“โลกจะแคบ แม้คุณไม่ได้เดินทาง” สโลแกนคุ้นหูในรายการ “เปิดเมืองแปลก” ได้ยินประโยคนี้ทีไร ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะก้าวออกสู่โลกของการเดินทาง เฉกเช่นชายคนนี้ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” จากเด็กวัดในต่างจังหวัด ก้าวเข้าสู่การทำหน้าที่พิธีกรที่มีความหลากหลายทางคาแรกเตอร์ กว่าจะก้าวเข้ามายังจุดนี้ ชีวิตของเขาล้วนเต็มไปด้วยการเดินทางที่มากประสบการณ์อย่างแท้จริง
1.
กว่าที่ ณวัฒน์ จะก้าวมายืนตรงจุดนี้ได้เรียกได้ว่าผ่านมรสุมชีวิตมาอย่างมากมาย รายการที่ทำให้เด็กวัดที่เดินทางมาจากบ้านนอก ได้ออกทีวีเป็นครั้งแรกในรายกายเกมส์โชว์ของพิธีกรชื่อดัง “ไตรภพ ลิมปพัทธ์” ในรายการวาๆรตี้โชว์สุดฮิตอย่าง “ลาภติดเลข”
ไม่เพียงแค่รายการเกมส์โชว์เดียวเท่านั้น เขายังถือได้ว่าเป็นนักเล่นเกมส์โชว์ตัวจริง การได้เข้าไปร่วมเล่นเกมส์โชว์เป็นหนึ่งวิธีการที่ทำให้เขาได้สะสมประสบการณ์ในการเป็นพิธีกร ทั้งรายการพลิกล็อก เกมตั้งตัว ลาภติดเลขเป็นต้น การเล่นเกมส์โชว์ทำให้เขาค่อยๆ ซึมซับความเป็นพิธีกรจากพิธีกรมืออาชีพหลายคน จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ได้แต่เก็บความฝันเอาไว้ในใจมาตลอด
“ผมว่าจุดกำเนิดของการเป็นพิธีกรของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน อย่างพี่ต๋อย เขาก็ไปเล่นรายการพลิกล็อก เสร็จแล้วเขาก็ดึงพี่ต๋อยให้มาเป็นพิธีกร ผมคิดว่าเขาเป็นคนมีบุคลิกดี มีคำพูดที่ชัดเจนและน่าสนใจ ผมก็เลยเก็บเอาไว้ในใจว่ามันเท่ แต่ผมก็คิดว่าผมเองก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะคนที่ต้องมาอยู่หน้าจอทีวีต้องหน้าตาดีมาก่อน และต้องผ่านการประกวดอะไรมาสักอย่าง เส้นทางการมาเป็นพิธีกรมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
2
จากเด็กขี้อายมากคนหนึ่ง ก้าวเข้ามาเล่นเกมส์โชว์ ด้วยการพูดแนะนำตัวในรายการด้วยน้ำเสียงสั่นมาก ระยะเวลากว่า 2 ปีที่ได้ออกรายการเกมส์โชว์ จึงทำให้เขากลายเป็นคนกล้าแสดงออกมายิ่งขึ้น
“วันแรกที่ไปพูดผมสั่นมาก พูดแนะนำตัว พูดชื่อตัวเอง สั่นมาก ผมไม่อยากมีพิรุธ ผมก็ทำเป็นหัวเราะบ้าง แต่จริงๆข้างในสั่นมาก ตอนนี้ไม่กลัวแล้วในที่สุดมันก็กล้ามากขึ้น”
ด้วยบุคลิกที่นิ่งเงียบ จนกลายเป็นว่าหลายคนมักมองว่าบุคลิกเช่นนี้อาจจะไม่สามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้แต่เมื่อโตขึ้น การแสดงออกมากๆ ยิ่งทำให้เขาเริ่มเป็นคนกล้าที่จะแสดงออกต่อสาธารณะชน เขาบอกว่า คนเราต้องเข้าใจก่อนว่าเรากำลังทำอะไร คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ เนื่องจากต้องเข้าใจก่อนว่าตัวเองมีหน้าที่อะไรและกำลังทำอะไร
“ผมว่าบุคลิกนิ่งที่มีอยู่ข้างในมันทำให้ตัวผมเองมีสมาธิในการคิดและเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆที่เข้ามา มันจึงกลายเป็นว่าผมเองมีสองบุคลิก”
ความนิ่งที่มีอยู่ข้างใน สามารถทำให้เขามีสมาธิที่จะพบเจอกับแขกรับเชิญที่ต้องพูดคุยด้วยอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมารูปแบบไหนก็ตามข้างในก็สามารถรับได้หมด
“จะมีวิธีการในการคุยเขาอย่างไร หรือฟังในสิ่งที่เขาตอบและมาแตกประเด็นในสิ่งที่เขาตอบได้ ซึ่งมันต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูง ถ้าเราคิดว่าทำตามสคริปต์มันก็จะเป็นสคริปต์ ในเมื่อพิธีกรที่ผมอยากทำมันคือการใช้ความคิด ผมก็ต้องค่อยๆ ฝึกมาหลายๆที่”
จากเกมส์โชว์ที่เล่นมาระยะเวลากว่า 2 ปี ที่คิดว่าตัวเองออกรายการมาก็แทบจะทุกรายการแล้ว เขาจึงออกมาขายของ เขาคิดว่าสิ่งนี้ทำให้เขาได้ฝึกการพูดได้มากขึ้นจากการขายของ ขายหนังสือตามสีลม สุขุมวิท ห้างสรรพสินค้า ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนอยู่เพียงชั้น ม.5
“ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม.5 เพราะผมเรียน ม.1-ม.3 ที่ต่างจังหวัด แล้วเข้ามาเรียนม.ปลายที่กรุงเทพฯ ผมก็ฝึกการใช้วาทะศิลป์ พูดยังไงให้เขาซื้อ แล้วถ้าเขาปฏิเสธเราจะมีการแก้ปัญหายังไง มันคือวิธีการคิดและการพูดที่ผมฝึกมาก ผมเริ่มรู้สึกว่าพูดแล้วรู้สึกสบาย พูดแล้วได้เงิน”
จากการเริ่มขายของไปเรื่อยๆ เพื่อพัฒนาทักาะการพูดของตนเองอีกทั้งยังได้เงิน พอเรียนจบชั้น ม.6 เขาจึงไปสมัครเป็นเซลล์ขายรถอยู่ 5 ปี ต้องพูดแบบน้ำไหลไฟดับแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้สาระ
“ผมต้องพูดเพราะผมต้องขายของเป็นล้าน ผมต้องพูดเพื่อให้เขาควักเงินเป็นล้าน ผมทำงานนี้อยู่ 5 ปีจนติด 1 ใน 10 หรือ 1 ใน 20 ของทุกปี และได้ไปต่างประเทศทุกปี เพราะทุกครั้งที่ได้รางวัลเราต้องเดินทาง”
3.
การเดินทางจากรางวัลที่ได้รับในการทำอาชีพเซลล์ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้เขาได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่การเดินทางไปต่างประเทศของเขาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่อายุ 15 ปี
“ยอมรับว่ามีความสุขนะ มีไกด์ผู้ชายแก่คนหนึ่งเป็นบัดดี้ให้เรา ผมก็นอนกับไกด์ ไปไหนไปด้วยด้วยกัน ก็คิดว่าอาชีพไกด์นี่ก็เท่ดีนะ ฉลาดจริงๆ รู้ทุกเรื่องเลย ประเทศไหนที่ไม่ใช่ของเรายังรู้ไปหมดเลย กินที่ไหน ช้อปปิ้งที่ไหน ประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร ในหัวมันจึงเกิด 2 อาชีพนี้ขึ้นมา”
“ถามว่าชอบค้าขายไหม เราไม่ชอบแต่ที่ทำเพราะได้เงิน ไม่รักแต่ทำได้ มีความสุข ก็รู้สึกว่าชีวิตเริ่มอยากเดินทาง อยาเรียนรู้โลกให้มากขึ้น ก็เลยลองเดินตามฝันของตัวเอง”
ในช่วงอายุ 23 ปี ผู้ชายคนนี้สามารถมีทุกอย่างที่ช่วยเหลือพ่อแม่ของตนเองได้ จึงทำให้เขาฉุกคิดว่าได้เวลาที่จะเดินตามความฝันของตัวเอง จากมนุษย์เงินเดือนก็ลาออก คิดเพียงแต่ว่าไม่อยากแข่งขันกับคนอื่นแต่อยากแข่งขันกับตัวเอง อยากไปเรียนต่อต่างประเทศแต่เปลี่ยนใจเนื่องจากจะต้องทำหน้าที่ดูแลพ่อแม่
“เราเห็นประกาศรับสมัครงานไกด์ในต่างประเทศ ก็เลยลองไปสมัครเพราะผมไม่เคยกลัวการสัมภาษณ์ ตราบใดที่ข้อเขียนผ่านมาได้สัมภาษณ์ก็จะเสร็จผม เพราะเราเข้าใจในการตอบคำถามของการสัมภาษณ์ พูดให้คนรู้เรื่อง ให้เข้าใจ และเห็นตัวตนของเรา ส่วนหนึ่งที่เราเอามาใช้ได้ และจากนั้นก็ได้เป็นไกด์”
4.
การได้ทำทั้งหน้าที่พิธีกรในรายการที่เขาถนัดอย่างเปิดเมืองแปลก รายการท่องเที่ยวที่นำพาผู้ชมไปพบเจออีกมุมหนึ่งของเมืองต่างๆ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่แหล่งชอปปิ้ง หรือสถานที่ถ่ายรูปเหมือนกับรายการทั่วไป
“คิดว่าตัวเองเป็นคนมีโชคเรื่องงาน เพราะจะเดินเข้าหาโอกาสตลอด ชอบการเดินทาง จึงได้โอกาสในการทำรายการท่องเที่ยว แต่ส่วนตัวผมก็แอบชอบรายการวาไรตี้ ทอล์ก แต่ถ้าถามว่าผมทำได้ดีมั้ย ปกติแล้ววาไรตี้และทอล์กเป็นการวัดกึ๋น ผมชอบนั่งคุยมากกว่า จนได้ทำรายการคุยแหกโค้งและรายการเปิดเมืองแปลก ผมอยากทำรายการอะไรก็ต้องเดินเข้าไปหาโอกาส อยากทำเกมส์โชว์ก็ทำที่ผมรักที่สุด ผมก็มีความสุขของผม”
หลายคนมักตั้งคำถามถึงว่าเขาสามารถเข้าไปหาเมืองแปลกๆ นั้นได้อย่างไร สิ่งเหล่านั้นเกิดจากการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ข่าวหน้าในหรืออ่านทุกสิ่ง ซึ่งในนั้นจะเต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกๆมากมาย รายการเปิดเมืองแปลกเขาไม่อยากทำรายการที่ออกมาแล้วเหมือนกับรายการอื่นๆ
เมื่อได้เมืองแปลก การติดต่อเพื่อเข้าไปในสถานที่ที่ไม่มีใครได้เข้าไปง่ายๆ จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องทำการบ้านอย่างหนัก ในการติดต่อ ค้นหาข้อมูล พยายามทำให้เขาเข้าใจและยอมรับเล็งเห็นถึงประโยชน์ต่อการนำเสนอให้มากที่สุดและที่สำคัญข้อมูลจะต้องไม่เพี้ยนซึ่งจะมีปัญหาในการออกอากาศ
5
“การเดินทางไม่ได้ทำให้เห็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่การเดินทางทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ โลกนี้ไม่ได้กว้างอย่างที่คิด ผมจะมีความสุขว่าถ้าอย่างฮ่องกง ผมก็คิดว่าผมไปอยุธยา ผมจะรู้สึกแบบนี้จริงๆ ญี่ปุ่นก็พิษณุโลก ก็เหมือนประเทศเราไร้พรมแดน ถ้ามองดีดีมันเป็นรัฐนะ แต่เป็นสังคมที่รวมกันได้ แต่ถ้ามองจริงโลกก็คือประเทศเดียวกันแล้วเพียงแต่อยู่คนละภูมิภาค ภาษาต่างกัน การกินต่างกัน วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่เราต้องเรียนรู้ให้เยอะ อย่าศึกษาเพียงแค่ในตำรา เราต้องศึกษาจากชีวิตจริง แล้วเราจะได้อะไรอีกมหาศาล จะมีความสุขในการเรียนรู้”
“คนที่คิดว่าไปเที่ยวแล้วแพงหรือไม่มีเงิน หรือคิดว่าไม่มีเวลา หรือคิดว่าไม่รู้จะไปยังไง สามสิ่งนี้ให้ทลายไปเลย ไม่มีเงินไม่ใช่ว่าไปไม่ได้แค่คุณไปย่างกุ้งประเทศพม่าก็จะได้อะไรมากมาย อาจจะใช้จ่ายน้อยกว่าที่คุณไปกินข้าวที่ภูเก็ตเสียด้วย เงินน้อยก็ไปที่ที่ใช้น้อย ความกลัวทำให้คุณมีอุปสรรค ตราบใดที่คุณไม่ทำผิดกฎหมาย ถ้าเกิดว่าคิดว่าไปไม่ได้ ไม่เริ่มก็ไปไม่ได้ ถ้าไปได้ 1 ครั้งคุณก็จะไปได้ อีก 10 ครั้ง ”
ข่าวโดยทีมงาน M-Lite
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี