xs
xsm
sm
md
lg

“แม่ปุ๊กกี้” ประกาศยืนคนละฝั่งกับน้องสาว ลั่นจะไปเป็นพยานให้ “แม่บ้านสมาน” สุดทนอีกฝ่ายทิ้งแม่ไปหา "นาธาน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แม่ปุ๊กกี้” ดับเครื่องชน “นันทนาพร” น้องสาว ประกาศจะไปเป็นพยานให้ “แม่บ้านสมาน” สู้คดีกับ “นาธาน” สุดทนน้องสาวทิ้งแม่วัย 80 ไปหานาธาน เจ้าตัวรับกลัวน้องสาวใช้วิธีสกปรกเพราะรู้จักอัยการ ส่วนเรื่องที่อดีตแม่บ้านเปลี่ยนไป สันนิษฐานอาจโดนแรงกดดันบางอย่าง พร้อมแฉแหลก “ทนายปุ๊” เองก็มีเบื้องหลังที่ปกปิดไว้ ด้าน “ปุ๊กกี้” รับ รู้สึกแย่ที่แม่กับน้าแตกคอกัน แอบหวั่นน้าจะโดนสูบจนหมดตัว

หลังจากที่ศาลอำนาจเจริญมีคำสั่งฟ้อง “นาธาน โอร์มาน” ในคดีฉ้อโกงอดีตแม่บ้าน “สมาน สุขเสริม” กระทั่งได้มีการไกล่เกลี่ยคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายในรอบแรกไปแล้วแต่ไม่สำเร็จ และได้มีคำสั่งนัดไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 22 ก.พ. 53 โดยในครั้งนี้ทางฝ่ายของนาธานได้มีการดึงเอา “แอ๊ะ-น.อ.(พิเศษ)นันทนาพร พรายแสง” น้าสาวแท้ๆ ของอดีตนักร้องชื่อดัง “ปุ๊กกี้ ปริศนา” มาเป็นพยานปากเอกในการต่อสู้ในชั้นศาล

ซึ่งกับเรื่องนี้ ได้ทำให้พี่สาวของนางนันทนาพร อย่าง “นางดำ จารุพรรณ พรายแสง” ถึงกับไม่พอใจปนผิดหวังที่น้องสาวตัวเองปิดหูปิดตา ถึงกับประกาศยืนคนละฝั่ง ยินดีจะไปเป็นพยานให้แม่บ้านสมาน พร้อมยังเผยอีกว่า รู้ดีว่านางนันทนาพรมีเพื่อนเป็นอัยการหลายคน ทำให้เกรงว่าจะเล่นไม่ซื่อ นอกจากนี้นางจารุพรรณยังเปิดฉากแฉ “ทนายปุ๊” พิรวรรณ ชลพิทักษ์พงษ์” แบบดุเด็ดเผ็ดมัน

“น้าแอ๊ะเขาดื้อมากเลยเขาไม่เชื่อและก็มีแผนที่จะไปช่วยนาธาน ก็เตรียมตัวไว้แล้ว หนีไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 16(ม.ค.) โดยทิ้งคุณแม่อายุตั้ง 87 ให้อยู่คนเดียว อันนี้ทำไม่ถูก คุณยายจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ต้องหาอาหารทานเอง ปิดบ้านปิดช่อง พี่สาว(พี่สาวน้าแอ๊ะ)ก็โกรธมากเลย ปุ๊กกี้ก็โกรธ”

“คิดดูว่าไปตั้งแต่วันที่ 16 แล้ว คือหายไปหลายวันมาก อย่างที่เห็นที่ศาลสองครั้งนั่นแหละค่ะ(16 และ 25 ม.ค.) แล้วเมื่อไปอำนาจเจริญครั้งล่าสุด นาธานยังใช้รถสีดำอยู่ใช่ไหมคะ แล้วตอนที่เอาสมุดบัญชีเงินฝากหนึ่งแสนไปประกันแทน เพื่อเอาโฉนดที่ดินออกมา อันนี้เอาเงินมาจากไหนก็ไม่รู้ งงมาก กลัวว่าจะเป็นเงินน้าแอ๊ะ พี่สาวคนโตที่อยู่เมืองไทยที่มาดูแลคุณแม่ ยังโกรธที่แอ๊ะทำไมไม่อยู่ดูแลแม่ อุตส่าห์ลางานไปช่วยนาธานตั้งหลายวัน แล้วก่อนหน้านั้นช่วงปีใหม่ก็หายไป ทิ้งคุณแม่ให้อยู่คนเดียว อันนี้ทำไม่ถูก”

เป็นที่ทราบกันดีว่าที่ผ่านมา นางนันทนาพร จะไม่ยอมออกสื่อไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ แต่ล่าสุดเจ้าตัวกลับปรากฎตัวในฐานะพยานปากเอกให้กับนาธาน แถมยังเปิดหน้าออกสื่ออย่างเปิดเผย ซึ่งกับเรื่องนี้ ทำเอาพี่สาวอย่างนางจารุพรรณถึงกับอึ้งกิมกี่

“เต็มที่เลย เขาเต็มที่กับนาธานมาก ใครพูดยังไงก็ไม่เชื่อ ถึงกับลืมไปเลยเรื่องโกหกเรื่องถ่ายหนังเมืองนอกเขาลืมไปเลย แต่เขาก็บอกกับนาธานนะว่าถ้ายังยุ่งอยู่กับพี่ชิ ก็จะปล่อยจะไม่ช่วยเหมือนกัน นาธานเขาก็ที่จะตัดใจกับทางผู้จัดการเก่าไม่ได้ เพราะมีความลับกันอยู่ตั้งแต่แรกแล้วมั้ง (คิดว่าเป็นเรื่องอะไร?) เหมือนก่อนนาธานเข้าวงการมาก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่สมุย แล้วกะเทยแก่พาเข้ามาแล้วพากันไปอยู่พัทยา คือไม่ใช่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นฐานนะ แต่ไปขายของข้างถนนอะไรแบบนี้ แล้วชีวิตลำเค็ญมาตลอดพอได้มาถ่ายแบบนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ได้โฆษณา หลังจากนั้นชิก็ให้มาเทสเสียงที่อาร์เอส แล้วก็อุปโลคตัวเองว่าเป็นลูกครึ่งเนปาลอะไรของเขาไป ก็ถือว่ามีบุญคุณกันมา”

“แต่ทีนี้ทางน้าแอ๊ะก็ยื่นคำขาดให้เลิกยุ่งกับชิ เพราะว่าก่อนหน้านี้น้าแอ๊ะเห็นนาธานมันร้องไห้ตลอดเวลาเลยไง เวลาชิมาเอาโน่นเอานี่ไป ขนาดกางเกงยีนส์ยังเอาเลย นาธานเป็นคนบอกเองว่าพี่ชิมาเอาของนาธาน มีของมีอะไรหรือได้รางวัลได้ของอะไรมา ชิก็จะมาที่บ้านแล้วก็มาขนเอาไปหมดเลย อันไหนที่ใช้ไม่ได้ก็ไปแจกเด็ก แล้วกับแม่แหม่มเองเขาก็เคยมีเรื่องกันมา เรื่องจะเอาเด็กเข้าวงการนี่แหละ แล้วทางพี่ชิไปขอเงินกับทางพ่อแม่เด็กมา ทำให้แม่แหม่มต้องใช้หนี้ให้ แม่แหม่มหมดไปกับพี่ชิเป็นแสน มากกว่าที่เคยให้หรือเคยช่วยนาธานเสียอีก คือเขามีปัญหาอยู่เรื่อย เดี๋ยวมีนักเลงโผล่มา เดี๋ยวมีเรื่องโน่นเรื่องนี้ แล้วแม่แหม่มเขารู้จักตำรวจย่านลาดพร้าวใช่มั้ย เขาก็ไปช่วยเจรจาให้และก็ช่วยเหลือมาตลอด แล้วมันไม่จบไม่สิ้นไง”

“ทุกวันนี้เขาก็ยังติดต่อกันอยู่(ชิกับนาธาน) เขาขาดกันไม่ได้หรอก แล้วนาธานเคยโทรศัพท์มาขอเงินแจ็คที่ซิดนีย์ด้วย ให้โอนเงินเข้าบัญชีของ อนุชา ผู้จัดการส่วนตัว โอนไปหลายครั้งเหมือนกันประมาณ 8 หมื่นกว่าบาท เขาเดือดร้อนตลอดเวลา แต่ตอนนี้ไม่กล้าโทรมาขอเงินกับทางนี้แล้วค่ะ เพราะเรื่องมันออกมากระฉ่อนอย่างนี้แล้ว แต่ก่อนนี้ก็ยังพอได้หรอก ตอนที่มีเรื่องกับเจเจตอนแรกๆ เขา(นาธาน)เคยโทรศัพท์มาหาแจ็ค ให้แจ็คออกหนังสือรับรองให้เพราะตอนนั้นเขากะจะหนีมาที่นี่เหมือนกัน แล้วกับน้าชาย(เจ้าของร้านตัดผมที่โรงแรมดุสิตธานี)นาธานก็เอาเงินเขาไปหมื่นแปดแล้วยังไม่คืนเหมือนกัน แล้วยังจะโทรไปให้น้าชายออกจดหมายรับรองให้อีกว่าทำงานกับเขา ก็คือจะเอาไปขอวีซ่า แต่ตอนนี้คงไปไหนไม่ได้แล้ว”

ยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ ที่ได้ยินน้องสาวแท้ๆ บอกว่าเงินที่เคยให้นาธานไปทั้งหมดเป็นการให้ด้วยความเสน่ห์หา ไม่ใช่เพราะตนถูกหลอก

“เขาบอกให้ด้วยความเอ็นดูไม่ได้ถูกหลอก ไม่รู้จะพูดยังไง ไม่สนใจนะ ก็นั่งดูรายการก็ยังจะมาบอกว่าเจเจอยากดังเขาดิสเครดิตนาธาน เขาบอกเขาพังเพราะพวกเว็บไซต์ว่าโจมตีเขา นี่ขนาดเราออกมาโจมตีให้เห็นอย่างนี้เนี่ยยังมาบอกว่าพวกเราใส่ความ มันไม่ใช่ใส่ความ มันเรื่องจริงหมด”

“พี่สาวคนโตก็รับไม่ได้ เพราะว่าหนึ่งทิ้งคุณแม่ จริงๆ คุณยายอยู่ที่ซิดนีย์แต่กลับมาอยู่เมืองไทยเพราะอยากไปอยู่เป็นเพื่อนน้าแอ๊ะเพราะเห็นว่าอยู่คนเดียว แต่กลับไม่ได้ดูแลคุณแม่เลย ทิ้งคุณยายไปได้ยังไง แล้วกี่ครั้งแล้วด้วย ยายบอกช่วงปีใหม่ก็หายไปช่วยนาธาน ทนายความก็หาให้เพราะตัวเองสนิทกันกับทนายปุ๊”

“แล้วยังเอาเรื่องความไม่ดี เรื่องประวัติไม่ดีของแม่บ้านมาใส่ให้ฟัง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรจะรับรู้เพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เขากินข้าวหม้อเดียวกันมาร่วม 10 ปีนะคะ ไปรับเงินสดด้วยแล้วก็ไปถึงอำนาจเจริญ ไปตระเวรหาเงินมาให้ใส่มือกัน แล้วมาบอกว่าไม่เคยเอาไม่เคยรับ ไม่เคยเป็นหนี้แม่บ้าน มันไม่ใช่ อันนี้ก็คือโกงแล้วล่ะ แม่บ้านเขาก็มีสลิปโอนเงิน โอนให้นาธานด้วยหลายครั้ง เงินสดที่เอาไปอีกล่ะ แล้วที่ไม่มีหลักฐานการโอนอีกใช่ไหม แต่นาธานเป็นคนอย่างนี้เพราะว่าคนอื่นไม่ดีหมด พี่ชิไม่ดี พี่ชิขี้โกง พี่ชิไถตังค์ เค้าว่าตัวเค้าดี”

“เราก็ถามเขาว่าให้เงินเขาไปเท่าไหร่ เอาหลักฐานมาที่ว่า 1.5 แสน ก็เอาเงินมาคืนแล้วตัวเองเคยให้แม่เต็มไปเท่าไหร่ก็เอาหลักฐานมาหักล้างกัน หรือเป็นหนี้เท่าไหร่ก็คืนเค้าไปให้หมด แต่จะมาบอกว่าไม่เคยเอาไปเป็นไปไม่ได้ เรื่องเขาเคยให้แม่เต็มมันก็มี แล้วพี่ชิก็เคยจดลงสมุดไว้ว่าให้แม่เต็มไปแล้วเท่าไหร่ๆ แต่เรื่องที่เอาเรื่องลูกแม่เต็มติดยามันไม่เกี่ยว มันคนละเรื่อง เรื่องนี้ก็คือเอาเงินของแม่เต็มไปเท่าไหร่ เอาของญาติแม่เต็มไปเท่าไหร่ต่างหาก จะมาบอกว่านาธานยังบริสุทธิ์เพราะศาลยังไม่ตัดสิน น้าแอ๊ะโดนหลอกที่สุดเลย โดนหลอกมากกว่าใครหมด

“คือเรื่องที่ช่วยผ่อนรถอีกเรื่องหนึ่งเพราะว่าอันนั้นถือว่ารักษาเครดิตของตัวเองเพราะเป็นคนค้ำประกันให้ แต่ไอ้เรื่องที่มาโกหกบอกว่าขอเงินไปมัดจำตั๋วเครื่องบินไปภูฏานหนึ่งแสน ขอมัดจำไปอีกแสนสอง ไปฝรั่งเศสแล้วก็ไม่ได้ไป แล้วมันก็โกหกตลอดเวลา ว่าไปถ่ายหนังอยู่เมืองโน้นเมืองนี้ เราก็จับได้ว่าไม่ได้ไป เล่นยิมอยู่ที่โรงแรมมารีออทแล้วก็เจอคุณณวัฒน์(ณวัฒน์ อิสรไกรศีล) ยังไปบอกว่าเขาว่าพี่วัฒน์อย่าบอกใครนะ ว่าเจอธานที่นี่ แล้วยังโทรมาบอกพี่ที่ซิดนีย์อีก พี่เขาถามบอกอยู่ที่ไหนอยู่เมืองนอกไปถ่ายหนังเหรอ นาธานยังบอกว่าเปล่าไม่ได้อยู่ อยู่กรุงเทพ เพิ่งเปิดร้านกาแฟกับเพื่อนแถวพระราม 9 แล้วจะไม่โกหกได้ไง”

“บอกน้าแอ๊ะก็ไม่เชื่อว่ามีคนเจอนาธานที่โน่นที่นี่ เปิดร้านกาแฟอยู่ก็ยังไม่เชื่อ จนเจเจคนโอนเงินมาให้ก็ยังบอกว่าเจเจเขาดีนะ เขาโอนเงินมาให้หกหมื่น ที่แท้นาธานไปหลอกเจเจว่านี่คือคนขายเต้นท์ เป็นนาวาเอกพิเศษกลายเป็นคนขายเต้นท์(หัวเราะ) ดีใจได้เงินคืนมาหกหมื่น แล้วตัวเองนี่ขี้เหนียวขี้งก โอ้โห ขนาดน้ำประปาที่บ้านถ้าใช้เกิน 30 บาท ส่วนที่เกินไปใครอยู่ที่บ้านตอนนั้นคนนั้นต้องจ่าย เค้าจะเป็นอย่างนั้น”

“แต่กับนาธานนี่ขอ 5 หมื่นออกไปโอนกลางดึกเลย ทันทีเลย แล้วเขาจะมีเงินสดอยู่ในบ้านด้วยนะคะ คือขอปุ๊บให้ทันทีเลย เคยขับรถสีดำไปแอบบ้านข้างๆ คุณยายบอกเคยขับรถมาแอบตอนมาเอาเงิน จริงๆ ทุกคนที่ได้ได้คุยที่ตามข่าวอยากจะรู้ทั้งนั้นว่านาธานเอาเงินไปทำอะไรมากมาย เพราะมันมากจริงๆ มันไม่ใช่แค่เงินแสน มันเป็นล้านแล้ว ไปเอากับคนโน้นคนนี้โดนกันทุกคน”

พร้อมเฉลยในประเด็นที่หลายคนสงสัย เกี่ยวกับประวัติของทนายปุ๊ ว่าเป็นใครมาจากไหน รวมไปถึงสาเหตุที่เข้ามาช่วยว่าความให้นาธานได้อย่างไรนั้น นางจารุพรรณอธิบายแบบรู้ลึกรู้จริงว่า…..

“น้าแอ๊ะเขาจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ทนายปุ๊นี่ก็จบธรรมศาสตร์เป็นรุ่นพี่เขา น้าแอ๊ะบอกว่าให้ค่ารถค่ารา ไม่ได้ทำให้เฉยๆ ก็จ้างแหละ คือให้ค่ารถค่ารากันไป อย่างที่บอก ก็เก่งขนาดไหน ขนาดคนที่ซิดนีย์มีเรื่องเขาก็ติดต่อให้คุณทนายปุ๊มาว่าความที่ออสเตรเลียให้ เขาก็ซื้อตั๋วเครื่องบินบินมาเลยทั้งที่จริงๆ ขึ้นว่าความไม่ได้ เพราะคนละประเทศกัน ก็คือเก่งขนาดไหน ฉลาดแค่ไหน(หัวเราะ) คิดได้ยังไง ร่อนมาเลย”

“แต่ตัวน้าแอ๊ะเองเขาก็มีเพื่อนเยอะ มีทั้งอัยการ มีทั้งผู้พิพากษา ฉะนั้นเขาอาจจะใช้อิทธิพลความเป็นเพื่อนไปขอร้องให้ช่วยนาธาน ซึ่งอันนี้ทำไม่ถูกแล้ว เพราะว่านาธานโกงจริงๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กลัวอย่างเดียว กลัวว่าน้าแอ๊ะจะใช้ความเป็นเพื่อนกับอัยการ ไปเป็นผู้พิพากษาใครต่อใคร เขามีเพื่อนเยอะไง เรากลัวตรงนี้ กลัวว่าพวกเพื่อนเขาจะช่วยกัน”

ผู้สื่อข่าวแย็บถามถึงเหตุผลที่ทนายปุ๊ไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริงนามสกุลจริง นางจารุพรรณ ก็เผยว่า เพราะทนายปุ๊เองก็มีเบื้องหลังเช่นกัน

“พี่ปุ๊เองเขาเป็นคนมีเบื้องหลังเยอะใช่มั้ยคะ เขาเป็นทนายแบบไหน ตอนที่อยู่ที่อยุธยานั่น แต่ในที่สุดมันก็หาไม่ยาก ชื่อเก่า ทิพวรรณ เปลี่ยนชื่อเป็น พิราวรรณ หาไม่ยาก สื่อเขาเช็คแป็บเดียวก็รู้แล้ว”

ดำ จารุพรรณ แม่ของ ปุ๊กกี้ ปริศนา
นางนันทนาพร น้าสาวของ ปุ๊กกี้ ปริศนา



ส่วนเรื่องที่ทนายปุ๊เคยสันนิษฐานว่า การที่นาธานบอกวันเดือนปีเกิดไม่ตรง ว่าเกิดปี 2526 ทั้งที่จริงเกิด 2519 นั้น เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเพราะมีการแจ้งเกิดช้าก็เป็นได้ กับเรื่องนี้คุณแม่อดีตนักร้องชื่อดังซัดหน้าหงายว่า…

“โห แจ้งเกิดช้าเป็น 7 ปีนี่เป็นไปไม่ได้เลย มันมากไป มีความผิดนะ โดนปรับด้วย และถ้าเป็นต่างชาติเขาต้องแจ้งตั้งแต่ตอนที่อยู่ต่างประเทศแล้ว และต้องไปแจ้งสถานทูตว่าเรามีลูก พ่อหรือแม่เป็นไทย เกิดในประเทศนั้นๆ อย่างปุ๊กกี้แม่เป็นคนไทยเราก็ต้องเอาหนังสือเดินทางไทยไปให้เขาเพื่อขอสูติบัตร ใบเกิดไทย พูดไปเรื่อย จับได้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ตั้งแต่บอกว่ามาจากเนปาลแล้ว เคยถามเขาว่าเข้ามาในประเทศไทยได้ยังไง เพราะต้องมีวีซ่า เขาบอกยายจัดการให้ เห็นยายแล้วไม่น่าเชื่อเลย เพราะยายไม่มีวันเลยที่จะไปจัดการเรื่องวีซ่าให้นาธานได้”

ด้วยความที่ทนไม่ได้กับสิ่งที่นาธานและน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองทำกับอดีตแม่บ้านสมาน งานนี้นางจารุพรรณถึงกับประกาศจะไปเป็นพยานให้กับอดีตแม่บ้าน ยืนคนละฝั่งกับน้องสาว และไม่สนหากใครจะมองเป็นความแตกแยกภายในครอบครัว

“ถ้าเขาต้องการเราก็อยู่ข้างเขาอยู่แล้ว จริงๆ ตอนวันที่ 18(ม.ค.) น้าแอ๊ะมาชวนเราให้ไปศาลด้วย ก็เลยบอกว่าไม่ไป ก็อยู่คนละข้างกัน ถึงจะไปก็จะไปช่วยแม่เต็มไม่ได้ไปช่วยนาธาน จะไปทำไมไม่เกี่ยวนี่ใช่ไหมคะ ไม่ใช่ลูกใช่หลานเรา จริงๆ แล้วก็ยังมีคุณชายที่อยู่ดุสิตธานีด้วยที่เคยช่วยแจ็ค ช่วยแม่เต็มอย่างค่ารถค่ารา และเราก็เตรียมที่จะช่วยต่อ ถ้าจบเรื่องนี้ก็จะเปิดร้านขายอาหารให้แก จะทำร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ให้ จะได้มีรายได้”

“คนจะมองแตกแยกกันหรือเปล่า อันนี้ไม่สำคัญค่ะ เราต้องเข้าข้างคนถูก ตัวเอง(นันทนาพร)เหมือนรู้กฎหมายทุกอย่างกลายเป็นช่วยคนแบบนี้ แหมตอนแรกก็ออกมารับผิด แล้วอยู่มาเถียงข้างๆ คูๆ ว่าตัวไม่ผิด เราเข้าข้างคนถูก เพราะเดือดร้อน ถ้าจะโกรธอันนี้ช่วยไม่ได้ค่ะ ตัวเองนั่นแหละควรจะทำตัวซะใหม่ ถึงขนาดทิ้งแม่นี่ถือว่าแย่มากเลยนะ เพียงเพื่อจะไปช่วยเด็กคนหนึ่งแถมเป็นเด็กที่ใช้ไม่ได้เลย ไม่ใช่ญาติโกโหติกา ไม่ใช่ลูกใช่หลาน”

“พี่สาวบอกว่าดูสิ มันไปยังไม่กลับมาเลย ก็เห็นอยู่แล้วจะบริสุทธิ์ได้ยังไง ก็เห็นว่าไปเอาเงินเขาจริงๆ ไปถึงอำนาจเจริญตัวเองก็รู้ อย่างวันที่แม่เต็มไปเปลี่ยนชื่อจากโฉนดของแม่ แล้วเปลี่ยนมาเป็นชื่อตัวเอง น้าแอ๊ะก็รู้ ยังช่วยให้เพื่อนที่เป็นที่ดินจังหวัดช่วยเลย ไม่ใช่ไปครั้งเดียวนะ ไปตั้งหลายครั้ง ทำได้ยังไง ไปเอาเงินจากคนยากคนจน น่าสงสาร”

ออกอาการหนักใจ เพราะหมดหนทางในการจะทำให้นางนันทนาพรหูตาสว่างได้ ส่วนประเด็นที่อดีตแม่บ้านสมานมีท่าทีเปลี่ยนไป จนสื่อจับตามมองว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัว เรื่องนี้นางจารุพรรณสันนิษฐานว่าเป็นไปได้ว่าอาจมีอะไรมากดดันนอกรอบ

“นั่นน่ะสิคะ มันลำบากตรงนี้ไงคะเพราะว่าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เขาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เลย เรียกว่าเรียนจบกฎหมายมา หน้าที่การงานสูงอีกระดับหนึ่ง ขออย่าได้ใช้หรือความมีอิทธิพลเพื่อน น้อง นิติฯ ไปช่วยเด็กคนนี้เลย เพราะน้าแอ๊ะเองนั่นแหละจะเสียชื่อไปตลอดชีวิตเลย ตัวเองเสียใจ เสียเงินแค่นี้ช่างมันเถอะ แต่อย่าให้เสียสถาบัน อันนี้สำคัญ ที่คนเขาออกมาด่ากันทั่วเมืองให้คนเขามาเย้ยเสียวงศ์ตระกูลหมดแล้วเนี่ย ยังไม่รู้สึกสำนึกตัวเลย ไม่รู้จะให้ใครพูดถึงจะเชื่อ แต่เรี่องแม่เต็มที่มีข่าวว่าไม่เหมือนเดิม คิดว่าน่าจะเป็นเพราะไปโดนอะไรที่ทำให้เขากลัวหรือเปล่า…”

พร้อมวิเคราะห์สาเหตุที่นาแอ๊ะตกหลุมพราง ก็เพราะนาธานเป็นคนขี้ประจบ
“ก็มันขี้ประจบใช่ไหม น้าแอ๊ะครับอย่างนั้นอย่างนี้ ไปเมืองนอกซื้อของมาฝากก็ดีใจจะตายแล้ว ปรากฏว่ามันสั่งใครเขาซื้อมาให้ส่งพัสดุมา แล้วก็เอามาให้ เราก็เห็นๆ อยู่ บอกเดี๋ยวจะซื้อรถเบนซ์สปอตให้ โอ้โหจะซื้อบ้านสิบล้าน ค่าทางด่วนยังไม่มีเลย เคยนั่งรถไปด้วยกันไปไหนก็ขอค่าทางด่วนตลอด(หมายถึงนาธาน) ไม่เคยมีตังค์ติดตัวเลย จนถึงวันนี้แล้วคนอื่นเขาเป็นนักร้องเป็นนักแสดงใครเข้ามาในวงการเขาต้องมีบ้านมีรถกันทั้งนั้น นี่ไม่มีอะไรเลย”

“ที่เอากับน้าแอ๊ะไปทั้งหมด ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือ 2.2 แสนนี่ให้แน่ๆ และก่อนหน้านั้นผ่อนรถกันมาก็แปดหมื่น มีให้ปลีกย่อยที่เราไม่ทราบอีกว่าเป็นเงินเท่าไหร่แล้ว แต่ 3 แสนอัพแน่นอน น้าแอ๊ะแกเป็นคนขี้เหนียวมากไม่ยอมใช้ แต่นาธานโทรมาปุ๊บเที่ยงคืนดึกดื่นแค่ไหนวิ่งออกไปโอนเลย ที่บ้านเคยคุยกับน้าแอ๊ะแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ฟัง เพราะเขาเคยช่วยเหลือกันมา เคยส่งเงินให้แม่เต็ม ตอนที่นาธานโทรมาว่าไม่มีค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ตให้ช่วยส่งตังค์ให้แม่เต็ม ให้ช่วยไปก่อน นาธานมันไม่เคยมีเงิน ตอนนั้นน้าแอ๊ะยังบอก ตอนนี้น้องอยู่ที่นี่น้องอยู่ที่นั่น น้องอยู่จอแดน ทั้งที่มันไม่ได้ไปไหนเลย”

ส่วนเรื่องที่นาธานมีแผนจะทำรีสอร์ทที่เชียงคาน เจ้าตัวก็อดเหน็บไม่ได้ว่า……
“ที่กำลังจะหาที่แล้วจะไปเข้าหุ้นกับคุณป้าอ้วนอะไรนั่นใช่ไหม ทำรีสอร์ตสไตล์เนปาลกางเต้นท์กันอะไรแบบนี้เหรอ ส่วนน้าแอ๊ะก็เย็บเต้นท์ไปแล้วกัน เพ้อฝันจริงๆ เลย(หัวเราะ) (ตอนนี้นาธานไม่ได้ทำอะไรคิดว่าเอาเงินจากไหนมาใช้จ่าย?) ก็คุณแม่แหม่มไปยืมสหกรณ์มาไงคะ เรื่องนี้คนในสหกรณ์เป็นคนบอกเอง หวังจะได้ตังค์คืนกันทั้งนั้น”

“คือความจริงนี้รู้อยู่แก่ใจแล้วนะคะ เพราะหนึ่งตัวเองไม่ใช่ลูกครึ่งเนปาล สองเรื่องที่ไปถ่ายหนังเมืองนอกไม่ใช่เรื่องจริงเลย แล้วเรื่องที่ว่าไม่ได้โกงแม่บ้านนั่นก็ไม่จริงอีกเหมือนกัน โกงเค้าชัดๆ โกหกจนถึงนาทีสุดท้ายเลย น้าแอ๊ะเชื่ออยู่คนเดียว คนอื่นเขาก็ไม่เชื่อ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ศาลตัดสินละกัน”

ทางด้านของ “ปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง” ในฐานะเป็นลูกสาวของนางจารุพรรณ และเป็นหลานแท้ๆ ของนางนันทนาพร ได้เปิดใจถึงความรู้สึกที่แม่กับน้าต้องมาขัดแย้งกันทางความคิด เพราะนาธานเป็นต้นเหตุ ว่ารู้สึกแย่มากๆ พร้อมรับรู้สึกหวั่นวิตกกลัวน้าสาวตัวเองจะถูกสูบจนหมดตัว วอนปล่อยน้าไป

“เสียใจมากๆ ไม่คือเป็นเรื่องของเค้าที่เค้าจะให้เป็นเงินของเค้าเพราะเค้าพอใจที่จะให้ ก็มองในข้อมูลเค้าคือให้ด้วยความเอ็นดู อย่างนาธานกับปุ๊กกี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน คือก็เป็นเพื่อนที่ดีแต่ก็ไม่รู้ว่าปัญหาด้านการเงินเค้ามีอะไรบ้าง แล้วทีนี้คนรู้จักกันยืมเงินกันมันไม่แปลก แต่เผอิญมันมีเรื่องหนังเข้ามาเกี่ยวข้อง มันก็เลยชัดเจนว่าคุณเจตนา เค้าคนนี้โกหกชัดเจนด้วยหลักฐาน มันก็คือชัดเจน ก็เลยเสียความรู้สึกตรงนั้น”

“ตอนนี้สงสารน้ามากๆ ไม่ได้สงสารที่ว่าสูญเงิน แต่สงสารก็เข้าไปดูข่าวตามเว็บไซต์ แต่สงสารที่น้าต้องโดนเหมือนที่หนูเคยโดน เหมือนโดนสังคมว่า เอ้ย โง่เอง โดนเด็กมันหลอก ซึ่งเขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่สมควรที่จะมาเจอแบบนี้ แล้วก็มีหน้าที่การงานราชการค่อนข้างจะอยู่ในยศสูง คือเราไม่ได้ว่าเค้าเป็นใคร บางคนที่เห็นใจ บางคนก็ซ้ำเติมอันนี้เข้าใจว่าก็ห้ามความคิดคนไม่ได้ แต่คือในความรู้สึกของหลานเค้าไม่สมควรมาเจอเรื่องแบบนี้ ในครอบครับหนูเองก็เคยทำให้แย่ ทำให้ทุกคนเจ็บปวดมาแล้ว แต่หนูทำตัวเอง แต่ครั้งที่น้าไม่ได้สร้างเอง มีคนอื่นมาทำให้เป็นแบบนี้ ที่เลยเสียใจกับมันมากกว่าเดิม”

ย้ำ ทั้งที่รู้เต็มอกว่านาธานทำกับน้าสาวอย่างไร แต่ไม่รู้สึกโกรธแต่แค่เสียใจที่ครอบครัวเจอเรื่องแบบนี้
“ไม่โกรธใครเลย ที่ถามโกรธนาธานไหม ไม่โกรธ แค่เสียใจที่น้าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ที่ไม่ได้เตือนอีกเพราะเคยแล้ว แต่น้าปิดโอกาสทุกคน ก็เลยรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูด”

เผย รู้สึกแย่กับเรื่องที่แม่จะไปเป็นพยานให้อดีตแม่บ้าน ส่วนน้าสาวก็เข้าข้างนาธานแถมยังช่วยสุดใจขาดดิ้น เพราะมันทำให้ครอบครัวเกิดความขัดแย้งกันเอง ทั้งที่นาธานไม่ใช่คนสายเลือดเดียวกัน

“ก็คือถ้าน้าเป็นพยานให้นาธาน แม่เป็นพยานให้แม่บ้าน ก็คงแบบว่า เกิดอะไรขึ้นเนี่ย รักใครเป็นพยานให้ใคร แต่เขาคือใครอ่ะ เค้าคือ นาธาน โอร์มาน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับครอบครัวเราเลย มันก็เลยรู้สึกเอ้า มันไปกันใหญ่ หนูก็สงสารทางแม่บ้าน แต่ก็ไม่อยากให้แม่เข้าไปยุ่ง แต่ในฐานะก็คงทำได้แต่มอง แล้วก็หวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี”

“หนูไม่อยากให้ยุ่ง แต่ก็ไม่ห้ามแม่นะ แม่ไม่ใช่บทบาทหลักในเรื่องนี้ แต่แม่เองก็อาจจะเป็นข้อมูลหรืออยู่ในเหตุการณ์ หลายๆ เรื่อง ถ้าแม่อยากจะช่วยเหลือแม่เต็มก็เป็นเรื่องที่ดี เห็นแบบนี้แล้วก็ควรจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวมากเพราะน้าก็เข้าไปเต็มตัวแล้ว ไม่อยากให้แม่เข้าไปแบบนั้น แล้วมันเป็นเรื่องของพี่น้องในครอบครัว มันจะแฝงสงครามชัดเจนนะ มันดูยิ่งไปกันใหญ่”

“จริงๆ เรื่องนี้แม่ไม่น่าเป็นห่วง แต่คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือน้า แล้วคนที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือคุณยาย น้าเขาจบนิติฯ ธรรมศาสตร์ เขารู้กฏหมาย น้าก็คงเหมือนกับจะช่วย แบบมีช่องทางหรืออาจจะแนะนำเป็นที่ปรึกษาให้ได้ แต่การมาทำตรงนี้ จนลืมอะไรรอบตัวไปหรือเปล่า แต่ถามว่าโกรธนาธานมั้ย ไม่เลยเพราะว่าเขาเลือกเอง คือน้ายินดีที่จะช่วยเอง ยังไงก็คือครอบครัวคือสายเลือดเดียวกันมันตัดไม่ขาดน่ะ วันนึงนาธานก็น่าจะหายไปจากชีวิตเรา แต่เราก็ยังอยู่เหมือนเดิม เป็นแค่ช่วงนึงของชีวิตเดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

“แต่หนูก็อยากบอกให้หยุดเถอะ ขอร้องปล่อยน้าเราไปเถอะ คือหนูไม่ทราบว่าครอบครัวหนูไปทำเวรกรรมอะไรกับเขาหนักหนา ถึงต้องมาชดใช้ในชาตินี้ ขนาดสังคมเอาเป็นว่า 99.9 เปอร์เซ็น ตัดสินแล้วว่านาธานผิดหรือถูก คนส่วนใหญ่คือคิดว่านาธานไม่ถูกต้อง แต่ไอ้จุดหนึ่งเปอร์เซ็นเนี่ยน้าเลือก คือหนูก็ตอบไม่ได้ว่าเค้าไปทำอะไร ไปพูดยังไง แต่อย่างที่บอก ถ้ารักเอ็นดูไปแล้วมันยาก มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนซับซ้อน ทุกวันนี้ก็ยังนั่งงงอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ท้ายที่สุดก็คือถ้ายายหนูเป็นอะไร ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาระหว่างนี้ ก็คงได้เจอกันค่ะ หนูไม่ยอมแน่ๆ ถ้ามีวันนั้นจริงๆ คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วเหมือนกัน”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่นางนันทนาพรยินดีช่วยนาธานแบบสุดแรงเกิดขนาดนั้น กลัวจะถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัวหรือไม่? ปุ๊กกี้ถึงกับถอนหายใจก่อนยอมรับว่ากลัว

“กลัวค่ะ คือน้าไม่ใช่คนที่มีฐานะร่ำรวยเหลือเฟือที่จะมีเงินใช้สุรุ่ยสุร่าย หรือเป็นเศษเงินโปรย ถึงไม่ได้ลำบากแต่ก็ไม่ใช่เศรษฐีร้อยล้าน อาจจะเป็นเงินเก็บหรือว่าไปกู้สหกรณ์ระบบทหารของน้า ทีนี้เค้าก็จะมีทรัพย์สินคือบ้านหลังนี้นี่แหละ แต่อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลย มันไม่ใช่แล้วนะ คือต้องไปบนแล้ว(หัวเราะ) มีที่ไหนแนะนำไหม กลัวจริงๆ ในเมื่อคนเขารั้งขนาดนั้นเนอะ แล้วน้าก็พร้อมออกรบขนาดนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ มันน่ากลัว”

“ก็ภาวนาว่าอย่าให้ถึงวั้นนั้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นก็ไม่เป็นไร มันก็ถือว่าเป็นบทเรียนของน้า แต่ครอบครัวเราก็ยังอยู่เหมือนเดิม อาจจะต้องเริ่มต้นใหม่ ทุกคนพร้อมจะให้อภัย ไม่ตัดขาดเพราะว่ายังไงก็คือเป็นญาติสายเลือดเดียวกัน ตัดกันไม่ขาดอยู่แล้ว น้าเป็นอะไรมาเรารับคือเต็มที่ แต่เขาอย่าเข้ามายุ่งกับเราอีก แค่นี้พอแล้ว”
ทนายปุ๊


กำลังโหลดความคิดเห็น