xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตใหม่หลังมะเร็งร้ายของ “หนุ่ย-นันทกานต์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไม่มีใครรู้วันตาย เราจะต้องบาลานซ์ชีวิตของตัวเองให้ได้”

จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 6 ปีหลังจาก “หนุ่ย-นันทกานต์ ฤทธิวงศ์” ต้องเผชิญกับโรคร้ายอย่าง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งสามารถเอาชนะผ่านพ้นมาได้อย่างสวยงาม วันนี้เธอจะมาเปิดใจถึงเบื้องลึกเบื้องหลังการดูแลสุขภาพจากประสบการณ์จริงของเธอเอง

สาวมาดแมนใจรักดนตรีคนนี้เล่าว่าเธอพบว่าป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเมื่อปี 2545 โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นได้อย่างไร ซึ่งช่วงนั้นกำลังทำงานโปรโมตอัลบั้ม wonderful Life อยู่ มีไปคอนเสิร์ตต่างจังหวัด วันหนึ่งขณะที่อาบน้ำอยู่นั้นก็คลำเจอก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านขวา เจ้าตัวนึกว่าเป็นเพียงก้อนซีสต์ธรรมดา แต่พอไปนัดหมอตรวจก็บอกว่าเป็นมะเร็งเต้านมในระดับที่มากเหมือนกัน ก่อนจะไปขอตรวจใหม่อีกครั้งที่รพ.จุฬาฯ

ผลของการตรวจครั้งที่สองอย่างครบกระบวนการพบว่าไม่ได้เป็นมะเร็งเต้านมแต่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งทางการแพทย์ระบุว่าเกิดจากการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติในร่างกาย และความผิดปกติเกี่ยวกับเลือดหรือเป็นประเภทเดียวกับลูคีเมีย ซึ่งไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ อาจจะเกิดกับใครที่ไหน เมื่อใดก็ได้ เรียกได้คำเดียวว่า “ซวย”

อาหาร อากาศ อารมณ์

หลังจากรู้ว่าเป็นตัวคุณหนุ่ยเองก็ได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็งอย่างมาก ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไม่เหมาะสม ได้แก่ เรื่องอาหารการกินที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งอย่างไส้กรอกที่มีส่วนประกอบของดินประสิวอยู่มาก รวมทั้งของหมักดอง แอลกอฮอล์ อาหารที่มีไขมันมากอย่างนมวัวหรือชีส

นอกจากพฤติกรรมการบริโภคแล้วคือเรื่องของภาวะอากาศ ผู้ที่ต้องสูดกลิ่นสารน้ำมันจากท้องถนนหรือปั๊มน้ำมันก็จะมีความเสี่ยงมากกว่า เช่นเดียวกับเรื่องของอารมณ์ คนที่เครียดกับการทำงานมากๆ ไม่ค่อยปล่อยวางก็มีส่วนทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง

“ตอนนั้นพอรู้แล้วก็ตกใจมาก ด้วยความรู้สึกว่ามันเป็นโรคร้ายแรง แล้วไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกนานแค่ไหน มันเป็นคำร่ำลือว่าถ้าเป็นมะเร็งแล้วเดี๋ยวก็ตาย รู้สึกว่าทำไมชีวิตเราสั้นจังเลยตอนนั้นเพิ่งจะ 30 ต้นๆ เอง ทั้งตัวเองทั้งครอบครัวก็เศร้ากันมาก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็เป็นคนที่เอาไงเอากัน ก็รีบเคลียร์งานแล้วกลับมารักษาตัวอย่างจริงจัง”

เคมีบำบัดกาย

วิธีการที่ใช้รักษาเริ่มแรกเป็นการใช้เคมีบำบัดประมาณ 6-8 ครั้ง และฉายแสงต่ออีก 20 ครั้ง โดยการบำบัดนี้จะให้ยาทางเส้นเลือดเพื่อไปทำลายเซลล์มะเร็ง แต่ก็มีผลทำให้เซลล์ดีๆ ตายด้วยเหมือนกัน ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน โรคกระเพาะ ร่างกายถูกปรับสภาพเหมือนถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ตัวร้ายก็ต้องมีส่วนที่ดีต้องตายไปด้วย เป็นความเสี่ยงที่ต้องยอมรับ หลังจากนั้นก็จะเป็นการฟื้นฟูเซลล์ดีขึ้นมาสมบูรณ์อีกครั้ง และต้องติดตามผลตลอดเวลา 5-6 ปี เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่กลับไปเป็นอีก

“ก็ให้กำลังใจตัวเองว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เรายังเคยเป็นหวัดแล้วหลายรอบในชีวิต เคยมีอุบัติเหตุก็หลายรอบในชีวิต แต่เราก็ยังอยู่มาได้ มะเร้งก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่คนเราจะเป็นได้ แต่ก็มีความสามารถที่จะหายได้เหมือนกัน”

อีกทั้งยังได้กำลังใจจากแฟนเพลง คนที่ไม่เคยรู้จักกันที่ส่งกำลังใจให้กันตลอด เพื่อให้หายดีแล้วกลับมาสร้างผลงานให้แฟนๆ ได้รับฟังอีกครั้ง และที่สำคัญคือครอบครัวที่คอยอยู่ใกล้ชิดดูแล กำลังใจจากเพื่อนและจากตัวเองที่ทำให้เธอมีวันนี้ได้

ธรรมะบำบัดใจ

คุณหนุ่ยบอกว่าการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเปรียบเสมือนการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณที่ทำให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตใหม่แบบไม่ประมาท ระวังมากขึ้น มีพฤติกรรมการกินดีขึ้นจากที่เมื่อก่อนที่เรียกได้ว่ากินแหลกแหกโค้ง หันมากินอาหารชีวจิตและหลีกเลี่ยงอาหารขยะทั้งหลาย

รวมทั้งรู้จักที่จะใช้ชีวิตแบบไม่กดดันตัวเองมากเกินไป และนอกจากเรื่องหน้าที่การงาน ก็ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์มากขึ้น ด้วยการรู้จักเผื่อแผ่ทำบุญมากขึ้น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นธรรมะบำบัด ที่เข้ามามีบทบาทในการรักษาจิตใจด้วย แม้จะยอมรับว่าเมื่อก่อนอาจไม่ได้ลึกซึ้งถึงธรรมะเท่าใดนัก แต่วันนี้เธอเชื่อแล้วว่าคนเราหากไม่ทุกข์ก็ไม่รู้จักธรรม

“หนุ่ยมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ทำไมคนเรากินเหมือนกัน อยู่เหมือนกัน บางครั้งเราอยู่ดีกว่าคนอื่น แต่ทำไมเขาไม่เป็น เราเป็น จึงทำให้คิดถึงภูมิหลังว่าอาจจะเกิดจากอะไรสักอย่าง ตามที่หลายคนเชื่อว่าคือเวรกรรม ซึ่งตั้งแต่เคยป่วยมาตลอด 7 ปี ได้สวดมนต์ทุกวัน ได้ทำบุญทุกเดือนไม่เคยขาด ได้แผ่เมตตาให้แก่เจ้ากรรมนายเวร มันเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับหนุ่ย ทำให้กลับมามีชีวิตที่คิดได้ และสิ่งตอบรับกลับมาดีตลอด”

พร้อมกับบอกว่าเงินทองจากการทำงานหลายล้านบาทที่เสียไปกับการรักษานั้นคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม การได้ชีวิตกลับมาหาเงินใหม่เมื่อใดก็ได้ แต่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตและจิตใจอีกแล้ว

ดนตรีช่วยชีวิต

นักดนตรีสุดโรแมนติกคนนี้เล่าว่า “ดนตรี” คือชีวิตที่แยกจากกันไม่ได้และมีส่วนในการบำบัดจิตใจอย่างมาก ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างสรรค์ต่อไป ไม่ใช่แค่เป็นอาชีพทำกิน แต่สำหรับคนที่มีดนตรีในหัวใจแล้วความเครียดในจิตใจจะสามารถทุเลาเบาลงได้

“ตอนที่ป่วยนี่คือไม่มีแรงเลยกดเปียโนไม่ได้ กีตาร์นี่กดไม่ลงเลย แต่ยังสามารถฟังเพลงทั้งที่ร้องเองและเพลงบำบัดทั่วไปได้ หล่อหลอมจิตใจเรามา มีแฟนเพลงหลายคนส่งแผ่นเพลงมาให้แล้วเขียนไว้ว่าเป็นเพลงที่จะพาคุณหนุ่ยไปเที่ยว คือตอนนั้นได้แต่นอนบนเตียงไปไหนไม่ได้ การฟังเพลงก็ช่วยให้จิตใจได้ผ่อนคลายและบำบัดได้มาก”

จากประสบการณ์ป่วยเฉียดตายครั้งนี้ก็เป็นอีกกำลังใจหนึ่งที่มีผลต่องานเพลงอย่างมาก กล่าวคือทำให้เนื้อหาของเพลงเปลี่ยนไปในแนวความรู้สึกของความรัก ช่วยแหลือ มีกำลังใจและการให้กันมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเนื้อหาความรักชู้สาวเดิมๆ อีกต่อไป

เปลี่ยนเป็นรักตัวเอง

รวมไปถึงพฤติกรรมการทำงานที่ต้องเปลี่ยนไปโดยจะต้องไม่กดดันตนเอง การออกจากอาชีพดีเจซึ่งเป็นเวลาดึก (ตี2-ตี4) มาทำเพลงของตัวเอง เนื่องจากไม่อยากให้ร่างกายโหลดเกินไป ด้วยความกลัวว่าเมื่อร่างกายอ่อนล้าหรือถูกกดดันเกินไป การทำงานหามรุ่งหามค่ำ ความเครียดจากการทำงานจะทำให้กลับไปไม่สบายอีก สุดท้ายคำถามคือ...มันคุ้มไหม?

“คิดว่ามีหลายคนมากเลยที่ทำงานหนักมากๆ หาเงินเพื่อจะให้รวย พอกินพอใช้อยู่แล้วก็ทำอีก ถามว่าทำเพื่ออะไร ทำเพื่อให้เราป่วยหรือ หรือมันถึงเวลาแล้วที่จะทำ อยู่อย่างพอเพียง สบายๆ มีกินมีเก็บไม่โหลดจนเกินไป เพราะถ้าป่วยแล้วบอกเลยว่าไม่มีอะไรคุ้ม เงินที่หามาใช้ไม่ได้ หรือบางครั้งเงินก็ไม่ได้ช่วยได้ 100% ด้วย เมื่อมันถึงขั้นวิกฤต เงินก็ซื้อชีวิตไม่ได้”

นอกจากนี้ยังต้องมีวันหยุดอย่างการหยุดพักยาวๆ ที่ยังไม่เคยไป สถานที่ที่อยากไป และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด

การออกกำลังกายก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ ซึ่งทุกวันนี้คุณหนุ่ยเล่นเทนนิส หากไม่ติดงานจะเล่นอาทิตย์ละ 4 วันทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และสวดมนต์ทุกวันให้จิตใจปลอดโปร่ง

สำหรับใครที่อาจต้องเผชิญโรคร้ายอยู่คุณหนุ่ยบอกว่าอยากจะให้กำลังใจทั้งคนป่วยและญาติ เพราะหากมีสิทธิที่จะเป็นได้ ก็มีสิทธิที่จะหายได้ด้วยเหมือนกัน บางโรคอาจมาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว แต่บางโรคอย่างมะเร็ง คุณสามารถป้องกันได้ด้วยการลดความเสี่ยงของตัวเอง

“คนเรามีชีวิตขึ้นมาเป็นของตัวเองได้ ต้องรักษาให้ดีที่สุด เราซ่อมรถยังทำได้ เราก็ต้องซ่อมตัวเองเหมือนกัน อย่ายอมแพ้ง่ายๆ แล้วปล่อยให้เป็นไป ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ป่วยได้ก็หายได้เหมือนกัน”

เปิดตู้เย็นเพื่อสุขภาพ

อาหารการกินคือสิ่งที่คุณหนุ่ยให้ความสำคัญมากขึ้น โดยจะเน้นการรับประทานเนื้อปลาเป็นหลัก ซึ่งสามารถดัดแปลงทำได้หลายเมนูทั้งผัด ทอด หรือสเต๊ก ที่ต้องใช้น้ำมันมะกอกในการทำอาหารเท่านั้น แม้แต่ข้าวก็ต้องเป็นข้าวกล้องซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย หากเลือกรับประทานกับขนมปังก็ขอเลือกเป็นขนมปังโฮลวีต ไม่เลือกขนมปังขาวเด็ดขาด

รวมทั้งนมกล่องคุณหนุ่ยจะเลือกนมถั่วเหลือง ไม่ใช่นมวัวที่มีไขมันสูง สุดท้ายคือการรับประทานผักสดและผลไม้เป็นประจำ ทำให้ร่างกายสดชื่นและสุขภาพดี

รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี




เปิดตู้เย็นเพื่อสุขภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น