“กลุ่มสาธิตมัฆวาน” ออกแถลงการณ์เรียกร้องแก๊งแดงห้ามแกนนำที่ชอบพูดใช้ความรุนแรงขึ้นเวที เลิกเชิดชู “นช.แม้ว” เพราะเป็นการเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายแสงธรรม ชุนชฏาธาร ประธานกลุ่มสาธิตมัฆวาน และนายศตวรรษ อินทรายุธ ผู้ประสานงานกลุ่มสาธิตมัฆวาน กล่าวว่า โรงเรียนสาธิตมัฆวานแห่งมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ออกแถลงการณ์เรื่อง ข้อเรียกร้องด่วน!!! เกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า หลังจากผ่านการชุมนุม 193 วัน โรงเรียนสาธิตมัฆวานแห่งมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มเยาวชน คนรุ่นใหม่ เพื่อศึกษาการเมืองภาคพลเมือง ก็ได้แยกย้ายกันไปติดตามสถานการณ์ของบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด และมีการประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับอนาคตประเทศไทยที่เยาวชนอยากจะเห็นเป็นระยะๆ
จนกระทั่งถึงขณะนี้ ท่ามการประกาศชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 12-14 มีนาคมนี้ ทำให้สังคมเกิดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความรุนแรง เนื่องมาจากท่าทีของแกนนำหลายคนที่ประกาศว่าจะใช้อาวุธ และความรุนแรง ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสร้าง “รัฐไทยใหม่” และจากการนำเสนอข่าวคราวของรัฐบาลที่ประเมินว่าจะมีความรุนแรง และการก่อวินาศกรรม ทางโรงเรียนสาธิตมัฆวานฯจึงมีข้อเรียกร้องต่อ กลุ่มคนเสื้อแดง, รัฐบาล และภาคประชาสังคมดังนี้
ข้อเรียกร้องต่อกลุ่มคนเสื้อแดง 1.จากการที่เคยร่วมชุมนุมมาเช่นเดียวกัน เรามีความเห็นว่าการชุมนุมโดยสงบ สันติและปราศจากอาวุธสามารถกระทำได้ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ที่สังคมแสดงความกังวลต่อการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้เนื่องจากท่าทีของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบางคน ที่สื่อสารออกมาโดยตลอดว่าจะใช้ความรุนแรง ดังนั้นหากกลุ่มผู้ชุมนุมมีความตั้งใจที่จะชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธจริง จึงควรที่จะแสดงความจริงใจโดยการ ห้ามแกนนำที่เคยประกาศใช้ความรุนแรงขึ้นเวที และห้ามนำมวลชนเป็นอันขาด จะเป็นการแสดงว่ากลุ่มเสื้อแดงปฏิเสธความรุนแรงได้ดีที่สุด แกนนำที่เคยพูดเกี่ยวกับความรุนแรงที่ควรห้ามขึ้นเวที เช่น อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, สุพร อัตถาวงศ์, มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ , สุรชัย แซ่ด่าน, เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล, ขวัญชัย ไพรพนา, พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล, จตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
2.ประเด็นในการเคลื่อนไหว หากจะให้สังคมปราศจากความเคลือบแคลงว่าเป็นการชุมนุมเพื่อคนคนเดียว ต้องเลิกชู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการเคลื่อนไหว เพราะการชุมนุมเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียวที่กระทำความผิดตามกระบวนการยุติธรรม ไม่อยู่ในขอบเขตของการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญ
3.ผู้ชุมนุมควรจะเตรียมตัวให้พร้อมรับสถานการณ์ต่างๆ หากการชุมนุมเลยจุดของความสันติ หรือแกนนำปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรง ควรถอนตัวออกจากที่ชุมนุมทันที นอกจากนั้นผู้ชุมนุมต้องเตรียมกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ โทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้ เพื่อถ่ายภาพเหตุการณ์หากมีการสลายการชุมนุมจากทางภาครัฐ หรือการก่อความรุนแรงจากกลุ่มคนกลุ่มอื่น
4.ผู้ชุมนุมควรจะตระหนักว่าการชุมนุมเรียกร้องครั้งนี้ บุคคลที่อยากให้มีการชุมนุมอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ขนลูก-เมีย หนีออกไปต่างประเทศแล้ว ในขณะที่เขาอยากให้ทุกคนต่อสู้เพื่อเขา แต่เขากลับอยากให้คนใกล้ชิดของเขาออกห่างจากสถานการณ์ ต้องประเมินว่าคุ้มหรือไม่ในการต่อสู้
ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล
5. รัฐบาลต้องดูแลประชาชนที่มาชุมนุมตามสิทธิขั้นพื้นฐานให้ดีที่สุด ได้แก่ การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ผู้ชุมนุม การอำนวยความสะดวก ห้องสุขา การเก็บขยะ การรักษาพยาบาล
6. ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้กับประเทศและคำนึงถึงสิทธิของประชาชนผู้ที่ไม่ได้เข้ามาร่วมการชุมนุมด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากการชุมนุมเข้าข่ายจราจล ต้องพิจารณาการถอนประกันแกนนำผู้ชุมนุมที่มีคดีเก่าอยู่แล้วทันที และรัฐบาลต้องไม่เป็นผู้สร้างสถานการณ์ความรุนแรงเสียเอง
7.หากต้องมีการสลายการชุมนุม รัฐบาลต้องประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบก่อน และการสลายการชุมนุมต้องเป็นไปตามหลักสันติวิธีอย่างสากล โดยต้องคำนึงถึงชีวิตของประชาชนคนไทยเป็นสำคัญ และต้องให้สื่อมวลชนเข้ามาสังเกตการณ์โดยตลอด โดยเอาเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 มาเป็นอุทธาหรณ์เตือนใจ ว่าจะสลายอย่างนั้นมิได้
8.จากการที่รัฐบาลออกมาให้ข่าวว่าจะมีการวางระเบิดย่อย 40 จุด และการวินาศกรรมใหญ่ 2 จุด รัฐบาลต้องออกมาเปิดเผยรายละเอียด เพราะประชาชนย่อมมีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อจะได้เตรียมการดูแลชีวิตและชุมชนของตนเอง
9.รัฐบาลต้องดูแลความปลอดภัยของประมุขของประเทศและผู้นำประเทศเป็นอย่างดีที่สุด หลายครั้งที่การรักษาความปลอดภัยของผู้นำประเทศหละหลวมอย่างมีนัยน่าสงสัย ความปลอดภัยหรือตกอยู่ในอันตรายของผู้นำของประเทศเป็นสิ่งสะท้อนความน่าเชื่อถือในด้านความมั่นคงของประเทศ หากหน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยมีปัญหา ควรเปลี่ยนทันที
10.จากข่าวของการกว้านซื้อชุดทหาร และมีการประเมินว่าจะมีคนแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ไปก่อเหตุ รัฐบาลต้องให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจ มีสัญลักษณ์ที่แตกต่าง เพื่อป้องกันคนสวมรอยสร้างสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก
11.รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและชุมชนที่มิได้เข้าร่วมการชุมนุมว่าหากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามากระทบกับวิถีชีวิตของประชาชน เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สามเหลี่ยมดินแดง, ชุมชนกิ่งเพชร และตลาดนางเลิ้ง ประชาชนควรจะมีมาตรการในการรับมืออย่างไร โดยอาจจะแจ้งผ่านทางโทรทัศน์รวมการณ์เฉพาะกิจทันทีที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดความรุนแรง
12.รัฐบาลต้องตรวจสอบความพยายามในการออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ในสถานการณ์เช่นนี้ว่ามีวัตถุประสงค์ใด การดำเนินคดีกับพันธมิตรเป็นสิ่งที่สามารถที่จะกระทำได้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่ความพยายามในขณะนี้เท่ากับว่ามีจุดประสงค์แอบแฝงต้องการราดรดน้ำมันลงในกองไฟ และจะทำให้ประชาชนสองกลุ่มออกมาปะทะกัน จึงควรตรวจสอบและเอาผิดบุคคลผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองข้อเรียกร้องต่อภาคประชาสังคม
13.ภาคประชาสังคมควรหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม อย่าตกเป็นเหยื่อของการยั่วยุต้องใช้สติอยู่ในแนวทางของสันติวิธี แต่หากผู้ชุมนุมมีการกระทำที่กระทบต่อสิทธิของท่าน และชุมชนของท่าน ก็ต้องเตรียมแนวทางในการรับมือ
14.การเรียกร้องของภาคประชาสังคมที่ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงเป็นสิ่งที่ดี การพยายามขับเคลื่อนพลังของสันติวิธีของคนส่วนใหญ่ในสังคมจะทำให้ผู้ที่ปราถนาจะใช้ความรุนแรงต้องกลายเป็นผู้แพ้ไปในที่สุด แต่ก็ควรระมัดระวังว่าการแสดงออกบางประการจะเป็นการสร้างความขัดแย้งเสียเอง เช่นการบีบแตรรถเป็นเวลาหนึ่งนาที อย่างที่มีแนวทางออกมา อาจจะไปสร้างความขัดแย้งระลอกใหม่ ควรที่จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
15.เยาวชน-คนรุ่นใหม่ควรจะติดตามสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้อย่างใกล้ชิด และหาแนวทางในการป้องกันความขัดแย้งในลักษณะนี้ ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตเมื่อได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ และไม่ว่าจะมีอุดมการณ์ความคิดทางการเมืองในแบบใด หรือสีใด ก็ควรที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับสังคมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะสามารถผ่านความรุนแรงไปได้อีกครั้ง ด้วยพลังความเป็นพี่เป็นน้องกันของคนในชาติ ที่ไม่อยากเห็น “เลือด” ของคนไทยต้องไหลอีกครั้งหนึ่ง