xs
xsm
sm
md
lg

หวัด 2009 รีเทิร์น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช่วง 3-4 เดือนที่แล้ว นอกจากข่าวการเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน ที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็มีข่าวเรื่องไข้หวัด 2009 นี่แหละที่กระฉ่อนไม่แพ้กัน ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตหลายล้านคนทั่วโลก และผู้ติดเชื้ออีกร่วมร้อยล้านคน ทำให้ทุกประเทศต้องหาวิธีป้องกันไข้หวัดมรณะพันธุ์ใหม่นี้เป็นการใหญ่

แต่แน่นอน เมื่อโรคระบาดได้ ก็ต้องหยุดระบาดได้เช่นกัน
เพราะหลังจากที่เจ้าเชื้อร้ายยึดหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ร่วมเดือน ทุกคนก็เริ่มเบื่อ กระแสก็เริ่มหมด และสิ่งที่ตามมาก็คือ มาตรการป้องกันที่ออกมาเป็นร้อยข้อที่หายตามไปเช่นกัน

จนกระทั่งล่าสุดก็มีข่าวว่า ที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เจ้าเชื้อร้ายนี้ก็ขอกลับมาระบาดอีกให้สมใจที่หายไปนาน ซึ่งงานนี้ก็มีคนป่วย คนตาย ไม่แพ้รอบแรกเลย

แน่นอน ประเทศไทย ซึ่งเคยตกอยู่ในมรสุมหวัด 2009 มาก่อน เพราะเคยติดอันดับประเทศที่มีคนตายเยอะเป็นลำดับต้นๆ ของเอเชีย ก็ถูกจับตาไม่ใช่น้อยว่า งานนี้จะรอดตัวหรือไม่ ซึ่งดูๆ ไปก็คงไม่รอดแน่ เพราะขนาดผู้จัดการรัฐบาลที่ว่ากันว่าแข็งแรงสุดๆ อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า ตอนนี้ตกเป็นเหยื่อของหวัดรอบ 2 เรียบร้อยแล้ว

งานนี้ก็เลยขอทำตัวอินเทรนด์ตามกระแสท่านรัฐมนตรีซะหน่อย โดยไปดูว่าบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะมีความเห็นและมาตรการรับมืออย่างไรบ้าง ต่อการกลับมาอีกครั้งของศัตรูที่มองไม่เห็น แต่ทำเอาตายได้

-1-

เริ่มจากผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง อย่าง วิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งงานนี้เล่าถึงสถานการณ์ในปัจจุบันให้ทุกคนรับทราบซะก่อนว่า ที่ผ่านมา เจ้าเชื้อร้ายดังกล่าวไม่ได้หายไปไหนเลย แถมยังคงมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ข่าวที่ออกมาดูจะมีน้อยไปหน่อยเท่านั้น

และยิ่งในช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว มีงานเทศกาลที่มีคนไปรวมกันอยู่เยอะแยะ ทั้งลอยกระทง คอนเสิร์ต โอกาสที่คนจะได้รับเชื้อก็มีมากขึ้น ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นอีกได้

“ที่ผ่านมาเราประเมินจำนวนผู้ที่เคยป่วยด้วยเชื้อนี้ในประเทศมี 5 ล้านคนเท่านั้น ขณะอีก 60 ล้านคนยังไม่เป็น เพราะฉะนั้นก็เลยยังไม่มีภูมิต้านทาน ดังนั้นโอกาสที่คนเหล่านี้จะได้รับเชื้อก็ยังมีอยู่

“ยิ่งในช่วงที่อากาศหนาวๆ แบบนี้ โอกาสที่จะติดเชื้อก็มีสูงขึ้นด้วย เพราะเชื้อสามารถมีชีวิตอยู่นานขึ้น จากชั่วโมงหนึ่งเป็น 3 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นแค่ผู้มีเชื้อจามใส่พื้น โอกาสที่จะแพร่กระจายก็มีสูงแล้ว และหากไปเจอผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำด้วยแล้ว โอกาสที่จะเป็นยิ่งสูงมากขึ้น”

และด้วยสถานการณ์เช่นนี้เอง รัฐบาลจึงเกิดความคิดว่า คงปล่อยสถานการณ์ไม่ได้แล้ว จึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการทำแผนระยะยาว

ขณะที่ทางกระทรวงฯ เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะตอนนี้ได้เตรียมวัคซีนป้องกันจำนวน 2 ล้านโดสสำหรับฉีดให้แก่คนที่มีความสุ่มเสี่ยง โดยคาดไว้จะมีการผลิตวัคซีนเสร็จและพร้อมให้บริการในเดือนธันวาคมอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ก็จะมีการรณรงค์ในภาคประชาชนให้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใส่หน้ากาก หรือการให้ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อพักผ่อนอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน จะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น

และสุดท้ายก็คือการทำระบบการรักษาพยาบาลที่เข้มข้นกว่าเดิม โดยมีการเชิญสาธารณสุขจังหวัดมาพูดคุย และให้เสนอแผนยุทธศาสตร์สำหรับการดูแลประชาชน เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อเล็ดลอดจากการรักษาที่ถูกต้องไปได้

จากมาตรการทั้งหมดนี้เอง ทางกระทรวงฯ จึงมีความมั่นใจว่า หากมีการระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งจริงก็น่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่ให้รุนแรงเหมือนครั้งแรกได้

สำหรับข้อกังวลถึงการกลายพันธุ์ หรือเพิ่มระดับความรุนแรง เจ้ากระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่ายังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่หากเป็นจริง ทางกระทรวงฯ ก็จะให้ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้หามาตรการแก้ปัญหากันต่อไป

-2-

คุยกับผู้ออกนโยบายไปแล้ว คราวนี้ลองหันไปพูดคุยกับผู้สนองนโยบายกันบ้างดีกว่า เพราะหลังจากที่กระแสหวัดรอบแรกหมดไป กระแสต่างๆ ก็จะเงียบหายลงไปอย่างเด่นชัด

เริ่มจาก 'ห้างสรรพสินค้า' ซึ่งถือเป็นจุดที่เสี่ยงสุดๆ โดยงานนี้ได้ โยธิน ธรรมจำรัส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น มาไขข้อสงสัยถึงกระบวนการป้องกันของห้างเซ็นทรัลซึ่งมีสาขาอยู่หลายแห่ง

“เซ็นทรัลพร้อมรับมือไข้หวัดใหญ่ 2009 ระลอก 2 ช่วงหน้าหนาวอย่างเต็มที่ ทุกสโตร์ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเราปัดฝุ่นนำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ในช่วงที่เชื้อร้ายระบาดอย่างรุนแรงมาปฏิบัติอีกครั้ง แม้ช่วงนี้จะยังไม่มีสัญญาณบ่งบอกการแพร่ระบาดของโรคก็ตามที เรียกว่าปลุกทุกภาคส่วนของห้างให้ตระหนักในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง

“อย่างในส่วนบุคลากรเอง เราก็จัดให้เข้าฟังความรู้เรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 จากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เราก็ยังให้พนักงานล้างมือและใช้ช้อนกลางเวลากินข้าวกันเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว แล้วก็มีตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ หากมีไข้ก็อนุญาตให้ลาหยุดได้”

นอกจากจะเข้มงวดกับพนักงานผู้ให้บริการแล้ว จุดต่างๆ ที่เชื้อโรคมีโอกาสไปซุกซ่อน อย่างลิฟต์ หรือบันไดเลื่อน ทางห้างก็มีมาตรการดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกๆ 10 นาที เพื่อผู้ที่เข้ามาใช้บริการรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยที่สุด

อีกส่วนหนึ่งที่ทุกคนห่วงและเป็นกังวลที่สุด ก็คงเป็น 'รถประจำทาง' เพราะในคราวก่อนเห็นมีการเตรียมน้ำยาล้างมือมาให้ผู้โดยสารได้ใช้ แต่หลังจากกระแสเงียบไป ก็ไม่มีผู้รับผิดชอบคนไหน เอาน้ำยาขวดใหม่มาเปลี่ยนให้แต่อย่างใด

ซึ่งในเรื่องนี้ ศุภรัตน์ ออประเสริฐ หัวหน้ากองพัฒนาระบบสวัสดิการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า จริงๆ แล้วทาง ขสมก.เองก็ยังคงรักษามาตรการการป้องกัน ยังคงมีต่อเนื่อง ทั้งการถอดผ้าม่านออก การเช็ดจุดสัมผัสร่วมด้วยแอลกอฮอล์ เช่น บริเวณราวจับ เบาะนั่ง และมีบริการเจลล้างมือบริเวณประตูรถ ซึ่งในบางคันที่น้ำยาหมดก็ไม่นิ่งนอนใจ โดยที่ผ่านมาก็ได้กำชับให้นำมาเติมแล้ว

ขณะที่ในส่วนของพนักงาน ทาง ขสมก. เองก็มีการแจกหน้ากากให้สวมใส่ในระหว่างปฎิบัติหน้าที่ โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจอยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้พนักงานปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด

“หลังๆ พนักงานเขาจะไม่ชอบใส่กัน แต่เราก็ต้องมีการบังคับให้ใส่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจากผู้โดยสารที่จะแพร่เชื้อให้พนักงาน หรือพนักงานที่มีเชื้อจะแพร่ให้แก่ผู้โดยสารด้วย เป็นการป้องกันทั้งสองทาง เพราะบนรถเมล์ก็เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้”

ส่วนจุดต่อมาก็คือ 'โรงเรียนกวดวิชา' ซึ่งมีเด็กจำนวนมากที่นิยมแสวงหาความรู้เข้ามานั่งแออัดกันอยู่ และยังถือเป็นจุดแรกๆ ของการระบาดครั้งแรกด้วย

จากการสอบถามไปยังโรงเรียนกวดวิชา KDC ณัฐชัย ศิริทัศนะกุล อาจารย์ประจำของโรงเรียน กล่าวว่า มาตรการรักษาความสะอาดยังเหมือนเดิมตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขทุกประการ

“ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เราก็ยังทำอยู่ เรามีการทำความสะอาดสถานที่โดยการกวาดและถูด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทั่วทุกพื้นที่ของโรงเรียน และมีบริการสบู่เหลว สบู่ก้อน และเจลล้างมือ สำหรับให้นักเรียนใช้ล้างมือทำความสะอาด และให้นักเรียนล้างมือก่อนเข้าห้องเรียนทุกครั้ง”

โดยทั้งนี้โรงเรียนมั่นใจว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดโอกาสการติดไข้หวัด 2009 ระลอก 2 อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นขอให้ผู้ปกครองทุกคนสบายใจได้

………

เห็นมาตรการป้องกันที่ออกมาเยอะแยะแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทุกคนจะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมากันบ้างหรือเปล่า แต่อย่างว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องความเป็นความตาย เพราะฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท ก็อย่าลืมดูแลและรักษาสุขภาพกันด้วย ไม่เช่นนั้น หวัด 2009 อาจจะแวะมาเยี่ยมโดยไม่รู้ตัว แล้วจะหาว่าไม่เตือน!!

……….

กลเม็ดเด็ดๆ รับหวัด 2009

ในยุคที่ไข้หวัดกลับมาเยือนชาวโลกอีกครั้ง ประเทศที่ดูว่ารับหนักที่สุด เห็นไม่มีใครเกิน 'อังกฤษ' เพราะถูกเชื้อร้ายเล่นงานทุกหย่อมหญ้า อย่างนักฟุตบอลจากสโมสรแบล็กเบิร์น 3 นาย ที่ว่ากันว่าต้องฟิตอยู่ตลอดเวลาก็ยังโดนซะแล้ว

เพราะฉะนั้น ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ก็เลยออกกฎว่า “ต่อไปนี้นะ ห้ามนักบอลทุกคนถ่มน้ำลายในสนามเป็นอันขาด” (เจ๋งใช่ไหมล่ะ!!)

ไม่เพียงแต่อังกฤษเท่านั้น แต่ที่มีไอเดียบรรเจิดไม่แพ้กัน ต้องให้สวีเดน เพราะล่าสุดก็เพิ่งออกมา โดยตั้งกฎให้นักเตะเลี่ยงการเช็กแฮนด์หรือจับมือกันหลังแข่งเสร็จ หรืออย่างนักการเมือง ก็ต้องเปลี่ยนวิธีทักทายซะใหม่ จากที่ปกติเวลาเจอกันต้อง กอดต้องจูบ ต้องจับมือ ก็หันมาไหว้แบบพี่ไทยแทนซะงั้น

ได้ยินอย่างนี้ ก็คงต้องอุทานออกมาให้ดังๆ ว่า “แหม...ทำไปได้”

ตามติดชีวิต 'หน้ากาก'

สัญลักษณ์ชั่วคราวแก้หวัด 2009

สินค้าที่ขายดีที่สุด ในช่วงที่หวัดระบาด คงไม่มีใครแซงหน้า 'หน้ากาก' ไปได้
แต่หลังจากหมดช่วงฤดูหวัดไปรอบหนึ่งแล้ว ของที่ว่าฮิตหนักฮิตหนาจะเป็นอย่างไรบ้าง

จากการพูดคุยกับจ้าของร้านขายยาคนหนึ่งแถวท่าพระจันทร์ ก็ได้ข้อมูลมาว่า สินค้ายังไม่ถึงกับค้างสต็อกซะทีเดียว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือราคาขายที่ถูกลง อย่างช่วงที่หวัดระบาดหนักขายได้ 7-8 บาท แต่อตอนนี้เหลือ 5 บาทแล้ว

ถึงวันนี้ก็คงต้องติดตามกันดูต่อว่า ในวาระที่เชื้อหวัดให้เกียรติกลับมาอีกรอบ สถานการณ์ของหน้ากากจะเป็นอย่างไร อีกไม่นานคงรู้กัน....

..........

เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK



กำลังโหลดความคิดเห็น