รูดปรื้ดๆ ยิ่งรูดยิ่งมีระดับ ...
ในยุคฟองสบู่มนุษย์เงินเดือนหลายคน ต่างมีความหลงเชื่อว่า เมื่อคุณสามารถทำบัตรเครดิตได้ เท่ากับคุณมีรสนิยมดี มีเครดิต เป็นผู้น่าเชื่อถือทางการเงิน
ความเชื่อดังกล่าว ถูกปลูกฝังผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ ข้อความชวนเชื่อมากมาย และมีคนจำนวนไม่น้อยต่างหลงใหลว่า บัตรพลาสติกคือ อำนาจใหม่ของการใช้จ่ายเงิน ทรงพลังและสร้างความสะดวกสบายในสังคมยุคไอที
ในกระเป๋าเงินของใครหลายๆ คน จึงไม่แปลกนักถ้ามีบัตรพลาสติก พกอยู่อย่างน้อยสองใบขึ้นไป บางคนมีมาก 5-6 ใบ เมื่อบัตรรูดปรื้ดๆ ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เพดานเงินเดือนไต่ถึง ผู้ให้บริการก็วิ่งจีบให้คุณเป็นผู้ถือบัตรชนิดยกยอจนคุณกลายเป็นลูกค้าคนสำคัญ
บัตรสูงสุดระดับ แพลทินัม ไล่ลงมาระดับ โกลด์ และขยับลงมาระดับคลาสสิก ผู้ประกอบการบัตรพยายามแบ่งเกรดชัดว่า ใครมีอำนาจทางเงินระดับไหน ผู้ถือบัตรบางคนก็บ้าตามเขา ยกยอตัวเองว่าเริดหรูสูงสุดในสังคม เมื่อได้ถือบัตร แพลทินัม
ขอเรียกว่า เป็นตำแหน่งและอำนาจจอมปลอมที่ผู้บริการบัตรมอบให้ มอบสิทธิพิเศษต่างๆชนิดคนถือบัตรหลงใหลใฝ่หา คิดฝันไปเองว่าตัวเองมีระดับ
จะเป็นอำนาจทางการเงินใหม่หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่หลายคนถูกบัตรพลาสติกเล่นงาน พลิกผันจากสภาพผู้มีเครดิต กลายเป็นผู้ไร้เครดิต แปรภาพเป็นลูกหนี้ชั้นดีและชั้นเลวในเวลาต่อมา
ส่วนหนึ่งเกิดจากตัวเอง เพราะความไร้สติในเรื่องการใช้จ่ายเกินตัว ขณะที่อีกส่วนเพราะความหลงเชื่อบรรดาผู้ประกอบการยกโปรโมชั่นชั้นเลิศ มาเสกให้คนเป็นเหยื่อ ด้วยการสร้างนิสัยรูดปรื้ดๆ
รูดสะบั้น ดอกเบี้ยกระจาย บางคนแทบช็อกเมื่อบิลเรียกเก็บเงินส่งตรงมาที่บ้าน ที่ทำงาน กลเม็ดของผู้ประกอบการ สังเกตให้ดี คิดให้ฉลาด พวกเขาพยายามชักจูงให้ลูกค้าบัตรใช้จ่ายกันให้มากที่สุด เมื่อคุณเริ่มรูด ก็เท่ากับคุณตกเป็นเหยื่อของพวกเขาแล้ว ดอกเบี้ยแสนโหด ค่าธรรมเนียมแสนแพง ผู้ใช้บัตรต้องก้มหน้าก้มตารับชะตากรรม
ใครลองติดหนี้บัตรเครดิตจะรู้ดีว่า จากผู้ประกอบการบัตรที่เคยพูดแสนหวานแสนดี จะแปรเปลี่ยนด้วยเสียงมัจจุราช ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีการร้องเรียนผ่านสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจำนวนมาก
ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ วันที่ 31 ธ.ค.2550 ที่รวบรวมไว้ล่าสุด จำนวนบัตรเครดิตขณะนี้มีมากถึง 12 ล้านใบ เพิ่มสูงกว่าเมื่อ 10 ปีก่อน ถึง 10 ล้านใบ มูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรสูงถึงประมาณเกือบ 8 หมื่นล้านบาท มียอดหนี้คงค้างในระบบถึง 1.8 แสนล้านบาท ตัวเลขสะท้อนชัดว่า คนไทยจำนวนมาก ใช้จ่ายเงินผ่านบัตรมากขึ้น เป็นหนี้มากขึ้น
บัตรเครดิต ไม่ใช่ของอันตราย แต่ผู้ใช้ต้องมีสติ ทำไว้ได้ แต่อย่าใช้เกินตัว ทางออกแนะนำที่ดี อยากใช้บัตรเวลารูดแล้วไม่ควรคงค้างหนี้ไว้มาก เป็นไปได้ สิ้นเดือนต้องชำระให้หมด
ปัจจุบันมีคนจำนวนมากเป็นหนี้จากบัตรเครดิต มีสถิติตัวเลขชี้ว่า คนไทยเป็นหนี้บัตรเฉลี่ยต่อใบประมาณ 15,000 บาท เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากครับ
ไม่มีหนี้สินดีกว่าแน่ ถ้าเป็นไปได้ถามไถ่ผู้ใช้บัตรเครดิตต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ ไม่มีใครอยากทำ อยากรูดบัตร แต่เมื่อใช้ไปแล้วก็ก้มหน้าใช้หนี้ ให้หมด และยกเลิกการใช้บัตร เพราะทนกับการโขกสับดอกเบี้ยไม่ไหว
โดยเฉพาะสถาบันการเงินประเภท Non Bank ที่ดอกเบี้ยบางแห่งสูงถึง 27-29% โดยไม่มีท่าทีจะลดดอก เพราะสถาบันเหล่านี้ เขามองว่า ใครเป็นหนี้คือเหยื่อของการสับโขก
ถ้าเลือกได้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงดีกว่าไม่มีเงินสดก็ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ไม่มีเงินก็ไม่ใช้ ดีกว่าไปรูดปรื๊ดๆ ตกเป็นเหยื่อของผู้ประกอบการบัตรเครดิต
***********************************
วัฒนะชัย ยะนินทร
บรรณาธิการ M-Lite