ลูกใครใครก็รัก เฝ้าดูแลฟูมฟักอย่างทะนุถนอม ทำให้รู้สึกเศร้าใจแทนหัวอกของผู้เป็นพ่อแม่ที่ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักดั่งแก้วตาดวงใจ โดยเหล่าวายร้ายมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นภัยเงียบในสังคมไทยที่จ้องลักพาตัวเด็กอย่างไม่ปรานีใครทั้งนั้น จากช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ ข่าวคราวการลักพาตัวเด็ก เห็นจะเป็นข่าวสร้างความฮือฮาในสังคมไทยเป็นอย่างมาก เพราะการลักพาตัวมักมาในรูปแบบที่หลากหลาย โดยเฉพาะพฤติกรรมการลักพาที่นำไปสู่ความเกี่ยวข้องกับวงการค้ามนุษย์ ที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ภัยเด็กหายนับวันจะทวีปัญหามากขึ้น ทุกฝ่ายคงต้องช่วยกันสอดส่องดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกที่รักในครอบครัวหายเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์
ภัยของเด็กถูกลักพาตัว
คงต้องยอมรับว่าทุกวันนี้การลักพาตัวเด็กก็ยังเป็นปัญหาสังคมที่แก้ไม่ตกสักที สัมผัสได้จากสถิติของศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งระบุว่านับตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปี 2553 มูลนิธิฯ ได้รับแจ้งเหตุเด็กถูกลักพาตัวทั้งสิ้น 46 ราย เป็นเด็กชาย 22 คน และเป็นเด็กหญิง 24 คน เฉลี่ยมีเด็กถูกลักพาตัวประมาณปีละ 7 ราย ในจำนวนนี้พบตัวแล้ว 28 ราย และยังอยู่ในระหว่างการติดตามหาอีก 18 ราย อายุเฉลี่ยของเด็กที่ถูกลักพาตัวอยู่ที่ 7 ขวบ ขณะที่เด็กกลุ่มเสี่ยงที่ถูกลักพาตัวยังมีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 15 ปี
แต่สิ่งที่ผู้คนสงสัยที่สุดในการหายตัวไปของเด็กหนึ่งคนนั้น เพื่อเป้าหมายและหวังในประโยชน์อันใดจากชีวิตน้อยๆ ของเด็กทั้งหลายเหล่านี้
จากข้อมูลกลุ่มเด็กที่ติดตามตัวกลับมาได้ 28 ราย พบว่าเด็กมักจะถูกนำไปแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ กรณีนี้มีแนวโน้มสูงที่สุด แต่จะเกิดเฉพาะการลักพาตัวเด็กโตเท่านั้น ซึ่งผู้กระทำความผิดมักเป็นผู้ชายที่มีอาการผิดปกติทางจิต หรือต้องการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก
ส่วนในกรณีเด็กเล็กหรือทารกอาจจะถูกนำไปเลี้ยงเป็นลูก เนื่องจากมีความรักผูกพัน หรือถูกชะตากับเด็ก ซึ่งก็เป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับครอบครัวในระดับหนึ่ง เช่น เป็นพี่เลี้ยง ญาติพี่น้อง หรืออีกกรณีอาจนำเด็กไปแสวงหาผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการนำเด็กมานั่งขอทาน หรือขายสินค้าตามตลาดนัด และยังมีการคาดการณ์ว่า เด็กถูกนำไปขายยังต่างประเทศ เช่น ให้ชาวมาเลเซีย เชื้อสายจีนที่อยากมีบุตร
แม้วันนี้จะพบเด็กหายแล้ว 28 ราย แต่ยังเหลืออีก 18 รายที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเด็กเหล่านี้จะพบเจอกับอะไรบ้าง ก็ได้เพียงแต่หวังว่าจะสามารถสืบสวนสอบสวนและป้องกันปราบปรามคนร้ายกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตามเด็กที่เหลือกลับมา
ปัญหานี้ต้องร่วมกันแก้
ต้องยอมรับว่าการป้องกันปราบปรามเรื่องการขโมยเด็กในประเทศไทยยังเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก และช่องว่างเพียงเล็กน้อยก็กลายเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเข้าคุกคามถึงตัวของบุตรหลานได้
พ.ต.ท. เอกรัฐ สวนแสน สว.สส.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่าเหตุการลักพาตัวเด็กส่วนใหญ่จะเกิดที่โรงพยาบาล โดยคนร้ายทำทีมาตีสนิท ครั้นแม่เผลอก็พรากทารกไป ซึ่งก็มีหลายกรณีที่สามารถนำเด็กกลับมาได้ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ถูกพรากไปตลอดกาล
ด้านตำรวจเองเมื่อรับทราบเรื่องแล้วก็มิได้นิ่งนอนใจ ก็รีบดำเนินการติดตามอย่างเต็มกำลัง สืบเสาะจากพยานผู้เห็นเหตุการณ์ และหลักฐานที่พอมี รวมถึงประชาชนผู้เห็นเหตุการณ์ สืบสวนหาข้อเท็จจริงและนำตัวเด็กกลับคืนสู่ครอบครัว
“อย่างเหตุการณ์ที่เกิดในโรงพยาบาลท่าม่วง จ.กาญจนบุรี คนร้ายก็มาทำท่าทีตีสนิทกับแม่เด็กแล้วขออุ้มแล้วทำการลักพาตัวไป ภายหลังคนร้ายสารภาพว่าตัวเองนั้นแท้งลูกจึงอยากได้เด็กมาเลี้ยงเป็นลูก หรือที่โรงพยาบาลชุมพร จ.ชุมพร คนร้ายไปทำทีตีสนิทเป็นญาติของคนไข้แล้วแอบอุ้มเด็กไปจากห้องคลอด เหล่านี้ยังถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะพนักงานสืบสวนสามารถนำตัวเด็กกลับมาได้ แต่ก็มีกรณีที่ยังไม่สามารถนำกลับมาได้ ไม่ว่าทางตำรวจเองจะส่งสายสืบตามหา เพิ่มรางวัลนำจับ แต่ก็ยังไม่สามารถติดตามเด็กกลับคืนมาได้”
ดังนั้นจึงอยากให้พ่อแม่คอยระวังอย่าปล่อยเด็กให้อยู่ลำพัง เพราะใครจะรู้ว่าช่วงที่เผลอครู่เดียวคนร้ายอาจฉวยโอกาสขโมยเด็กไปได้ พ่อแม่หรือญาติเป็นส่วนสำคัญของการดูแลป้องกันเด็กหาย
หัวอกของผู้เป็นแม่
รากลึกของปัญหาอาจจะมีความซับซ้อน และเหตุที่เกิดก็อยู่ในเงามืด ซึ่งยากต่อการติดตาม แม้บางรายจะได้รับการช่วยเหลือตามหาเด็กจนพบและได้ลูกกลับสู่อ้อมกอดของผู้เป็นแม่ แต่ก็ยังมีคุณแม่อีกหลายรายที่ยังไม่พบลูกที่หายตัวไป อย่างกรณี อุทุมพร ด่านเกื้อกูล แม่น้องเท็น หรือ ด.ช.ชัยภาส ด่านเกื้อกูล เด็กชายวัย 11 ปี ซึ่งถูกลักพาตัวไปจากบ้านเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเวลาผ่านมาแล้วกว่า 4 ปี ยังไม่พบวี่แววของน้องเท็นเลย
แม่น้องเท็นเล่าว่า วันที่น้องหายตัวไปเป็นวันที่ตนออกไปขายของข้างนอก และปล่อยให้น้องไปเล่นบ้านเพื่อน พอรอนานแล้วน้องยังไม่กลับบ้าน พ่อจึงออกไปตามหาแต่ไม่พบน้องที่บ้านเพื่อน และเพื่อนที่เล่นด้วยกันชื่อน้องลาบก็หายไปด้วยกัน
“คืนนั้นเราออกตามหาตลอดทั้งคืน เรารู้สึกกลัวมากและตกใจ เพราะน้องยังเป็นเด็กยังไม่รู้จักเส้นทางที่ไหนอย่างไร น้องเท็นเป็นเด็กไม่เกเร แต่จะเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่คาดคิดเลยว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในครอบครัว”
หลังจากร้องเรียนต่อมูลนิธิและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการตามหาแล้ว ก็ได้มีข่าวคราวว่า พบน้องเท็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี
“ดีใจมากเลยที่รู้ข่าว จึงได้ออกตามหาโดยนำภาพถ่ายของน้องไปให้เจ้าของร้านอาหารดังกล่าวดู ก็มีการยืนยันว่าเห็นน้องได้มาขายขนมอยู่ที่ในร้านอาหาร จึงออกตามหาแต่ก็ไม่พบ จากนี้ยังมีข่าวคราวของน้องอีกครั้งว่า พบน้องที่พัทยาใต้เมื่อเราถึงไปก็ยังไม่พบน้อง”
อย่างไรก็ตาม เมื่อระยะเวลาผ่านไปกว่า 4 ปีแล้วยังไม่พบเบาะแสความคืบหน้าของลูกที่หายตัวไป ทำให้คนในครอบครัวต้องวิตกกังวลกับชะตากรรมของเด็กน้อยที่จะพบเจอกับสิ่งใดบ้างในตอนนี้ จึงได้แต่หวังฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือ แม่ของน้องเท็นกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือจากความห่วงหาคำนึงเมื่อนึกถึงตอนที่น้องยังอยู่ด้วย
“ลูกใครใครก็รัก แล้วตอนนี้พ่อของน้องก็เสียชีวิตแล้ว เหลือแต่เรา จึงอยากให้พ่อแม่ทุกครอบครัวอย่าประมาทคิดว่าลูกของตนโตแล้วดูแลตัวเองได้ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่คนไหนต้องรู้สึกเสียใจอย่างที่เราเป็นอยู่อีกแล้ว”
ประสบการณ์ตรงที่หดหู่ในความปลื้มปีติ
แม้พ่อแม่ผู้ปกครองจะไม่สามารถจับตาดูแลบุตรหลานได้ตลอดเวลา แต่ก็ควรรู้ว่า มิจฉาชีพมักมาในรูปแบบไหน เพื่อรู้ทันท่วงทีในการรับมือและกลวิธีของพวกวายร้ายเหล่านี้
พิงค์-ณชมพูนุท โรจน์ชลาสิทธิ์ พิธีกรรายการ 'วันนี้ที่รอคอย' ซึ่งเป็นรายการที่ตามหาคนที่พลัดพรากจากกัน ทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี เล่าเรื่องราวการขโมยเด็กว่า เด็กที่หายไปและมาแจ้งทางรายการให้ช่วยตามหาจะเป็นเด็กเล็กอายุประมาณ 7-15 ปี ส่วนใหญ่จะหน้าตาดี ซึ่งเด็กผู้ชายผู้หญิงจะมีสัดส่วนพอๆ กัน
จากข้อมูลของทางรายการ เฉพาะแจ้งเด็กหายมีทั้งหมด 100 ราย ซึ่งมีทั้งพลัดหลงและถูกลักพาตัว และในตอนนี้หาเจอแล้วยังไม่ถึงครึ่ง ซึ่งการตามหาเด็กเป็นเรื่องยากกว่าหาผู้ใหญ่ที่พลัดพรากกัน
“ถ้าเด็กหายถ้าไม่ถึง 24 ชั่วโมงตำรวจก็ไม่รับแจ้ง เวลานั้นเด็กอาจจะไปอยู่ในวงจรค้ามนุษย์ ลงเรือ ค้าประเวณี หลังจากนั้นเราก็ตามไม่เจอแล้ว”
ทั้งนี้สถานที่เสี่ยงในการที่เด็กจะหายหรือ ถูกขโมยอันดับหนึ่งคือ ร้านเกม บริเวณบ้าน และห้างสรรพสินค้าตามลำดับ
“จะมีคนไม่ประสงค์ดี นำเงิน ของเล่นมาให้บอกให้ตามไป ไม่ได้ถูกกระชากลากไป ถูกหลอกไปด้วยของเล่น เด็กยังเชื่อคนง่าย ก็ถูกหลอกบางรายก็ไปขอทาน ขายของ ใช้แรงงานหรือค้าประเวณี”
ในส่วนของพ่อแม่ที่พิธีกรคนนี้ได้สัมผัสความรู้สึกระหว่างการตามหาเด็กว่า พ่อแม่ทุกคนที่ลูกหายจะหัวใจสลาย ซึ่งพวกเขาก็จะตามหาลูกทุกวิถีทาง
“มารายการกี่ครั้งก็ร้องไห้ บางทีพ่อร้องไห้ช็อกไปต่อหน้าต่อตาก็มี หายไปแล้ว 3 ปี ตามหาบ้างแล้ว สุดท้ายหาไม่เจอ เขาก็หัวใจสลาย ลูกเขาทั้งคน แต่ก็มีคนแจ้งเบาะแสมาเรื่อยๆ ถ้าถูกลักพาตัวแบบแก๊ง จะตามหายากมาก”
มีกรณีหนึ่งที่ทางรายการช่วยตามหาจนเจอ เด็กชายอายุไม่ถึง 7 ขวบพลัดหายจากพ่อแม่ที่สนามหลวง เพราะถูกคนขายลูกโป่งหลอกไป บังเอิญไปพลัดหลงอยู่ต่างจังหวัด พระรูปหนึ่งมาเจอเข้า เลยพาไปเลี้ยงและนำมาที่รายการเพื่อตามหาพ่อแม่จนพบเจอ
“เด็กร้องไห้หาแม่ทุกวัน เราก็พาเด็กไปพอพ่อแม่เห็นเขาก็ดีใจ พ่อเป็นลมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าลูก แม่ก็นั่งกอดลูกร้องไห้”
พิงค์อธิบายบรรยากาศในตอนนั้นว่า การที่เขาได้ลูกคืนมาเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก ซึ่งเขาตามหากันมานานและไม่คิดว่าจะเจอแล้ว
“เราขนลุก ร้องไห้ไปด้วย เขาก็พากันกลับบ้าน มีความสุขกัน เราก็มีความสุข เราก็สุขประเดี๋ยวเดียวแหละ แต่เราเต็มอิ่ม” พิงค์กล่าวทิ้งท้าย
ส่วนกรณีที่ยังตามหากันไม่เจอพิงค์บอกว่า ทางรายการก็ช่วยตามหากันอยู่ไม่ได้ทอดทิ้งกรณีไหนไปเลย
……….........
ความตื่นตัวจะช่วยป้องกันปัญหาได้ในระยะยาว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะระยะเวลาที่มีข่าวเด็กหายเท่านั้น หากแต่เป็นการระแวดระวังอยู่ทุกช่วงเวลา เพราะปัญหานี้อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากประมาทและปล่อยปละละเลย ดังนั้นทุกหน่วยงานควรใส่ใจในมาตรการป้องกัน ร่วมไปถึง พ่อแม่ ผู้ปกครองทุกคนที่มีบุตรหลานควรดูแลอย่างใกล้ชิด หากไม่เช่นนั้นแล้วปัญหาการลักพาตัวเด็กก็จะเกิดขึ้นและอยู่คู่เป็นปัญหาเรื้อรังสังคมไทยต่อไป…
>>>>>>>>>>
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพอาชญากรรม