“หมอมงคล” ห่วงคนไทยลืมง่าย ตาย-ติดเชื้อลด อาจละเลยป้องกันตัวเอง เตือนช่วง 2 เดือนนี้ยังอันตราย รอยต่อฝนกับหนาวเสี่ยงหวัดกลายพันธุ์ อย่าประมาทต้องระวังดูแลสุขภาพให้ดี ชี้ รถร้อนโอกาสติดเชื้อน้อยกว่ารถแอร์ หากรถแน่นมากแนะใส่หน้ากากป้องกัน
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะอนุกรรมการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้สัมภาษณ์การแถลงข่าวโครงการรถเมล์ไทยปลอดภัยรวมพลังสู้หวัด ว่า การรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ยังต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไป เพราะการแพร่เชื้อยังเกิดขึ้นได้ในทุกที่ ทุกเวลา โดยเฉพาะในที่สาธารณะ หรือสถานที่ที่ใช้บริการร่วมกันของคนจำนวนมาก ขณะที่อีก 2 เดือนต่อจากนี้ คือ ก.ย.และ ต.ค.จะเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดสูงเป็นปกติทุกปี จึงประมาทไม่ได้
“ที่น่าเป็นห่วง คือ คนไทยมักจะลืมง่าย ขี้ลืม ทั้งๆ ที่ในช่วง 2 เดือนข้างหน้าต่อจากนี้ยังเป็นช่วงที่อันตราย เพราะเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาวที่เชื้อไวรัสชนิดต่างๆ จะเริ่มเข้ามา หากเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาล เมื่อ 2 ตัวนี้มาเจอกัน อาจเกิดการกลายพันธุ์ได้ ดังนั้น อย่าประมาท เพราะเห็นว่า สถานการณ์ของโรคดีขึ้น มีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อลดลง โดยจะต้องหนักแน่นในแนวทางการปฏิบัติตนให้เป็นนิสัยและเคร่งครัดให้มีร่างกายแข็งรง เพื่อจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวต่อว่า ขณะนี้มาตรการขั้นพื้นฐานในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งการให้ความรู้การดูแลสุขภาพและป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 การล้างมือ การใส่หน้ากากอนามัยซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและแพร่กระจายเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปยังผู้อื่น รวมถึงพยายามหลีกเลี่ยงอยู่ในชุมนุมชนที่แออัดผับ บาร์ ทำได้ดีอยู่แล้ว ขณะที่รถโดยสารสาธารณะที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเช่นกัน แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสอาจติดอยู่ที่บริเวณราวบันได หรือราวโหน หากมือสัมผัสถูกเชื้อและนำมาจับหน้า ตา ปาก ก็อาจทำให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ ดังนั้น ควรหมั่นล้างมือจากน้ำสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ทั้งก่อนขึ้นรถโดยสารและลงจากรถโดยสารเพื่อความปลอดภัย
“รถโดยสารสาธารณสุขที่เป็นรถร้อนแม้จะเปิดหน้าต่างโปร่ง ความร้อนส่องถึงก็ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคให้ตายได้ แต่โอกาสเสี่ยงติดเชื้อโรคเมื่อเปรียบเทียบกับรถแอร์แล้ว รถร้อนเสี่ยงน้อยกว่ารถแอร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคนด้วยว่า จับราวบันได โหนรถแล้ว เอามือมาจับตา จับจมูกหรือไม่และหมั่นล้างมือหรือไม่ด้วย และในกรณีที่รถเมล์แน่นก็ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อความปลอดภัย และไม่ควรตั้งข้อรังเกียจ คนที่ใส่หน้ากาก เพราะเป็นคนที่รู้จักป้องกันตัวและช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวด้วยว่า แต่ละวันมีประชาชนใช้บริการรถเมล์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน 6 แสนคน คณะอนุกรรมการฯ จึงจะร่วมสนับสนุนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ใน 3 มาตรการ คือ 1.ติดตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือบนรถโดยสาร ทั้ง 3,514 คัน และประสานความร่วมมือกับ องค์การเภสัชฯ ที่มอบแอลกอฮอล์ล้างมือจำนวน 10,000 ขวด ขนาด 500 ซีซี มูลค่า 990,000 บาท ให้กับ ขสมก.จากนั้นจะจำหน่ายเจลล้างมือให้ในราคาพิเศษ 2.จัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพของพนักงาน ขสมก.16,676 คน 3.มอบสื่อรณรงค์ 15,000 ชิ้น อาทิ โปสเตอร์ สติกเกอร์ ให้ติดตั้งในรถโดยสาร รวมถึงข้อมูลการป้องกันโรค ที่จะวางอยู่ในท่ารถทุกแห่ง และให้ประชาชนรวมลงคะแนนรถเมล์สายใด คันไหน สะอาดปลอดภัย ผ่านคลื่น 103 เอฟเอ็ม โดยจะมอบรางวัลให้กับรถที่ได้รับการคะแนนสูงสุดทุกสัปดาห์ และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์รายวัน
ด้านนายธวัชชัย ทัศแทน รอง ผอ.ขสมก.กล่าวว่า นอกจากการคุ้มครองให้ผู้โดยสารปลอดภัยจากอุบัติเหตุจราจรแล้ว การป้องกันให้ผู้โดยสารปลอดภัยจากไข้หวัด 2009 ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ชาว ขสมก.ทุกคน จะร่วมพลังกันปฏิบัติ เพื่อร่วมกันลดการระบาดของโรคไข้หวัด 2009 โดยจะมีการตรวจวัดอุณหภูมิของผู้ให้บริการ ทั้งพนักงานขับรถยนต์ เก็บค่าโดยสาร ก่อนปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้มั่นใจว่า บุคลากรมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมให้บริการ และได้สั่งการให้รถ ขสมก.และผู้ประกอบการรถเอกชนร่วมบริการทุกประเภท ปฏิบัติตาม 5 มาตราการนี้อย่างเคร่งครัด คือ 1.พนักงานขับรถและเจ้าหน้าที่เก็บค่าโดยสารจะต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะปฏิบัติหน้าที่ 2.ติดตั้งแอลกอฮอล์ล้างมือในรถทุกคัน 3.เมื่อรถเข้าสู่ท่ารถ พนักงานประจำรถจะต้องใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดราวบันได ราวจับ มือจับประตู
“ข้อที่ 4.ในกรณีรถปรับอากาศจะต้องเปิดพัดลมระบายอากาศทุกๆ 10 นาที 5.ผ้าม่านในรถทุกคัน จะถูกถอดเพื่อนำไปทำความสะอาด และงดเว้นการติดผ้าม่านในรถ 6.เมื่อรถหมดเวลาให้บริการในแต่ละวัน จะทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคทั้งคัน ซึ่งรถโดยสารทุกคัน จะสะอาดทั้งภายนอกและภายใน และมีพนักงานที่มีความรู้ในเรื่องการป้องกันเชื้อไข้หวัด 2009 โดยเจ้าหน้าที่เก็บค่าโดยสารจะถือกระบอกเก็บค่าโดยสารแล้ว จะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารป้องกันตนเองจากไข้หวัด 2009 ด้วย” นายธวัชชัย กล่าว
จากนั้น นพ.มงคล และ นายธวัชชัย พร้อมคณะได้ใช้บริการรถเมล์สาย 54 จากป้ายอนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งเป็นรถเมล์ที่ผ่านการทำความสะอาด มีจุดติดตั้งแอลกอฮอล์ล้างมือให้กับผู้โดยสาร และข้อความประชาสัมพันธ์รอบคัน อาทิ “ก่อนลงกดกริ่ง หลังลงกดเจล” “ป้ายหน้าอันตราย ถ้าไม่ล้างมือ” “โปรดอย่าเอื้อเฟื้อเชื้อหวัดแก่ผู้อื่น” โดยมุ่งหน้าไปยังสยามเซ็นเตอร์ เพื่อเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์แจกสื่อป้องกันไข้หวัด 2009 ร่วมกับคณะละครคนหน้าขาวและขบวนกว่า 30 คน โดยแจกจ่ายสื่อให้กับประชาชนตั้งแต่สยามเซ็นเตอร์ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน
