สาว ’ถาปัตย์ฯ เอแบค มาดติสท์ ผมฟู แต่งตัวเซอร์ๆ คือตัวตนของ “ฟ้า-ชัญษร สาครจันทร์” ก่อนที่เธอจะทำการ Make-over แต่งหน้าแปลงโฉมเป็นสาวงามที่สุดในประเทศ จนได้รับตำแหน่ง “มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส” คนล่าสุดไปครอง เธอตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อเดินตามความฝันอันยิ่งใหญ่ คือการได้เป็นนางงาม ได้เป็นผู้หญิงที่พิเศษ แต่ความฝันของเธอไม่ได้หยุดที่ประเทศไทยเท่านั้น แต่หวังไกลถึงระดับโลก และในชีวิตเธอยังมีความฝันอีกสองอย่างคืออยากเป็นมัณฑนากรที่เก่ง เป็นที่ยอมรับ และฝันอยากเป็นนักร้อง เพราะรักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ
เมื่อถึงเวลานัดหมายกับ M-Lite มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สคนล่าสุดเดินเข้ามายกมือไหว้ กล่าว “สวัสดีค่ะ” ทักทายเราด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน มองจากภายนอกรูปร่างสูง 173 หุ่นกระชับได้สัดส่วน ใบหน้าหวาน มีเสน่ห์แบบหญิงไทย ผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวย โดยเฉพาะบุคลิกที่ดูดีมาจากข้างใน เป็นคนที่มีคาแร็กเตอร์ของตัวเองชัด ทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าใคร และเมื่อได้เริ่มสนทนา รู้สึกว่าน้ำเสียงของเธอมีเสน่ห์มากๆ มีจังหวะสูงต่ำ ผสานกับเสียงหัวเราะน่ารักๆ เป็นระยะ แม้จะตอบคำถามแบบรักษามาดนางงามอยู่บ้าง เพราะมีพี่อาร์คนดูแลภาพลักษณ์คอยประกบถึง 3 คน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจ
ฝันอยากเป็นนางงาม
ทันทีที่เธอได้รับตำแหน่ง ก็มีกระแสข่าวออกมาว่าเป็นเด็กเส้น เพราะเป็นลูกสาวนักบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ของงานประกวดนี้ เมื่อถามเธอถึงความรู้สึกต่อกระแสข่าวว่าเป็นเด็กเส้น สาวฟ้าก็ให้คำตอบว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีข่าวลือเกี่ยวกับตัวเธอออกมาบ้าง
“ฟ้ามองว่ามันต้องมีกระแสแบบนั้นบ้างในอินเทอร์เน็ต คนอาจจะมองว่าเราเป็นตัวเต็งตั้งแต่แรกจนจบ มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่คนจะมองว่าเป็นเด็กเส้น แต่ว่าฟ้าคิดว่าสักพักเขาก็คงจะลืมๆ ไป เพราะว่าฟ้าคิดว่าการตัดสินบนเวทีนี้มันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าเราแย่มาก เราคิดว่าเราเสมอตัว เพราะฉะนั้นมันเป็นแค่ความคิดของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเราเข้าใจว่ามันต้องมีบ้าง ส่วนผลกระทบต่อความรู้สึกฟ้าไม่มีเลยค่ะ คิดว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ
ฟ้าเชื่อว่านางงามทุกคนที่เข้ารอบมา นอกจากจะสวยแล้ว ยังเป็นผู้หญิงที่เก่งมากด้วย อย่างพี่เกรส (ณิรัฐชา ตังติสานนท์) เป็นผู้หญิงที่สวยที่สมองมากๆ คิดว่าทุกคนเก่งมากๆ คิดว่าไม่มีเส้นแน่ๆ เพราะตัวฟ้าก็ไม่ได้เส้น (ยิ้ม) เสน่ห์ของเวทีนี้อยู่ตรงที่ผู้หญิงทุกคนที่มาประกวดสวยอย่างเดียวไม่พอนะ ต้องแกร่งด้วย ต้องอึด ต้องอดทนจากความกดดัน แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็ต้องมีจิตใจที่สวยงาม ถ้าไม่อดทน ไม่เป็นคนใจกว้าง ไม่มีความต้องการที่จะทำเพื่อสังคมจริงๆ มันจะออกมาแบบไม่สวยงาม ไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้เท่าที่ควร มันต้องประกอบกันหลายๆ อย่าง เท่าที่ได้สัมผัสกับเพื่อนนางงามหลายๆ คนก็รู้สึกว่านี่แหล่ะคือผู้หญิงที่มีพลังขับเคลื่อนสังคม”
ยังไม่ทันไรก็มีกระแสข่าวต่อมาว่า เธอถูกรุ่นพี่นางงาม ''ปุ๊กลุก'' ฝนทิพย์ วัชรตระกูล มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2553 โพสต์เหน็บเรื่องการพูดภาษาไทยไม่ชัดผ่าน facebook ''ภาษาไทยเป็นภาษาแม่กรุณาพูดให้ชัด และงดดัจด้วยค่ะ'' ซึ่งมีข้อความต่อมาว่า ''นกบินตรงไหน ก็ตรงนั้นละ'' จึงทำให้หลายคนที่ได้อ่านตีความว่าคนที่เธอโพสต์ว่าคือ ''ฟ้า'' เรื่องดังกล่าวฟ้าก็ได้ออกมาเปิดใจไปแล้วว่า ไม่คิดว่านางแบบรุ่นพี่จะหมายถึงตน เพราะหากเป็นเรื่องจริง เชื่อว่ารุ่นพี่คงมาพูดกับตนตรงๆ มากกว่า พร้อมยืนยันว่าเธอก็พูดชัด ดังนั้น คงไม่ได้หมายถึงเธอ น่าจะหมายถึงคนอื่นมากกว่า ส่วนเรื่องทะเลาะกันนั้นไม่เคยมีแน่นอน เพราะยังไม่เคยมีโอกาสที่จะคุยกันเลยด้วยซ้ำ
ครอบครัวการบิน
ฟ้าเล่าถึงประวัติครอบครัวว่า เดิมทีเธอชื่อภัทรภร เปลี่ยนชื่อมาเป็นชัญษร (ชัน-ยะ-สอน) แปลว่าประเสริฐเป็นที่สุด โดยมีผู้รู้ตั้งให้ ซึ่งชื่อนี้ก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นลูกสาวของ “สืบสมุทร สาครจันทร์” กัปตันสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และ “รตี ตั้งธรรมสถิตย์” ประกอบธุรกิจการประมูลอะไหล่เครื่องบินของกองทัพเรือ มีพี่ชายหนึ่งคนคือ “แม็ค-มีสิทธิ์ สาครจันทร์” ตอนนี้เรียนอยู่ที่สแตมฟอร์ด ยูนิเวอร์ซิตี แถมยังเป็นประธานนักเรียนด้วย เรียกว่าเก่ง และดูดีกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว
“คุณพ่อฟ้าไม่ดุเลย แต่ท่านจะไปบินบ่อย ก็จะอยู่บ้านน้อยกว่าคุณแม่ครึ่งหนึ่ง ในครอบครัวฟ้าจะสนิทกับคุณแม่มากที่สุดค่ะ คุณแม่เป็นเหมือนเพื่อน คือฟ้าจะเป็นคนไม่ค่อยติดเพื่อนวัยเดียวกันเท่าไหร่ จะไปชอปปิ้ง กินข้าว ไปทำงานเป็นเพื่อนคุณแม่ มีอะไรก็จะปรึกษาคุณแม่ค่ะ ที่บ้านก็เลี้ยงดูแบบฝรั่งระดับหนึ่ง แต่ก็เลี้ยงให้เรียบร้อยนะคะ ที่บ้านจะไม่เลี้ยงให้เป็นเด็กก้าวร้าวเลย แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนฟ้ามาตลอดก็คือการใช้เหตุผล ไม่ว่าเราจะเป็นเด็กตัวเล็กๆ เขาก็จะถามด้วยเหตุผล มันทำให้เราเป็นคนที่เชื่อมั่นกับสิ่งที่เราตั้งใจจะทำ”
แรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ฟ้าตัดสินใจเข้ามาประกวดนางงามก็คือคุณแม่ “คุณแม่เป็นนักสร้าง ท่านจะมองว่าใครเหมาะกับอะไรได้ค่อนข้างจะขาดค่ะ คือตอนนี้ฟ้าอายุ 20 ก็อาจจะไปประกวดเวทีของวัยรุ่นได้ แต่เนื่องจากว่าฟ้าเป็นคนที่ตัวสูง แล้วลุคของฟ้ามันดูเป็นลุคของผู้ใหญ่ คุณแม่ก็เลยบอกว่ามันไม่ใช่แล้วนะที่เราจะไปคาดหวังกับเวทีวัยรุ่น คุณแม่อยากให้ฟ้าลองเข้ามาประกวดเวทีนางงามดู เพราะท่านมองว่าน่าจะเหมาะกับฟ้า แต่คุณพ่อกับพี่ชายไม่ค่อยคิดมาก บอกว่าติด 1 ใน 5 ก็ดีมากแล้ว ทุกคนอยากให้เราได้มีประสบการณ์ในการประกวด ไม่ได้คาดหวังว่าต้องได้ที่หนึ่ง
พอคุณแม่ชี้ให้เห็นว่าเวทีนี้มีความเป็นไปได้ ฟ้าก็เลยเริ่มศึกษา ดูวีซีดีการประกวดนางงาม แล้วก็พบว่ามันมีความน่าสนใจมากๆ มันเป็นโอกาสที่ทำให้ผู้หญิงได้เสนอความงามสง่า แล้วก็ได้เสนอข้อดีในตัวเอง มันเหมือนเป็นการเน้นสิ่งดีๆ ในตัวผู้หญิง แล้วนำออกมาใช้
เหตุผลที่เธอตัดสินใจเลือกเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สเพราะหวังไปถึงระดับโลก "จริงๆ ฟ้าก็ไม่ได้หวังไกล เราก็หวังเหมือนที่พ่อกับพี่ชายหวัง แต่คิดว่าถ้าจะเลือกเวทีใดเวทีหนึ่ง ก็คิดว่าเวทีมิสยูนิเวิร์สนี่แหละเพราะว่ามีโอกาสได้ไประดับโลก เพราะฟ้าค่อนข้างอยากไปเวทีอินเตอร์ฯ อยากได้ลองไปเจอประสบการณ์ ได้เรียนรู้ภาษา เรียนรู้วัฒนธรรม ของคนจากหลายๆ ชาติ
สิ่งที่ครอบครัวฟ้าสอนมาตลอด คือคนเราจะได้ในสิ่งที่เรามีคุณค่าพอที่จะได้ you get what you deserve คือสมมติว่าเราไม่ได้รางวัลในการประกวดครั้งนี้ เราก็อย่าไปคิดอะไรมาก แค่คิดว่าเรายังไม่ใช่ เรายังขาดสิ่งที่เขาต้องการ อย่าไปคิดว่าทำไมเราถึงไม่ได้ ให้คิดว่าบางทีเวลาของเรามันยังมาไม่ถึง
ฟ้าค่อนข้างเป็นคนจริงใจมาก โกหกไม่ค่อยเก่ง (หัวเราะเขินๆ) ชอบอะไรสบายๆ ฟ้าค่อนข้างจริงใจกับทุกคน และก็หวังให้เขาจริงใจกับฟ้า เป็นคนไม่ก้าวร้าว ไม่วีน ไม่เหวี่ยง เป็นคนมั่นใจระดับหนึ่ง แต่ถ้าใครทักก็เสียเซลฟ์เป็นเหมือนกันนะ แต่ว่าก็อยู่บนเหตุผล ดูภายนอกเหมือนเป็นสาวมั่น แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นคนมั่นใจขนาดนั้น แต่ถ้ามีเหตุผล ฟ้าจะเป็นคนมั่นใจ แต่ถ้าอะไรที่ไม่รู้ฟ้าก็จะงง ก็จะบอกว่าไม่รู้จริงๆ ไม่ใช่บอกว่ามันต้องอย่างนี้ แล้วมั่นใจพูดไปเลย จะไม่มี” เธอพูดถึงตัวตนอย่างเปิดเผย
ตอนเด็กไม่สวย
สาวงามเล่าย้อนเรื่องราววัยเด็กให้ฟังว่า ตอนเด็กเธอเป็นเด็กตัวสูงใหญ่ ผิวคล้ำ ไม่น่ารัก ไม่เคยฉายแววนางงามมาก่อนเลย แต่ด้วยความที่เป็นเด็กชอบทำกิจกรรม และกล้าแสดงออก จึงได้มีโอกาสทำกิจกรรมให้ทางโรงเรียนบ่อยๆ ตั้งแต่อนุบาล
“ตอนเด็กฟ้าไม่สวย เป็นเด็กธรรมดาที่ผิวสีแทนๆ ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ น่ารัก ผิวขาว เป็นเด็กตัวสูง แล้วก็เซอร์ๆ ค่ะ เนื่องจากคุณแม่จะไม่ใช่คนที่จับลูกแต่งตัวเป็นเจ้าหญิง หรือเป็นตุ๊กตา จะเลี้ยงแบบค่อนข้างธรรมชาติๆ ไม่ได้เล่นกีฬาอะไร แต่ตัวสูงตั้งแต่เด็ก เป็นกรรมพันธุ์ค่ะ ออกมาจากท้องคุณแม่น้ำหนัก 4 กิโลฯ เลยนะคะ (หัวเราะ) ฟ้าจะเป็นเด็กตัวสูงตั้งแต่อนุบาลเลย ได้ยืนหัวแถวตั้งแต่อนุบาลจนถึงตอนนี้ค่ะ
เด็กในวัยเดียวกันก็จะมองผู้หญิงขาวๆ ตัวเล็กๆ น่ารัก เราก็เลยไม่เคยคิดว่าโตขึ้นจะประกวดนางงาม แต่ว่าตอนเด็กจะฉายแววในเรื่องเป็นคนชอบทำกิจกรรม ชอบทำอะไรโดดเด่นออกมา ชอบการแสดง ชอบร้องเพลง อย่างเช่นถือป้าย หรือประกวดนางนพมาศ ดรัมเมเยอร์ ตั้งแต่อนุบาลเลยค่ะ”
พอถามว่ามาเริ่มรักสวยรักงามตอนไหน เธอเล่าให้ฟังพร้อมหัวเราะแบบน่ารักๆ ว่า “มาสวยตอนประกวดนี่แหล่ะค่ะ ด้วยความที่เป็นผู้หญิงก็จะรักสวยรักงามระดับหนึ่ง แต่ว่าก่อนหน้านี้ฟ้าจะเป็นผู้หญิงสไตล์เซอร์ๆ เพิ่งจะมาช่วงนี้ที่สวยแบบเต็มๆ ค่ะ ฟ้าอาจจะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง เรารู้ว่าเราต้องการอะไร รู้ว่าอะไรที่เรารัก ฟ้ามองว่าตำแหน่งนางงามมันเป็นการพิสูจน์คุณค่าของผู้หญิง ซึ่งฟ้ามีตัวเองอยู่ในนี้ (ชี้ไปที่ตัวเอง) แล้วฟ้าก็อยากจะพรีเซ็นต์ให้คนทั่วไปเห็นว่าเรามีศักยภาพ เราเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ ฟ้าเป็นคนที่มีอินเนอร์สูง ตั้งแต่เด็กๆ ไม่ชอบทำอะไรที่เหมือนคนอื่น ชอบที่จะแตกต่าง แต่ก็คือแตกต่างอย่างดีนะคะ อยากเป็นใครสักคนที่ไม่เหมือนคนทั่วไป อยากเป็นอย่างนั้นมากๆ เลย”
เธอเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการ Make-over กว่าจะสวยได้อย่างที่เห็น เธอต้องฝึกปรับเปลี่ยนบุคลิกอยู่นานเลย เพราะก่อนหน้าเป็นคนแต่งตัวสบายๆ รองเท้าส้นสูงไม่เคยใส่ ผมก็ไม่เคยเซต เรียกว่าต้องปรับลุคตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าเลยทีเดียว รวมถึงสร้างความมั่นใจจากข้างในด้วย
“เริ่มแรกต้องควบคุมเรื่องน้ำหนักก่อน ตอนแรกหนัก 60 ก็ลดลงมาเหลือ 54 ก็ลดลงมาเยอะเหมือนกัน แล้วก็เริ่มฝึกสไตล์การแต่งตัวให้ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น รู้ว่าส้นสูงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะแต่ก่อนไม่เคยใส่ส้นสูงเลย เพราะเราสูงอยู่แล้ว ก็เลยไม่อยากใส่ มันเหมือนดูสูงไปในความคิดของเรา แรกๆ เดินตลกมากเลยนะ เดินแบบเก้งก้าง ก็ให้คนรอบข้างช่วยดูเวลาเราเดิน แล้วก็ฝึกใส่เรื่อยๆ ทั้งที่ปกติเป็นคนแต่งตัวสบายมาก (ลากเสียง) ก็ต้องเริ่มแต่งตัวเยอะๆ ให้มันเต็มๆ ให้มันชินกับส้นสูง ก็ใช้เวลาอยู่เหมือนกัน มันต้องใช้เวลาปรับตัว ก็มีถามคนที่เขาเดินสวยว่าทำยังไง ต้องเดินไขว้ขาเยอะๆ แล้วก็ต้องก้าวยาวๆ เดินไม่งอเข่านะ ไหล่อย่าห่อนะ เราก็ค่อยๆ ปรับทำทีละอย่าง แรกๆ ก็รู้สึกทำไมตึงทั้งตัว สุดท้ายก็ทำได้ค่ะ (ยิ้มสวย)
การดูแลตัวเองอันดับแรกเลยคือ เลือกเสื้อผ้าให้ดี รูปร่างก็ต้องออกกำลังกายเพื่อให้กระชับ ฟ้าจะเป็นสาวผิวสีแทน คล้ำง่ายนิดหนึ่ง ก็จะเน้นทาโลชั่นกันแดด สำหรับช่วงนี้ก็จะให้ความสำคัญต่อรูปร่างเป็นพิเศษ เพราะว่าอย่างอื่นบำรุงแล้วมันก็ขึ้นมาได้ในเวลาสั้นๆ แต่เรื่องรูปร่างเนี่ย มันต้องดูแลอย่างจริงจัง ใช้เวลาช่วงระยะหนึ่งเลยค่ะ ช่วงไปเก็บตัวที่ลำพูน จะบอกว่าอาหารที่ลำพูนอร่อยมาก (ยิ้มหวาน) จัดอาหารมาให้เต็มมาก เราก็ซ้อมเหนื่อย ก็จะกินเยอะนิดหนึ่ง ช่วงนี้ก็ต้องควบคุมเรื่องอาหารบ้าง เพื่อความมั่นใจในรูปร่าง แต่ก่อนเป็นคนที่ต้องกินแป้ง ต้องลดแป้ง กินเป็นโปรตีน เนื้อปลา เนื้อไก่ แล้วก็ผักผลไม้ พยายามให้อยู่แค่นั้น แล้วก็ต้องเข้าฟิตเนส เน้นเรื่องความกระชับของกล้ามเนื้อ แล้วก็ความยืดหยุ่น ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง”
เตรียมตัวก่อนไปเวทีระดับโลก
อีกไม่กี่เดือนนี้เธอจะเป็นตัวแทนสาวไทยเข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2011 ซึ่งจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ฉลอง 60 ปี ที่เมืองเซาเปาลู ประเทศบราซิล สำหรับเธอดูจะตื่นเต้นไม่น้อย และมีสิ่งที่ต้องตั้งใจทำอีกเยอะ
“ตอนนี้ฟ้าต้องไปเรียน speech เพิ่มเติม เนื่องจากความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของฟ้าจะอยู่ในระดับของวัยรุ่นอเมริกันคุยกัน ยังไม่ใช่ระดับการพูดอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ฟ้าก็ไปหาอาจารย์สอน speech เพิ่มไว้แล้ว สำหรับการตอบคำถามบนเวที
สิ่งที่จะนำไปพรีเซ็นต์ที่โน่น คิดว่าคงจะเป็นความเป็นไทย รอยยิ้ม แล้วก็รักษากิริยาของคนไทย เราจะไม่ไปฝรั่งที่โน่น ส่วนเรื่องที่จะนำไป ตอนนี้ยังไม่คิดไว้ละเอียดค่ะ ต้องมาวางแผนอีกที แต่ที่คิดไว้อย่างหนึ่งคือ จะนำกางเกงมวยไทยของเราไปแจกเพื่อน กางเกงขาสั้น เขียนมวยไทย สีสดๆ มันสวยมากเลยนะคะ คิดว่าเพื่อนต่างชาติต้องชอบ (หัวเราะ) อันนี้เป็นไอเดียเล็กๆ ที่คิดไว้อย่างหนึ่งนะคะ
สำหรับการไปเวทีระดับโลกมันต้องยากอยู่แล้ว เพราะฟ้าตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ดีมากๆ ทำให้ดีที่สุด เราคาดหวังกับตัวเองไว้สูง เพราะฉะนั้นมันต้องยาก มันยากแสดงว่ามันทำได้ค่ะ” ฟ้าแสดงสีหน้าและน้ำเสียงมั่นใจ
“ตอนนี้ฟ้ารู้ว่ามีแฟนๆ เชียร์ฟ้าเยอะ ฟ้าก็อยากจะขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจที่ให้ฟ้ามาตลอด ก็อยากขอให้เป็นกำลังใจให้ฟ้าต่อไปด้วย ฟ้าก็จะพยายามอย่างเต็มที่ ทุกโมเมนต์ต่อจากนี้ เพื่อคนไทยทุกคนค่ะ”
อนาคตอยากเป็นมัณฑนากร
ด้วยความเป็นสาวรักศิลปะ รักการออกแบบ จึงเลือกเรียนคณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งเธอก็ทำได้ดี และกำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 3 แล้ว สำหรับสไตล์การออกแบบของว่าที่มัณฑนากรสาว เธอให้ความสำคัญต่อแนวคิดการออกแบบที่ช่วยลดโลกร้อน สไตล์การตกแต่งที่เธอชอบคือการใช้โทนสีน้ำตาล ดูอบอุ่น
“ตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 3 คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ ที่เอแบค ที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะฟ้าชอบ ชอบเรียนคณะนี้ เพราะมันเป็นวิชาศิลปะผสมวิทยาศาสตร์ มันเป็นอะไรที่เป็นตัวเราดี เราอาร์ตก็จริง แต่ถ้าอาร์ตแล้วไม่เกิดผล เราไม่เอานะ อาร์ตแล้วเกิดเป็นชิ้นงาน เกิดเป็นความสำเร็จขึ้นมา ทุกอย่างมันชัดเจน" ฟ้าเล่าพร้อมรอยยิ้ม และมีประกายในดวงตา
“ชอบศิลปะมาก ชอบตั้งแต่อนุบาลเลยค่ะ ชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นมาอาชีพในฝันก็มองไว้ไม่กี่อย่างค่ะ อยากเป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน กับอยากเป็นนักดนตรี ส่วนเรื่องฝันที่อยากเป็นศิลปิน เรามองไว้ว่าถ้าเกิดได้เป็นจริงๆ คงเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตเราเท่านั้น เพราะฉะนั้นอาชีพหลักเราก็อยากจะจับงานมัณฑนากรไว้ อีกอย่างที่มองไว้ก็คือเรื่องของธุรกิจ ก็คิดไว้ว่าอยากไปเรียนเสริมตอนช่วงปริญญาโท
ศิลปะคือทุกอย่างของชีวิตค่ะ ศิลปะในความหมายของฟ้าจะไม่ใช่แค่การวาดภาพ หรือว่างานดีไซน์ มันจะเป็นเรื่องของดนตรีด้วย แล้วก็ศิลปะทางความคิด เรื่องของปรัชญา เป็นเรื่องศิลปะในการใช้ชีวิต ทุกอย่างในชีวิตมันสวยงามไปหมด แล้วเราก็มีความสุขที่จะได้อยู่กับศิลปะเล็กๆ น้อยๆ ในทุกๆ วัน
ฟ้าค่อนข้างจะสนใจ ชอบดูการตกแต่งสถานที่ต่างๆ ในทุกที่ที่เราไป ชอบงานดีไซน์ ชอบทุกอย่างที่มีดีไซน์ เราสามารถไปยืนเลือกว่าเราชอบอันนี้ ไม่ชอบอันนี้ เป็นความสุขอย่างหนึ่ง เหมือนกับไปเดินเล่น แล้วก็ชอบศึกษางานดีไซน์ที่มีชื่อ จากนิตยาการ หรือว่าจากการเรียนรู้ต่างๆ ชอบสไตล์คอนเทมโพรารี แบบเรียบๆ ไม่หวือหวามาก ฟ้าค่อนข้างจะเชื่อในสไตล์ที่ปรับใช้ง่ายแล้วก็อยู่นาน ทุกวันนี้มันเป็นเรื่องของภาวะโลกร้อน เพราะฉะนั้นการที่เราจะสร้างอะไรสักอย่างหนึ่ง เอาให้มันใช้ได้เยอะๆ ฟังก์ชันหลากหลาย แล้วก็อยู่นาน ไม่ตกรุ่น ไม่ชอบอะไรที่หวือหวามาก เพราะว่าแป๊บเดียวก็เบื่อ บางคนชอบบ้างไม่ชอบบ้าง ในแง่ของการรักโลก ฟ้ามองว่าสไตล์นี้เป็นสไตล์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวฟ้า
ฟ้าชอบสีน้ำตาล จะใช้สีน้ำตาลเกือบทุกงานที่เคยทำ สีน้ำตาลมันเข้ากับทุกๆ สี แล้วมันก็ไม่ดุ แล้วมันก็ไม่ได้นิ่ง อีกสไตล์ที่ชอบจะเป็นสีแนวเม็กซิกัน สีแรงๆ อย่างน้ำเงินสด ส้มสด รวมๆ กัน อารมณ์บาหลีสีแรงๆ นี่ก็เป็นอีกสไตล์หนึ่ง แล้วก็ชอบสไตล์อินเดียๆ ส่วนห้องของตัวเองไม่ค่อยซีเรียสมาก ชอบห้องที่ดูนุ่มนิ่ม มีผ้าเยอะๆ ผ้าห่มหนาๆ มีหมอนตรงนั้นตรงนี้ ดูอบอุ่น แล้วฟ้าชอบห้องเล็ก ไม่ชอบห้องใหญ่ ห้องฟ้าพอดีตอนซื้อมันมีแต่เฟอร์นิเจอร์สีขาว ห้องก็เลยเป็นสีเหลืองทอง”
งานอดิเรก ขับเครื่องบินเล็ก
กิจกรรมยามว่างของลูกสาวนักบิน คงหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องบิน เมื่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ครอบครัวของฟ้าจะพากันไปทำกิจกรรมร่วมกันที่พัทยา นั่นก็คือการขับเครื่องบินเล็ก (อัลตรา-ไลต์) ชมวิวบริเวณชายหาด
“การที่ฟ้ามาฝึกขับเครื่องบินเล็กมันเริ่มมาจากที่คุณพ่อเป็นนักบิน งานบินของคุณพ่อมันใช้ออโตไพรอต เป็นระบบเครื่องบินใหญ่ นักบินก็จะมีความรักที่จะบินด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นท่านก็เลยมาจับเครื่องบินเล็ก เป็นเครื่องบินที่บังคับด้วยตัวเองหมดทุกอย่างเลย แล้วท่านก็เริ่มตั้งชมรมเครื่องบินเล็ก ได้ประมาณ 1-2 ปีท่านก็เริ่มฝึกบิน แล้วก็จับพี่ชายฟ้าไปบิน ฟ้าก็เริ่มมาฝึกตาม เพราะมันเป็นกิจกรรมครอบครัวที่เราจะไปกันวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ ฟ้าเริ่มฝึกมาได้ประมาณ 6-7 เดือน ก็คิดว่าจะไปเรื่อยๆ ไปฝึกครั้งหนึ่งก็ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
เสน่ห์ของการขับเครื่องเล็ก ฟ้าว่ามันอยู่ที่ความท้าทาย เพราะเราบังคับทุกอย่างด้วยตัวเอง เราไม่กลัวเลยนะ เพราะว่าเห็นคุณพ่อขับเครื่องบินมาตั้งแต่เกิด เพราะว่าคุณพ่อขึ้นบินไม่รู้กี่พันกี่หมื่นครั้ง เราก็เลยมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ฟ้าว่ามันสนุกดีค่ะ ได้เห็นผู้คนในมุมกว้างๆ ถือว่าได้ผ่อนคลายไปอีกแบบหนึ่ง
ชมรมการบินอยู่ที่พัทยา เวลาบินก็บินวนดูบรรยากาศ ชมวิวรอบๆ พัทยา มีหมู่บ้าน สนามกอล์ฟ มีบินไปทะเลด้วย มีผู้หญิงน้อยค่ะ ส่วนมากจะเป็นผู้ชาย แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 16 เองก็มาบิน เก่งกว่าฟ้าอีก (หัวเราะ) เวลาบินฟ้ายังต้องมีคนคุมเพราะเรายังไม่ได้ไลเซนส์อย่างเป็นทางการ ถ้าขึ้นโดยไม่มีคนคุมถือว่าผิดกฎหมาย ตอนนี้ฟ้ายังต้องฝึกการแลนดิ้งอีกนิดหนึ่ง เพราะเรายังไม่แม่นมาก การแลนดิ้งเป็นอะไรที่ยากมาก พอได้ไลเซนส์อันนี้แล้วก็อยากฝึกอย่างอื่น (ถามว่าเคยคิดขับเครื่องบินใหญ่ไหม) ก็เคยคิดอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก่อนอื่นต้องคล่องตัวเล็กก่อน แล้วถึงจะเป็นเครื่องบินใหญ่ คุณพ่อเป็นนักบินแต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวนะ เพราะฤดูที่เขาเที่ยวกัน คุณพ่อต้องพาคนอื่นไปเที่ยว”
เมื่อคุยถึงเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศไทย ฟ้าเผยว่าชอบเที่ยวทะเล ที่ชอบมากๆ คือกระบี่ เพราะมีทะเลสวย ภูเขาเขียวชอุ่มสีสวย พอดีช่วงนี้อากาศแปรปรวน แถมมีข่าวลือเรื่องโลกแตก จึงถามเธอถึงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ ซึ่งเธอก็มีคำแนะนำดีๆ สำหรับการปรับตัว และช่วยเหลือโลกในสภาวการณ์เช่นนี้
“อากาศที่มันปรวนแปรช่วงนี้ ฟ้าคิดว่าแปลกๆ อยู่ค่ะ คิดว่าโลกก็คงบอบช้ำอยู่พอสมควร ส่วนเรื่องที่คนเชื่อกันว่าโลกจะแตก เราคิดว่ามันคงไม่ได้ถึงกับแตก ตูม! แต่คิดว่าชีวิตก็คงอยู่ลำบากขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงจุดจุดหนึ่งมันก็คงจะต่างจากช่วงนี้ไปเลย เขาก็เลยเรียกกันว่าโลกแตก คิดว่าตอนนี้ทุกคนก็เริ่มตื่นตัว แต่ก็ยังตื่นตัวไม่พอนะ อยากพูดแทนหลายๆ คนว่า จริงๆ แล้วฟ้ามองว่าทุกคนน่าจะกลับมาที่การอยู่อย่างพอเพียงน่ะค่ะ เพราะว่าจริงๆ แล้วชีวิตคนเราไม่ได้ต้องการสิ่งของมากมาย ใช้ให้เป็น ใช้ให้พอ เสื้อผ้าก็ใส่ซ้ำๆ เอาจริงๆ ชีวิตอยู่ได้นะ โดยที่ไม่ต้องการอะไรมาก แค่มีปัจจัย 4 ก็พอแล้ว พยายามลดอะไรที่มากเกินไป จะได้ช่วยๆ กัน
ฟ้าเชื่อว่ามนุษย์ปรับตัวได้ แต่อย่างไรก็ตามช่วยกันชะลอไว้ดีกว่าต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตไปค่ะ ตอนนี้เราก็ยังเดินข้างนอกได้ มีอากาศให้หายใจ มีแสงแดด ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็จะดี ตอนเราเด็กๆ อากาศก็ไม่ร้อนเท่านี้ ฤดูอะไรก็ไม่ผิดปกติ แล้ว 10 ปีมันก็เปลี่ยน แล้วยิ่งช่วงนี้มันยิ่งเปลี่ยนเร็ว ก็เลยมองว่าโลกมันก็เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ”
“นักร้อง” เป็นความฝันตั้งแต่เด็ก
เคยผ่านการประกวดมาหลายเวที เธอเป็นหนึ่งในผู้สมัครมิสทีนไทยแลนด์ภาคตะวันออกปี 2007 ตอนนั้นใช้ชื่อว่า "ฟ้า" พรอาภา สาครจันทร์ เคยเข้าประกวด Teen Superstar เข้ารอบ 50 คนสุดท้าย และ Taor MC contest ปี 2 เข้ารอบ 15 คนสุดท้าย นอกจากนี้ก็ยังเคยสมัครการประกวดเดอะสตาร์ และเคพีเอ็นด้วย
“ส่วนเรื่องฝันอยากเป็นนักร้อง ฟ้าก็เรียนร้องเพลง แล้วก็เคยประกวดเวทีต่างๆ มาบ้างค่ะ เวลาว่างจะชอบนั่งดู youtube แล้วฝึกเล่นกีตาร์ ช่วงนี้นิยมอูกูเลเลกันใช่ไหมคะ มันฟังดูน่ารักดีค่ะ แต่ไม่สามารถเล่นได้ทุกสไตล์ ก็เลยเล่นกีตาร์โปร่ง จริงๆ อยากไปเรียน แต่คุณแม่บอกว่าเรียนร้องเพลงอย่างเดียวพอแล้ว ก็เลยเก็บตังค์ซื้อกีตาร์เอง ฝึกเล่นเอง ฝึกกับคลิปสอนเล่นที่ไม่ปรากฏหน้าตาว่าเขาเป็นใคร ดูมืออย่างเดียว ชอบมาก มีความใฝ่ฝันว่าอยากแต่งเพลงให้ตัวเอง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้สักเพลงเลยค่ะ เพิ่งเริ่มฝึกประมาณปีเดียว ฟ้าว่าฟ้ายังไม่ค่อยเก่ง แต่ว่ารัก เวลาเขาให้เขียนความสามารถพิเศษก็จะเขียนว่าเล่นกีตาร์ (หัวเราะน่ารักๆ) ฟ้าเล่นได้ค่ะ กล้าเล่นโชว์
ในหนึ่งวันต้องหาเวลาฟังเพลง ชอบฟังเพลงมาก แต่ไม่ชอบฟังเพลงร็อกหนักๆ ชอบฟังเพลงป๊อบ R&B เพลงทั่วไปก็ฟัง ศิลปินในดวงใจ ชอบพี่เบิร์ดค่ะ เขาเป็นเป็นซุปเปอร์สตาร์จริงๆ เป็นเรื่องน่าทึ่งที่เขาทำอะไรออกมาก็สามารถครองใจผู้คน เพลงอัลบั้มล่าสุด ฟ้าก็ชอบมาก น่ารัก เฮฮา ตอนเด็กเราก็ฝึกร้องเพลงพี่เบิร์ดเยอะ นักร้องหญิงชอบวงเคลียร์ (Klear) ชอบสไตล์เสียงเขา สไตล์เพลง ดนตรีละเอียด ทั้งเพราะ และแข็ง กำลังดี มีคนบอกว่าเสียงฟ้าจะออกแนว R&B ถ้าร้องเพลงฝรั่ง ถ้าร้องเพลงไทยก็ร้องเพลง pop ทั่วไป มีร้องเพลงขึ้น youtube อยู่ ช่วงก่อนที่จะไปเปิดตัวที่ลำพูนมีพี่คนหนึ่งเขาให้ร้องแล้วอัดไว้หน่อย จะเอาไปให้แฟนๆ ดู ลองเสิร์ชดูนะคะ”
นอกจากเรื่องการร้องเพลง และได้ทำสิ่งที่รักแล้ว ความสุขของฟ้าก็คือการได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน แล้วได้รู้ว่าคนรอบข้างมีความสุขกับสิ่งที่เธอทำ
“ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่นการทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ ทำให้ท่านมีความสุข หรือเวลาคุยกับเพื่อน เฮฮากับเพื่อน พอเราพูดอะไรเพื่อนขำ เรามีความสุข เราเป็นคนตลก ถ้าอยู่กับเพื่อนสนิทเฮฮามาก เวลาอยู่กับเพื่อนฟ้าจะค่อนข้างเล่นอะไรไร้สาระน่ะค่ะ ขำๆ ถ้าเพื่อนที่ไม่สนิทจะมองว่าฟ้าเป็นคนเงียบ เพราะว่าเราค่อนข้างจะนิ่งๆ ดูว่าเขาเป็นยังไงน๊า.. แล้วค่อยคุย อาจจะมองว่าฟ้าเป็นคนคุยยาก แต่จริงๆ แล้วไม่เลย เวลามีคนมาคุยกับเราจะดีใจมาก เขามาคุยกับเราแล้ว บางทีก็แอบเขินที่มีคนมาคุยด้วย เพื่อนผู้หญิงด้วยกันนี่แหละ
หัวใจยังว่าง
แน่นอนล่ะว่าเมื่อถามนางงามเรื่องความรักส่วนใหญ่มักจะตอบว่าโสด ไม่มีแฟน อาจจะเป็นเพราะต้องรักษาภาพลักษณ์นางงาม หรือเป็นเพราะเธอไม่มีเวลาให้เรื่องความรักจริงๆ เวลาเรียน เวลาปฏิบัติหน้าที่ ทำภารกิจต่างๆ ก็คงหมดแล้ว แต่เธอก็ยอมเผยถึงเสปกหนุ่มที่มีสิทธิ์จับจองหัวใจให้ได้รู้
“ตอนนี้โสดค่ะ เพราะว่าฟ้ามีเรื่องงานเยอะ ถ้าถามเรื่องสเปกฟ้าชอบผู้ชายที่รู้จักศิลปะ ชอบผู้ชายที่ร้องเพลงเก่ง ชอบดนตรี ชอบผู้ชายที่คล้ายๆ กัน บางทีก็เหมือนรักตัวเอง (หัวเราะ) ชอบคนใจดี อ่อนโยน และแคร์คนรอบข้าง ถ้าเป็นคนไม่ละเอียดอ่อน ไม่แคร์คนอื่น ไม่ชอบ
ฟ้ามองว่าความรักคือคุณค่าที่เราให้อะไรสักอย่างหนึ่ง มันเป็นอะไรที่เราให้ไปแล้วเรารู้สึกมีคุณค่า อย่างเช่น ฟ้ารักศิลปะ เรารู้สึกว่าอยู่กับศิลปะแล้วเรามีคุณค่า ส่วนเรื่องความรักแบบหนุ่มสาวฟ้ามองว่าก็เหมือนกัน คือเรารู้สึกว่าเรารักใคร แล้วตัวเรามีคุณค่า แล้วเราอยากให้เขารับรู้ว่าตัวเขาก็มีคุณค่า แล้วพอเขารักเรา เราก็รู้สึกว่ามีคุณค่า สิ่งสำคัญมากๆ สำหรับเรื่องความรัก มันต้องมีความสมดุลกันระหว่างสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าเราเป็นฝ่ายให้อย่างเดียวแล้วไม่ได้รับกลับมา ถ้าไม่สมดุลมันก็จบเหมือนกัน ”
ประวัติ
ชื่อ-สกุล : ชัญษร สาครจันทร์
ชื่อเล่น : ฟ้า
วัน/เดือน/ปีเกิด : 18 มิถุนายน 2534
อายุ : 20
การศึกษา : กำลังศึกษาปริญญาตรีคณะ Interior Architecture and Design มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน
ขอบคุณภาพประกอบจาก facebook