี้ยงสมอง มีพลังงานทำให้รู้สึกสดชื่น แจ่มใสตลอดเวลา”
“แว่นจะใส่ใจเรื่องสุขภาพมาก ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า เนื่องจากเราแพ้แอลกอฮอล์ ดื่มแล้วจะเป็นผื่น ตัวบวม มันจะไปทำปฏิกิริยาตรงต่อมไทรอยด์ รุนแรงมาก ขนาดเวลาเราไปบริจาคเลือด แค่ทาแอลกอฮอล์ที่ข้อพับแขนเพื่อเจาะเลือดเท่านั้นแหละ โอ้โฮ... ผื่นขึ้น บวมไปทั้งแขน ต้องรักษาเป็นเดือนกว่าจะหาย พอครั้งที่ 2 ไปอีก เราก็บอกว่าแพ้แอลกอฮอล์นะคะ เขาก็บอกค่ะๆ คนที่ค่ะๆ รู้ แต่คนที่มาเจาะไม่รู้ ครั้งที่ 2 จึงเป็นอีกแล้ว พอครั้งต่อไปเราก็ต้องให้หมอใช้เบตาดีนแทนแอลกอฮอล์เลย ก็ไม่เป็นอะไร และตอนนี้ก็ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาด โรงพยาบาลศิริราช อยู่เรื่อยๆ ทุก 3 เดือน 6 เดือน”
“ก่อนนอนก็ดูหนัง ฟังเพลง ประมาณ 4-5ทุ่มก็เข้านอนแล้ว เรานอนดึกมากไม่ได้เดี๋ยวเป็นโรค Bell's Palsy เหมือนที่ โอ-อนุชิต เคยเป็น ทำให้ปากเบี้ยว เราเคยเป็นตอนอายุ 19 มันเป็นไวรัสชนิดหนึ่ง เราเป็นตอนนั้นเป็นช่วงกำลังดังพอดี แต่ไม่ได้เป็นข่าว”
อาหารการกินสำคัญที่สุด
เมื่อเจอกันอีกครั้งจึงไม่พ้นที่จะถามว่าคิดอย่างไรกับประโยคที่ว่านักบาสฯสาวหล่อคนแรก “ก็ดีใจนะ เราเป็นที่มาของคำว่าสาวหล่อเลยนะ อันนี้นักข่าวตั้งใจ ตอนนั้นที่ดังๆ ปี 2538 เราก็รู้สึกดีนะ คือต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่เขาตั้งให้ แต่เราก็ไม่รู้นะว่าใครเป็นคนตั้ง ก็รู้สึกดี รู้สึกดีจริงๆ” (หัวเราะ...คงคิดว่าเราไม่เชื่อแน่ๆ) แม้ว่าตอนนั้นจะผ่านมา 16 ปีแล้ว จนถึงตอนนี้วัยของนักบาสฯสาวหล่อหน้าใส จะตกที่เลข 30 อัป แต่คอนเฟิร์มเลยว่าหน้าเด็กมากๆ ถ้าเห็นครั้งแรกแล้วให้ทายอายุ หลายคนคงต้องทายผิด เพราะหน้าไม่ได้บ่งบอกเลยว่าอายุจะมากกว่า 30 ปีแล้ว พอเฉลยอายุ 34 เท่านั้นแหละ ทำเอาทีมงานเราบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “หน้าเด็กมาก!”
“ตอนนี้อายุ 34 ปีแล้ว การไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ทำให้เรามีสุขภาพที่ดี สดชื่น แจ่มใส มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่ทำโปรดักชัน มีคนที่ออฟฟิศเดียวกัน เขาสูบบุหรี่ เขาก็สูบในห้องแอร์ เราก็อยู่รวมกันในห้องนั้นหมด ควันบุหรี่ก็ตลบอบอวลไม่ไปไหน เหมือนไปผับทุกวันเลย ต้องสระผมบ่อยมาก ช่วงนั้นผมเลยยาวเร็วมาก (หัวเราะ) เรารู้เลยว่าร่างกายเราไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นยังต้องมาซ้อมกีฬาทีมชาติอยู่ แต่รู้สึกเหนื่อยมาก พอเรามานั่งคิดก็รู้ว่าคนที่ไม่สูบจะได้รับสารพิษเยอะกว่าคนที่สูบด้วยซ้ำ”
“ตอนนี้กำลังปรับเรื่องการกิน จะพยายามกินข้าวเย็นช่วง 5-6 โมงเย็น คืออย่ากินดึกกว่านี้ สังเกตตังเองได้เลยถ้าวันไหนกินเย็นมาก เราก็ลดพวกแป้ง หันมากินส้มตำตอนกลางคืน แต่ใส่ปลาร้าสุก กินซุปบักมี้ (ซุปขนุน) เป็นอาหารของคนอีสาน อร่อยมาก หลักๆ เรื่องอาหารตอนนี้ที่ควบคุมก็จะลดแป้ง ไม่ดื่มน้ำอัดลม ดื่มน้ำเปล่าดีสุด ช่วงนี้ก็มีดื่มสปอนเซอร์ เกลือแร่บ้าง เพราะเล่นกีฬาเยอะขึ้น ถ้าหิวในช่วงกลางคืนก็จะกินส้มตำหรือตำผลไม้แทน
ปกติในช่วงเทศกาลก็จะกินเจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้จะเพิ่มการกินอาหารมังสวิรัติในทุกวันพระ อีกอย่างเราเป็นคนเลือดกรุ๊ปเอ ซึ่งคนเลือดกรุ๊ปนี้กินเนื้อสัตว์เยอะไม่ดี ศึกษาทางด้านนี้เลย (หัวเราะ) และก็เป็นจริงๆ นะ เราไม่ชอบเนื้อมาตั้งแต่ 5 ขวบ รู้สึกเหม็น เพื่อนเคยหลอกให้กินเนื้อวัว อ้วกเลยนะ และอีกครั้งหนึ่งตอนไปทำงานต่างจังหวัด ไปนั่งกินร้านส้มตำ พี่เขารู้ว่าเราไม่กินเนื้อ เขาก็สั่งส้มตำ หมูย่างมา เราก็กิน แต่พอกลับไปโรงแรมรู้สึกพะอืดพะอม ครั่นเนื้อครั่นตัว ตอนหลังมารู้ว่าร้านส้มตำใส่ดีวัวในน้ำจิ้มด้วย”
สำหรับใครที่กินวิตามินเสริมต่อเนื่องเป็นประจำ สาวหล่อขอแนะนำและเตือนว่า วิตามินเป็นเรื่องของสำหรับบางคน บางครั้ง และก็บางเวลาเท่านั้น “เรื่องวิตามินกินมากไม่ดี คือบางทีถ้าเราเพลีย นอนน้อย พักผ่อนน้อย เราก็ต้องเลือกกิน เพื่อให้เราเฟรชขึ้น แต่ไม่ได้กินแบบว่าวันนี้ต้องกิน 1 2 3 4 5 เม็ด กินไปแบบยาวเลยไม่เอา ในความรู้สึกของเรานะ แต่ว่าสำหรับบางคนที่ต้องการเสริมก็กิน แต่ไม่ใช่ประมาณว่ากินเหล้าเพื่อทำร้ายตัวเอง แต่กินวิตามิน ทำไปทำไม (หัวเราะ) มันเปลืองเงินด้วย คือแทนที่เราจะดูแลสุขภาพแต่ไปกินเหล้าแบบเอาเป็นเอาตาย มันก็ไม่ดี”
“เอาเป็นว่าถ้าเราคิดว่าช่วงนี้เราพักผ่อนน้อย ก็กินบ้างอย่างแว่นจะกินแบรนด์เม็ด กินสักวันสองวัน แล้วรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้น คือช่วงไหนที่เราไม่สามารถทำได้ เราก็เอาตรงนี้มาเสริม ไม่ใช่ว่ากินตลอด คือไม่นอน แล้วกินวิตามินตลอด ไม่เอา ถ้าเราปรับตัวเองได้ เราก็ไปใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องกิน หรือถ้าอายุมากขึ้น บางทีกระดูกจะผุพรุนมากขึ้น เราก็เลือกกิน แต่ไม่ใช่ว่ากินเยอะ และก็ควรพยายามกินอาหารที่มีแคลเซียมเยอะ เช่น จำพวกงา หรืออะไรที่เรารู้ว่าช่วยเสริมได้”
เลือกเล่นกีฬาให้เหมาะสมกับวัย
ขณะที่สัมภาษณ์อยู่มีเด็กผู้ชายตัวเล็ก อายุไม่น่าจะถึง 10 ขวบ เขาเลี้ยงลูกบาสฯเก่งมากๆ แล้วก็ชู้ดแม่นเป็นจับวาง ถึงขั้นที่สาวหล่อชมไม่ขาดปาก “บาสฯไทยเราไม่ใช่ย่อยนะ” (ถูกเด็กแย่งซีนสัมภาษณ์ไปเลย)
แว่นบอกว่า การเล่นกีฬาสำหรับเด็กต้องเลือกกีฬาให้เหมาะสมกับวัยของเด็กด้วย “อย่างการเล่นกีฬายกน้ำหนักในเด็กที่ยังมีอายุน้อยอยู่และยังโตไม่เต็มที่ พอมาเล่นกีฬาชนิดนี้ทำให้เด็กเตี้ยไปเลย เพราะเด็กวัยนี้ มันต้องการยืดหยุ่น เป็นหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาเลยนะ คือเอาน้ำหนักมาไว้กับเรา ก็จะทำให้กระดูกชนกัน ยิ่งเตี้ยเตี้ยลง แต่การฝึกนักบาสฯ เขาจะให้กระโดดเชือก กระโดดแตะนู่น แตะนี่ มันก็จะยืดจนตัวสูง”
แว่นจึงแนะนำกีฬาที่เหมาะสำหรับเด็กว่าควรเป็นกีฬาประเภทวิ่ง ว่ายน้ำ กระโดด “เด็กผู้ชายจะโตเร็วช่วงประมาณ ม.3 ส่วนผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน อย่างเรามีประจำเดือนช่วง ม.3 แต่มาเล่นบาสฯ ตอน ม.1- ม.2 สูงเร็วมากเลย ตอนเด็กช่วงประถม สูง 150 กว่าเอง พอขึ้นมัธยม มายืดเป็น 172 ซม.เลย”
เคล็ดลับในการดูแลตัวเองสำหรับแว่นนั้น ปัจจัยสำคัญก็คงเป็นเรื่องอาหาร การพักผ่อน และการออกกำลังกาย ซึ่งทุกอย่างต้องทำให้เกิดความพอดีกับร่างกาย มากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็ไม่ดี เพื่อสุขภาพที่ดี ปัจจัยทั้ง 3 สิ่งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนรักสุขภาพควรทำ
“เราอยากได้อะไรในร่างกายเรา เราก็กินอันนั้นแหละ เรื่องนอนหลับพักผ่อน ก็สำคัญมาก และการออกกำลังกาย มันช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี แต่ต้องเล่นแบบพอดีนะ การออกกำลังกายแบ่งเป็น 2 แบบ คือแบบเพื่อสุขภาพและแบบหักโหม การเล่นแบบหักโหมนั้นต้องมีร่างกายที่แข็งแรง เหมือนที่นักกีฬาทีมชาติซ้อมกัน นักกีฬาทีมชาติวิ่ง 10 รอบแต่เราไม่ต้องขนาดนั้น เขาเรียกว่ามีเทอร์โมมิเตอร์ในตัวเอง ของแต่ละคนนั้นจะไม่เท่ากัน เช่น แว่นอาจมีควรอึดมากกว่าคนอื่น ก็อาจจะวิ่งได้นานกว่า แต่ว่าคนเหล่านั้นก็สามารถพัฒนาขึ้นมาได้ แต่ถ้าวัดกันตัวต่อตัวก็อาจสู้กันไม่ได้ คือเราต้องรู้ว่ามาตรฐานตัวเราเองได้แค่ไหน
การออกกำลังกายมากเกินไป มันก็เป็นผลต่อร่างกายเราด้วย เราไม่ต้องเอามาตรฐานเราไม่วัดกับของคนอื่น เอามาตรฐานตัวเองดีที่สุด คือเราไม่ต้องไปแข่งกับใคร แข่งกับตัวเอง แต่อย่าไปวัดว่าวิ่งให้ได้ 10 รอบในเวลา 3 นาที เท่ากับคนนั้น คนนี้ คนเรามีเป้าหมายที่จะทำให้ได้ แต่มันต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เราอย่าไปคิดว่าต้องทำให้ได้ พอทำไม่ได้แล้วเกิดเครียดขึ้นมา มันก็ไม่ดี เราต้องเล่นกีฬาให้รู้สึกมีความสุขกับมันดีกว่า”
ชักชวนกันออกกำลังกายดีกว่า
การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี ที่ทุกคนในบ้านควรชักชวนกันออกกำลังกาย แว่นบอกว่าพลังครอบครัวมีอิทธิพลต่อการเริ่มต้นรักสุขภาพของเด็ก แล้วจะรู้ว่ากีฬาคือยาวิเศษ
“การเล่นกีฬามันช่วยให้ห่างไกลจากยาเสพติดได้ ประโยชน์ของการเล่นกีฬามีมากมายเมื่อเรารู้แล้วแต่ไม่ได้ลองก็ไม่มีประโยชน์อะไร อันนี้อยากฝากถึงผู้ปกครองด้วยว่า คือเด็กเขาอาจไม่รู้หรอกว่า เขาควรไปเล่นที่ไหน แต่ถ้าผู้ปกครองเป็นคนแนะนำ อย่างพ่อแม่ไปวิ่งก็ชวนลูกไปด้วย แล้ววันหนึ่งลูกคุณก็อาจเป็นนักกีฬาทีมชาติก็ได้ อย่างที่นี่จะเห็นผู้ปกครองพาลูกหลานมาเอง ชักชวน แนะนำเขาให้มาเล่นกีฬา ชวนกันออกกำลังกายเยอะๆ แล้วมันจะช่วยได้จริงๆ
เพราะอย่างคนที่เล่นกีฬาแล้วไม่ติดยา เพราะอะไรรู้ไหม มันไปไม่ไหวไง (ฮาส่งท้าย) คนที่มาซ้อมกีฬาจนเหนื่อย พอเหนื่อยก็กลับบ้าน แต่ถ้าผู้ปกครองไม่หากิจกรรมให้เขาทำ อยู่บ้านว่างเยอะๆ วันๆ นั่งดูทีวี เล่นเกม เราก็ต้องชวนเขา เด็กเขาต้องการมีเพื่อน และพลังเขาเยอะ เขาอยากปล่อยของ การที่เขาไม่ได้ปล่อยอะไรออกมา เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ถ้าเล่นเกมก็ต้องเล่นให้ชนะ แต่ถ้ามาเล่นบาสฯ หรือเล่นกีฬาประเภททีมมันจะได้ตรงนี้ด้วย คือมีสังคมเพื่อเล่นกีฬา
“ผู้ปกครองเองอย่าไปคาดหวังกับลูกด้วยว่า ลูกต้องติดทีมชาติ ขอให้เขาเล่นกีฬาแบบมีความสุข แล้วเราก็มีความสุขด้วยแค่นั้น แต่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่ไม่ได้พาลูกหลานออกกำลังกายนั้น ผู้ปกครองเขาต้องหาเงิน เงินเป็นปัจจัย ไม่ใช่เป้าหมายสำคัญในชีวิต แต่ก็จำเป็นต้องหาเงินมาเลี้ยงดูแล บางทีถ้าเรายอมสละเวลาบางส่วนแล้วพาเขามาออกกำลังกายบ้างก็ดี ผู้ปกครองจึงเป็นสิ่งสำคัญ เขาถึงบอกว่าลูกเป็นอย่างไร ดูได้ที่พ่อแม่”
นอกจากแว่นจะเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ดีแล้ว เธอยังมีเคล็ดลับดีๆ เพื่อสุขภาพที่สดชื่น แจ่มใสอีกด้วย “นอกจากบาสฯ แล้ว ก็ยังเล่นกีฬาอย่างอื่นด้วย ง่ายๆ เลยคือฮูลาฮูป เล่นง่าย ไม่เครียด แต่ส่วนตัวเป็นคนไม่เครียดอยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหนมีเรื่องความเครียดก็จะทำจิตใจให้สงบด้วยการนั่งสวดมนต์ คิดว่าเป็นอะไรที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้พักผ่อน คือพักผ่อนของคนอื่นเขาอาจไปเที่ยวป่า เที่ยวทะเล แต่การนั่งสวดมนต์หรือไปวิปัสสนามันเหมือนการเติมพลังให้แก่ชีวิต ทั้งร่างกายและจิตใจเราเอง การนั่งสมาธินิ่งๆ ไม่ต้องคิดอะไร มันสามารถเพิ่มออกซิเจนได้”
*********************************************************
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร