“ชะเอม” ศิริพิชยา วิสิฐไวทยากุล (ชื่อ แปลว่า ผู้มีชัยชนะอันประเสริฐ) วัยรุ่นแบบไทย ซึ่งกำลังเรียนสาขาครุศาสตร์ อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากแต่ในวงการบันเทิงก็อาจคุ้นหน้าคุ้นตากับสาวคนนี้จากการประกวดมิสทีนไทยแลนด์เมื่อปี 2005 เพราะเธอคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 และ ขวัญใจช่างภาพมาครอง
“ไม่ได้บอกว่าวัยรุ่นต้องทำตัวเรียบร้อยเหมือนกันหมด เพราะโดยนิสัยเอมก็ไม่ใช่คนเรียบร้อย โลดโผน เฮฮา แต่ด้วยการประพฤติตัว ปฏิบัติตัว เอมอยู่ในกรอบเสมอ อยู่คณะก็ไม่ทำตัวผิดระเบียบ กลับบ้านก็เป็นลูกที่ดี เอมมั่นใจว่าสิ่งที่ทำคือเป็นสิ่งที่ดี รู้กาลเทศะ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกาย หรือการสัมมาคารวะ เป็นเรื่องพื้นฐานที่เราต้องทำได้อยู่แล้ว”…
วัยรุ่นสาวแห่งรั้วจามจุรีบอกกับ M-Lite แบบนั้น หลังจากที่เราได้พูดคุยถึงปัญหาของวัยรุ่นไทยที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในหลายๆด้านทั้งเรื่องความคิด การแสดงออก และคลิปโหดต่างๆที่ดาษดื่นจนกลายเป็นเรื่องเอาอย่างที่หลายฝ่ายไม่อาจเพิกเฉยได้
“เอม” เล่าว่าแท้จริงแล้วครุศาสตร์ในสายที่เธอเรียน ไม่ได้จบเป็นครูเสมอไป แต่เมื่อเธอเรียนมาถึงชั้นปี 3 เธอยอมรับว่าเลือดครูที่ได้มาจากแม่ที่รับหน้าที่เป็นรองผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งทำให้เธอชินกับภาพการสอนหนังสือ และเลือกที่จะสอบเข้ามาเรียนคณะนี้โดยตรงด้วยใจรัก
“เอมเลือกเอกจิตวิทยาการศึกษาและแนะแนว ด้วยวิชาเรียนของเอมทำงานด้านฝ่ายบุคคลก็ได้ค่ะ บริหารงานในอุตสาหกรรมก็ได้ คือเราไม่ได้เลือกเอกประถมหรือมัธยมน่ะค่ะ ใจจริงชอบสอนนะ (หัวเราะ) เหมือนกับเวลาเราอยู่กับกลุ่มเพื่อน เราได้ถ่ายทอดเราเองก็มีความสุข เพื่อนหลายคนก็บอกว่าเราทำตรงนี้ได้ดี พูดเก่งด้วย (หัวเราะ) หลักสูตรใหม่เรียน 5 ปี เอมเรียนแบบได้ใบประกอบวิชาชีพครูไปเลย”
สาวน้อยวัย 20 เล่าว่าด้วยวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับครูนี้เอง ทำให้ชีวิตเธอมีระเบียบ และเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ชีวิตได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะ “ความเสียสละ” ที่เธอพร้อมเสมอ หากเมื่อวันหนึ่งเธอต้องมีอาชีพสอนหนังสือแบบเต็มตัว
"เรียนครูหมือนได้เรียนทุกคณะ สิ่งที่เราจะได้คือประสบการณ์คือทัศนคติที่มันเปลี่ยนไป มันไม่มีการแข่งขัน ค่านิยมมีนะ แต่มีไปในทางที่เหมาะสม เราจะโดนเคี่ยวเข็ญว่าคนที่จะไปสอนคนอื่นได้ต้องดีนะ อย่าละเลย มันใช้ในชีวิตจริงได้ เข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้น มองโลกบวกขึ้น เป็นความคิดที่ดีๆ”
“ วิชาชีพครูสอนให้เรารักและเสียสละ แล้วได้ความภูมิใจกลับมา แค่มีคนมาไหว้เอมแล้วเรียกเอมว่าคุณครู เอมคงมีความสุขแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือที่เอมมองว่าจะได้เปรียบ คือเราได้ฝึกกับการใช้วิชาชีพกับคนจริงๆ อาจารย์จะสอนหลายอย่าง แม้แต่การทำรายงานการเขียนอ้างอิงอะไรสักอย่าง อาจารย์จะบอกว่าคุณอย่าลืมว่าพวกคุณจะไปเป็นครูของคนอื่น ต้องไปเป็นอาจารย์เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณจะทำออกมา ต้องทำให้มันดีที่สุด”
ส่วนกรณีคลิประบาดทั้งรุ่นพี่ทำร้ายรุ่นร้อง อาจารย์ทำร้ายศิษย์ หรือเด็กวัยรุ่นตบตีกันเอง ว่าที่คุณครูเอมบอกว่าไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกฝ่ายต้องหันหน้าแก้ปัญหาร่วมกัน มิเช่นนั้นการนำเสนอเรื่องราวดังกล่าวอาจเป็นดาบสองคมให้วัยรุ่นไทยต่อไป
"เอมว่าจริงๆเป็นแค่ส่วนน้อยที่มีพฤติกรรมแบบนั้น วัยรุ่นไทยจริงๆ ไม่ได้แย่ขนาดนั้นเป็นประเด็นที่สื่อหลายๆครั้ง บางครั้งยกขึ้นมาต้องมาทบทวนว่าปัญหาเหล่านั้นเกิดจากใครมากกว่า มีผลกับใคร แทนที่จะโยนความผิดให้ใคร มาโทษกันว่าเกิดที่ตัวเด็ก หรือโรงเรียน หรือสังคม หรือว่าครอบครัว"
"คือทุกส่วนมีส่วนผิดกันหมด เพราะฉะนั้นต้องออกมาแก้ด้วยกัน ตั้งแต่บุคลากรในโรงเรียน สังคม สื่อ ต้องช่วยกันค่ะ ต้องมาวางมาตรการกัน ทุกวันนี้เกิดปัญหาขึ้นปุ๊บก็นำเสนอออกไป ไม่ได้ต่อยอดแก้ปัญหาต่อ ทำให้เด็กรับอิทธิพลต่อไปอีก เพราะว่าทำแล้วดังนะ เพราะเขาไม่ได้เห็นผลต่อจากนั้นอีก ด้วยนิสัยของวัยรุ่นเองก็ชอบท้าทาย อยากได้ความสนใจ เขาก็ทำตามๆกัน”
“โดยทั่วไปแล้วพฤติกรรมของเด็กมันมีที่ปรับได้ มันไม่สายเกินที่จะปรับ อย่าไปมองว่าปัญหามันจะเกิดมันก็ต้องเกิด ปล่อยให้มันเกิด มันไม่จบหรอกค่ะ มันมีแต่จะเพิ่มและมีวิวัฒนาการต่อไปอีกเยอะ”…. เอมเสียงจริงจังและตอบชัดถ้อยชัดคำทีเดียวอาจเพราะเธอเป็นคุณครูผู้สอนเด็กในอนาคต และเธอคือวัยรุ่นคนหนึ่งที่เธอย้ำว่า สังคมมีทุกอย่างให้วัยรุ่น แต่อยู่ที่ว่าใครจะเลือกหยิบสิ่งไหนมากกว่า
"จริงๆเอมว่าสังคมมีทุกอย่างของมันอยู่แล้วนะ แล้วแต่เราจะพอใจตรงไหนแล้วแต่เราจะหยิบมาใช้ แล้วแต่ความพึงพอใจส่วนบุคคล อย่างเอมกับเพื่อนเราอยู่ตรงนี้เราก็พอใจแล้ว แต่กลุ่มอื่นๆ ที่เขาอาจจะชอบแฟชั่นชอบแบรนด์เนม มันก็คือความต้องการไงคะ มันอยู่ที่ตัวเรา แต่ก็ไม่ผิดที่เขาคิดแบบนั้น เพียงแต่ว่าเขาจะมีวิธีการจัดความต้องการของเขาอย่างไรมากกว่า ถ้าเขาจัดการในทางที่ถูก ไม่เบียดเบียนใครก็ถือว่าโอเคค่ะ แต่ถ้าสิ่งที่เขาต้องการ แล้วไปทำในสิ่งที่ไม่ดีก็ถือว่าไม่ถูก”
อาจเพราะความคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่และรางวัลการันตีความเป็นเด็กดีอีกหลายใบ จึงทำให้วัยรุ่นชื่อ “เอม” คนนี้ แม้เป็นลูกคนเล็กของบ้านแต่แม่ของเธอก็หายห่วง โดยเธอเล่าว่าความเข้มแข็งพิเศษบางอย่างเกิดขึ้นในวันที่ต้องสูญเสียพ่อเมื่อปีก่อน
“แต่ก่อนตอนมีคุณพ่ออยู่ ก็จะมีบ้างบางเรื่องคุยกับคุณพ่อสบายใจกว่า พอพ่อเสียตอนนั้นใจมันหวิวเลยค่ะ น้อยใจพ่อจากไปเร็วมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ดีขึ้นคือลูก 3 คนในบ้านโตขึ้นทุกคน แต่ก็คิดถึงพ่อมาก ตอนนี้จะทำอะไร จะปรึกษาแม่ตลอด คุยกับเขามันทำให้สัมพันธภาพระหว่างเรากับแม่ดีขึ้นด้วย จากที่มันดีอยู่แล้วมันจะยิ่งดี แม่จะได้ไม่ต้องห่วงเรา เราบอกเขาทุกอย่าง พอเข้าวงการบันเทิง เอมใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมแต่คุณแม่จะเตือนแค่ว่า ให้ระวังตัวมากขึ้นเวลาไปไหนมาไหน เรามาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ร้าน มันสอนให้เราระวังตัวมากขึ้น ช่วงไหนมีข่าวแม่ก็จะเตือน”
พอพูดเรื่องกิจกรรมสาวเอมบอกว่าทำมาแล้วทุกอย่างทั้งเต้นลีดให้แก่มหาวิทยาลัย ออกค่ายอาสา และยังมีหลายอย่างที่ต้องทำในชีวิต หนึ่งในนั้นคือการมีธุรกิจเล็กๆ ให้แม่หลังเกษียณราชการ
“อยากเปิดธุรกิจของตัวเอง ของครอบครัวอยากสร้างธุรกิจเล็กๆแถวบ้านให้คุณแม่ เห็นเขาทำงานหนัก เขาเกษียณก็มีธุรกิจให้เขาดูแล เขาคือเวิร์คกิ้งวูแมน คงอยู่นิ่งไม่ได้ ถ้าเราโตพอที่จะมีที่อยู่อาศัยได้ก็สร้างเผื่อไว้ อยากรับยายมาอยู่ด้วยซึ่งอยู่สุราษฎร์ฯ เขาไม่ชอบมาอยู่กรุงเทพ แต่คือญาติผู้ใหญ่ก็เหลือคุณยายคนเดียวแล้ว แต่ตอนนี้ท่านยังมีพี่น้องฝั่งแม่ดูแลอยู่ค่ะ” นั่นคือความฝันเล็กๆของสาวน้อยที่อยากทำให้ผู้ให้บังเกิดเกล้าของเธอ
ก่อนที่เราจะจบการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ อดถามไม่ได้ว่าหนุ่มที่เปิดตัวบอกรักกลางรายการ “ล้วงลับตับแตก” คือตัวจริงแล้วหรือไม่ เอม ทิ้งท้ายสั้นๆว่า... “มีคนเขามารัก ก็ดูกันไปก่อนไม่รีบค่ะ คงไม่ผิดที่ใครจะมารู้สึกดีกับเราแต่จริงๆไม่มีอะไรค่ะ” หนุ่มๆที่ทราบข่าวแล้วอย่าเพิ่งแห้วเพราะสาวเอมบอกแค่มีคนมาแอบปลื้มเท่านั้น หากแต่สิ่งที่น่าค้นหาในตัวสาวคนนี้ไม่ใช่ “ความงาม” แต่เพียงอย่างเดียว แต่คือ “ความคิด” ของเธอเสียมากกว่า
ประวัติ
ชื่อ-นามสกุล ศิริพิชยา วิสิฐไวทยากุล
อายุ 20 ปี
การศึกษา กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ ภาควิชานโยบาย การจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา สาขาวิชาการศึกษานอกระบบโรงเรียน เอกจิตวิทยา การปรึกษาและแนะแนว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงานและรางวัลที่ได้รับ
- รองอันดับ 1 Missteen Thailand และขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน ปี 2005 นางเอก MV มือซ้ายที่ว่างเปล่า ของโบกี้ – ด็อจ ,14 อีกครั้ง ของ เสก โลโซ ภาพยนตร์โฆษณา Natrive, DTAC,การบินไทย ภาพยนตร์ ท้า/ชน ปัจจุบันกำลังมีละคร เรื่อง สายสืบเสียงทอง Season 2 ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 12.40 น.
- ผู้นำเชียร์แห่งคณะครุศาสตร์ ประจำงานกีฬาน้องใหม่ ปี 50, ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ รุ่นที่ 64
-เยาวชนดีเด่นแห่งกรุงเทพมหานคร ประกายเพชร สาขาคุณธรรม จริยธรรม เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ปี 2549 และรางวัลนักเรียนดีเด่น 6 ปีซ้อน ของโรงเรียนหอวัง
ภาพโดย ศิวกร เสนสอน