ตอด...ตอด...ตอด สปายุคใหม่ที่กำลังฮิตติดลมบนกันทั่วบ้านทั่วเมืองในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นสปาปลา ไม่ว่าจะเป็นตามตลาดนัดทั่วไป ตลาดนัดของคนกรุงในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงศูนย์บริการสปา ที่ต่างก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดเข้าทุกวัน
ถ้าให้เล่าถึงวิธีการทำจริงๆ แล้ว การทำสปาปลา ก็คือการนำเอาเท้าเข้าไปแช่ในน้ำ เพื่อให้ปลาตอด เอาเซลล์ผิวหนังบริเวณเท้าจนถึงบริเวณน่องที่ตายแล้วได้หลุดลอกออกไป หรืออาจะเข้าใจอีกอย่างได้ว่า การทำสปาเท้าด้วยวิธีการใช้ปลานั่นเอง
“หลายแห่งในตอนนี้ธุรกิจสปาปลาถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แม้บางที่อาจจะใช้ปลาที่มีอยู่ในไทย เช่น ปลาตัวเล็ก ปลานิล ปลาเล็บมือนาง และปลาอีกหลายๆ พันธุ์ที่สามารถตอดได้ จึงทำให้ธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” คุณจิรเมธ ยันตพร เจ้าของร้าน Fish Feet Spa กล่าวสั้นๆ
ในความเป็นจริงแล้วแม้ปลาตอดเหล่านั้นจะช่วยให้เซลล์ผิวเท้าที่ตายแล้วหลุดลอกออกไปได้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เท้ามีสุขภาพดีได้
“หากพูดถึงพันธุ์ปลาที่ดี เหมาะแก่การนำมาทำสปานั้นคือพันธุ์ “การารูฟา” ซึ่งต้องมีลักษณะลำตัวอ่อนนิ่ม ปลาเป็นลักษณะดูด ไม่มีฟัน ต้องมีขนาดลำตัว 6-7 เซนติเมตร โดยปลาชนิดนี้ในน้ำลายจะมีเอนไซม์ ไดแอตทานอล ซี่งมีคุณสมบัติช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วและกระตุ้นให้เกิดเซลล์ใหม่”
“ปลาพันธุ์นี้ช่วยลดน้ำเหลือง การไหลเวียนของเลือดเป็นปกติ ช่วยดูดเชื้อรา กำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว และช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ใหม่ทำให้เท้านุ่มขึ้น”
คุณจิรเมธ เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ลูกค้าบางคนที่น้ำหนักตัวเยอะ เท้าต้องรับน้ำหนักกดทับมาก บางคนส้นเท้าแตก หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีกลิ่นเท้าที่เข้ามาใช้บริการสปาปลาไม่ว่าที่ไหนก็ตาม จนหลายคนเข้าใจกันว่าสามารถช่วยรักษาอาการเหล่านั้นได้
แล้วช่วยรักษาได้ตามที่เข้าใจกันหรือไม่?...
การทำสปาเท้าด้วยปลานั้น บอกก่อนว่าทุกที่ที่เปิดสปาเช่นนี้ไม่ใช่โรงพยาบาลที่จะช่วยรักษาอาการเหล่านั้นได้ เป็นเพียงแค่การบำรุงรักษาเหมือนที่หลายๆ คนเข้าไปตามร้านนวดทั่วไป อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณจะไม่สามารถหายได้ หากไม่ได้ดูแลรักษา และบำรุงอย่างดี อาการเหล่านั้นก็จะเกิดขึ้นอีกเช่นกัน
นอกจากความเชื่อดังกล่าวของผู้ที่เคยใช้บริการแล้ว บางคนยังเชื่อว่าสามารถรักษาโรคที่เกิดกับผิวหนังบริเวณลำตัวได้อีกด้วย ทั้งโรคสะเก็ดเงิน หรือแผลที่เกิดจากโรคเบาหวาน ผู้ทำธุรกิจดังกล่าวให้ความเห็นว่า มีหลายครั้งที่คนที่มีอาการดังกล่าวเข้ามาใช้บริการ แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับทางผู้ให้บริการสปาปลาเองว่าจะมีระบบในการทำความสะอาดมากน้อยเพียงใด
ในประเทศญี่ปุ่นถือเป็นต้นกำเนิดที่นำเอาเรื่องของการทำสปาปลาเข้ามาในแถบทวีปเอเชีย การให้บริการของญี่ปุ่นจึงมีการทำสปาปลาในรูปแบบของการแช่ทั้งตัว ซึ่งผู้ให้บริการจะต้องคำนึงถึงความสะอาดของการทำสปาเช่นนั้นเป็นสำคัญ
สิ่งที่คนใช้บริการควรคำนึงถึงก็คงจะเป็นเรื่องของความสะอาด ซึ่งหากในบ่อปลาไม่สะอาดเพียงพอและไม่ได้ตามมาตรฐาน ในความเป็นจริงก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปควบคุมมาตรฐานของระบบบ่อปลาที่ใช้ในการทำสปาปลาว่าควรมีระบบมากน้อยเพียงใด
สำหรับในวงการแพทย์ผิวหนัง การทำสปาปลาที่คนกำลังนิยมกันทั่วบ้านทั่วเมืองและเข้าใจว่าสามารถรักษาโรคได้นั้น นพ.ฐานิศ พลานุเวศ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง โรงพยาบาลผิวหนังอโศก ได้แสดงทัศนะเอาไว้ว่า การทำสปาปลานี้ต้องเข้าใจว่าเป็นเพียงแค่การแพทย์ทางเลือกเท่านั้น หากเกิดแผลบริเวณเท้าแล้วเข้าไปทำสปาก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อโรคบริเวณเท้าได้เช่นกัน
ซึ่งการดูแลและให้บริการก็ควรจะต้องดูมาตรฐานของน้ำต้องสะอาด และปลาที่เลี้ยงเอาไว้จะต้องไม่เป็นโรค การล้างเท้าก่อนลงไปสัมผัสน้ำในบ่อนั้นควรใช้น้ำเกลือร่วมด้วยทุกครั้ง
ดังนั้น การทำสปาปลาอาจจะมีทั้งประโยชน์และโทษอยู่ในตัวของมันเอง แม้ในขณะนี้จะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่สิ่งที่ไม่ควรละเลยคือสุขอนามัยที่ถูกสุขลักษณะ หากผู้ให้บริการละเลยถึงสุขอนามัยที่ดีต่อผู้มาใช้บริการ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย เช่น โรคผิวหนังจากเชื้อรา โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ลุกลามเข้าสู่เท้าของเราได้เช่นกัน
******************************
ภาพโดย : อดิศร ฉาบสูงเนิน
-----------------------------------------------------------------------
มาตรฐานสปาปลาที่ดี
- การทำสปาปลาไม่ใช่การรักษาจากปลาที่ใช้ตอดอย่างเดียว แหล่งน้ำก็มีส่วนในการช่วยบำบัดได้ด้วยเช่นกัน ต้องอยู่ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีความเหมาะสม เช่น น้ำพุร้อน บ่อน้ำร้อน เป็นต้น
- ในแหล่งน้ำที่ใช้นั้นจะต้องมีแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการรักษาผิวหนัง เช่น ซีลีเนียม เพราะซีลีเนียมมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างผิวหนัง ผลัดเปลี่ยนผิวหนัง สร้างเซลล์ใหม่ และส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือแหล่งน้ำนั้นต้องมีความเค็มของน้ำที่เหมาะสม
- แสงอัลตราไวโอเลต มีส่วนสำคัญเช่นกันในการช่วยบำบัด ซึ่งต้องมีแสงในระดับที่เหมาะสมเฉพาะกับแหล่งน้ำนั้นๆ ด้วย
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต
To Know
ดูแลเท้าง่ายๆ ด้วยตัวคุณ....
มลพิษทางกลิ่นอย่างเท้าของเรานั้น เป็นสิ่งที่จะต้องดูแลอย่างมาก การแช่เท้าในน้ำอุ่นผสมด้วยเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ แช่ทิ้งไว้สักประมาณ 10 นาที แล้วใช้แปรงหรือฟองน้ำขัด อาจจะช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วได้ และจากนั้นอาจหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณชอบ นอกจากจะช่วยให้เท้าของคุณมีกลิ่นหอมแล้วยัง กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยยังช่วยผ่อนคลายจิตใจของคุณให้รู้สึกสบายอีกด้วย
นอกจากจะแช่เท้าในน้ำเกลือแล้ว น้ำชา ก็ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของเท้าได้ดี ในยามที่รู้สึกว่าเดินจนเมื่อยแล้ว ให้นำชาเขียว 4 ช้อนโต๊ะมาละลายในน้ำร้อน ทิ้งไว้ 5 นาที ผสมน้ำชาอุ่นๆ ลงในน้ำ แช่เท้าราว 10 นาที จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หายเมื่อยอีกทั้งยังเป็นการทำความสะอาดเท้าไปในตัว ช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นอับของเท้าได้อีกด้วย
ส่วนคนที่ส้นเท้าแตก ส้นเท้าหนา เป็นปัญหาที่พบบ่อย วิธีเยียวยา แก้ไขได้ง่ายๆ ในช่วงที่อาบน้ำให้ใช้หินขัดเท้าค่อยๆ ขัดเท้าบริเวณที่แห้งแตกออก แล้วซับเท้าให้แห้ง ใช้ครีมนวดเท้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับเท้า หากทำเป็นประจำ ส้นเท้าที่แตกจะค่อยๆ ดีขึ้น
สำหรับสาวๆ ที่รักการสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ ควรหาวิธีบริหารเท้าง่ายๆ ให้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการนอนบนเตียง แล้วยกขาให้สูง ค้างไว้ 10-15 นาที จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้เป็นอย่างดี