xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธการกวาด ‘นม’ เข้าร้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ขับรถผ่านเป็นอันต้องจอดหรือชะลอดู บรรดาสาวๆ นุ่งอาภรณ์น้อยชิ้น นั่งหน้าสลอนบริเวณหน้าร้านคาราโอเกะหรือสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่เปรียบเสมือนว่ากำลังเชื้อเชิญให้แขกเข้ามานั่งในร้าน เป็นเรื่องเดือดร้อนถึงกระทรวงวัฒนธรรมและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องออกมาปราบปราม เนื่องจากให้เหตุผลว่าเป็นที่อุจาดตาแก่ผู้พบเห็น

งานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจประชุมหารือร่วมกับคณะอนุกรรมการกำหนดแนวทางการปราบปรามสื่อไม่เหมาะสมครั้งที่ 1/2552 กระทรวงวัฒนธรรม กำหนดแนวทางการทำงานวางกรอบปฏิบัติงานในทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน เป็นอันต้องหากฎหมายมาเอาผิดผู้ประกอบการ หรือไม่ก็ออกมาตรการขอความร่วมมือให้นำบรรดาสาวๆ เหล่านั้นกลับเข้าร้าน เพื่อที่จะไม่ให้เป็นอะไรที่ประเจิดประเจ้อเกินไปในสายตาสังคมและวัฒนธรรมไทย

มุกใหม่ตำรวจ ไล่จับสาวบาร์

พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ซึ่งกำกับดูแลกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาตรการให้ตำรวจนครบาลกำชับสถานประกอบการไม่ให้นำหญิงสาวแต่งตัวไม่เหมาะสม นุ่งน้อยห่มน้อยมานั่งเรียกแขกหน้าร้าน กำลังสั่นสะเทือนธุรกิจเรียกแขกของสาวนั่งดริงก์หรือสาวเชียร์เบียร์ทั้งวงการ จนสื่อบางฉบับถึงกับแซวว่าเป็นการโชว์ผลงานอีกครั้งเพื่อแต่งตัวรอตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (แต่จะรอเก้อหรือเปล่ายังไม่รู้)

พล.ต.อ.จุมพล เล่าว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่ปราบปรามสื่อที่ไม่เหมาะสม ซึ่งได้ทำงานร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อร่วมพิจารณาแนวทางปราบปรามสื่อไม่เหมาะสม

“เรารับผิดชอบแนวทางปราบปราม โดยการประชุมครั้งแรก มติที่ประชุมเห็นว่า ต้องเริ่มต้นปราบปรามและเอาจริงเอาจังในสื่อต่างๆ ที่ทำให้ปรากฏด้วยตัวอักษร ภาพ เสียง หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าที่ปรากฏเป็นเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพโฆษณารูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ สิ่งนี้คือความหมายที่อยู่ในกรอบสื่อ ถ้าหากพบว่ามีใครที่ทำผิดกฎหมาย ทางตำรวจสามารถจับจับกุมได้เลย”

จุดประสงค์ที่ออกมาเข้มงวดในเรื่องนี้ พล.ต.อ.จุมพล อธิบายว่า มันเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่จะนำพาไปสู่การพัฒนาให้ประเทศมีคุณภาพ มีความสร้างสรรค์ เป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก และเพื่อเป็นเกราะป้องกันเยาวชนของเราให้ห่างไกลจากเรื่องไม่เหมาะ เชื่อว่าผลของการทำโครงการนี้ จะทำให้สื่อต่างๆ ที่ปรากฏในสังคมไทย เป็นสิ่งที่มีคุณภาพ ไม่เป็นภัยอันตรายต่อเยาวชน สร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน ให้รู้เท่าทันสื่อ สามารถใช้ชีวิตในสังคมที่มีความหลากหลายได้อย่างเป็นสุข

พล.ต.อ.จุมพล บอกอีกว่า เรื่องที่คณะกรรมการพิจารณาแล้วมีความเห็นหลากหลาย คือเรื่องสื่อไม่เหมาะสมในสถานที่บริการ เพราะมันไม่ชัดเจนว่าจะเข้าข่ายผิดข้อกฎหมายหรือไม่ ที่สำคัญมีสถานประกอบการเยอะมาก และตอนนี้ได้มอบให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ไปดูแลเรื่องสถานบริการที่มีผู้หญิงแต่งตัวไม่เหมาะสมอย่างจริงจังเพราะมีประชาชนร้องเรียนมาเป็นจำนวนมาก

“สถานบริการที่มีการชักชวนโดยใช้ผู้หญิงทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ พวกเธอแต่งกายไม่เหมาะสม มันล่อแหลม ถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย ผมและคณะกรรมการฯ จึงมาดูว่าจะมันเข้าข่ายของแนวทางปราบปรามสื่อไม่เหมาะสมที่ผมกำลังดูแลอยู่หรือไม่ เมื่อดูแล้วก็น่าจะเข้าข่ายและปราบปรามได้ แม้ว่าในข้อกฎหมายอาจจะเข้าไม่ถึงขั้นลามก อนาจาร แต่ทางกรรมการฯ ดูแล้วเห็นว่าภาพที่ปรากฏออกมา มันไม่ดีต่อสังคมและวัฒนธรรมเรา คนที่ผ่านไปผ่านมาก็เห็นว่าสถานประกอบการพวกนี้ล้ำออกมานอกเขตอาคาร มันมีกฎหมายอื่นที่เอามาดำเนินการได้ เช่น หลักการรักษาความสะอาดและระเบียบการจราจรบนทางเท้า”

ประธานฝ่ายปราบปราม บอกว่า ได้ฝากทาง ผบช.น. ที่ดูแลในพื้นที่ของนครบาล และตำรวจทุกภาคในประเทศ ให้สอดส่องดูแลสถานประกอบการทุกพื้นที่ หากพบว่ามีพนักงานต้อนรับที่แต่งตัวไม่เหมาะสม ทางตำรวจอาจจะขอความร่วมมือเจ้าของกิจการให้เขาคำนึงถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้หญิงด้วย ไม่ใช่ให้มาทำงานใส่เสื้อผ้าล่อแหลม แม้จะเป็นลูกจ้างก็ไม่ควรให้เขาแต่งตัวไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ หากสถานประกอบการใดที่มีใบอนุญาต โดยในร้านมีหญิงแต่งกายไม่เหมาะสม ทางตำรวจอาจจะมีการตักเตือนว่าร้านของท่านขัดต่อศีลธรรมและเป็นสถานที่ไม่เหมาะสม หากยังทำเช่นนี้อยู่ ทางตำรวจอาจจะไม่ต่อใบอนุญาตในครั้งถัดไป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้งานออกมาเป็นรูปธรรมมากขึ้น

พล.ต.อ.จุมพล แนะแนวทางให้ทางผู้ประกอบการไว้ว่า วิธีการเรียกลูกค้าด้วยวิธีอื่นมีมากมาย เขาอาจจะใช้ผู้ชายในการเชิญแขกก็ได้ ไม่ใช่นำผู้หญิงแต่ตงกายด้วยชุดที่ล่อแหลมตัวไม่เหมาะสมมาเรียกลูกค้า

แม้ว่านี่จะเป็นโครงการที่ออกมาช้าไปสักหน่อย แต่ พล.ต.อ.จุมพล ก็เห็นว่ากระบวนการทำงานมีหลายด้าน ซึ่งจะทยอยทำไป เริ่มทำดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เขายังให้ความมั่นใจว่า มาตรการที่ออกมาคุมเข้มเรื่องสถานบริการจะสามารถทำได้จริง ไม่น่าจะมีปัญหา ตำรวจต้องทำให้ได้ ไม่เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น รวมเรื่องอื่นๆ ด้วย

เสียงจากสถานบันเทิง

กิ๊ก (นามสมมติ) ผู้ประกอบการสถานบันเทิงรูปแบบคาเฟ่ ย่านถนนจันทร์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมีการห้ามผู้หญิงแต่งตัวไม่เหมาะสมมานั่งเรียกแขกหน้าร้าน และให้นำกลับเข้าไปในร้าน ซึ่งเธอให้เหตุผลว่าคนที่เที่ยวกลางคืนรู้อยู่แล้วว่าร้านไหนมีอะไรบ้าง

“ร้านเราไม่ได้มีกฎว่าห้ามพนักงานผู้หญิงออกมานั่งหน้าร้านนะ ส่วนมากจะเป็นช่วงที่ไม่มีแขกในร้านพนักงานเสิร์ฟก็จะชวนกันออกไปนั่งหน้าร้านคุยกันบ้าง ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นเลย”

ผู้ประกอบการรายนี้บอกอีกว่า ร้านไหนที่มีผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยมานั่งหน้าร้าน น่าจะมีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามานั่งที่ร้านเป็นหลัก เพื่อที่จะให้คนที่เห็นรู้ว่าข้างในมีอะไร

มินิ (นามสมมติ) สาวเสิร์ฟร้านเดียวกัน ในฐานะคนทำงานกลางคืน แสดงทัศนะว่า หากมองในด้านลบก็ไม่ดี เพราะว่าบางทีเด็กผ่านไปมา เขาก็จะมองว่าเป็นเหมือนสถานที่ไม่สมควร เป็นสิ่งล่อแหลม แต่ผู้ใหญ่หรือวัยทำงานเขาก็เข้าใจว่าคนทำสถานที่แบบนี้ ต้องมีการเชื้อเชิญแขกบ้าง บางทีถ้าไม่มีผู้หญิงนั่งหน้าร้าน คนที่เขาผ่านไปมา เขาอาจจะไม่รู้ว่านี่ร้านอะไร

ในมุมมองของเธอเสนอว่า ผู้หญิงที่แต่งตัวล่อแหลมมากๆ ก็ควรที่จะให้มานั่งในร้าน ส่วนคนที่จะเรียกแขกที่อยู่หน้าร้านก็ควรแต่งกายให้เรียบร้อย ซึ่งมันจะได้ยุติธรรมกับสังคมทั้งสองฝ่าย

“ถ้าใครไม่เคยได้มาสัมผัสงานกลางคืนแบบนี้ ก็จะมองในด้านลบว่าทำไมแต่งตัวโป๊จัง ดูไม่ดีเลย แต่เมื่อใครได้มารู้จักจริงๆ แล้วก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ บางทีมันก็ซึมซับไปเอง คนทำงานกลางคืนแบบเราส่วนใหญ่รักสนุก ชอบความสบาย ได้เงินเร็วมันก็มองได้หลายด้าน”

มินิ เล่าทิ้งท้ายอีกว่า การที่มีผู้หญิงแต่งตัวล่อแหลมไปนั่งหน้าร้าน ก็มีส่วนทำให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น เพราะช่วยดึงดูดความสนใจ ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย บางที เขามาเที่ยวแล้วเขาก็อยากเจออะไรที่อยู่บ้านแล้วเขาไม่เคยเห็น

อย่างดีก็แค่พึ่งตัวเอง!!!

รัตนา (ขอสงวนนามสกุล) คุณแม่ลูกสอง ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณวงเวียนใหญ่ และพบเจอร้านกึ่งผับที่มีบริการแบบนี้อยู่เป็นประจำทุกวัน เล่าประสบการณ์ของตัวเองให้เราฟัง

“ร้านนี้อยู่ใกล้วงเวียนใหญ่เลยนะ ห่างจากอนุสาวรีย์พระเจ้าตากแค่ 200-300 เมตรเท่านั้น แล้วร้านนี้ปกติ ตอนกลางวันก็จะมีโปสเตอร์รูปผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆ อยู่หน้าร้าน แต่พอเวลา 6 โมงเย็น จากภาพก็กลายเป็นคนจริงๆ ออกมา แล้วการแต่งกายของคนพวกนี้ ท่อนบนก็จะใส่ชุดชั้นใน แต่ว่าขอบล่างของยกทรงมันจะยาวหน่อย เพื่อปิดฐานหน้าอก ส่วนท่อนล่างก็จะคล้ายกับกางเกงใน แต่ว่าขายาวกว่า ซึ่งเขาก็นั่งอยู่หน้าร้าน ไม่อายใครเลย แล้วช่วงนั้น จะเป็นช่วงรถก็ติดมาก เพราะพวกรถต่างก็ชะลอรถเพื่อหยุดดู”

เท่านั้นไม่พอ รัตนายังเล่าต่อไปว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยคุยกับพวกมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าบ้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกนั้นเล่าว่าช่วงหลัง 4 ทุ่ม ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าร้านนี้จะถอดเสื้อชั้นในออก เหลือแต่ท่อนล่าง แล้วก็เต้นโชว์เพื่อเรียกแขกให้เข้าร้านมากๆ ในตอนแรกที่ฟัง เธอก็ยังไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ จึงตัดสินใจท้าพิสูจน์โดยการชักชวนคนในบ้านออกมาดู ซึ่งภาพที่เห็นก็เหมือนเรื่องที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเล่าจริงๆ

“มันทำให้สังคมรอบข้างดูแย่ไปเลย แล้วพวกผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกเราคือคนมักง่าย อยากหาเงินง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม งานอื่นมีให้ทำต้องเยอะ แต่ไม่ยอมทำ ที่สำคัญผู้หญิงพวกนี้น่าจะเป็นคนชอบโชว์อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาไม่กล้าหรอก ยิ่งพวกผู้ประกอบการ เจ้าของร้านยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ทำอะไรไม่สนใจคนอื่น คือเขาไม่มีส่วนร่วมอะไรในสังคม ส่วนตัวคิดว่าการที่ทำกิจการแบบนั้น เขาคงไม่เอาลูกหลานของตัวเองมายุ่งแน่นอน เขาคงจะกันเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัย ส่วนคนอื่นตามยถากรรม”

สำหรับวิธีการดูแลลูกๆ ให้พ้นจากสภาพแวดล้อมแบบนี้ รัตนามองว่า เรื่องอย่างนี้ คงต้องเน้นการสั่งสอนและดูแลกันเอง ที่สำคัญอย่าไปคาดหวังว่าร้านอย่างนี้จะหมดไปเอง เพราะคงเป็นไปไม่ได้

จากที่มีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง รัตนามองว่าถือเป็นเรื่องที่ดี และควรจะทำมานานแล้ว แต่โดยส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยเชื่อว่าจะทำได้จริง และคิดว่าสุดท้ายแล้ว เมื่อกระแสหมด เรื่องนี้ก็คงจะหายไปเองในที่สุด

“ถ้าเขาจะทำก็คงทำไปตั้งนานแล้วล่ะ เพราะว่าจริงๆ แล้วใกล้ๆ ร้านก็มีป้อมตำรวจตั้งอยู่ แต่ไม่เห็นมีใครทำอะไร และที่สำคัญร้านพวกนี้ใหญ่นะ เวลามีงานใหญ่ อย่างงานพระเจ้าตากฯ เขาก็จะมาเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ เพราะฉะนั้นตำรวจ หรือแม้แต่ ส.ก. ส.ข. ก็ไม่กล้าแตะ”

พื้นที่สาธารณะที่ถูกรบกวน

สะท้อนมุมมองของนักวิชาการที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ อย่าง รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ สุอังควาทิน อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การที่บรรดาผู้ประกอบการทำแบบนี้ถือเป็นการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะอย่างมาก และการที่อยู่ๆ จะเอาผู้หญิงมานุ่งน้อยห่มน้อยมาเปิดเผยตามริมถนน เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ถือเป็นเรื่องที่ผิดทั้งในเรื่องพื้นที่และผิดวัตถุประสงค์

“เดี๋ยวนี้สังคมไทยมีลักษณะเป็น Sex Market มากขึ้น คือมันเลยความเหมาะสมมานิดหนึ่ง คนไทยเริ่มลืมศีลธรรม ทำทุกอย่างให้ตัวเองอยู่รอดได้โดยไม่สนความถูกต้อง แล้วการทำแบบนี้ มันไม่ใช่เฉพาะผู้ชายซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของเขาเท่านั้นที่จะดู แม้แต่คนอื่นๆ ที่ผ่านไปแถวนั้นก็ดูด้วย ไม่ว่าเด็ก ผู้หญิง ซึ่งเมื่อเทียบกับงาน Motor Show ซึ่งก็มีการเอาผู้หญิงมาเป็นจุดขาย อันนี้ผมว่ารุนแรงกว่าเยอะ แล้วยังทำให้ภาพประเทศเสียหายด้วย ที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นสังคมไหนก้าวหน้าเท่ากับประเทศไทยเลย เพราะเรากล้าเอาผู้หญิงมาขายแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้”

รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า การที่มีร้านอย่างนี้มากๆ ในที่สุดก็จะกลายเป็นผลเสียให้กับสังคม โดยเฉพาะทัศนคติของวัยรุ่น อย่างเด็กผู้ชายต่อไปก็อาจจะรวมตัวกันในกลุ่มเพื่อนไปเที่ยวตามที่เหล่านี้ ขณะที่เด็กผู้หญิงอาจจะเห็นว่าการทำอาชีพแบบนี้ดูง่ายๆ สบายๆ แล้วก็หันไปทำอาชีพดังกล่าว

สำหรับทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว รศ.ดร.สมพงษ์ มองว่า การปรับเปลี่ยนความคิดโดยเฉพาะทัศนคติที่มีต่อผู้หญิงน่าจะได้ผลที่สุด เพราะหากสังคมไม่ช่วยกัน ต่อไปธุรกิจที่เอาผู้หญิงมาเป็นจุดขายแบบนี้ ก็อาจจะมีมากขึ้น ขณะที่กำหนดโซนนิ่งก็ดูจะไม่ทันการ เพราะเดี๋ยวนี้ร้านเหล่านี้ได้กระจายไปทั่วเมืองเรียบร้อยแล้ว

......

หากพิจารณาถึงทำเลที่ตั้งของสถานบันเทิงเหล่านี้ก็เรียกได้ว่าล่อแหลม เพราะตั้งอยู่บนทำเลที่ใกล้สังคมชุมชน หรือถนนสายหลักๆ ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่พักอาศัยของประชาชน ซึ่งสังคมก็ควรมาตระหนักตรงนี้ว่าหากเด็กหรือเยาวชนที่ต้องนั่งรถผ่านทุกวัน ก็ไม่รู้ว่าจะซึมซับสิ่งใดเข้าไปบ้าง

*****

เรื่องโดย : ทีมข่าวคลิก
ภาพโดย : ทีมภาพคลิก






กำลังโหลดความคิดเห็น